|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ลมว่าวมาแล้ว...
ถึงหน้าร้อนคราใด ลมแรงปะทะใบหน้าจนรู้สึกได้ ลมว่าวจะพัดแรงช่วงบ่ายถึงค่ำ มันมาเป็นระลอกๆ รู้สึกเย็นๆไม่ร้อนอย่างที่คิด เด็กๆมักคิดถึงการเล่นว่าว ได้ทอดสายตาไปบนท้องฟ้าสีคราม มองดูว่าวส่ายไปมาอย่างมีความสุข
ช่วงปิดเทอมใหญ่ของทุกปีจะตรงกับหน้าร้อนราวเดือนมีนา-เมษานี่แหละ ว่าวเป็นของเล่นที่เด็กผู้ชายคิดถึงในอันดับต้นๆ หากจะไปหาซื้อว่าว พอจะมีขายอยู่บ้าง น้อยครั้งมากที่เด็กๆจะซื้อว่าวจากร้านค้า ถือว่าว่าวที่ซื้อมามันไม่ได้ใช้ฝีมือ ไม่ภูมิใจ ว่าวทำเองจะสามารถดัดแปลงได้จากประสบการณ์ล้มเหลวในการเล่นครั้งก่อนๆ
ว่าวที่นิยมเล่นกันมากคือว่าวอีลุ้ม ว่าวปักเป้า ว่าวจุฬา ว่าวงู ว่าวนกฮูก ว่าวทรงกระบอก ว่าวที่เด็กๆชอบทำมักจะเป็นว่าวอีลุ้ม ปักเป้า ส่วนว่าวงู ว่าวนกฮูกนั้นแล้วแต่อารมณ์ สำหรับว่าวจุฬาและว่าวทรงกระบอกนั้น เกินความสามรถของเด็กๆจะทำ ให้พวกผู้ใหญ่เขาว่ากันไป
ทำว่าวอีลุ้มสักตัว ผมจะเริ่มต้นด้วยการมองหาลำไม้ไผ่สวยๆ ปล้องยิ่งห่างยิ่งดี ไม้ไผ่สีสุกเป็นที่ปรารถนายิ่งนัก เนื้อนิ่ม ดัดง่าย ไม่เปาะ ใช้มีดผ่าไม้ไผ่เป็นซี่เล็กๆ 2 อัน ทำปีกและแกนกลาง นอกจากใช้ทำว่าวแล้ว แม่ยังชอบใช้ทำไม้เรียว หากริทำว่าวต้องเก็บเศษไม้ให้ดี มิฉะนั้นมันจะเป็นไม้เรียวย้อนศรกลับมาทำโทษเวลาซนๆ
ว่าวอีลุ้มมีโครงสร้างง่ายๆ ขึงไม้ปีกและแกนกลางให้ดี ใช้ด้ายไนล่อนขนาดเล็ก ผูกปลายปีกทั้งสองด้านเข้าหาปลายล่าง แล้วจึงขึงมุมบนสุดกับปีกทั้งสองข้าง ไม้ที่ใช้เป็นปีกนี่ จะวัดฝีมือของเด็กๆมาก ต้องเหลาให้ทั้งสองข้างระหว่างข้อขนาดเท่ากัน ไล่ให้เรียวเล็กลงไปจากกึ่งกลางไปถึงปลายปีก หลายครั้งที่เหลาอ่อนเกินไป หรือแข็งเกินไป อาจโค้งงอไม่เท่ากัน หรือหักขณะขึงด้ายอยู่บ่อยๆ การทำว่าวด้วยตัวเองจึงฝึกทั้งสมาธิและงานฝีมือ
เมื่อได้โครงว่าวแล้ว ขั้นต่อไปคือปะกระดาษบนตัวว่าวด้วยกระดาษมัน เลือกสีที่ชอบ ใช้แป้งมันที่กวนด้วยความร้อนในกระป๋องนมจนเหนียวหนึบแทนกาว หากหาไม่ได้ จะใช้ข้าวสุกใหม่ๆก็ได้ ปะกระดาษเสร็จแล้ว จึงถึงขั้นตอนสุดท้าย นั่นคือเจาะคอซุงที่จุดประสานกันของปีกกับแกนกลางและจุดที่ต่ำลงมา กะๆเอา
ว่าวมักจะทำเสร็จในกลางดึก ไม่เสร็จจะไม่ยอมนอน คืนนั้นผมจะฝันถึงว่าวลอยเด่นบนท้องนภา อยากเร่งวันเร่งคืนให้เช้าไวๆ บางทีรอเวลาให้ถึงตอนบ่ายไม่ไหว เอาว่าวมาเล่นกันตอนสายๆก็มี แต่ไม่เคยติดลมบนสักครั้ง อาจเป็นเพราะลมไม่แรง จำได้ว่าลมพัดไปในทิศตรงข้าม จึงไม่สนุกเท่าช่วงมีลมพัดแรงตอนบ่าย
