Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2562
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
28293031 
 
29 กรกฏาคม 2562
 
All Blogs
 

นิยายแปล เรื่อง ดาวพิษ บทที่ 16 - สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ แปลโดย ภาวิดา คนบ้านป่า

LITERATURE
นิยายแปลเรื่องดาวพิษ
บทที่ 16 - สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์
แปลโดยภาวิดา คนบ้านป่า
*********************************************************

ความเดิม:
บทที่ 1 ดาวพิษเวิร์มวู้ด
บทที่ 2 เหตุป่วนสมอง
บทที่ 3 หมอยา
บทที่ 4 ซอยอินนิโก้
บทที่ 5 ปีกเทวดาตกสวรรค์
บทที่ 6 คัมภีร์อาถรรพณ์
บทที่ 7 ร้านบิ๊บเบิ้ลวิคบนสพานลอนดอน
บทที่ 8 ต้องตายก่อนจึงจะได้เป็นอิสระ
บทที่ 9 ตายซ้ำเจ็ดครา
บทที่ 10 ประสานพลังศาสนเวทย์
บทที่ 11 เมืองต้องมนตร์
บทที่ 12 กำเนิดปีศาจร้าย
บทที่ 13 ภายใต้ผ้าคลุมหน้า
บทที่ 14 ไคมีร่า – สัตว์พหุพันธุ์
บทที่ 15 วิกาลภูตกับผู้คุม

ขออภัยเพื่อนๆทุกคนที่รออ่านต่อวันที่ 27 ก.ค. เนื่องจากเน็ตที่บ้านป่าไม่อำนวยให้อัพได้ค่ะ
ขอบคุณทุกเพจวิว คอมเม้นท์ ไลค์ และโหวตนะคะ
 
 



บทที่ 16 – สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์

ณ หัวมุมถนนบิชอปสเกต หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อผ้าปุปะยืนถือมัดสมุนไพรอยู่ ขณะที่อเก็ตต้าและเทกาตัสพากันจ้ำไปตามถนนมุ่งสู่สะพานลอนดอน เทียนเล่มใหญ่ในโหลรูประฆังฝาเปิดส่องสว่างทั่วแผงสินค้ายามเที่ยงคืนของหล่อน เปลวไฟเต้นระริกส่งเสียงดังฟู่ๆ และสาดแสงสีส้มเข้าไปในหมอกยามราตรีเหมือนดวงตาหมาจิ้งจอก เจ้าของแผงตะโกนเสียงแหลมดังก้องไปในความมืด “เวอร์เวน! รูห์! สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์! สมุนไพรแห่งพระเมตตา ช่วยปัดเป่ามรณภัย เชิญลิ้มรสขนมปังแห่งความสำนึกผิด... ทุกอย่างเพนนีเดียว” หญิงนั้นยื่นกิ่งเวอร์เวนก้านยาวตรงปลายมีช่อดอกสีฟ้าเล็กๆ ทรงเรียวไปข้างหน้าพร้อมตะโกนขาย “ชุบดอกไม้ในเกล็ดน้ำค้างแข็งแห่งพฤศจิกา ขับไล่ผีบ้ายามเที่ยงคืน”

เทกาตัสมองพื้น พยายามไม่สบตาหญิงผู้นั้น เขาเหนื่อยล้า เท้าทั้งสองซึ่งสวมรองเท้าบู๊ตของแคดมุสก็หนักจนต้องเดินขาลาก ราวกับไม่คุ้นกับการเดินไกลเท่านี้มาก่อน

“ซื้อให้แม่นางไหมเจ้าคะ ช่วยคุ้มครองนางได้สารพัดเชียว” เจ้าของแผงเชิญชวนพลางโบกกิ่งไม้ว่อนอยู่ตรงหน้าเทกาตัส “อิฉันมีช่อดอกไม้ที่ขดให้สวมเป็นมาลัยได้ด้วยนะเจ้าคะ ช่วยคุ้มครองให้นางปลอดภัย ไม่ว่ามนตร์คาถา หมาบ้า หรืองู ก็ทำร้ายนางไม่ได้ รักษากาฬโรคก็ยังได้นะเจ้าคะ”

อเก็ตต้ารั้งแขนเทกาตัสและมองหน้าเขา “หยุดก่อนเถอะ เทกาตัส ข้าอยากสวมมาลัยเวอร์เวนมาตั้งนานแล้ว” เด็กสาวกล่าวขณะล้วงกระเป๋าหาเหรียญหนึ่งเพนนี

เทกาตัสกอดคัมภีร์ไว้แน่นขณะเมินหน้าไปทางอื่น เกรงว่าสีหน้าจะเปิดเผยตัวตนที่แท้จริง

“ช่อเดียวพอจ้ะ” อเก็ตต้าบอกพลางยื่นเงินให้หญิงคนขาย

“ไม่ค่อยเป็นสุภาพบุรุษเท่าไหร่เลยนะที่ให้แม่นางจ่ายเอง” หญิงนั้นพูดขณะส่งมาลัยดอกไม้แห้งสีฟ้าให้อเก็ตต้า “ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาข้า” หล่อนกระซิบ “คนแบบนี้ไม่น่าจะออกมาเดินควงด้วยเล้ย”

“เจ้าคิดจะใช้สมุนไพรอะไรรักษาข้าล่ะ” เทกาตัสตอกกลับ “ใช้ใบเซจเพื่อให้น้ำดีข้ามีสีสันงั้นรึ หรือจะใช้ดอกดาวเรืองกำจัดหูดล่ะ ที่ข้าไม่มองเจ้าก็เพราะข้าอยากจะมองแต่สิ่งดีๆ ที่เจริญตานะสิ”

หญิงขายของไม่ตอบโต้ ได้แต่ยักไหล่ให้อเก็ตต้า และหย่อนเหรียญหนึ่งเพนนีลงกระเป๋า อเก็ตต้ายิ้มพลางดึงแขนเทกาตัสออกเดินต่อไปตามถนน “เขาไม่ใช่คนแถวนี้หรอก เป็นคนต่างถิ่นน่ะจ้ะ”

“แต่ไม่ใช่คนต่างถิ่นสำหรับนรกหรอก จำคำข้าไว้ สาวน้อย เจ้าคนนี้ถูกเงื้อมมือยมบาลเกาะกุมไหล่ไว้แน่นเชียวละ ถ้ามีโอกาสให้แม้แต่นิดเดียว เจ้าก็จะถูกลากเอาไปด้วย”

