|
การก่อตั้งชมรมอนุรักษ์จิตรกรรมไทยและศิลปกรรม
แจ้งเรื่องการก่อตั้งชมรมอนุรักษ์จิตรกรรมไทยและศิลปกรรมไทย เนื่องจากศิลปกรรมไทยอันเป้นเอกลักษณ์ที่แสดงถึงความงามและสุนทรียภาพของความเป็นไทยในด้านงานศิลปกรรมนั้นปัจจุบันถูกทำลายไปเรื่อยๆจากธรรมชาติดิน ฟ้าอากาศ และฝีมือของมนุษย์ด้วยกันทั้งรู้เท่าไม่ถึงการณ์และรู้อยู่แต่ทำเพื่อเงิน แน่นอนครับว่าเราห้ามสิ่งเหล่านี้ได้ยากและจากการได้เห็นการสูญสียและถูกทำลายมาอย่างต่อเนื่องหลายสิบปี มันทำให้เราเรียนรู้ได้ว่าการอนุรักษ์ที่ดีเท่าที่เราจะทำได้คือ การตั้งชมรมสำหรับคนที่มีความรักในงานศิลปกรรมไทยไม่จำกัดว่าเป็นใครอาชีพใดเพียงขอให้มีความรู้สึกว่ารักและหวงเเหนงานศิลปกรรมของชาติเป็นพอ ซึ่งแนวทางของชมรมจะมีแนวทางคร่าวๆเป็นรูปร่างได้ดังนี้ ๑.การเก็บรวบรวมข้อมูล แน่นอนว่าการเก็บข้อมูลด้วยการถ่ายภาพนั้นเป็นสิ่งที่ทำได้ไม่ยากสำหรับเทคโนโลยี่ปัจจุบัน ตรงนี้ผมคนเดียวหรือไม่กี่คนอาจจะมีกำลังในการเก็บข้อมูลไม่ได้ทันต่อการทำลายงานศิลปกรรมของชาตินักแต่เราก็ทำได้ตามกำลังที่เราควรมีอย่างทีชมรมเราจัดทริปไปถ่ายภาพตามสถานที่ต่างๆและเก็บข้อมูลรวบรวมกันเเลกเปลื่ยนกันตามแต่ละทริปและทั้งหมดจะเก็บไว้ในคลังข้อมูลรวมของชมรม ลองคิดดูนะครับว่าถ้าเรามีสมาชิกในแต่ละจังหวัด แล้วเราช่วยกันถ่ายภาพข้อมูลมารวมกันมันจะเป็นการอนุรักษ์ข้อมูลทางศิลปกรรมไทยได้ดีแค่ไหน ๒. การนำมาศึกษาและวิจัย โดยผู้ที่สนใจ ตลอดจนนักศึกษาต่างๆเป็นการถกถียงกันในแง่ข้อมูลถึงรูปแบบต่างๆเพื่อเกิดประโยชน์โดยไม่มีค่าใช้จ่ายในกรณีที่การวิจัยหรือข้อมูลนั้นชมรมเห็นว่ามีประโยชน์ก็อาจเผยแพร่ในลักษณะของบทความหรือการทำหนังสือก็ได้ ๓.การต่อยอดสำหรับบุคคลที่ศึกษาทางด้านศิลปะกรรม แน่นอนครับว่าการผลิตช่างรุ่นใหม่ขึ้นมาเรียนรู้ให้มีฝีมือและความสามารถจำเป็นต้องมีรสนิยมรู้มากเห็นมาก คลังข้อมูลของงานชมรมนั้นจะเป็นประโยชน์มากสำหรับผลิตบุคคลากรในการช่างขึ้นมา
ทั้งหมดทั้งปวงนี้เพื่อแจ้งให้ท่านผู้มีความสนใจในการอนุรักษ์งานศิลปะกรรมทราบว่ามีแหล่งข้อมูลทางศิลปไทยที่รวมเป็นกลุ่มก้อนค่อยเป็นค่อยไปและหวังว่าจะทำประโยชน์แก่ส่วนรวมสักวันหนึ่งในอนาคต
เข้าไปดูข้อมูลและการถ่ายภาพข้อมูลของชมรมได้ที่ reurnthai.com ห้องชมรมอนุรักษ์จิตรกรรมไทยครับ ใครสนใจทางศิลปะไทยก็เชิญนะครับ ขอบคุณครับ
Create Date : 09 มีนาคม 2553 | | |
