Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
25 กรกฏาคม 2554
 
All Blogs
 

วัดพระศรีรัตนศาสดาราม....ตอนจบ








วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตอนจบ




สวัสดีเช้าวันจันทร์ค่ะ มาพร้อมกับฝน...สมกับเป็นหน้าฝนจริงๆ ตกแทบทุกวัน...วันนี้...จบแล้วค่ะ เกือบเป็นมหากาพย์เหมือนกันนะคะ ใส่รูปไปเยอะ ตอนก็น้อยลง...มีบ้างมั้ย เวลาไปไหนไม่ได้ถ่ายรูปมาเลย หรือถ่ายมาแต่ไม่เยอะ...มีหลายที่ค่ะ ไม่ได้ถ่ายเลยก็มี กล้องก็ถือไป...ไม่สะดวกบ้าง หรือ...ถ่ายมาเป็นสิบ ยี่สิบ รูปใช้ได้แค่สอง สามรูปก็มี....


วันนี้เป็นภาพรวมๆ นะคะ เพราะหลังจากเดินดูจิตรกรรมฝาผนังบริเวณพระระเบียง เดินไปจนสุดทางพระระเบียง....หาทางออกไม่เจอค่ะ เลยเดินกลับมาเพื่อหาทางออก.....









วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตอนที่ ๑ ที่นี่ค่ะ




วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตอนที่ ๒ ที่นี่ค่ะ











พระเศวตกุฎาคารวิหารยอด



พระเศวตกุฎาคารวิหารยอด ตั้งอยู่กลางระหว่างหอพระมณเฑียรธรรม และหอพระนากทิศเหนือของพระมณฑป ที่ตั้งของพระวิหารหลังนี้ แต่เดิมเป็นที่ตั้งของหอพระเชษฐบิดร หรือเรียกกันอีกชื่อหนึ่งว่า วิหารขาว พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในระยะที่ ๒ ของการสร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อประดิษฐานพระเทพบิดร ซึ่งแต่เดิมเป็นเทวรูปสมเด็จพระรามาธิบดีที่ ๑ (อู่ทอง) พระปฐมกษัตริย์ผู้ทรงสร้างกรุงศรีอยุธยา สมเด็จ ฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่า แต่เดิมคงตั้งอยู่ที่มุขเด็จวัดพระศรีสรรเพชญ แล้วย้ายมาตั้งอยู่ที่มุขเด็จพระปราง วัดพุทไธสวรรย์ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา หลังจากถูกไฟเผาหมดทั้งองค์จึงโปรดเกล้า ฯ ให้อัญเชิญมากรุงเทพฯ แล้วแปลงเป็นพระพุทธรูปเงินปิดทองทรงเครื่อง ประดิษฐานไว้ในพระวิหารเรียกกันว่า หอพระเชษฐบิดร รูปร่างของหอพระหลังนี้จะเป็นอย่างไรไม่ปรากฏ แต่เรียกว่าวิหารขาว ทั้งนี้อาจจะเป็นเพราะฝาผนังโปกปูนขาว


ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้รื้อลงสร้างขึ้นใหม่เป็นวิหารยอด ตามที่กรมหลวงนรินทรเทวีได้ทรงบรรยายไว้ว่า "ทรงสร้างสรรพิหารยอดประดับพื้นผนังขาวแพรวพราวเลื่อนศรีเพรา เชิญพระศิลา ๓ พระองค์ ทรงประดิษฐานไว้เป็นพระประธานเฒ่าฝาผนังเขียนเรื่องอิเหนา ลายระบายเส้นทองคำ ประดับพื้นทำล้วนศิลาลาดสะอาดเลื่อมบรรจงสรร" ในการสร้างพระวิหารยอดครั้งนี้ได้โปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานพระเทพบิดรและพระนากซึ่งย้ายมาจากหอพระนาก และพระพุทธรูปศิลาดังที่กล่าวแล้ว
















