2 เรื่องสั้นในรอบสัปดาห์
เรื่องสั้นของ "ปลายแปรง"
ในช่วงสัปดาห์นี้มีเรื่องสั้นของปลายแปรง 2 เรื่องที่กำลังวางแผงอยู่
เรื่องแรก
"ชายผู้ดื่มกินเงาตัวเอง"
ตีพิมพ์ในกรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันอาทิตย์ ที่ 4 กรกกาคม 2553 และตอนที่ 2 ฉบับวันที่ 11 กรกฏาคม 2553
เดอะฮัทผับ......ซอยทองหล่อ บริววิทซ์ แก้วที่ 1 ลมหายใจแม่มดพุ่งฟุ่บขึ้นฉาบใบหน้าชายหนุ่มวัยอหังการกับชีวิต เขากรีดนิ้วเสยปอยผมก่อนยกแม่มดร้อนแรงขึ้นจิบไอร้อนแห่งมนตราผะผ่าวกรีดตลอดทางถึงสรรพางค์ข้างใน ค็อกเทลเป็นเครื่องดื่มเบาๆเหมาะกับคุณ ซึ่งไม่ต้องการดื่มเหล้า ชายสูงวัยกว่าหัวเราะอย่างไว้เชิงกับคนร่วมโต๊ะ แสงไฟสลัวแต่พอมองออกว่าลมหายใจแม่มดเสกมนต์ให้คนหนุ่มคนนี้ต้องคำสาปเสียแล้ว งานชิ้นนี้สุดยอดมากวีรพล เขาหยิบแก้ววิสกี้ออนเดอะร๊อคขึ้นจิบ เป็นงานแอมนวล รีพอร์ตที่ผมว่าเด่นที่สุดในรอบปี ผมจะส่งประกวด ชายหนุ่มเลิกคิ้ว ซ่อนยิ้มสงวนท่าที ข่มความรู้สึกปิติที่พองคับอกจนเกือบปริแตกออกมาให้ลูกค้าเห็น บริววิทซ์แก้วต่อไปเริ่มตามมา......แม่มดเริงร่ากับลมหายใจตัวเอง เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงดังอยู่นานพอสมควรกว่าวีรพลจะรู้สึก จึงวางแม่มดลงพัก เฮ้ย...ไอ้ชล รู้ไหมว่างานรีทัชเล่มนี้สุดยอดเลย มีแต่คนชมไม่ขาดปาก วีรพลหัวเราะร่วนตามจังหวะหายใจของแม่มดเริงระบำ เสียงจากอีกฝั่งสายเงียบหายไป ปล่อยให้วีรพลพูดพล่ามอย่างออกรสแล้วรีบตัดบท พี่ชายผมเอง ต้องส่งงานให้ทำบ้างเพราะลำพังรายได้จากสวนไม่ค่อยพอ เขาบอกกับลูกค้าที่เงียบเสียงให้เขาได้รับโทรศัพท์ เจ้าของงานแอมนวลรีพอร์ตแห่งปี รีบดีดนิ้วเรียกเด็กมาสั่ง.....บริววิทซ์ แก้วที่ 5
บ้านบางน้ำหลุบ.....พังงา เปลวเทียนสะบัดควันดำอ้อยอิ่ง เลื่อมแสงฉาบวงหน้านิ่งเฉยในความมืดของชายหนุ่มซึ่งกำโทรศัพท์มือชาดิก สายตาว่างเปล่าจดจ้องจอคอมพิวเตอร์ไร้อารมณ์ ออกแรงเลื่อนเก้าอี้มาใกล้เทียนพรรษาซึ่งบูชาจากวัดจุดตั้งไว้กลางห้อง สายไฟเก่าคร่ำคร่าในหมู่บ้านเขาเห็นตั้งแต่ยังเป็นเด็ก 20 ปีผ่านไปเสาไฟเอียงลู่ไม่ยอมเข้าแถวตรงเหมือนเก่า ไฟฟ้าดับบ่อยจนหลายบ้านไปบูชาเทียนบ้านละ 2-3 เล่ม มาตั้งไว้กลางบ้านจะได้ไม่ต้องวิ่งไปหาเทียน หาไฟฉาย ปลาบแสงเทียนส่องทาบปึกกระดาษที่พริ้นต์งานแอมนวลรีพอร์ต เพื่อตรวจทานวางอยู่บนโต๊ะ....