Last Update : 9 มีนาคม 2553 12:03:42 น. |
Counter : 3870 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ศิลปะไทยที่เลือนลับหาย๒
ศิลปะทุกแขนงสำหรับผมแล้วคือสิ่งที่ทำให้เกิดความสุขและความงาม เีพียงแต่ผมบังเอิญเข้ามาสู่เส้นทางของศิลปกรรมไทย และรู้สึกผูกพันกับศิลปะไทย ยิ่งเรียนรู้ศึกษาก็เกิดความรักในครูช่างผู้รักสรรค์งาน ยิ่งเรียนรู้เท่าไหร่ก็เหมือนเรายิ่งรู้น้อยขึ้นทุกที งานศิลปะไทยนั้นมีมากจนแค่ศึกษาของเดิมอย่างเดียวจนตายก็ไม่มีวันหมด และยุคทอง ของงานศิลปะไทยโบราณนั้นได้ผ่านไปแล้ว เราเพียงศึกษางานที่งามพร้อมที่หลงเหลืออยู่มาจนปัจจุบันก็รู้สึกเสียดายมากแล้ว คราวนี้อยากให้ลองเปรียบเทียบภาพสองภาพดูครับลองเปิดใจเป็นกลาง แต่อย่าเชื่อสิ่งที่ผมบอกเพียงแต่คิดสิ่งที่ผมเปรียบเทียบให้ดูครับ
ถ้าเปรียบเทียบรูปบนกับรูปร่างจะแตกต่างกันหลายจุดทั้งๆที่เป็นการถ่ายที่เดียวกันแตกต่างที่เวลาเท่านั้น ๑.ให้สังเกตรูปทรงนางโดยรวมรูปบนนั้นงดงามสมส่วนสะโอดสะองค์ดูงามเป็นผู้ดีเป็นเจ้าในขณะที่รูปล่างดูเป็นไพร่แข็งมือหยาบเท้าหยาบ ๒.รูปใบหน้ารูปบนสมส่วนพื้นที่หน้างดงามลงตัว(อย่าไปหลงน้ำหนักสว่างบนหน้านะครับ)ในขณะที่ภาพล่างตา จมูก ปากล้นใบหน้าออกมาไม่งามและไม่ใช่สกุลรัชกาลที่๓ด้วยคือเขียนเอาตามใจตนเอง ๓.ยอดชฎาเป็นยอดเรียวแหลมไม่ใช่เป็นยอดชัยเหมือนด้านล่าง ๔.กรรเจียกจรและทรงชฎาหลุดจากโครงศรีษะผิดกับภาพบนซึ่งสมส่วนไม่หลุดจากโครงศร๊ษะ ๕.ชายเชิงผ้านุ่งเปลี่ยนใหม่เองตามใจชอบไม่เหมือนภาพบนซึ่งเป็นไปตามลายเชิงผ้าโบราณ ๖.เส้นขอบผ้าม่านไม่เหมือนเดิมตามรูปบน ๗. ของเดิมรูปแรกไม่มีเส้นรัศมีล้อมรอบแต่รูปล่างกับมี เห็นแค่นี้คงพอเปรียบเทียปให้เห็นได้นะครับ คราวนี้สมัยเมื่อหลายปีก่อนบูรณะนั้นคือภาพแรกครับเป็นภาพวิมานพระอินทร์ด้านล่างเป็นช้างเอรวัณ๓เศียรภาพนี้เป็นมเหสีพระอินทร์ ลายรดน้ำนี้อยู่ด้านนอกของบานหน้าต่างวัดนางนองครับแม้ทองจะหลุดหมดเเ้ล้วแต่ลายเส้นยังชัดเจนอยู่มากสามารถลอกงานจากแบบของเดิมได้หมด และถ้าหาช่างดีๆมาเขียนก็คงได้งานงามพอได้บ้างแต่ความจริงคือภาพที่เห็นด้านล่างนะแหละครับคือภาพที่ซ่อมใหม่ ซึ่งมั่วและไม่มีความรู้ในการซ่อมเลยก็ว่าได้ ปัจจุบันนี้งานถูกทิ้งเป็นพื้นรักสีดำหมดไม่มีของเดิมเหลือเพราะเอารักทับไปหมดครับแต่เขียนเสร็จแค่คู่เดียวเท่านั้นเหตผลผมก็ไม่รู้ว่าเป็นอย่างไรแต่มันเป็นการทำลายศิลปะของไทยไปอย่างน่าเสียดาย