รถม้าสีดำขนาดใหญ่คันหนึ่งแล่นกึงกังมาตามถนน ตรงรี่เข้ามา คนขับรถตวัดแส้ยาวหวดม้าเทียมรถทั้งสี่ตัว เสียงล้อรถม้าบดก้อนหินปูถนนสนั่นหวั่นไหว ขณะเทกาตัสฉุดอเก็ตต้าหลบให้พ้นทาง

"แบบนี้มันจงใจนี่หว่า” เทกาตัสบอกพลางสาวเท้ายาวขึ้น อเก็ตต้าต้องวิ่งเพื่อตามให้ทัน

“บอกแล้วว่าความวิปริตโหดร้ายใกล้เข้ามาทุกทีแล้ว” เทกาตัสพูดเมื่อเดินผ่านซุ้มประตูใหญ่เข้าสู่สะพานลอนดอนบริดจ์ “ผู้คนหมกมุ่นในไสยศาสตร์และเวทมนตร์คาถา จนไม่มีใครไยดีที่จะค้นหาความจริง” เทกาตัสหยุดเดิน หันไปมองรอบๆ เขายืนนิ่งอยู่ตรงประตูทางเข้าร้านกาแฟเพื่อดูว่าถูกสะกดรอยตามหรือไม่ “ข้ารู้สึกว่าเราถูกจับตามองอยู่” เขากล่าว “เห็นทีจะไม่ใช่คนด้วย ข้ารู้สึกได้ว่า ตรงไหนสักแห่งในกลุ่มหมอกแถวๆ ซุ้มประตูนั่น ... มันคอยท่าอยู่”

“ไม่มีใครรู้สักหน่อยว่าเราอยู่ที่นี่ แล้วเราจะถูกสะกดรอยได้ยังไง” อเก็ตต้าถามพลางเบียดร่างชิดประตู

“คัมภีร์เล่มนี้ว่าด้วยสิ่งเร้นลับ มันประกาศแก่รัตติกาล แต่โสตมนุษย์เช่นเจ้าไม่มีทางได้ยิน ปีศาจทุกตนในลอนดอนถูกคัมภีร์ดึงดูดเข้าหา เหมือนแมลงหลงใหลแสงเทียน มันจะพากันมารอดูชะตากรรมของเจ้าตาเป็นมัน คอยสูบพลังชีวิตของเจ้าไปไงล่ะ”

อเก็ตต้ากำกิ่งเวอร์เวนไว้มั่น “นั่นน่ะมันแค่ดอกไม้แห้ง คุ้มครองเจ้าไม่ได้ร้อก” เทกาตัสพูดขึ้นราวอ่านใจเจ้าหล่อนออก “ใบไม้พวกนี้ช่วยขจัดความเศร้าและบรรเทาความเจ็บปวดได้ก็จริงอยู่ แต่ยับยั้งปีศาจร้ายที่กำลังไล่ล่าวิญญาณเจ้าไม่ได้หรอก”

“ที่หญิงคนนั้นบอกว่ายมบาลเกาะกุมเจ้าอยู่น่ะ หล่อนหมายความว่ายังไง เจ้าว่าหล่อนจะเห็นอะไรบ้างไหม” อเก็ตต้าถามเสียงแผ่ว

“คัมภีร์นั่นดลใจให้หล่อนพูดอย่างนั้นน่ะ มันเป็นหนังสืออันตรายที่เขียนขึ้นด้วยเจตนาชั่วช้าสามานย์ เน็มโมเร็นซิสมีพลังเปลี่ยนวิธีคิดของเรา ควบคุมจิตใจเรา และลวงเราให้หลงผิด มันใช้น้ำหมึกของมันเองโกหก” เขาพูดเบาๆ “ความสวยงามของคัมภีร์นี้ทำให้คนมากมายหลงกลและหลงเชื่อทุกอย่างที่มันเสกสรรปั้นแต่ง แต่คำพยากรณ์ก็มักมีคำลวงพ่วงมาด้วย บิดเบือนความจริง แต่งตรงนี้นิด เสริมตรงนั้นหน่อย เตือนให้ผู้คนระวังภัยยามค่ำคืน แล้วกลับจู่โจมเหมือนโจรร้ายต่อยามรุ่งสาง ข้าว่าเจ้าคงได้ฟังเรื่องทำนองนี้อีกเยอะก่อนราตรีนี้จะสิ้น ...”

“คัมภีร์บอกเบล้กว่า หลังฟ้าไหวยี่สิบเอ็ดวัน ดาวหางจะมาถึงโลก” อเก็ตต้าเล่า เจ้าหล่อนเพ่งมองข้ามสะพานไปยังร้านหนังสือบิ๊บเบิ้ลวิค “ข้าได้ยินเขาบอกบอนนั่มก่อนจะเจอข้าแอบอยู่ในตู้”

“ข้าเกรงว่าดาวพิษจะอยู่ใกล้กว่านั้นนะ ดูเหมือนหมอเบล้กจะไม่ได้รู้ตัวเลยว่ากำลังเล่นกับอำนาจอะไร” เทกาตัสมองหัวสะพานปลายสะพานกลับไปกลับมา “ข้ารู้สึกว่ามันอยู่แถวนี้แหละ แต่มองไม่เห็น” เขาพูดขณะมองไปทางร้านหนังสือที่สว่างด้วยแสงเทียน “บอกหน่อยสิ อเก็ตต้า เจ้านัดกับเพื่อนไว้กี่โมง”

“ข้าบอกว่าจะกลับมาคืนนี้แหละ”

“คนเดียวรึ”

“ใช่สิ ก็ตอนนั้นข้าไม่คิดนี่ว่าจะมีเจ้ามาด้วย” เจ้าหล่อนชะงัก “เจ้ากับแธดเดียสเป็นสองคนแรกที่ข้านับเป็นเพื่อนนะ ใจดีทั้งคู่เลย จะว่าไป ข้ารู้จักเจ้าทั้งสองก็เพราะฟ้าลิขิต ข้าพบเจ้าในห้องใต้หลังคา และถ้าไม่เป็นเพราะเยอร์ซิเนียบอกให้ข้าไปที่ร้านหนังสือ ข้าก็จะไม่มีวันได้เจอแธดเดียส” เจ้าหล่อนกระชับผ้าคลุมไหล่ให้แน่นเข้า

“งั้นเยอร์ซิเนียก็เป็นเพื่อนเจ้าด้วยสิ” เทกาตัสหน้าตื่นเมื่อได้ยินชื่อหล่อน

“เพื่อนดีที่สุดที่เจ้าจะมีได้เชียวละ สง่างามและหรูหราโอ่อ่า มีรถม้าด้วยละ” อเก็ตต้าตอบพลางยิ้ม “จะบอกให้นะ นางหาข้าพบ มันเป็นพรหมลิขิต นางบอกว่าข้าจะได้เป็นเช่นนาง”