วูบเงาร่างตะโกนโหวกเหวกเร่งให้เขาทำงานแข่งกับเสียงดนตรีในผับกระแทกเข้าหู ทำอยู่.. แต่ตอนนี้ไฟดับต้องรอพรุ่งนี้ เขาตอบกลับอย่างเหนื่อยล้า เสียงเพลงจากฝั่งโน้นรบกวนจิตใจเขาเต็มกลั้น รีบทำหน่อยนะเว้ย พรุ่งนี้นัดลูกค้าไว้ตอนบ่าย แล้วตอนนี้อยู่ไหน เขาย้อนถาม กูต้องดูแลลูกค้านะชล เพิ่งคุยงานเสร็จเลยพามาหาอะไรกิน ชนะชลสะกดความพลุ่งพล่านกับสรวลเสียงเฮฮา รีบๆส่งงานจะได้ส่งเงินไปให้ใช้
เรื่องที่สอง "ภาพดาว"
ตีพิมพ์ในนิตยสารสกุลไทย ฉบับที่ 2908 7-13 กรกฏาคม 2553
เชิญขวัญยั้งฝีเท้าแล้วหันกลับเกือบจะ 180 องศา จ้ำพรวดไปยังแผงหนังสือ จนชณินผู้เป็นสามีร้องลั่น เธอหยิบนิตยสารทางเศรษฐกิจที่ยอดขายสูงสุดขึ้นมาแล้วชี้ให้สามีดูปก สองสามีภรรยาถือโล่ห์รางวัลนักบริหารสตรีดีเด่นกับรางวัลยัง ซีอีโอ ประจำปีขึ้นปกประจำปักษ์นี้ เพื่อนขวัญ เธอบอกสามี พิมพ์ดาวเป็นเพื่อนตั้งแต่ยังเรียนอยู่มัธยมด้วยกันที่นี่ พอเข้ามหาลัยเราก็เป็นรูมเมทกันอีก ตอนทำงานที่กรุงเทพฯ เราแข่งขันกันน่าดูเชียวนะ ซื้อไปสิ....จะได้รู้ข่าวคราวเพื่อนบ้าง เชิญขวัญนิ่งไปครู่ใหญ่ ลังเลเพราะนิตยสารรายปักษ์ราคาเหยียบร้อย หากเป็นเมื่อก่อนเธอจะกวาดซื้ออย่างไม่พิจารณา หยิบหนังสือลงตะกร้าเหมือนเข้าซุปเปอร์มาร์เก็ต แต่วันนี้นับแลกกับผักที่มัดกำขายกำละ 5 บาท ผลไม้ที่เหนื่อยทั้งวันกว่าจะได้เงินสัก 500 การซื้ออะไรสักอย่างคิดนานกว่าเมื่อก่อน เอาน่า ชณินกระทุ้งอย่างรู้ใจ เราไม่ได้ลำบากยากแค้นอะไรขนาดนั้นนะ ไม่ได้ลำบาก แต่เงินหายาก เธอว่า ชณินหัวเราะเบาๆดึงหนังสือไปจากมือภรรยาแล้วไปจ่ายเงิน ตั้งแต่ลาออกจากงานมาลงทุนเปิดร้านอาหารแล้วขาดทุนเมื่อหลายปีก่อน เงินสะสมก็ร่อยหรอ ชีวิตคู่คล้ายจะไปไม่รอด เหนื่อยกับการกระเสือกกระสนดิ้นรนหาเงินในเมืองใหญ่ จึงตัดสินใจกลับมาตั้งหลักพักหายใจที่บ้านสวนของเธอ หลายปีที่ช่วยพ่อกับแม่ทำสวน กล่อมเกลาความอยากปีนไต่ให้กลับสู่ดิน แม้ไม่ยากลำบากแต่เงินที่แลกมาจากการฟูมฟักดูแลต้นไม้ทั้งปียิ่งกว่าเลี้ยงลูก การจ่ายเงินแต่ละบาทตรองแล้ว คิดอีก สิบกว่าปีเลยนะที่ไม่ได้เจอเพื่อนๆ ไม่รู้ข่าวคราวใครเลยเพิ่งเห็นดาวนี่แหละ แต่งงานกับนักธุรกิจชื่อดังเชียว เชิญขวัญพลิกหนังสืออ่านทันทีที่นั่งรถ อื้อหือ.....