แต่ถ้าใครมีภาพเก่าให้ดูจะขอบคุณมากครับ อย่างนี้เองละครับที่ผมพยายามบอกว่าการรักษาศิลปกรรมของชาติ คือการเก็บรวบรวมและแลกเปลี่ยนข้อมูลกันโดยไม่ระแวงว่าจะนำไปใช้ผลประโยช์นอย่างอื่น(อันนี้ผมเห็นใจเพราะพวกที่ฉวยโอกาสมีมาก) ต่อมาคือการศึกษาแลกเปลี่ยนความรู้หาจุดยืนทางรสนิยมและความงามหลักการทางศิลปะไทยร่วมกัน สุดท้ายเป็นการถ่ายทอดความรู้รสนิยมในการศึกษาศิลปะไทยเพื่อเป็นประโยช์นต่อเด็กรุ่นหลังต่อไป ถ้าเราไม่ช่วยกันรักษาไว้อีกหน่อยคงไม่เหลือความเป็นไทยให้เรารักษา เพราะหน่วยงานที่รับผิดชอบก็ต้องการผลงานมากๆจนลืมว่ามันเป็นการบูรณะหรือการทำลายศิลปะกันแน่ยังไงก็ฝากทุกคนไว้คิดก็แล้วกันครับ
Create Date : 26 พฤษภาคม 2552 | | |
Last Update : 26 พฤษภาคม 2552 23:00:03 น. |
Counter : 2873 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
ลองทำบล็อค
//bg2.bloggang.com/admin/images/box.gifลองดูเฉยๆ
Create Date : 16 พฤษภาคม 2552 | | |
Last Update : 16 พฤษภาคม 2552 8:46:42 น. |
Counter : 882 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
งานศิลปกรรมที่เลือนลับหาย
พอดีไปค้นตู้หนังสือและเอกสา่รเก่าๆมาดูหาข้อมูลเขียนหนังสือเลยเจอภาพเก่าซึ่งหาดูได้ยากอัดเก็บไว้นานมากแล้วงานชิ้นนี้เป็นงานสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น จำได้เลาๆว่า เป็นงานเขียนจิตรกรรม เมืองอสูร ที่วัดราชบูรณะ(วัดเลียบ ) ตรงข้ามเพาะช่าง แต่ขอบอกนะครับว่าเป็นงานเขียนในอุโบสถเก่า ซึ่งปัจจุบันไม่มีแล้วครับเนื่องจากเสียหายจากระเบิดในสมัยสงครามโลกครั้งที่๒ พร้อมกับภาพเขียนหายไปทั้งหลัง บางท่านบอกว่าเป็นฝีมือการเขียนของพระอาจารย์นาค ผมก็ว่าใกล้เคียงเพราะฝีมืองดงามเทียบเท่าพระที่นั่งพุธไธศวรรย์ เลยครับ สาเหตุที่ได้รูปนี้มาเพราะ บังเอิญไปเห็นภาพๆหนึ่งในบทความของวรสารเมืองโบราณเป็นรูปพระจันทร์ทรงรถหรืออะไรนี่เหละ และเขียนว่าเอามาจากกองจดหมายเหตุหอสมุดแห่งชาติ อาจเป็นเพราะ ชอบงานแบบนี้อยู่แล้วก็ได้เลยไปหาภาพที่ว่า ปรากฎว่าไมมีภาพนั้นแต่เจอภาพนี้ที่เอามาลงให้ดูแทนครับ ปัจจุบันไปค้นอีกทีไม่รู้เขาเอาไปเก็บไว้ไหนแล้วไม่มีเหลือร่องรอยแล้วครับ สิ่งนี้เองคือความสะท้อนใจในการรักษาวัฒนธรรมทางจิตรกรรมของประเทศของเรานับวันจะหมดและสาบสูญลงไปทุกที