ว่าวที่ทำเสร็จใหม่ๆ ชักทีเดียวติดลบบน ถือว่ายอดเยี่ยมมาก การส่งว่าวขึ้นสู่ท้องฟ้งที่ลานกว้างๆ วานเด็กเล็กๆที่ยังเล่นไม่เป็น เป็นคนส่งว่าว อยู่ห่างจากคนเล่นพอสมควร เมื่อลมเริ่มพัดมา จึงให้สัญญาณเชิดขึ้น บางทีเล่นคนเดียว ใช้วิธีล่อลม จนว่าวเริ่มขึ้นสูง ผ่อนบ้างดึงบ้างจนติดลมบน วิธีนี้ต้องใช้ฝีมือมากๆ
ว่าวอีลุ้มที่น้ำหนักสองข้างไม่เท่ากัน เมื่อลอยสู่ท้องจะฟ้าเอียงไปข้างใดข้างหนึ่ง จะต้องเด็ดพู่ข้างที่เอียงออกบางส่วน (ปลายของปีกทั้งสองข้างจะติดพู่กระดาษเพื่อช่วยในการทรงตัว) บางทีเด็ดออกทั้งพวง ว่าวก็ยังเอียงหรือทำท่าหัวดิ่งพื้นอยู่ร่ำไป จนเป็นที่อิดหนาระอาใจ มาตรการสุดท้ายจะต่อหางที่ทำด้วยเศษผ้ายาวๆ กลายเป็นว่าวปักเป้าไป หางยิ่งยาว ว่าวยิ่งขึ้นได้ง่าย ใครต่อหางว่าว ถือว่ามือไม่ถึง เป็นที่เยาะเย้ยของเพื่อนๆ
เมื่อวิชาทำว่างเล่นเองแกร่งกล้ามากขึ้น ขั้นต่อไปจะทำว่าวอีผ่า ดัดแปลงรูปทรงเพียงเล็กน้อยจากว่าวอีลุ้ม นั่นคือผ่าตรงหัวเป็นสองซีก ขึงด้ายโน้มมาที่ปีกทั้งสองข้าง ระหว่างกลางของหัวผ่าซีกนั้น มีด้ายขึงอยู่ อาจติดธงเล็กระหว่างกลางนั้น ไม่แน่ใจว่าว่าวอีผ่ามีในตำนานว่าวไทยหรือไม่
บางวันนึกครึ้มๆ ลองทำว่าวงู ส่วนหัวใช้ใม้ไผ่เหลาระหว่างข้อให้เรียวไป จนสามารถโค้งปลายทั้งสองข้างเป็นครึ่งวงรี ผูกติดกับแกนกลางและส่วนล่าง ปะด้วยกระดาษว่าวตามสีที่ต้องการ หรือจะระบายสีด้วยก็ได้ ส่วนหางใช้กระดาษย่นปะติดกันให้ยาวพอประมาณ ไม่มีหลักเกณฑ์ว่าต้องยาวเท่าใด ว่าวงูไม่ต้องใช้ฝีมือในการเล่น ทำผิดถูกอย่างไร ขอให้หางยาวเข้าไว้ ขึ้นได้ง่ายๆ
การเล่นว่าวเป็นศาสตร์และศิลป์ ไม่ใช่ว่าเด็กทุกคนจะเอาว่าวขึ้นสู่อากาศเบื้องบนได้ทุกคน มักจะให้เด็กโตช่วยสอน เรื่องดึงเชือก ผ่อนเชือกอย่างไรให้ว่าวขึ้นสู่ลมบน อันที่จริง ความสนุกของการเล่นว่าวอยู่ที่การชักอย่างไรให้ว่าวติดลมบน เมื่อว่าวที่โยงด้วยสายว่าวอันยาวเหยียดลอยเด่นบนท้องฟ้าแล้ว จะผูกปลายด้ายไว้กับต้นไม้ หรือเสาเรือน คอยชื่นชมว่าวที่ลอยอยู่ข้างบน
เพื่อความออกรสชาติ หรือไม่มีอะไรทำเมื่อว่าวขึ้นแล้ว จึงหาวิธีสู้กัน ส่วนหนึ่งของสายว่าวจึงต้องเคลือบเศษแก้วป่นที่ส่วนต่อจากคอซุงของว่าว เมื่อกระตุกว่าวให้ส่วนที่เคลือบไปสีกับสายว่าวตัวอื่น จะทำให้ขาดลอยได้ "ว่าวขาดลอย" จึงเป็นที่หมายปองของเด็กๆ ใครเก็บได้ หากไม่มีเจ้าของมาตาม ถือเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้เก็บได้ ผมเคยได้ว่าวอีลุ้มขาดลอยขนาดใหญ่มากสูงเมตรกว่าๆ ขึ้นติดลมบนได้ง่ายมาก จึงได้ความรู้อีกอย่างว่า ว่าวยิ่งตัวใหญ่ยิ่งขึ้นง่าย
