พระบทม์ เป็นพระประธานในวิหารเก่าแก่ของวัดกลางที่มีมาตั้งแต่ครั้งสร้างวัด เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ขนาดหน้าตักกว้าง 78 นิ้ว สูง 108 นิ้ว สร้างด้วยอิฐดินเหนียวผสมเกสรดอกบัวและว่านจำปาศักดิ์ป่นละเอียดคลุกเคล้ากับยางบง น้ำแช่หนังวัวเผา น้ำแช่เปลือกเม็ก น้ำข้าวเจ้าต้ม หินเผาไฟป่นให้ละเอียด น้ำอ้อยเคี่ยวให้เหนียวผสมเป็นเนื้อเดียวกันดีแล้วใช้ฉาบทาให้เป็นผิวขององค์พระบทม์ ด้วยกรรมวิธีแบบโบราณที่เรียกว่า “ปูนน้ำอ้อย”
คำว่า “พระบทม์” มาจากคำว่า ปทุม ปทม บทม์ หมายถึง พระดอกบัว ได้แก่ บัวหลวงมีสีแดงกลิ่นหอม เป็นพระพุทธรูปที่ประสาทพรเกื้อกูลให้เกิดความสำเร็จ ตามแรงแห่งสัจจาอธิษฐานปรารถนา พระบทม์นั้นมีพุทธลักษณะที่งดงาม จึงทำให้เกิดภาษาพูดของคนโบราณเมื่อได้พบเห็นสิ่งที่งดงาม จึงมักจะอุทานเปรียบเทียบว่า “จะแม่นงามปานพระบทม์” หรือ งดงามดังพระบทม์
เดินออกมาแล้วค่ะอาคารเก่าสวย ๆ ก็เยอะค่ะร้านของฝากหอประวัติศาสตร์ อุบลราชธานีศรีวะนาไล หรืออาคารโรงเรียนเบ็ญจะมะมหาราช หลังเก่า13.21 น. วัดสุทัศนาราม
วัดสุทัศนาราม เป็นวัดสังกัดคณะสงฆ์ธรรมยุติกนิกายลำดับที่ 3 ของเมืองอุบลราชธานี อาณาเขตทิศเหนือจดชุมชนวัดสุทัศนาราม และ บ้านพักข้าราชการศาลจังหวัด ทิศใต้จดถนนพโลรังฤทธิ์ ทิศตะวันตกจดถนนอุปราชและชุมชนบ้านก่อ ทิศตะวันออกจดศาลจังหวัดอุบลราชธานีและศาลแขวงจังหวัดอุบลราชธานีราชบุตร (สุ้ย) ต้นตระกูล บุตโรบล พร้อมหมู่ญาติได้อุทิศที่สวนสร้างเป็นวัดขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2396 โดยอาราธนา ท่านพิลา จากวัดสุปัฏนารามวรวิหาร มาเป็นเจ้าอาวาสรูปแรก ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมาเมื่อปี พ.ศ. 2477 เดิม ชื่อวัดสุทัศน์ สันนิษฐานว่าได้ชื่อมาจากตำแหน่งที่ตั้งวัดซึ่งตั้งอยู่ชายดงอู่ผึ้ง มีความงามสง่าแลเห็นแต่ไกล หรืออีกนัยหนึ่งเชื่อว่ามาจากตัวอักษรตัวแรกของนามผู้สร้างวัดคือ สุ ในคำว่า สุ้ย สุทัศนาราม จึงหมายถึงวัดที่อยู่อันรื่นรมย์ดูงาม
อุโบสถเป็นอาคารทรงไทยผสมยุโรปซึ่งได้รูปแบบมาจากวัดสุปัฏนารามวรวิหาร แต่มี ขนาดเล็กกว่าและไม่มีระเบียง ช่อฟ้าเป็นนาคสะดุ้งหน้าบันประดับปูนปั้นลายพรรณพฤกษา มุขหน้ายื่น ออกมาจากหลังคา ปีกนก มีบัวหัวเสา หน้ากระดานใต้หน้าบันเป็นลายประจำยามมีประตูด้านหน้า 2 ช่องและด้านหลัง 2 ช่อง มีหน้าต่างที่ด้านหน้าและด้านหลังด้านละ 2 ช่อง ด้านซ้ายและขวาด้านละ 8 ช่องมีรูปปั้นสิงโตหมอบข้างบันไดหน้า 2 ตัว บันไดหลัง 2 ตัวกำแพงแก้วมีใบเสมาศิลาของเก่าจำนวน 6 ใบ ที่ฐานใบเสมาด้านหน้าติดกับอุโบสถ เป็นที่บรรจุอัฐิหม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา ชายาในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์ ผู้สำเร็จราชการมณฑลอีสาน มีภาพและจารึกความว่า “หม่อมเจียงคำ ชุมพล ณ อยุธยา ท.จ. ในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ชาตะ ๔ ธันว์ ๒๔๒๒ มรณะ ๒๐ ตุล ๒๔๘๑”ร้อนค่ะ แวะเข้าที่พัก นั่งพัก สั่งลาเต้เย็นมากินยังไม่ทันหมดแก้วดี น้องมิก โทร.มา จะมารับ บอกอยากเลี้ยงกาแฟพี่หนู...ไปก็ไป 555ร้านอะไร จำไม่ได้ค่ะ ประมาณ 4 โมงเย็น ตามนัดหมาย น้อง poongie มารับพี่หนูที่โรงแรมเราจะไปวัดสิรินธรวรารามภูพร้าวกันค่ะ ระหว่างทางไป ก็ลุ้นกันว่า ขอให้ไปถึงก่อนพระอาทิตย์ตก17.21 น. เรามาทันค่ะ รักพี่เสียดายน้อง ขอเรียงแบบนี้ละกันค่ะหลังจากพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าแล้ว รอฟ้ามืดค่ะ 17.27 น.