เช่นงานจิตรกรรมเรื่องรามเกียรติรอบระเบียงคตตรงมณฑปวัดพระเชตุพน ผมยังเสียใจอยู่ทุกวันนี้ จำได้ว่าวันนั้นเดินออกจากเพาะช่างมาที่วัดพระเชตุพนกับเพื่อน ตอนนั้นมีการซ่อมมณฑปกันอยู่ โดยคนงานยึดเอาพื้นที่รอบๆระเบียงคตตีสังกะสีเป็นที่อยู่ส่วนหนึ่ง เก็บปูนและวัสดุก่อสร้างส่วนหนึ่ง ที่ซ้ำร้ายกว่านั้นคือการตอกตะปูลงไปบนงานจิตรกรรมสวยๆและเขียนข้อความเละไปหมด แน่นอนครับแม้จิตรกรรมตรงนั้นอาจเหลือน้อยเต็มที แต่มันก็เป็นงานชุดรามเกียรติในสมัยรัชกาลที่๓ที่งามจับตาเหลือเกิน ผมจำได้ว่าเป้นรูปทศกัณฐ์ชลอเขาไกรลาส และ ตอนที่ทศกัณฐ์อุ้มพระอุมาสวยมากๆเป็นท่าครูที่งามจับใจมาก ด้วยความกลัวว่างานจะถูกฝุ่นควันและความเค็มของปูนทำลายเสียเลยนัดกันว่าจะถ่ายรูปเก็บไว้ (สมัยนั้นยังใช้ฟิมล์ถ่ายภาพอยู่เลย) แต่ก็ติดโนน่ติดนี่อยู่เกือบอาทิตย์ กว่าจะพร้อมไปถ่ายงานด้วยความอยากมาก แต่สิ่งที่เจอทำเอาทรุดอยากจะร้องไห้ ทำไมนะหรือครับ ขาวครับ สะอาดตามาก คนงานรื้อสังกะสีออกหมดรอบระเบียงคตมีแต่สีขาวเนื่องจากทาปูนขาวทับหมดครับ นี่เเหละครับความไม่รู้และเสียหายของงานศิลปะไทย ทุกวันนี้สิ่งที่รู้อย่างหนึ่งคือการรักษาศิลปไทยให้ดีที่สุดคือการเก็บข้อมูลครับดีที่สุดแล้ว ก็คงได้แต่หวังพวกเรานี่เเหละครับที่จะช่วยกันถ่ายช่วยกันเก็บ เพราะไม่รู้ว่าของจริงๆจะถูกทำลายเมื่อไหร่ อ้อแล้วถ้าใครมีรูปรอบระเบียงคตมณฑปวัดพระเชตุพนถ่ายเก็บไว้บ้าง ก็ขอความเมตตาแบ่งปันบ้างนะครับ
Create Date : 04 พฤษภาคม 2552 | | |
Last Update : 4 พฤษภาคม 2552 23:47:57 น. |
Counter : 1249 Pageviews. |
| |
|
|
|
|
| |
|
|
Location :
[Profile ทั้งหมด]
|
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 12 คน [?]
|
ผมเองนั้นมิได้เป้นศิลปิน มิใช่ช่างแต่มีความซาบซึ้ง ชื่นชมในศิลปะไทยในพระพุทธศาสนา และมีความรักในผลึกปัญญาของช่างไทยที่สืบทอดกันมานับพันปี กลั่นกรองจนมีลักษณะเฉพาะตัวและรุ่งเรืองสูงสุด ชื่นชมในบุญคุณของกษัตริย์ ทุกพระองศ์ที่รักษ์ และอุปถัมภ์ งานศิลปะไทยให้ดำรงอยู่ และขอบคุณครูช่างทั้งหลายที่สร้างผลงานงดงามเป็นทิพย์มากมาย จนตกทอดมาถึงรุ่นของข้าพเจ้า แม้บางชิ้นจะสาปสูญสิ้นไปบ้าง แต่ก็มิได้ทำให้ความรักในงานศิลปะไทยลดน้อยลงอย่างใดเลยและงานศิลปะไทยนี่แหละที่ยิ่งใหญ่ สูงค่าจนศึกษาตลอดชิวิตก็ไม่หมด ผมจึงใช้เวลาที่เหลืออยู่นี้ของชิวิตศึกษาไปจนกว่าจะผ่านชิวิตไป
|
|
|
|
|
|
|
|