น.ส.ปวีณา หงสกุล ปฏิเสธไม่ขอลงสมัคร ผู้ว่าฯ กทม. 100%  ฝากขอบคุณ เฉลิม-อภิวันท์ ที่ยังให้เกียรติ คิดถึงกัน หนุน 'คุณหญิงสุดารัตน์' เหมาะสมกว่า ย้ำ ยังไม่คิดอนาคตการเมือง หลังพ้นโทษ 5 ปี แต่รับยังสนใจลงสมัคร ส.ส. แต่ตอนนี้ขอทำโรงเรียนให้เสร็จก่อน... 

วันที่ 9 พ.ค. 2555 นางปวีณา หงสกุล ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี ในฐานะ 111 อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย กล่าวกับทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ ยืนยันขอปฏิเสธ ส่วนตัวยังไม่มีความคิดจะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ต้องขอขอบคุณผู้ใหญ่ในพรรคเพื่อไทยที่ยังเห็นความสำคัญและให้เกียรติ กรณีมีข่าวว่า ทั้ง ร.ต.อ. เฉลิม อยู่บำรุง รองนายกรัฐมนตรี และ พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อ รวมถึงเสียงส่วนใหญ่ในพรรคเห็นว่า นางปวีณามีควมเหมาะสมที่จะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. ที่จะหมดวาระลงในช่วงปลายปีนี้ แต่หากเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ก็ยอมรับ น่าคิดอีกครั้ง

"ส่วนตัวก็ต้องขอขอบคุณ แต่คงไม่สามารถรับได้ และเห็นว่า ในพรรคยังมีบุคลากรที่เป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความเหมาะสมจะลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.อีกหลายท่าน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ 111 กรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ก็ยอมรับว่ามีความเหมาะสม น่าจะไปเชิญให้ท่านลงสมัครดีกว่า" นางปวีณา กล่าว

หากถามว่าจะตัดสินใจอย่างไรเกี่ยวกับอนาคตทางการเมือง หลังพ้นโทษแบน 5 ปี สิ้นเดือน พ.ค.นี้นั้น นางปวีณา กล่าวว่า ยังไม่ได้ตัดสินใจ เนื่องจากส่วนตัวยังขอทำโรงเรียนปวีณาหงสกุลการบริบาล ซึ่งตอนนี้เริ่มเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้น เพราะมีการตั้งโรงเรียน และทางกระทรวงศึกษาธิการได้ออกใบอนุญาตแล้วด้วย จึงจะขอทำงานด้านนี้ไปก่อน คงใช้ระยะเวลาไปอีกประมาณ 1 ปีจากนี้ไป

ประธานมูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี กล่าวต่อว่า ส่วนตัวอยากทำงานอะไรก็ได้ที่เห็นว่าเป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง ประเทศชาติ และพี่น้องประชาชน แต่ที่พูดอย่างนี้ไม่ใช่จะทิ้ง หรือหันหลังให้การเมือง ยังไม่ทิ้ง แต่มันถือเป็นสัจธรรมที่ต้องยอมรับ อย่างครั้งที่ตนลงสมัครรับเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. สู้กับ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่าฯ กทม.นั้น ตนก็ได้คะแนนจากพี่น้องประชาชนชาว กทม. ถึงกว่า 600,000 คะแนน ก็ต้องขอขอบคุณ แต่จากการลงพื้นที่ ประชาชน กทม. มาสะท้อนเหตุผลและทำให้ได้รับรู้ความจริงที่ว่าเหตุที่ไม่เลือกตน

"ไม่ใช่ว่าไม่รัก แต่ถึงรักก็คงไม่เลือก เพราะเห็นว่าอยากให้ใช้ความสามารถที่มีอยู่ไปช่วยงานในระดับประเทศเกี่ยวกับเรื่องปัญหาสังคม เด็ก และสตรีมากกว่า ดีกว่าจะมาทำงานแต่ช่วยเหลือคนเพียงแค่ในพื้นที่เฉพาะ กทม.เท่านั้น อันนี้จึงเป็นสัจธรรมที่ต้องรับฟัง" นางปวีณา กล่าว.

Create Date : 09 พฤษภาคม 2555
Last Update : 9 พฤษภาคม 2555 15:00:02 น.		0 comments
Counter : 1573 Pageviews.
Share Tweet