ยัง ซีอีโอที่รับรางวัลแมน ออฟ เดอะ เยียร์ ของหลายสำนัก หลายนิตยสารมาหลายปี บริหารงานเฮลท์คลับระดับ 5 ดาว จนขยายสาขาไปถึงต่างประเทศและยังเป็นเจ้าของบริษัทนำเข้าสินค้าแบรนด์เนมอีกหลายยี่ห้อ เมื่อสมรสกับพิมพ์ดาว นักธุรกิจมือทองของวงการส่งออกเพียงไม่กี่ปี ทั้งคู่รับรางวัลเป็นว่าเล่น เป็นคู่สามีภรรยาที่ ลักกี้อินเกม ลักกี้อินเลิฟขนานแท้ ชณินหัวเราะ เราสองคนก็ลักกี้โคตรๆ แล้วทั้งคู่ก็ประสานเสียงหัวเราะ เพราะเด็กหนุ่มตัวใหญ่ยักษ์ ผิวเข้มดำปี๋ แต่ย้อมผมแดงแจ๋ วิ่งออกมาโบกให้ถอยหลังเข้าโกดังเก็บปุ๋ย ลูกค้าประจำที่มักจะมีแผ่น MP3 เพลงฮิปฮอป สารพัดคลิป มาฝากเสมอ ฤดู ผลไม้ก็มีผลไม้ฝาก เด็กหนุ่มมักจะงุบงิบแอบคืนกำไรชนิดขูดเลือดของเถ้าแก่ให้ทั้งคู่ตลอดมา พี่โหลดจากไหน ผมลองเข้าเน็ตหาไม่เจอ ยักษ์หัวแดงพ้อกับของกำนัลจากชาวสวนเข้าใจวัยโจ๋ ชณินชูนิ้วบอกจำนวนกระสอบปุ๋ย จ้องหน้าเด็กหนุ่มแล้วยิ้มพราย ความลับ
พิมพ์ดาวเขย่งสุดปลายเท้าเพื่อเอาหัวแหลมเฟี้ยวของรองเท้าส้นสูงจิกเกาะฟุตบาท น้ำเอ่อปริ่มพื้นถนนจนเกือบล้นถึงทางเดิน ฝนตกหนักราวกับฟ้ารั่วเซาะพื้นถนนที่เคยเป็นหลุมเลี้ยงปลาหางนกยูง ขยาย กว้างออกจนเลี้ยงปลาทองได้ หากมอเตอร์ไซค์วิ่งมาไม่ระวังตกหลุมลงไปคงคอหักเสียทุกรายแน่ ถนนเส้นนี้สร้างตั้งแต่ดาวยังเด็ก คงไม่เคยปรับปรุงอะไรแน่เลยค่ะเมธี เธอบ่นกับสามีที่เอื้อมมือมารับแล้วปิดประตูรถให้ พิมพ์ดาวขยับชายเสื้อเชิ้ตผ้าไหมเข้ารูปให้ลงคลุมเอว แล้วยืดกายตรงก้าวเดินอย่างกระฉับกระเฉง ผู้ คนในตลาดนัดอาหารสำเร็จรูปยามเย็นหันมามองทั้งคู่เป็นทิวแถว สาวมั่นหน้าตาสะสวยกับหนุ่มมาดแมนยังกะพระเอกละคร แต่งกายราวกับอยู่ในออฟฟิศติดแอร์ ผิดแผกกับคนต่างจังหวัดทั่วไปที่ไม่ได้พิถีพิถันกับเสื้อผ้าที่จะเดินตลาดเช่นนี้นัก แต่ก็เดารู้เอาเองอยู่ในทีว่าไม่ใช่คนท้องถิ่น ผมเห็นร้านอาหารที่ถนนเลียบเมืองแต่งร้านสวยเข้าที เราพาคุณแม่ออกมาทานข้างนอกไม่ดีกว่าหรือ จะได้ไม่ลำบากท่านต้องเตรียมหุงข้าว ล้างจาน เด็กรับใช้ท่านก็ไม่มี พิมพ์ดาวย่นคิ้ว ปรายตาตำหนิ เมธีก็ทราบว่าคุณแม่ท่านไม่ค่อยชอบร้านอาหาร ได้บ่นกันหูอื้ออีก เมธียักไหล่ ไม่อยากขัดใจเธอ แต่ก็ดีเหมือนกันจะได้เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง ทานกับข้าวถุง กับข้าวฝีมือแม่บ้าง อยู่ต่างจังหวัดเช่นนี้พวกเขาไม่ต้องกังวลว่าจะมีสายตาใครมาจับจ้องเหมือนอยู่ในกรุงเทพที่ทั้งคู่แทบจะกลายเป็นบุคคลสาธารณะในวงการธุรกิจไปเสียแล้ว เอ๊ะ พิมพ์ดาวอุทานแล้วถลาเข้าไปหาชายหญิงคู่หนึ่งที่เดินแกว่งถุงหิ้วพลาสติกชะโงกดูอาหารตามแผงต่างๆ ขวัญ เชิญขวัญสะดุ้งเฮือกแล้วเบิกตาโพลงด้วยความประหลาดใจที่คนเกาะแขนเธอแน่นนั้นคือเพื่อนที่หายไปนับสิบปี เธอไปที่ไหน ทำอะไรมา แล้วหายหน้าไปไหน ไม่ส่งข่าวคราวให้เพื่อนบ้างเลย เชิญขวัญหัวเราะแหะๆ กับคำถามละล่ำละลักของเพื่อน เธอเองก็คาดไม่ถึงว่าจะเจอกันที่บ้านเกิด พบ กันครั้งสุดท้ายเมื่อสิบปีก่อน เชิญขวัญโยนสูทตัวนอกลงเก้าอี้ด้วยหัวเสียจากที่ประชุมซึ่งถกกันเรื่องการจัดงานแสดงเครื่องแก้วจากอิตาลี่ที่เถียงกันไม่รู้จบ ขโมยเวลามีตติ้งประจำวันศุกร์ของเธอกับเพื่อนร่วมรุ่น ครั้งนั้นเธอถูกปรับให้เป็นเจ้ามือเพราะมาช้ากว่าใคร ก่อนจะย้ายไปนั่งฟังเพลงแจ๊สกันในผับแถวทองหล่อ สิบปีผ่านไป พิมพ์ดาวเยื้องตัวออกมองเพื่อนเต็มตา เธอคล้ำไปเยอะ พิมพ์ดาวกล้ำเสียง ใจอยากจะพูดว่าเพื่อนโทรมไปเยอะและยังอวบอ้วนจนผิดตา เชิญขวัญหัวเราะร่า คนทำสวน จะเอาเวลาที่ไหนมาแต่งหน้าทาปากกันเล่าดาว นี่แฟนเรา เธอลากชณินมาแนะนำตัว เคยได้ยินแต่ชื่อใช่ไหม พี่ณิน พิมพ์ดาวยกมือไหว้ตามมรรยาทกับชายร่างสูงที่หนวดเคราครื้ม ผมยาวเฟื้อยรวบผูกไว้ที่ท้ายทอย อดีต อาร์ต ไดเรคเตอร์ของบริษัทโฆษณา เชิญขวัญย้ายไปอยู่ร่วมกันอย่างเปิดเผยตั้งแต่ยังทำงาน เธอรู้จักผู้ชายคนนี้แค่คำบอกเล่าของเพื่อน......คนวงการนี้มีชื่อเสียงทางทะลึ่งตึงตัง เธอยังระคายหูและขัดเคืองเมื่อได้ฟัง เห็นรูปดาวกับแฟนขึ้นปกหนังสือไม่กี่วันนี้เอง เธอว่า บุ้ยปากหาชายหนุ่มที่แต่งตัวเนี๊ยบ สะอาด สะอ้าน สุภาพบุรุษทุกกระเบียด หิ้วถุงกับข้าวพะรุงพะรังตามภรรยา พิมพ์ดาวรีบแนะนำสามีให้เพื่อนรู้จัก เมธียิ้มรับอย่างสุภาพ เปี่ยมเสน่ห์ เขาเชือนมองชณินที่ยืนแกว่งกุญแจรถสบายอารมณ์ แล้วหันมาดูเพื่อนของ ภรรยาที่หิ้วถุงเต็มมือ ใช่ว่าเชิญขวัญจะไม่รู้สึก.......ใช่ว่าจะไม่มองตามสายตานั้น เมื่อข้างโน้นเพื่อนสาวหนีบกระเป๋าถือแนบตัวให้สามีหิ้วหอบเต็มสองมือ แต่นี่พ่อสามีคนดีของเธอยืนแกว่งให้เมียถือของเป็นอีเพิ้ง เอ้า...