"นางบอกเจ้าไหมว่าจะเป็นเหมือนพี่น้องกับเจ้า และเจ้าจะไม่ขาดแคลนสิ่งใดๆ อีกเลย”
อเก็ตต้าไม่ตอบ ได้แต่มองพื้น ชักรู้สึกจริงๆ แล้วว่าจิตใจตนนั้นเหมือนหนังสือซึ่งเปิดอยู่ให้ทุกๆ คนที่มองสามารถอ่านออกว่าเจ้าหล่อนคิดอะไร และอะไรคือความลับที่เจ้าหล่อนอยากซ่อนเร้นเป็นที่สุด

“เจ้ากับนางสมานมิตรภาพด้วยอะไรรึ เมรัยรสแรงแก้วหนึ่ง หรือรอยรูปพระจันทร์ที่ไหม้แดงบนฝ่ามือเจ้ากันล่ะ”

“ทั้งสองอย่างเลย” เจ้าหล่อนตอบ

“งั้นเจ้าก็ถูกสาปสองซ้ำแล้วละ แม่เยอร์ซิเนียของเจ้าคนนี้ต้องการจากเจ้ามากกว่ามิตรภาพอย่างเดียวนะ”

“ข้ารู้” อเก็ตต้าขัดขึ้น “นางบอกแล้วว่าข้าจะได้ลืมอดีตทั้งหมด และ...”

“เจ้าจะถูกดูดพลังชีวิตไปจนแห้งเหือดทุกหยาดหยด จากนั้นก็ถูกเหวี่ยงทิ้งไว้ในท่อน้ำโสโครกเปิดฝาที่เจ้าเรียกว่าแม่น้ำเทมส์ไงล่ะ ให้น้ำซัดซากศพไปเกยชายฝั่งที่ห่างไกล โดยไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือสนใจใยดี” เทกาตัสพลันถอนหายใจเฮือกใหญ่ราวกับถูกชกเปรี้ยงเข้าให้ “ข้าอยากพักซะที ไปพบเพื่อนเจ้ากันตอนนี้เลยเถอะ”

เขาสั่งอย่างเฉียบขาด อเก็ตต้ารู้สึกอึดอัดที่ต้องอยู่กับเขา เจ้าหล่อนชักเสียใจขึ้นมาตงิดๆ แล้วที่ช่วยเขาหนีออกมา แถมยังเผยความลับเกี่ยวกับเพื่อนใหม่ของตนให้เขารู้อีก เทกาตัสพูดจาเสียดสีและวิจารณ์เพื่อนๆ ของเจ้าหล่อน เขาลบหลู่มิตรภาพที่เจ้าหล่อนถือว่างดงาม แสนดี เชื่อถือได้ ซ้ำใช้เล่ห์เพทุบายใส่ร้ายป้ายสีสิ่งนั้นเสียอีก เจ้าหล่อนเริ่มรู้สึกขุ่นเคืองเขา ได้แต่นึกในใจว่าน่าจะปล่อยเขาให้เน่าอยู่ในห้องใต้หลังคานั่นเสียแหละดี แต่ก็พยายามคิดสารพัดเรื่องเพื่ออำพรางความรู้สึกไม่ให้เทกาตัสจับสังเกตได้ เจ้าหล่อนคิดเรื่องแม่ เรื่องล้างจาน และเรื่องการลงว่ายในแม่น้ำเทมส์ ปล่อยจิตใจให้โลดแล่นจากฝันหนึ่งไปสู่อีกฝันหนึ่งเพื่อเขาจะได้ไม่เห็นว่าเจ้าหล่อนชักจะนึกชิงชังเขามากขึ้นเรื่อยๆ

เทกาตัสมีท่าทีว้าวุ่นห่างเหิน ใจลอยไกลจนเดินสะดุดหินปูถนนตลอดทางสู่ร้านหนังสือบิ๊บเบิ้ลวิค เขาเดินกอดอกราวกับถูกความทรงจำอันเจ็บปวดหม่นหมองทิ่มแทง อเก็ตต้าเดินตามมาห่างๆ

ประตูร้านเปิดแง้มอยู่ มีกระดาษชิ้นหนึ่งพับทบสอดบังคับไว้ข้างใต้ อเก็ตต้าก้มลงดึงกระดาษเนื้อหนานั้นออกจากประตูและหย่อนลงกระเป๋าไปตามความเคยชิน เทกาตัสหยุดเดินอีกครั้งแล้วหันกลับไปเขม้นมองฝ่ากลุ่มหมอกทางถนนบิช็อปส์เกต สายหมอกม้วนวนเมื่ออีกาสองตัวบินคลอล้อกันอยู่ในความมืดเหนือศีรษะ บนสะพานนั้นร้างผู้คน ได้ยินแต่เสียงละห้อยอ่อนระโหยของแม่ค้าเชิญชวนผู้มีศรัทธาในสมุนไพรให้ช่วยซื้อสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์ของตนดังแว่วมาแต่ไกล

เทวดาเอื้อมมือขึ้นไปปลดระฆังออกจากลวดสปริง สีหน้าอเก็ตต้าบอกความขุ่นเคืองที่กรุ่นอยู่ในใจ “ทำไมถึง ...” เจ้าหล่อนกระซิบ

เทกาตัสตะปบปากเจ้าหล่อนไว้ไม่ให้ส่งเสียงขณะค่อยๆ เลื่อนประตูเปิด และลากตัวเจ้าหล่อนเข้าไปในร้าน พอเข้ามาแล้วก็ดันตัวอเก็ตต้าชิดผนังพลางมองดูทางเดินยาวมืดทึมระหว่างชั้นหนังสือ เจ้าหล่อนเห็นเขากวาดตาสำรวจพื้นที่ร้านทุกตารางนิ้ว ไล่ปราดไปตั้งแต่พื้นไม้หยาบๆ จนถึงเพดานประดับปูนปั้น เขาค่อยๆ ลดมือจากปากเจ้าหล่อนแล้วทำสัญญาณด้วยนิ้วเรียวยาวขาวซีดให้เจ้าหล่อนเงียบสนิท