วัดสิรินธรวรารามภูพร้าว หรือที่ชาวบ้านนิยมเรียกกันสั้น ๆ ว่า “วัดภูพร้าว” เดิมพื้นที่แห่งนี้เป็นป่ามีความอุดมสมบูรณ์ แต่เนื่องจากเป็นหน้าผาสูง ไม่มีแหล่งน้ำ จึงไม่มีชาวบ้านอาศัยอยู่ ครั้นเมื่อพระอาจารย์บุญมาก ฐิติปัญโญ เดินทางจากลาวมาเผยแผ่ธรรมะทางฝั่งไทย ท่านได้มาพักปักกลดที่ภูพร้าว ในราวปี พ.ศ. 2495 - 2498 ท่านได้ขอบิณฑบาตพื้นที่แห่งนี้ไว้ สร้างเป็นวัดขึ้น พื้นที่วัดนี้อยู่ใกล้กับจุดผ่านแดนช่องเม็ก ชายแดนแบ่งเขตไทย-ลาว เพื่อเป็นสถานที่บำเพ็ญบุญระหว่างพี่น้องชาวไทย-ลาว เนื้อที่สร้างวัดประมาณ 500 ไร่ และให้ชื่อว่า วัดภูพร้าว
ที่เห็นหลังคามุมขวาล่างตรงนั้น คือ จุดผ่านแดนช่องเม็กฝั่งลาวค่ะ17.42 น.17.47 น.ไม่มีขาตั้งกล้องค่ะ พยายามแล้วได้แค่นี้ รูปแบบสถาปัตยกรรมของอุโบสถมีต้นแบบมาจากวัดเชียงทองของ สปป.ลาว ด้านหลังอุโบสถมีประติมากรรมนูนต่ำภาพต้นกัลปพฤกษ์ที่เรืองแสงได้เมื่อได้รับพลังงานจากแสงอาทิตย์ เพราะสร้างด้วยกระเบื้องเคลือบสารฟลูออเรสเซนต์ จะเห็นการเรืองแสงได้ชัดเจนในช่วงเย็นก่อนที่ poongie จะส่งกลับที่พัก เรามาแวะกินมื้อเย็นกันที่นี่ค่ะกินกัน 2 คน กับข้าว 4 อย่าง ...ไม่เหลือค่ะ6 โมงกว่า เช้าวันที่ 4 ธันวาคม 2562 วันสุดท้ายของทริป เดินมาหามื้อเช้ากิน + ซื้อของฝากกลับบ้านกินก๋วยจั๊บร้านข้าง ๆ ร้านตองหนึ่ง (ก๋วยจั๊บนี่กินทุกวัน ร้านไม่ซ้ำกัน อร่อยทุกร้าน สมกับที่อยากกินเลย) ต่อด้วยกาแฟร้านดาวคอฟฟี่กลับมาเช็คเอาท์ เรียกแท็กซี่ไปสนามบิน แท็กซี่มิเตอร์ที่นี่ เริ่มต้นที่ 40 บาท ถึงสนามบิน 50 บาทไม่ขาดไม่เกินเช็คอินล่วงหน้ามาแล้วค่ะลาแล้วนะเมืองอุบล มีโอกาสจะกลับมาอีกค่ะ ขอบคุณปุ๊ก ขอบคุณนิดหน่อย ขอบคุณมิก ที่ดูแลเอื้อเฟื้อพี่หนูเป็นอย่างดี ความเดิม ปราสาทวัดพูน้ำตกตาดฟาน น้ำตกตาดเยืองปากซองไฮแลนด์ สวนดอกไม้มนตราน้ำตกคอนพะเพ็งตะวันขึ้นที่ผาแต้มภาพเขียนสีผาแต้มทุ่งดอกไม้ป่าสร้อยสวรรค์หาดสลึง สามพันโบกทุ่งดอกไม้ป่าวนอุทยานน้ำตกผาหลวงวัดทุ่งศรีเมือง วัดมณีวนาราม วัดมหาวนารามอาสนวิหารแม่พระนิรมล วัดสุปัฏนารามวรวิหารวัดพระธาตุหนองบัววัดศรีอุบลรัตนาราม ทุ่งศรีเมือง มื้อเช้าที่สามชัยกาแฟ วัดหลวง วัดแจ้ง