พี่ ถือของให้หน่อย เชิญขวัญยัดถุงหิ้วใส่มือสามีที่รับไปถือทุลักทุเล ดาวกลับบ้านหลายวันไหม? พิมพ์ดาวพยักหน้า กินข้าวด้วยกันสักวันนะ จะได้คุยกันให้หายคิดถึง ตั้งสิบกว่าปี...คิดถึงสมัยเรายังเรียนจังเลย หรือจะแวะไปเที่ยวบ้านสวนเรา จะได้โชว์ฝีมือทำกับข้าวให้ลองพิสูจน์ แล้วเราค่อยโทรนัดกันดีกว่านะ วันนี้เพิ่งจองฟิตเนตต้องไปวอร์มตัวเองเสียหน่อย อยู่บ้านกับแม่ทั้งวัน ไม่ได้เอ็กเซอร์ไซส์เลย นายกสมาคมแม่บ้านหอการค้าจังหวัดเขาจัดการให้ เกรงใจเขาจ๊ะ เชิญขวัญเลิกคิ้ว พยักหน้าหงึกๆ.......อือ เรากลับมาอยู่ตั้งนานรู้จักแต่คนทำสวนด้วยกันเองนี่นา
ตัดท่อนแรกของทั้งสองเรื่องมาให้อ่านพอหอมปากหอมคอ เพิ่งวางแผงคงจะยังพอหาอ่านได้ค่ะ
Create Date : 08 กรกฎาคม 2553 |
|
23 comments |
Last Update : 8 กรกฎาคม 2553 13:37:09 น. |
Counter : 10648 Pageviews. |
|
|
|
|
| |
โดย: พ่อพเยีย 8 กรกฎาคม 2553 16:21:16 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปฐพีหอม 16 กรกฎาคม 2553 12:37:55 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลิด้า 25 กรกฎาคม 2553 15:35:59 น. |
|
|
|
| |
โดย: สเลเต 10 สิงหาคม 2553 18:34:30 น. |
|
|
|
| |
โดย: ดุสิตา (ดุสิตา ) 21 สิงหาคม 2553 19:35:15 น. |
|
|
|
| |
โดย: วาสินี IP: 182.52.45.67 10 กันยายน 2553 13:46:18 น. |
|
|
|
| |
โดย: ลุงบูลย์ (pantamuang ) 13 กันยายน 2553 9:33:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปฐพีหอม 18 กันยายน 2553 14:46:39 น. |
|
|
|
| |
โดย: ทีแปลง 24 กันยายน 2553 12:10:51 น. |
|
|
|
| |
โดย: ปฐพีหอม 28 กันยายน 2553 16:01:17 น. |
|
|
|
| |
โดย: 9A 28 กันยายน 2553 18:16:55 น. |
|
|
|
|
|
|
|
Location :
พังงา Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]
|
สุดปลายของแปรง อาจป้าย...ได้ภาพเขียนงาม อาจปาด....ได้ภาพสะเทือนขวัญ
แปรงสุดปลาย....วาดในอากาศ สูญญากาศของสีที่ว่างเปล่า
เพียง "ใจ" ผู้ป้ายแปรง ว่างเปล่า....ไร้แปรง....ปราศจากปลาย สรรพเรื่องราว...ว่างเปล่าในกาลเวลา
|
|
|
|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
| |
|
|
เห็นแล้วน้องปัณณ์ สงสัยตอนนี้ เป็นจอม "รื้อ" ที่เก่งที่สุดในบ้าน
ใช่หรือเปล่า...