สุดทางเดินระหว่างชั้นหนังสือสูงลิ่วแต่ละช่องมีเทียนหนึ่งเล่มจุดไว้สว่างไสวส่องช่องทางเดินผ่านชั้นหนังสือแน่นเอี้ยดซึ่งตั้งวกวนเหมือนเขาวงกต แรงลมจากแม่น้ำเทมส์เบื้องล่างพัดฝุ่นลอยม้วนขึ้นมาตามร่องกระดานเป็นระยะๆ เสียงกระแสน้ำลงดังก้องร้าน สะท้อนจากผนังแต่ละด้านราวกับว่ากระแสน้ำนั้นไหลบ่าเสียงครืนครั่นเข้ามาจนเต็มทางเดินแคบๆ ระหว่างกองหนังสือ

นี่เป็นเสียงที่อเก็ตต้าไม่อยากได้ยินเลย เพราะทำให้เจ้าหล่อนนึกถึงเหตุการณ์คืนก่อนวันคริสต์มาสคราวหนึ่ง ตอนนั้นเจ้าหล่อนได้เห็นคนแจวเรือรับจ้างช่วยกันฉุดร่างเด็กชายคนหนึ่งขึ้นมาจากกระแสน้ำเชี่ยวกรากใต้น้ำแข็งสีขาวราวหิมะที่แผ่คลุมแม่น้ำอยู่ ในที่สุดพวกคนแจวเรือก็ลากตัวเด็กน้อยขึ้นจากน้ำได้ และวางร่างที่เขียวคล้ำจนน่ากลัวนั้นลงบนแผ่นน้ำแข็ง แล้วคนเรือรูปร่างล่ำสันผู้หนึ่งก็นอนแนบร่างเด็กไว้เพื่อถ่ายความอบอุ่นให้ จนหนูน้อยไอโขลกและสำลักโคลนเย็นเฉียบในปอดออกมา แต่ที่อเก็ตต้าหงุดหงิดที่สุดก็คือ ความไร้น้ำใจของผู้คนซึ่งยืนออกันอยู่รอบๆ กองไฟของงานเทศกาลน้ำแข็งใกล้ๆ บริเวณนั้น และกำลังเบียดเสียดกันชมหมีตัวหนึ่งถูกหมาใหญ่พันธุ์มัสติฟฟ์สองตัวรุมกัดจนตาย เจ้าหล่อนเม้มปากแน่น จ้องมองฝูงชนหัวเราะสะใจที่หมีตาย ทั้งๆ ที่เด็กน้อยคนหนึ่งกำลังยื้อยุดชีวิตของตนอยู่ข้างหลัง โดยมีเพียงคนแจวเรือตัวอ้วนคนเดียวที่คอยดูแลและสละเสื้อคลุมให้เด็กคนนั้นห่ม

เสียงจากแม่น้ำเหมือนจะกึกก้องอยู่รอบกาย ดังกว่าที่เจ้าหล่อนได้ยินครั้งก่อนเสียอีก เทกาตัสย่องเลียบชั้นหนังสือ อเก็ตต้าตามไปติดๆ เจ้าหล่อนรู้สึกว่ามีบางสิ่งไม่เหมือนเดิม ร้านหนังสือสิ้นมนต์เสน่ห์แล้ว บัดนี้บรรยากาศในร้านเปล่งสัญญาณเตือนภัยอย่างโจ่งแจ้ง

“ข้าได้ยินเสียงเด็ก” เทกาตัสกระซิบ พลางมองไปบริเวณสุดทางเดิน อเก็ตต้าไม่ได้ยินเสียงอะไรเว้นแต่เสียงคำรามก้องของสายน้ำที่ซัดกระทบช่องโค้งแคบๆ ใต้ร้านหนังสือ

“เด็กๆ พวกนั้นกำลังพูดถึงแธดเดียส... เขาไม่ได้อยู่ที่นี่”

อเก็ตต้าตื่นตระหนก เขาสัญญาแล้วนี่นาว่าจะคอย เจ้าหล่อนคิดว่าแธดเดียสเป็นคนเดียวที่จะช่วยให้ตนหนีได้ เขาเป็นลู่ทางไปสู่ชีวิตใหม่ โดยไม่ต้องคิดเจ้าหล่อนพลันถลันวิ่งนำหน้าเทวดาไปยังโต๊ะสูงกลางร้าน เด็กสาวจำทางได้แม่น เลี้ยวซ้ายก่อนแล้วค่อยเลี้ยวขวาผ่านวงกตชั้นไม้และหนังสือ เจ้าหล่อนวิ่งไปจนถึงโต๊ะ กระโดดขึ้นไปบนแท่นสังเกตการณ์แล้วมองไปทั่วร้าน นี่เป็นครั้งแรกที่อเก็ตต้าตระหนักว่าร้านหนังสือนี้กว้างใหญ่เพียงไหน เพดานโค้งกับผนังที่มีเสาค้ำต้นใหญ่ๆ ยื่นขึ้นไปเหนือชั้นไม้โอ๊ก ยอดเสาประดับเขาแกะและพวงลูกโอ๊ก ทำให้ร้านหนังสือดูคล้ายโบสถ์

จากมุมสูงที่อเก็ตต้ามองลงมา เทวดาดูตัวเล็กไปถนัดใจ เจ้าหล่อนคิดว่าเขาดูเปลี่ยนไปมากทีเดียวตั้งแต่ถูกซาราพักถอนขนปีกและโกนผมไปจนเกลี้ยง เจ้าหล่อนนึกอยากยุให้เขาคลี่ปีกเทวดาให้ดูสักหน่อย จะได้เยาะเย้ยเทวดาปีกโกร๋นว่าเหมือนห่านย่านเกรฟเซ็นด์ที่ถูกทึ้งขนแล้วแต่กลับยังเดินได้ ความโกรธพลุ่งพล่านเหมือนกระแสน้ำขึ้น ยิ่งเทกาตัสเข้ามาใกล้ เจ้าหล่อนก็ยิ่งดูแคลนเขามากขึ้นทุกที

“เราต้องซ่อนหนังสือซะ” เขากล่าวพลางมองไปรอบๆ “จะมีที่ไหนเหมาะไปกว่าซ่อนไว้ในร้านหนังสือล่ะนะ” เขาหัวเราะ “เจ้าเห็นพวกเด็กๆ ไหม เขาอาจกำลังล้อเราเล่นอยู่ก็ได้นะ เดี๋ยวพอหายกลัวแล้ว ก็คงออกมาให้เห็นเองแหละ”

