Group Blog
 
<<
พฤษภาคม 2555
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
1 พฤษภาคม 2555
 
All Blogs
 
ตไทยในฮานอย "อนุสนธิ์ ชินวรรโณ" แนะช่องทางทำธุรกิจในเวียดนาม

เสริมไอเดีย

ภาวิณีย์ เจริญยิ่ง srangbun@hotmail.com

ทูตไทยในฮานอย "อนุสนธิ์ ชินวรรโณ" แนะช่องทางทำธุรกิจในเวียดนาม

หลังจากสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 จังหวัดนครพนม ซึ่งมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 11 เดือน 11 ปี 2011 ท่าน "อนุสนธิ์ ชินวรรโณ" เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงฮานอย สาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม ก็ได้เชื้อเชิญนักข่าวจากเมืองไทยเข้าร่วมสำรวจเส้นทาง R12 (ผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3) นครพนม-ท่าแขก-ด่านจาลอ-วิงห์ ในโครงการส่งเสริมโอกาสทางเศรษฐกิจของไทยตามแนวเส้นทางดังกล่าว ซึ่งผ่าน 3 ประเทศ โดยในระหว่างทางคณะทูตไทยได้ประชุมร่วมกับผู้บริหารจังหวัดห่าติ๋งห์และเหงะอาน อันเป็นเมืองชายแดนของเวียดนามก่อนเข้าสู่ลาวแล้วมายังฝั่งไทย

สิ่งหนึ่งที่รองผู้ว่าราชการของ 2 จังหวัดพูดตรงกันก็คือ อยากเชื้อเชิญให้ผู้ประกอบการไทยเข้ามาลงทุนเพราะ 2 จังหวัดนี้มีความพร้อมในหลายเรื่อง โดยเฉพาะในแง่ทรัพยากรธรรมชาติ การคมนาคมขนส่งที่อยู่ไม่ไกลจากภาคอีสานของไทย และมีท่าเรือน้ำลึก ซึ่งปัจจุบันก็มีนักธุรกิจไทยเข้าไปลงทุนบ้างแล้ว

ยามนี้ ถ้าไปเมืองไหนๆ ของเวียดนาม จะเห็นชัดเจนว่า ประเทศดังกล่าวกำลังพัฒนาและเจริญขึ้นอย่างรวดเร็ว มีอุตสาหกรรมใหญ่ๆ เกิดขึ้นจำนวนมาก มีนักลงทุนต่างชาติเข้าไปเยอะแยะ ทั้ง สิงคโปร์ เกาหลีใต้ ไทย ฯลฯ

เรียกว่าเวียดนามกำลังก้าวเข้าสู่การเป็นประเทศอุตสาหกรรม ฉะนั้น หลายคนคงอยากจะรู้ว่าไทยในฐานะประเทศเพื่อนบ้านที่อยู่ไม่ไกลกันนัก น่าจะเข้ามาลงทุนหรือทำธุรกิจอะไรดี โดยเฉพาะในช่วงที่จะเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2558



เส้นทาง R12 ยังไม่เวิร์ก

ก่อนอื่น ท่านทูตอนุสนธิ์ เกริ่นให้ฟังว่า ในการเดินทางครั้งนี้เพื่อมารับทราบประเด็นปัญหาจากหน่วยงานท้องถิ่นในการใช้เส้นทาง R12 ทั้งผู้แทนสภาหอการค้าภาคเอกชน หอการค้าจังหวัดนครพนม สภาอุตสาหกรรม ซึ่งได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ในการพัฒนาศักยภาพเส้นทางนี้ ทั้งประเด็นที่ต้องแก้ไขและปัญหาที่ทราบกันดีอยู่

ท่านทูตอนุสนธิ์ ให้ข้อมูลอีกว่า ที่ผ่านมา ลาวได้บทเรียนจากเส้นทางหมายเลข 9 ไทยออกจากมุกดาหาร เข้าเวียดนามเลย จึงตั้งคำถามกับถนนหมายเลข 12 ว่า ลาวเขาจะได้อะไรถ้าเราผ่านเขาไปเลย เพราะเส้นทางนี้เสร็จก็วิ่งผ่านลาวไปเลย การชวนเชิญนักลงทุนไปทำอะไรที่ลาวก็ทำได้ยากลำบาก เพราะเวลาน้อย ไม่มีความจำเป็นต้องแวะ

