หมอนขิดถิ่นอีสาน
ชาวอีสานมีฝีมือในการถักทอไม่แพ้คนภาคอื่นๆ จะเห็นได้จากบ้านทุกหลังจะมีหมอนขิด ฟูก ผ้าขาวม้า ผ้าโสร่ง และผ้าซิ่นตีนจกจำนวนมากเก็บไว้ในตู้อย่างดีสำหรับไว้ต้อนรับแขกเหรื่อ ใช้ในครัวเรือน และใช้ในเทศกาลต่างๆ โดยเฉพาะหมอนขิดนั้น ชาวอีสานรู้จักทำกันมาตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ เพื่อใช้ในการหนุนศีรษะ ประกอบพิธีกรรมทางศาสนา และเป็นของชำร่วยแก่ญาติผู้ใหญ่ในงานแต่งงาน ถือเป็นภูมิปัญญาที่ได้รับการสืบทอดมาจากบรรพบุรุษ โดยการทำหมอนจะทำในช่วงที่ว่างเว้นจากการทำนา ต่อมาเมื่อมีการนำจักรมาใช้ในการเย็บแทนการเย็บด้วยมือจึงผลิตได้มากขึ้น สามารถนำมาจำหน่ายในท้องถิ่นและจังหวัดใกล้เคียง ปัจจุบันกลุ่มผู้ผลิตมีการพัฒนารูปแบบและลวดลาย ทำให้มีความสวยงาม คงทน เหมาะกับการใช้งาน ที่สำคัญมีมูลค่าเพิ่มขึ้น และเป็นที่ต้องการของตลาด ชาวอีสานถือว่าผ้าขิดเป็นของสูง จึงมักจะทอใช้ในโอกาสที่เป็นมงคลหรืองานพิธี เท่ากับเป็นการรักษาวัฒนธรรมทางหัตถกรรมไว้ได้อย่างดีเยี่ยม และยังนำมาประยุกต์เข้ากับศิลปะปัจจุบันตลอดจนประโยชน์ใช้สอยได้อย่างกลมกลืนตามสมัยนิยม การทำการเกษตรเป็นอาชีพหลักของชาวอีสาน โดยผู้ชายจะทำหน้าที่ปลูกข้าว เลี้ยงสัตว์เป็นอาหาร ถ้าว่างจากการทำไร่ ทำนา ก็จะสานตะกร้า บุ้งกี๋ กระบุง ฯลฯ ไว้ใช้ในครัวเรือน ส่วนผู้หญิงก็จะเย็บปักถักร้อย มีการปลูกฝ้าย ทอผ้า ปลูกหม่อนเลี้ยงไหม หรือไม่ก็ทำที่นอน ผ้าขาวม้า ผ้าลายมัดหมี่ และหมอนขิด จากคำบอกเล่าของผู้เฒ่าผู้แก่ “ขิด” เป็นภาษาพื้นบ้านของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มาจากคำว่าสะกิด หมายถึง งัดช้อนขึ้น หรือสะกิดขึ้น สันนิษฐานว่ามาจากภาษาบาลีว่า ขจิด แปลว่า ทำให้งดงาม ในสมัยโบราณผ้าขิดเป็นผ้าที่มีคุณค่าสูง ใช้ห่อพระไตรปิฎก ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาในพุทธศาสนา ต่อมาชาวบ้านได้นำผ้าขิดมาทำเป็นหมอนสามเหลี่ยม ซึ่งเดิมเรียกว่าหมอนหน้าม้า ตามลักษณะรูปทรงสามเหลี่ยมคล้ายหน้าม้า เป็นผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่า ใช้สำหรับถวายพระภิกษุสงฆ์ชั้นผู้ใหญ่ หรือมอบแด่เจ้าเมืองที่เคารพนับถือ ซึ่งการทอผ้าลายขิดและการทำหมอนขิดนั้นได้ถ่ายทอดมาให้ลูกหลานจนถึงปัจจุบัน แม้แต่ลิเก ศิลปะการแสดงพื้นบ้านของเรา ยังเอาหมอนขิดมาวางเป็นฉากหน้าม่าน จำลองเป็นห้องพระราชา นับเป็นของสูงที่ทำจากฝีมือคนสามัญนั่นเอง
ที่มา นสพ โลกวันนี้มีสุข
Create Date : 03 พฤษภาคม 2555 |
Last Update : 3 พฤษภาคม 2555 20:59:15 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2679 Pageviews. |
|
|