“ก่อนหน้านี้พวกเขาก็อยู่กันที่นี่ ตอนที่ชายแปลกหน้าคนนั้นมา เขาก็ได้ยินเสียงเด็กๆ เหมือนเจ้านี่แหละ ทั้งที่ข้าไม่ยักได้ยิน” เจ้าหล่อนบอกอย่างเฉยเมย นึกอยากให้เขาไปเสียให้พ้นและปล่อยให้ตนตามหาแธดเดียสเอง

“ชายคนนั้นหน้าตาเป็นยังไง”

“เหมือนเจ้า ... แต่แก่กว่า ตาแบบเดียวกันเลย ตาคมเหมือนเหยี่ยว แล้วก็ชอบสอดรู้เรื่องของข้า” เจ้าหล่อนมองไปรอบๆ ร้านหนังสือ “แธดเดียสไม่ชอบเขา และข้าคิดว่าแธดเดียสก็คงไม่ชอบเจ้าเช่นกัน”

“ชายแปลกหน้าคนนั้นบอกหรือเปล่าว่าต้องการอะไร”

“เขาอยากได้หนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งน้องสาวหรือใครบางคนที่ไม่ใยดีครอบครัวตัวเองเขียนขึ้น”

“แล้วเขาบอกไหมว่าชื่ออะไร” เทกาตัสซักขณะซุกเน็มโมเร็นซิสลงไปใต้ชั้นหนังสือ ข้างๆ หนังสือเก่าคร่ำฝุ่นเขรอะปกแตกล่อนขึ้นราเขียว เขาดูชื่อหนังสือซึ่งพิมพ์ด้วยอักษรสีทองจางๆ อ่านว่า จุลเลขการ

“เปล่านี่ ไม่ได้บอก จำเป็นด้วยรึ” อเก็ตต้าย้อนถาม

ทันใดนั้นก็เกิดเสียงดังปึงปัง กองหนังสือหล่นโครมลงมาจากแถวบนสุดของชั้นวางหนังสือตรงสุดมุมร้าน อเก็ตต้ากระโดดลงมาจากแท่นสังเกตการณ์ วิ่งไปตามทางเดิน เทกาตัสตามไปติดๆ ตรงข้างหน้าต่างหน้าร้าน เทียนสีเขียวแท่งสูงส่องแสงนวลอาบไล้หนังสือกองระเกะระกะ

เทกาตัสคว้าหลังเสื้อคลุมอเก็ตต้าไว้แล้วดึงเจ้าหล่อนเข้าหาตัว “ฟังสิ” เขาพูดเสียงห้วน “พวกนั้นอยู่ใกล้ๆ เรา”

ทั้งสองยืนเงียบกริบ ได้ยินเสียงเด็กร้องไห้กระซิกดังออกมาจากด้านหลังชั้นหนังสืออย่างถนัดถนี่ เทวดาค่อยๆ ก้าวไปสุดช่องทางเดินและหยุดตรงหัวมุม อเก็ตต้าเดินตามเพราะไม่อยากถูกทิ้งไว้ลำพัง คิดแค่นั้นก็หนาวจับขั้วหัวใจแล้ว ไม่รู้ว่าทำไมตอนนี้เจ้าหล่อนจึงได้รู้สึกว่าตนเข้าใจเทกาตัสผิด รู้สึกว่าความโกรธลดลงขณะเอื้อมมือไปแตะชายเสื้อเขา
เบื้องหน้าเทกาตัสคือเด็กชายคนหนึ่ง เท้าเปลือยเปล่า เสื้อผ้าขาดวิ่น หน้าผอมเรียวซีดเซียวดูกังวลและเป็นทุกข์ ใต้ตาทั้งสองฟกช้ำดำเขียว เทกาตัสจ้องเด็กน้อยซึ่งอายุน่าจะเพิ่งสิบเอ็ดขวบ เด็กชายทาบนิ้วยาวสีคล้ำลงเช็ดน้ำตาที่หน้าของตน ตาจ้องแอ่งเลือดแดงข้นบนพื้นไม้พลางส่ายหน้าไปมาโดยไม่รู้ว่ามีผู้มาอยู่ในที่นั้นด้วย

“นายแธดเดียส” เทกาตัสได้ยินแกพึมพำ พร้อมๆ กับเสียงฟ้าร้องครืนครั่นก้องบรรยากาศยามราตรี

“แธดเดียสทิ้งเจ้าอยู่คนเดียวรึ” เทวดาเอ่ยเสียงเบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ให้ดังพอได้ยิน

เด็กชายหันมามองทางเทกาตัส ดวงตาสีฟ้าเข้มเขม้นมอง เหมือนไม่แน่ใจว่าจะมองเห็นผู้ที่พูดกับตน

“นั่นใครน่ะ” แกถาม “ต้องการอะไร ข้ามองเจ้าแทบไม่เห็นเลย” เด็กชายมองดูเค้าโครงร่างอันระยิบระยับของเทวดา และเอื้อมมาข้างหน้าราวจะขจัดภาพลวงตานั้น

“ข้าเห็นเจ้า ไอ้หนู และได้ยินเจ้าด้วย” เทกาตัสบอกพลางก้าวไปหาเด็กน้อย “เกิดอะไรขึ้นกับแธดเดียสหือ”

“เจ้าพูดกับใครน่ะ” อเก็ตต้าถาม เจ้าหล่อนมองไม่เห็นเด็กชาย

เด็กน้อยลังเลและถอยห่างออกไป “ข้าเปล่าทำนะ” แกบอกเมื่อเทกาตัสมองรอยเลือดที่กระเซ็นเปรอะพื้น “พวกนั้นมาจัดการเขา มีตัวประหลาดตัวหนึ่งที่อยู่ในภพของข้า หน้าตาเหมือนตัวการ์กอยล์จากหอคอยแห่งลอนดอน กับผู้ชายซึ่งมีอาคมอีกคนหนึ่ง” เด็กชายชะงักและจ้องอเก็ตต้าที่ยื่นหน้าออกมาจากด้านหลังของเทกาตัส มือเจ้าหล่อนยังกำชายเสื้อคลุมเขาไว้แน่น “ข้าเคยเห็นหล่อนแล้วตอนที่หล่อนมาที่ร้านหนังสือนี่ หล่อนเห็นข้าไหม”

“ไม่ ยังไม่เห็น หล่อนยังอยู่ในโลกของตัวเองมากเกินไป” เทกาตัสบอกขณะจ้องมองวิญญาณเด็กน้อย “เกิดอะไรขึ้นกับแธดเดียสล่ะ”