เด็กๆสมัยนี้มักจะอุดอู้อยู่กับการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ ไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน ไม่รู้จักลมว่าวหรือการเล่นว่าว นี่เขาจะรู้หรือไม่ว่าการเล่นว่าวนั้น เป็นความสนุกสุดยอดของเด็กๆสมัยก่อน ผู้ที่ไม่ได้สัมผัสจริงๆมักจินตนาการแบบผิดๆ จนเข้าใจกันไปคนละเรื่อง
Create Date : 10 มีนาคม 2553 |
|
42 comments |
Last Update : 14 เมษายน 2555 21:26:29 น. |
Counter : 10368 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: ลุงแว่น 10 มีนาคม 2553 7:17:19 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแว่น 10 มีนาคม 2553 7:19:43 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแว่น 10 มีนาคม 2553 7:40:32 น. |
|
|
|
| |
โดย: ตติตา 10 มีนาคม 2553 8:44:38 น. |
|
|
|
| |
โดย: นักล่าน้ำตก IP: 203.144.144.164 10 มีนาคม 2553 12:11:36 น. |
|
|
|
| |
โดย: popang (popang ) 11 มีนาคม 2553 8:52:56 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแว่น 12 มีนาคม 2553 6:50:33 น. |
|
|
|
| |
โดย: โปแป้ง (popang ) 12 มีนาคม 2553 17:44:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: yyswim 12 มีนาคม 2553 22:41:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแว่น 14 มีนาคม 2553 7:07:52 น. |
|
|
|
| |
โดย: ร้อยสิบกำลังสอง (piyanuta ) 14 มีนาคม 2553 11:29:23 น. |
|
|
|
| |
โดย: นักล่าน้ำตก IP: 115.67.37.51 15 มีนาคม 2553 19:41:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแว่น 16 มีนาคม 2553 6:53:50 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแว่น 16 มีนาคม 2553 6:54:26 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) 16 มีนาคม 2553 19:23:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) 17 มีนาคม 2553 20:21:45 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงแว่น 18 มีนาคม 2553 6:41:07 น. |
|
|
|
| |
โดย: กังสดาล IP: 125.25.234.118 20 มีนาคม 2553 6:51:10 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
กรุงเทพฯ Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 66 คน [?]