ในสมัยรัชกาลที่ ๕ เมื่อมีการปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่องานฉลองพระนครครบ ๑๐๐ ปี โปรดเกล้า ฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอชั้น ๔ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าชุมพลสมโภช ทรงรับผิดชอบการบูรณะปฏิสังขรณ์พระวิหารยอด ซ่อมแซมหลังคาและยอดมงกุฎ ถือปูนประดับกระเบื้องถ้วยขึ้นใหม่ ซ่อมซุ้มประตูและบานหน้าต่างภายนอกและภายในพร้อมทั้งประดับพระปรมาภิไธยย่อ " จปร. " ภายใต้พระเกี้ยวยอดบนยอดโค้งแหลมของซุ้มโค้งรอบพระวิหาร


ในสมัยรัชกาลที่ ๗ เมื่อเตรียมงานฉลองพระนครครบ ๑๕๐ ปี ได้มีการบูรณะพระวิหารยอดครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดยซ่อมตั้งแต่ฐานถึงยอด เช่น ยอดพุ่มข้าวบิณฑ์ปิดทองใหม่ ซ่อมลายกระเบื้อง ลงรักปิดทองวงกบประตูและซ่อมลายมุกที่ประตูด้วย


ในสมัยรัชกาลปัจจุบัน เมื่อเตรียมงานฉลองพระนครครบ ๒๐๐ ปี ได้มีการบูรณะพระวิหารยอดอีกครั้งหนึ่งในส่วนที่ชำรุดเสียหาย โดยรักษาศิลปะการก่อสร้างแต่เดิมไว้ ไม่ได้เปลี่ยนแปลงประการใด


























ดูคนที่ยืนอยู่...ตัวเล็กนิดเดียวเอง...ยิ่งใหญ่อลังการมากเลยค่ะ





















พระอารามหลวงวัดพระศรีรัตนศาสดาราม (วัดพระแก้ว) นอกจากจะเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของไทย รวมทั้งสถาปัตยกรรม และศิลปกรรมอันวิจิตรงดงามต่าง ๆ แล้ว ยังมีพระยายักษ์ตัวสำคัญจากเรื่องรามเกียรติ์ ทำหน้าที่เป็นทวารบาลรวมทั้งสิ้นถึง ๑๒ ตน ยืนเฝ้าซุ้มประตูพระระเบียงคดทาง เข้า-ออก พระอุโบสถประตูละคู่


๑. ประตูด้านทิศตะวันออก (ประตูเกยเสด็จหน้า)

สุริยาภพ มีกายสีแดงชาด สวมมงกุฎยอดกาบไผ่ สวมแหวนทอง ๑ วง

อินทรชิต ซึ่งมีกายสีเขียว สวมมงกุฎยอดกาบไผ่เหมือนกัน ยืนคู่กับสุริยาภพ สวมแหวนทอง หัวแหวนสีเขียวมรกต ๑ วง


๒.ประตูหน้าวัว

มังกรกรรณฐ์ บุตรพญาขร มีกายสีเขียว สวมมงกุฏยอดนาค สวมแหวนทอง หัวแหวนสีแดงโกเมนที่นิ้วนางซ้าย ๑ วง ยืนคู่กับ วิรุฬหก

วิรุฬหก เป็นบุตรพญารากษส มีกายสีขาบ (สีน้ำเงินแก่อมม่วง) สวมมงกุฎนาค สวมแหวนทอง หัวแหวนสีแดงโกเมน ที่นิ้วนางซ้าย ๑ วง


๓.ประตูศรีรัตน์ด้านทิศใต้ ซึ่งเป็นประตูทางผ่านเข้าสู่บริเวณพระบรมมหาราชวังชั้นกลาง มีพระยายักษ์ฝาแฝดบุตรทศกัณฐ์ เป็นทวารบาล ๑ คู่ คือ ทศคีรีวัน และทศคีรีธร

ทศคีรีวัน บุตรทศกัณฐ์ กายสีเขียว มีจมูกเป็นงวงช้าง สวมมงกุฎยอดกาบไผ่ สวมแหวนทอง ๑ วง หัวแหวนสีเขียวมรกตที่นิ้วนางขวา