“พวกนั้นจับเขาไป ลากตัวออกจากร้านไปขึ้นรถม้า” แกมองรอยเลือดอีกครั้ง “ข้าตามพวกเขาไปจนถึงประตูโค้ง ก็ไปต่อไม่ได้แล้ว ภพข้าสุดเขตตรงนั้น ข้าตายตรงนี้แหละ ... ข้าสำลักน้ำตายตรงใต้ร้านนี้ ถูกน้ำดูดกลืนตัวข้าจมลึกลงไปทุกทีๆ ข้าอยู่ในภพกีมาร่า ชาติภพที่เกือบสมบูรณ์แบบ เราอยู่รวมกันมากมาย”

“ทำไมเจ้าถึงไม่ไปเกิดใหม่ซะทีล่ะ” เทกาตัสถาม

เด็กชายลังเล เทกาตัสเห็นภาพเด็กน้อยสั่นไหวราวกำลังจะเลือนหาย “นายแธดเดียสให้ที่พำนักแก่ข้า เขาเป็นคนใจดี เป็นเหมือนครอบครัวข้าแล้วตอนนี้” เจ้าหนูพินิจพิเคราะห์เทกาตัสอย่างจริงจังขึ้น “ข้าเห็นท่านชัดแล้วละ ... ท่านไม่ได้อยู่ภพเดียวกับหล่อนใช่ไหม”

“ข้าไม่ได้อยู่ภพไหนทั้งนั้นแหละ ข้ามาจากที่อื่น”

“ท่านไม่ใช่มนุษย์ แล้วก็ไม่ใช่ไดแอ็กก้าที่จับนายแธดเดียสไป” วิญญาณน้อยว่า

“ข้าได้ยินเสียง เทกาตัส” อเก็ตต้าบอก “เขาชื่ออะไรน่ะ”

เจ้ามีชื่อไหม” เทกาตัสถาม “หล่อนอยากรู้”

“ข้าเคยมีชื่อนะ” เด็กชายกล่าว “แต่พอก้าวข้ามมาสู่ภพกีมาร่า ข้าก็ลืมชื่อนั้นและนึกไม่ออกอีกเลย ข้าถูกขโมยชื่อไป ถ้าเพียงแต่รู้ชื่อ ข้าก็อาจจะ ...”

ที่ด้านนอกร้าน เสียงล้อรถกระทบหินกลมปูถนนดังสนั่นหวั่นไหว อเก็ตต้ามองฝ่าหน้าต่างมัวด้วยหมอกและบานกระจกซึ่งเป็นประกายด้วยฝอยฝนออกไปเห็นรถม้าสีดำคันใหญ่ จากบานหน้าต่างรถม้าซึ่งเปิดอยู่และตกอยู่ในเงามืดนั้น ลูกตาสีแดงเล็กๆ คู่หนึ่งจ้องเข้ามาในร้านหนังสือ

“มันกลับมากันแล้ว” เด็กชายบอก ใบหน้าฉายแววพรั่นพรึงแวบหนึ่ง “ไอ้ไดแอ็กก้าที่จับแธดเดียสไป พวกท่านต้องไปซ่อนซะ”

เด็กน้อยกวักมือเรียกเทกาตัส เขาคว้าแขนอเก็ตต้า พากันวิ่งตามวิญญาณเด็กเข้าไปในร้าน ทั้งสามลดเลี้ยวไปตามทางเดินและช่องมืดๆ ระหว่างตู้หนังสือที่สูงเกือบจรดเพดาน จนกระทั่งมาถึงเตาผิงขนาดใหญ่ข้างหน้าต่างเหนือแม่น้ำ “ตรงนี้มีที่ซ่อน” วิญญาณน้อยบอก “ข้าได้ยินแธดเดียสเรียกมันว่า ห้องหลบภัย ให้สาวคนนั้นเข้าไปซ่อนข้างใน ส่วนเราสองคนข้ามเข้าไปในกีมาร่า อยู่ที่นั่นแล้วมันก็ไม่เห็นเราหรอก ดันหินตรงโคนเสาลงสิ หล่อนก็จะปลอดภัยอยู่ในนั้น”

“ข้าผ่านเข้าภพเจ้าไม่ได้หรอก ข้าก็ถูกตรึงไว้กับสถานที่ที่ข้าไม่อยากอยู่เหมือนกัน”

ประตูร้านเลื่อนเปิด เสียงหายใจฟืดฟาดดังก้องร้านหนังสือขณะสัตว์ประหลาดตัวโตลากกรงเล็บยาวเฟื้อยคมกริบกรีดพื้นเป็นทาง กลุ่มหมอกในถนนทะลักเข้ามาในร้าน พรางแสงเทียนให้เลือนสลัวลง ชายร่างสูงผมยาวกระเซิงผู้หนึ่งสวมเสื้อคลุมหนายืนอยู่กลางประตูทางเข้า มือข้างหนึ่งกำสายบังเหียนล่ามสัตว์ตัวม่อต้อสีดำครึ่งหมาครึ่งลิงอยู่ มันทำจมูกฟุดฟิดดมกลิ่นในอากาศ หายใจหอบอยู่ในเครื่องพันธนาการ ดวงตาแดงฉานเหมือนเลือดจ้องเข้ามาในร้าน

“ถ้าพวกมันอยู่ในนี้ละก็ ไดแอ็กก้าหาเจอแน่” ชายคนนั้นพูดพลางหันกลับไปมองในรถม้า
เทกาตัสกดแผ่นหินยาวๆ ตรงฐานเตาผิง แล้วรุนอเก็ตต้าผ่านซอกระหว่างเสาหินกับเตาผิงที่ส่งเสียงดังแฉ่ๆ เมื่อไฟเผาไหม้ฟืนไม้ฮอลลี่สด พื้นด้านหลังเตาผิงเอนลาดลง ทั้งสองก้าวผ่านช่องเปิดสู่ห้องเล็กๆ เต็มไปด้วยควันไม้คละคลุ้ง ตรงมุมห้องมีบันไดทางขึ้นแคบๆ ทอดเข้าสู่ผนังและหายเข้าไปในเงามืด เด็กชายก้าวทะลุผนังเข้ามายืนแทรกกลางระหว่างคนทั้งสอง เงาร่างทาบกลุ่มควันให้อเก็ตต้าเห็นได้เป็นครั้งแรก
ภายนอกนั้น ทั้งสองได้ยินเสียงไดแอ็กก้าเดินลากตีนมาบนพื้นไม้ใกล้เข้ามาทุกที ทุกที


บทแปลนี้มิใช่เวอร์ชั่นก่อนพิมพ์เล่ม
จึงยังมีความลักลั่นเรื่องชื่อสถานที่อยู่บ้าง
ขออภัยด้วยค่ะ