|
ความตั้งใจในการทำบล็อกเปลี่ยนไปตามกาลเวลา เริ่มต้นด้วยการเขียนถึงถิ่นที่อยู่ในวัยเด็ก ต่อมาเป็นเรื่องเครื่องหมายต่างๆ เรื่องศิลปะ ภาพถ่ายในยุคก่อนๆ อาหารการกิน และอะไรต่อมิอะไรที่ประสบพบเห็น สนใจอะไรขึ้นมาก็อยากรู้ให้มากขึ้น กลุ่มเนื้อหาจึงแตกแขนงไปเรื่อยๆ
|
|
|
|
|
|
|
|
เด็กทางภาคกลาง เล่นว่าวกันหน้าร้อน ช่างเข้ากั๊นเข้ากัน
เพราะลมว่าวพัดช่วยให้คลายร้อนลงได้มาก
ยังชักนำให้เด็ก ๆ ได้เพลิดเพลินกับการละเล่นที่แสนสนุกที่ไม่อาจหาได้ในฤดูกาลอื่น
แต่ทางภาคอิสานกลับตรงข้าม
จากสภาพภูมิอากาศที่ผิดแผกไป ทำให้พวกเราจะเล่นว่าวได้เฉพาะในฤดูหนาว
อาศัยลมหนาว หรือลมมรสุมตะวันออกเฉียงเหนือ
ที่จะพัดเอาความหนาวเข้ามากรีดผิว
เป็นสื่อในการชักให้ว่าวหลากสีสันล่องลอยกินลมอยู่บนฟากฟ้ากว้าง
แต่ลมหนาวนี่ พัด ๆ หยุด ๆ ไม่สม่ำเสมอเหมือนลมว่าว
ว่าวทางภาคนี้จึุงจำเพาะเจาะจงว่าตัวต้องใหญ่ หางต้องยาว
ไม่งั้นชักไม่ค่อยขึ้น
แต่ถ้าขึ้นติดลมบนแล้ว ผูกเชือกทิ้งไว้ข้ามคืนได้สบาย ๆ
เมื่อว่าวตัวใหญ่ สร้างยาก ต้นทุนสูง
ก็เลยไม่นิยมเอาว่าวมาสู้กัน มีแต่จะประกวดประชันกันเรื่องว่าวใครกินลมได้สูงกว่ากัน
นับเป็นแง่มุมที่แปลกแตกต่างจากทางภาคกลางค่อนข้างมาก
แต่ไม่ว่าจะเป็นว่าวของภาคใด
แปลกอยู่อย่างคือ เด็กผู้หญิงไม่ค่อยเล่นว่าว
จะว่าเป็นเพราะสรีระของเจ้าหล่อนไม่สอดคล้องก็ไม่น่าจะใช่
ทีเล่นวิ่งตี่จับ เจ้าหล่อนก็เล่นได้ดีกว่าผู้ชายเสียด้วยซ้ำ
จึงต้องโทษผู้ใหญ่ หรือไม่ก็อาจต้องโทษไปถึงภาษาไทยของพ่อขุนโน่นเชียว
ก็คำว่า "ชัก..."
มันมีความหมายเป็นนัยซ่อนเร้นอยู่
อาจเป็นเหตุผลสำคัญ ที่ทำให้เด็กผู้หญิงไม่นิยมเล่นว่าวก็เป็นได้
สันนิษฐานเอาเองแบบไร้เหตุผลอื่นรองรับ
ใครรู้จริง รู้แน่
ช่วยเฉลยทีครับ...