ทศคีรีธร บุตรทศกัณฐ์ กายสีแดงเข้ม ฝาแฝดกับ ทศคีรีวัน มีจมูกเป็นงวงช้าง สวมมงกุฎยอดกาบไผ่ สวมแหวนทอง ๑ วง หัวแหวนสีเขียวมรกตที่นิ้วนางซ้าย


๔.ประตูพระฤษี ด้านหลังพระอุโบสถคู่

จักรวรรดิ กายสีขาว มี ๔ เศียร สวมมงกุฎยอดหางไก่ สวมแหวนประดับนิ้วก้อยขวาหนึ่งวง

อัศกรรณมารา กายสีม่วงแก่ มีเศียร ๒ ชั้นสวมมงกุฎยอดหางไก่ สวมแหวนประดับ ๒ วง



ข้อมูลอ้างอิง : สำนักหอสมุดกลางมหาวิทยาลัยรามคำแหง





















กำลังหาทางออกนะคะ...เดินเก็บภาพไปเรื่อยๆ














































ด้านหลังของยักษ์ทวารบาลอีกหนึ่งตน ไม่กล้าใส่ชื่อค่ะ กลัวผิด










ดูเหมือนมุมเ้ดิม....แต่คนละุมุมนะคะ






















เดินเฟอะฟะไปมา...จนมาเจอป้ายบอกทางค่ะ




















พระมณฑป

พระมณฑป ตั้งอยู่ทางด้านทิศเหนือของพระอุโบสถ บนฐานไพทีร่วมของพระศรีรัตนเจดีย์ และปราสาทพระเทพบิดร พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. ๒๓๓๑ ตรงตำแหน่งที่ตั้งของหอพระมณเฑียรธรรมองค์เดิม ที่ถูกเพลิงไหม้ เพื่อประดิษฐานพระไตรปิฎกทองใหญ่ ที่พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้สังคายนาขึ้นไว้สำหรับแผ่นดิน


พระมณฑปนี้มีลักษณะ เป็นอาคารรูปสี่เหลี่ยมทรงมณฑป ตั้งอยู่บนฐานทักษิณ ๓ ชั้น มีชาลา และกำแพงแก้วล้อมรอบทุกชั้น บนกำแพงแก้วทั้ง ๓ ชั้นประดับด้วยโคมทองแดงทำเป็นรูปหม้อปรุ ระหว่างโคมปักฉัตรทำด้วยทองแดงลงรักปิดทอง มีใบโพธิ์แก้วห้อยทุกชั้น บันไดขึ้นฐานทักษิณมี ๘ บันได ราวบันไดทำเป็นรูปนาคสวมมงกุฎ ส่วนบันไดขึ้นฐานปัทม์ทำเป็นรูปคนสวมมงกุฎนาค หรือที่เรียกว่านาคจำแลง


รอบกำแพงชั้นล่างตั้งสิงห์หล่อด้วยสำริดไว้ทั้ง ๔ มุม มุมละหนึ่งตัว และที่ประตูทางขึ้นทางละหนึ่งคู่ทั้งสี่ทาง สิงห์สำริดนี้ตั้งอยู่บนฐานก่ออิฐถือปูนทำเป็นรูปพาน ประวัติกล่าวว่าสิงห์นี้นำมาจากเมืองบันทายมาส ประเทศเขมร ๒ ตัว และหล่อเพิ่มขึ้นอีก ๑๐ ตัว พื้นภายในพระอุโบสถปูด้วยแผ่นเงิน ตรงกลางตั้งตู้ประดับมุกทรงมณฑปขนาดใหญ่สำหรับเก็บพระไตรปิฎกฝีมืองดงามยิ่ง เจ้าพระยามหาเสนา (ต้นสกุล บุนนาค) เป็นผู้ควบคุมการสร้างตู้นี้


สมัยรัชกาลที่ ๓ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า ฯ ให้บูรณะและปฏิสังขรณ์พระมณฑปเป็นการใหญ่ สันนิษฐานว่าเป็นการบูรณะให้เหมือนของเดิมที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๑ แต่อาจจะเปลี่ยนแปลงในรายละเอียดบางประการ