สำหรับการสำรวจเส้นทาง R12 ในเรื่องสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างที่พักรถที่พักคน และร้านอาหารนั้น ท่านทูต ระบุชัดว่า "ระหว่างทางไม่มี ผมมองว่าต้องเชิญชวนนักธุรกิจต่างชาติ เข้าไปลงทุน ช่วงใหม่ๆ เขาอาจจะตื่นเต้น แต่ต่อไปหากสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ไม่เกิดขึ้น เรื่องที่ 3 ประเทศลงทุนสะพาน ถนน ด่านผ่านแดนเวียดนาม-ลาว ที่สร้างด่านใหม่รองรับปริมาณคน ปริมาณรถ เวียดนามก็พยายามปรับปรุงพื้นที่ขนถ่ายสินค้า จะใช้ประโยชน์ไม่คุ้มค่า

เส้นทางนี้มีศักยภาพพอสมควรในแง่ที่เป็นเส้นทางที่ใกล้ที่สุดจากไทยไปเวียดนาม ซึ่งส่วนที่แคบของลาวก็อยู่ตรงนี้ ของเวียดนามก็อยู่ตรงนี้ ถ้าปรับปรุงมาตรฐานของถนน เรื่องการผ่านแดนถนนดีขึ้น ขับขี่ได้เร็วขึ้น เดินทางจากนครพนมไปฮานอยภายในวันเดียวก็สามารถทำได้ คือสามารถรับประทานข้าว 3 มื้อ ใน 3 ประเทศ"

อย่างไรก็ตาม ประเด็นนี้คงต้องรอดูกันต่อไปในอนาคตอันใกล้ พร้อมกันนั้น ท่านทูตอนุสนธิ์ ยังเปรยด้วยภาษาสุภาพให้ฝ่ายเวียดนามฟังเกี่ยวกับปัญหาค่าใช้จ่ายจากอีสานของไทยมายังท่าเรือของจังหวัดในภาคกลางของเวียดนาม ซึ่งถ้าพูดกันตรงๆ ก็คือค่อนข้างสูง

"ถ้าเราแก้ไขอุปสรรคให้สะดวกขึ้น การขนส่งสินค้าท่องเที่ยวหรือเดินทางเรื่องธุรกิจก็จะสะดวกขึ้น ทั้งหมดรัฐบาลทั้ง 3 ประเทศทำไปเพื่อเป็นทางเลือกให้ผู้ประกอบการที่จะต้องเลือกว่าคุ้มค่าหรือไม่

ฝ่ายไทยมีนโยบายมาหลายปีแล้วในการที่จะส่งเสริมผู้ประกอบการของไทยในภาคอีสาน ส่งออกสินค้าต่างๆ มายังเวียดนามและประเทศอื่นๆ โดยใช้ท่าเรือในประเทศเวียดนาม แต่ที่ผ่านมาไม่มีการใช้มากนักเพราะเอกชนต้องคำนึงค่าใช้จ่ายต้นทุน ความสะดวกอื่นๆ และความคุ้นเคยในการดำเนินธุรกิจ ดังนั้น ฝ่ายรัฐบาลของ 2 ประเทศก็ต้องมาช่วยแก้และอำนวยความสะดวกให้เอกชนมาใช้เส้นทางนี้"



ปัญหาที่รอการแก้ไข

แม้ในความเป็นจริงรัฐบาลของ 3 ประเทศต้องการให้การไปมาหาสู่กันสะดวกทั้งในเรื่องของคนและสินค้า แต่สภาพปัจจุบันก็ยังมีปัญหาอุปสรรคหลายอย่างที่รอการแก้ไขจากรัฐบาลของ 3 ประเทศ

"ขอย้ำว่า รัฐบาล 3 ประเทศ ไทย ลาว และเวียดนาม ลงทุนพัฒนาเส้นทางเหล่านี้ไม่น้อย ดังนั้น ต้องแก้ไขปัญหาอุปสรรคที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นค่าธรรมเนียม หรือปัญหารถพวงมาลัยซ้าย (เวียดนาม ลาว กัมพูชา พม่า) พวงมาลัยขวา (ไทย มาเลเซีย สิงคโปร์) ซึ่งคงต้องไปศึกษาที่ยุโรปด้วยว่า แก้ปัญหานี้อย่างไร"

กับคำถามที่ว่าการลงทุนสร้างสะพานมิตรภาพ แห่งที่ 3 กว่าพันล้านบาทนั้น คุ้มค่ากับการลงทุนหรือไม่ ท่านทูตอนุสนธิ์ ตอบชัดเจน