(ติดตาม
บทที่ 17 - อรุณสีเลือด
วันที่ 3 สิงหาคม ค่ะ)

LITERATURE
 ขอบคุณของแต่งบล็อกจากอินเทอร์เน็ต




 

Create Date : 29 กรกฎาคม 2562
27 comments
Last Update : 4 สิงหาคม 2562 13:48:14 น.
Counter : 1290 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณเริงฤดีนะ, คุณhaiku, คุณtuk-tuk@korat, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณtoor36, คุณJinnyTent, คุณสันตะวาใบข้าว, คุณเนินน้ำ, คุณmcayenne94, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณวลีลักษณา, คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณตะลีกีปัส, คุณที่เห็นและเป็นมา, คุณSai Eeuu, คุณSweet_pills, คุณหอมกร, คุณTui Laksi, คุณAsWeChange, คุณสาวไกด์ใจซื่อ, คุณสองแผ่นดิน, คุณALDI

 

อยากเห็น สมุนไพร เวอร์เวิ่น รูห์เป็นแบบไหน
เข้าดูในอากู๋ ก็ไม่เห็นครับพี่

แหะ ๆ จะเหมือนไม้กันยุงหรือเปล่าหนอ..เริ่มแซว
พี่ซะก่อน เดี๋ยวคงถูกสอยกลับแน่เลย

 

โดย: ไวน์กับสายน้ำ 29 กรกฎาคม 2562 7:26:23 น.  

 

อาบน้ำอาบท่ามาจองคิวไว้ก่อน
เดี๋ยวตามมาๆค่ะ

 

โดย: เริงฤดีนะ 29 กรกฎาคม 2562 10:37:23 น.  

 

สวัสดี ค่ะ พี่ภา

มาอ่าน ดาวพิษ ตอนที่ 16 สมุนไพรศักดิ์สิทธิ์
เวอร์เวิ่น รูห์ เนื้อหา ยังไม่แสดงความศักดิ์เลยเนาะ

ตอนนี้ ก็ผูกปมให้ชวนติดตามว่า แธคเดียส
ทำไมถูกจับตัวไป จับไปเพราะอะไร
ตัวละครที่เปิดใหม่ คือ ผีเด็กน้อย คือใคร จะ
ช่วย อเก็กตร้าและ เทกาตัส ได้ไหม ผู้ที่มาพร้อม
รถม้า คือ พวกไหน มาทำไม กำลังเพลิน จบตอน
เสียแล้ว รออ่านต่อไปค่ะ พี่ภา อิอิ

โหวดหมวด งานเขียน ฯ

 

โดย: อาจารย์สุวิมล 29 กรกฎาคม 2562 11:10:46 น.  

 

เย้ ๆๆ สนุก ๆ ๆ

 

โดย: tuk-tuk@korat 29 กรกฎาคม 2562 11:14:31 น.  

 

หญิงคนขายสมุนไพรศักดิ์สิทธิ์บอก
เทกาตัสไม่ได้เป็นคนแปลกหน้าสำหรับนรก

และอเก๊ตต้า เริ่มไม่ศรัทธา ตัวเขาแล้ว
ช่างน่าสงสัยและน่ากลัวจังเลย

2ตอนมาแล้วที่อเก๊ตต้า ได้คัมภีร์มา
ยังส่งไม่ถึงมือเพื่อนเลย

รอๆๆๆไป

 

โดย: เริงฤดีนะ 29 กรกฎาคม 2562 13:03:48 น.  

 

สวัสดีวันพักผ่อนค่ะ..พี่ภา..

 

โดย: สันตะวาใบข้าว 29 กรกฎาคม 2562 14:11:35 น.  

 

หยอดกระปุกสะสมแต้มไว้แลกอ่านทีเดียวเลยนะคะ

 

โดย: เนินน้ำ 29 กรกฎาคม 2562 15:00:39 น.  

 

หัวใจจะวาย กลัวไดแอกก้า
ครึ่งลิงครึ่งสุนัข โชคดีมีห้องหลบภัย
แธดเดียส ถูกจับไปไหนแล้วน้อ
ลุ้น เทกาตัสด้วยไม่มีขนไม่มีปีกคงหนาวน่าดูค่ะ

 

โดย: mcayenne94 29 กรกฎาคม 2562 18:33:19 น.  

 

ขอให้รอดจากเงื้อมมือไดแอ็กก้าค่ะ

 

โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ 29 กรกฎาคม 2562 19:33:01 น.  

 

กำลังสนุกเลยค่ะจบตอนซะแล้ว สงสารเทกาตัส
รอตามตอนต่อไปค่ะ

 

โดย: วลีลักษณา 29 กรกฎาคม 2562 20:19:48 น.  

 

สัตว์ประหลาดครึ่งหมาครึ่งลิง ... ที่บ้านก็มีค่ะ ครึ่งแมวครึ่งลิง 555
เขาว่าใครเลี้ยงอะไร ชอบอะไร ก็เพราะสิ่งนั้นเหมือนตัวเราค่ะ
ตามกฎแรงดึงดูด (The Law of attraction)
เขาว่า เราจะดึงดูดสิ่งที่เหมือน ๆ เราเข้าหาตัวเรา อิอิ

 

โดย: ฟ้าใสวันใหม่ 29 กรกฎาคม 2562 20:25:07 น.  

 

สวัสดีมีสุขค่ะ

ไม่สะดวกอ่านในมือถือ
ตาไม่สู้ด้วย ผัดวันประกันพรุ่งไปก่อนค่ะ
วันนี้เหนื่อยกับการดูแลคนงานตัดแต่งต้นไม้ตั้งแต่9โมงเช้าถึงทุ่ม สลบค่ะ

 

โดย: ตะลีกีปัส 29 กรกฎาคม 2562 20:38:53 น.  

 

ชื่อตอนแต่ละตอนนี่ ดุเดือดดีนะคะ

 

โดย: Sai Eeuu 29 กรกฎาคม 2562 22:19:05 น.  

 

ขอบคุณพี่ภาสำหรับตอนที่ 16 ค่ะ
ต๋าพลาดอ่านตอนท้ายๆไป
ขอย้อนอ่านนะคะ
ราตรีสวัสดิ์ค่ะพี่ภา

 

โดย: Sweet_pills 29 กรกฎาคม 2562 23:58:32 น.  

 



สวัสดียามเช้าครับพี่ภา

 

โดย: กะว่าก๋า 30 กรกฎาคม 2562 6:16:19 น.  

 

ภาวิดา คนบ้านป่า Literature Blog ดู Blog
ร้องไห้กระซิกกระซิก ฟังแปลกหูจังค่ะพี่ภา

 

โดย: หอมกร 30 กรกฎาคม 2562 8:40:46 น.  

 

16.. แปลว่า อาการร้องไห้ สะอื้นเบาๆ

ค่อนข้างเป็นคำเก่า
เอามาใช้เพื่อให้ใกล้เคียงกับ
ยุคของนิยายค่ะ

 

โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า 30 กรกฎาคม 2562 11:51:19 น.  

 

ขอบคุณพี่ภาที่ไปเจิมให้อย่างไวค่า
วันหยุดยาว คนมาแอ่วเจียงใหม่เยอะหน่อยค่ะ
มาตามรอยละครกลิ่นกาสะลอง
ที่ร้านเลยพลอยได้อานิสงค์ คึกคักกว่าวันธรรมดา
แต่ลูกจ้างดันไม่สบายช่วงนี้ ลางานอีก
วันนี้ กลับสู่โหมดปกติ เงียบ ๆ เหมือนเดิม 555

ช่วงนี้อ่านหนังสือเรื่อย ๆ เล่มต่อเล่มแล้วค่ะ
ถ้าหยุด มันจะทำให้ขี้เกียจ ติดพันโชเชี่ยวเกินไป

สำหรับผลงานของคุณหญิงวิมล
จินชอบนามปากกาที่เป็น ลักษณวดี มากกว่าค่ะ
จากที่ลองอ่านมาทั้ง ทมยันตี โรสลาเรน และลักษณวดี
ส่วนกนกเรขาและมายาวดียังไม่เคยอ่านค่ะ

สองสามวันมานี้ เชียงใหม่อากาศดีมากค่ะ
เย็นสบาย เพราะมีฝน วันนี้ยังไม่ตกแต่ครึ้ม ๆ
ลูกค้าก็ไม่เยอะ เหมาะแก่กันท่องบล็อกมาก
เพราะถ้าอ่านหนังสือจะง่วง 5555

ขอไปใช้หนี้เพื่อนบล็อกคนอื่นก่อนน๊า
ติดหนี้หลายคนเลย แหะ ๆ

 

โดย: JinnyTent 30 กรกฎาคม 2562 13:21:19 น.  

 

555

น่าจะค่ะ

พวกเราน่าจะเบื่อคล้ายๆ กัน มาคุยน้อยเพราะหนูเองก็เข้าบล็อกน้อยค่ะพี่ภา

ส่วนใหญ่จะไปคุยกลับเมื่อมีใครไปคุยที่บล็อกก็คลิกกลับมากกว่าค่ะ

พี่ภาหายดีหรือยังคะ?

โควต้าหมด พรุ่งนี้มาใหม่ค่ะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 30 กรกฎาคม 2562 13:26:23 น.  

 

let it be ผมชอบมากครับพี่ภา
อีกเพลงที่ชอบก็คือ ให้มันเป็นไป ของอัสนี วสันต์
ชื่อเหมือนชื่อบล็อกผมในวันนี้เลยครับ


 

โดย: กะว่าก๋า 30 กรกฎาคม 2562 13:29:50 น.  

 

สวัสดีมีสุขค่ะ

มีตัวละครเพิ่มมาอีก2ตัวแล้ว...แง้!
แค่ตัวเดิมๆนี่ก็จำไม่หมด

เทกาทัสจะดีหรือเลวกันนี่
น่าพิศวงนัก มาลัยดอกไม้แห้งสีฟ้าเวอร์เวนจะช่วยอะไรอเก็ตต้าได้ไหม ติดตามต่อค่ะ

 

โดย: ตะลีกีปัส 30 กรกฎาคม 2562 15:28:00 น.  

 

ดำเนินเรื่องได้ยอดเยี่ยมเลยค่ะพี่ภา

 

โดย: อุ้มสี 30 กรกฎาคม 2562 16:34:14 น.  

 

ขอโหวตให้กำลังใจ จขบ.คนเก่ง คนแปลด้วยค่ะ

สวัสดีค่ะคุณพี่ภา - สวนนี้แนะนำเลยคร้า
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับวัยแบบเรานะคะ
ขนาดเดินไปเรื่อยๆชมนกชมไม้ สุขไปทั้งวัน
แบบลืมเวลา ให้ ผปค.ไปส่งแล้วเดินเล่นออกกำลังกับคุณพี่ผู้ชายชิลๆ
มีกิจกรรมให้สว.ทำมากมายหลายอย่างเช่น
ไปสวนโมกกรุงเทพฯก็ได้ มีร้านอาหารติดแอร์
นั่งสบายๆพักเหนื่อยอยู่ได้ทั้งวันเลยค่ะ

 

โดย: Tui Laksi 30 กรกฎาคม 2562 19:59:08 น.  

 

ติดตามอ่านคราบ

 

โดย: ทนายอ้วน 30 กรกฎาคม 2562 22:36:09 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่ภา


 

โดย: กะว่าก๋า 31 กรกฎาคม 2562 6:23:41 น.  

 

วันนี้มีโควต้าแล้วค่าา มาโหวตนะคะ

บันทึกการโหวตเรียบร้อยแล้วค่ะ



บันทึกการโหวต Blog ในวันนี้

ผู้เขียน Blog หมวดเนื้อหา Blog ได้รับโหวต
ภาวิดา คนบ้านป่า Literature Blog ดู Blog

ระบบจะบันทึกคะแนนโหวต เฉพาะการโหวต 10 ครั้งล่าสุดในแต่ละวันเท่านั้น

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 31 กรกฎาคม 2562 9:23:10 น.  

 

อ่านจบอีก 1 บท
ไดแอ็กก้า ถ้าเปรียบกับสัตว์(มะหมา)
ก็น่าจะเป็นมะหมาพันธุ์บีเกิล สุนัขที่มีประสาทด้านการดมกลิ่นเป็นเลิศ ด้วยประสาทด้านการดมกลิ่นที่ไวมาก

 

โดย: สองแผ่นดิน 9 สิงหาคม 2562 11:58:55 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ภาวิดา คนบ้านป่า
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 140 คน [?]




BG Pop.Award #17
BG Pop.Award #16
BG Pop.Award #15
BG Pop.Award #14
BG Pop.Award #13
BG Pop.Award #12
BG Pop.Award #11
BG Pop.Award #10
BG Pop.Award #9
BG Pop.Award #8
BG Pop.Award #7
BG Pop.Award #6
*****
*****
Friends' blogs
[Add ภาวิดา คนบ้านป่า's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.