"ตอนนี้ได้ยินได้ฟังแล้วว่าไม่คุ้มค่าหรือบางครั้งที่ค่าใช้จ่ายไม่แน่นอน จึงต้องนำเสนอรวบรวมให้กระทรวงต่างประเทศนำไปสู่การประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ซึ่งตอนช่วงนายกรัฐมนตรีเดินทางไปเวียดนามเมื่อ 30 ตุลาคม 2554 ที่ผ่านมา ได้หารือว่าเส้นทางเชื่อมโยง 3 ฝ่ายให้ใช้เส้นทางเต็มตามศักยภาพและให้มีการหารือแก้ปัญหาอุปสรรค

อย่างที่ทราบกันว่า เวียดนามเปิดประเทศมาได้พักใหญ่แล้ว และเศรษฐกิจของประเทศก็โตวันโตคืน แม้จะมีปัญหาอุปสรรคในเรื่องเงินเฟ้อบ้างแต่ก็ไม่ได้สาหัสจนกีดขวางการพัฒนาบ้านเมือง ที่ผ่านมา นักลงทุนต่างชาติก็เข้าไปทำธุรกิจใหญ่ๆ กันทั้งนั้น หลายคนคงอยากรู้ว่าที่นั่นยังมีช่องทางทำอะไรได้อีกบ้าง"



ต้องรู้กฎระเบียบก่อนเข้าไปลงทุน

"สิ่งที่อยากแนะนำนักลงทุนไทยที่สนใจลงทุนในเวียดนาม ประการแรกต้องเริ่มต้นจากเข้าใจสภาพ ให้ศึกษาระบบการเมืองการปกครองของเพื่อนบ้านก่อน เขาเป็นสังคมนิยม ต้องเข้าใจสภาพเวียดนาม ที่ผ่านมา เราชอบคิดว่าเพื่อนบ้านเราจะเหมือนเรา ความจริงเขาไม่เหมือน เช่นลาว เขามีระบอบเป็นสังคมนิยม อะไรหลายอย่างคิดทำเหมือนบ้านเราทำไม่ได้

ต้องศึกษาปัจจัยพื้นฐานก่อน และต้องศึกษากฎระเบียบที่จะไปลงทุน เช่น กฎระเบียบทั่วไปในการลงทุนต่างประเทศ การใช้ที่ดินการลงทุนร่วมทุน การจดทะเบียน บริษัทก็มีกฎหมายสารพัด ทั้งภาษี การทำบัญชีแรงงานที่ต้องศึกษา นักธุรกิจบางคนชอบถามว่าทำอะไรดี ต้องถามกลับว่าทำอะไรอยู่ก็ควรทำในเรื่องธุรกิจที่ตัวเองชำนาญ แต่ถ้าเรารู้แล้วก็ต้องไปสำรวจตลาดว่ามีช่องทางมากน้อยแค่ไหน

ในมุมมองของผม ธุรกิจการผลิตอุตสาหกรรมใหญ่ๆ จะเข้าไปทำในเวียดนามค่อนข้างยากเพราะว่าเขาทำของเขาเอง มีรัฐวิสาหกิจมากมายที่เราแข่งกับเขาลำบาก นอกจากเราเป็นบริษัทใหญ่ๆ เช่นถ้าไม่ใช่ ปตท. ปูนซิเมนต์ไทย หรือซีพี จะไปแข่งผลิตอะไรกับเขาจะลำบาก นอกจากเป็นธุรกิจอะไรที่เฉพาะ และมีความต้องการของตลาด เช่น บริษัทไปทำสีทาบ้าน ทำหลังคา สุขภัณฑ์ เพราะเวียดนามมีการสร้างบ้านซื้อบ้านยังมีความต้องการที่ตลาดต้องการ หรือถ้าผู้ประกอบการจะไปผลิตสินค้าเพื่อขายในประเทศหรือส่งออกเช่นขายในประเทศเขาไม่ง่าย เช่นบริษัททำเครื่องสำอางเขาก็ปกป้อง กำแพงค่อนข้างมาก

ถ้าจะต้องไปทำเครื่องสำอาง ต้องผ่าน อย. ของเขา ซึ่งยากมาก หรือคนที่จะส่งสินค้าไปขายก็ต้องผ่าน อย. อาหารเสริมก็ไม่ง่าย ต้องเข้าไปสำรวจและศึกษากฎระเบียบ"



ตั้งศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในเมืองญวน

"ปัจจุบัน คนเวียดนามมีกำลังซื้อมากขึ้น ทำให้โอกาสทางธุรกิจของไทยมีมากขึ้น แต่ต้องศึกษาตลาดอย่างจริงจัง บริษัทต่างชาติจำนวนมากที่มาลงทุนในเวียดนามนิยมจ้างบริษัทที่ปรึกษาให้สำรวจความเป็นไปได้ของตลาดเบื้องต้น ธุรกิจขนาดใหญ่ของสหรัฐอเมริกา หรือยุโรป ก็ตั้งหอการค้าของตัวเองขึ้นมาในเวียดนาม เพื่อช่วยดูแลผลประโยชน์ หรือให้คำแนะนำด้านการลงทุนแก่สมาชิก ที่เราเสียเปรียบฝรั่งตรงที่เขามีการรวมตัวกัน มีคนดูแลให้คำแนะนำให้ได้ อย่างไรก็ตาม หากจะใช้ข้อมูลลึกๆ ให้จ้างบริษัทที่ปรึกษา

ที่ผ่านมา นักธุรกิจไทย ยังไม่มีองค์กรลักษณะนี้ ดังนั้น ทางสถานทูตไทยได้จัดตั้ง ศูนย์ข้อมูลธุรกิจไทยในเวียดนาม //hanoi.thaiembassy.org/ ไว้สำหรับข้อมูลการลงทุนเบื้องต้นในเวียดนาม ว่าไปแล้ววัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมคนไทยกับคนเวียดนามก็ไม่เหมือนกัน ฉะนั้น ควรมีการทำสัญญาให้ชัดเจนก็จะป้องกันปัญหาที่จะตามมาได้เยอะ"

เป็นคำตอบที่คงทำให้ผู้ประกอบการที่อยากจะเข้าไปลงทุนในเวียดนามได้แง่คิดดีๆ



เวียดนามกับ AEC

ส่วนเรื่องการเตรียมความพร้อมของเวียดนามในการเข้าสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC นั้นท่านทูตอนุสนธิ์ แจกแจงว่า "ไทยและเวียดนามต่างมีเป้าหมาย และกำหนดการ สำหรับแผนปฏิบัติต่างๆ เพื่อก้าวสู่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนในปี 2015 แต่เวียดนามมีปัญหาน้อยกว่าในการผ่านร่างกฎหมายต่างๆ ให้สอดคล้องกับเป้าหมายที่ตั้งไว้ เขาค่อนข้างจะทำได้ตามเป้ามากกว่า เนื่องจากเขามีความต่อเนื่องของรัฐบาล และรัฐสภา

ในส่วนของประชาชนเวียดนาม ผมไม่แน่ใจว่าเขาทราบแค่ไหนว่าอาเซียนจะรวมเป็นตลาดเดียวในปี 2558 แต่ประชาชนเขาไม่ตั้งคำถามว่า การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนดีต่อประเทศหรือไม่ เมื่อพรรคบอกว่าดี รัฐบาลบอกว่าดี ประชาชนก็เชื่อ หน่วยงานที่กำหนดนโยบาย แปรนโยบายไปปฏิบัติ จัดการเรียน การสอน ตามที่รัฐบาลกำหนดมา

ฉะนั้น ถ้าถามในมุมของประชาชนทั่วไปเป็นเรื่องที่ตอบยากเพราะเราไม่รู้ว่าคนของเขารับรู้รับทราบแค่ไหน เนื่องจากบางทีเขาก็คิดว่ารัฐบาลทำดีแล้ว เขาเคยชินกับการฟังผู้นำหรือรัฐบาลมากกว่า แต่ประเทศเราเสรีจะมีคนติดตามทำดีแล้วหรือไม่

ในส่วนของประเทศไทย เรารู้สึกว่าเราล่าช้าในการเข้าสู่ประชาคม เพราะการเมืองไม่มั่นคง มีกฎหมายที่เกี่ยวกับ AEC คั่งค้างอยู่ในสภาหลายสิบฉบับ ซึ่งท่านสมศักดิ์ เกียรติสุรนนท์ ประธานสภาผู้แทนราษฎร รับปากเมื่อตอนไปเยือนกรุงฮานอยเมื่อปีที่แล้วว่าจะช่วยเร่งรัดผลักดันให้เร็วที่สุด"


ที่มา //info.matichon.co.th/



Create Date : 01 พฤษภาคม 2555
Last Update : 1 พฤษภาคม 2555 9:08:47 น. 0 comments
Counter : 1543 Pageviews.

Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.