ในสมัยรัชกาลที่ ๔ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้า ฯ ให้สร้างอาคารขึ้น ๒ หลัง ที่ด้านหน้าและด้านหลังของพระมณฑป ได้แก่พระพุทธปรางค์ปราสาท ตั้งอยู่ด้านหน้า และพระศรีรัตนเจดีย์ตั้งอยู่ด้านหลังของพระมณฑป เป็นผลให้มีการเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับพระมณฑปโดยได้มีการถมฐานทักษิณซึ่งเคยมีอยู่ ๓ ชั้น ถมเสีย ๒ ชั้นทำเป็น ๒ ระดับ คงไว้แต่ฐานชั้นที่ ๓ และรวมฐานของอาคารทั้ง ๓ หลังให้ตั้งอยู่บนฐานเดียวกันเรียกว่าฐานไพที มีกำแพงแก้วทำด้วยศิลาล้อมทั้ง ๒ ชั้นส่วนองค์พระมณฑปโปรดเกล้าฯ ให้รื้อเครื่องบนของหลังคาทำใหม่ พื้นภายในโปรดเกล้าฯ ให้สานเสื่อเงินปูใหม่


ในสมัยรัชกาลที่ ๕ ในการบูรณะปฏิสังขรณ์พระอารามคราวสมโภชพระนครครบ ๑๐๐ ปี โปรดเกล้าฯ ให้กรมหมื่นพิชิตปรีชากรควบคุมการปฏิสังขรณ์พระมณฑป ซ่อมทั้งโครงภายใน และสิ่งประดับตกแต่งภายนอก เมื่อถึงปลายรัชกาลตัวไม้เครื่องบนชำรุดมากจึงโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนตัวไม้ทั้งหลัง แต่การก่อสร้างยังค้างอยู่ ในสมัยรัชกาลที่ ๖ จึงโปรดเกล้าฯ ให้เปลี่ยนเครื่องยอดหลังคาจากปิดทองล่องชาดเป็นลงรักประดับกระจกสีเหลืองแทน


ในสมัยรัชกาลที่ ๗ และรัชกาลปัจจุบัน ได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์พระมณฑปทั้งหลังตามรูปแบบเดิม รวมทั้งซ่อมลายรดน้ำและลายมุกที่บานประตูด้วย




















พระเจดีย์ทอง ๒ องค์


พระเจดีย์ทอง ๒ องค์ตั้งอยู่บนฐานไพที ทางด้านทิศตะวันออกของพระพุทธปรางค์ปราสาท หรือปราสาทพระเทพบิดรในปัจจุบัน พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นอุทิศถวาย สมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก (พระราชบิดา) และพระราชมารดา แต่เดิมพระเจดีย์ทอง ๒ องค์นี้ตั้งอยู่ที่ขอบสระน้ำ ด้านทิศตะวันออกของ หอพระมณเฑียรธรรมองค์เดิม ต่อมาเมื่อ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระพุทธปรางค์ปราสาทขึ้น ที่ด้านหน้าและพระมณฑป ซึ่งสร้างขึ้นแทนหอพระมณเฑียรธรรมองค์เดิม พระเจดีย์ทองทั้งสององค์ คงจะกีดขวางการสร้างพระพุทธปรางค์ปราสาท จึงได้โปรดเกล้าฯ ให้ย้ายไปไว้ที่ด้านหน้ามุมเหนือและ ใต้ของพระพุทธปรางค์ปราสาท ในบริเวณที่เรียกว่ารักแร้ปราสาท


การย้ายดังกล่าวนี้ไม่ปรากฏหลักฐานว่าได้กระทำเมื่อใด แต่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้ทรงมีพระราชวิจารณ์ไว้ในจดหมายเหตุความทรงจำของกรมหลวงนรินทร์เทวีว่า "พระเจดีย์ทองสององค์นี้ พึ่งจะย้ายไปหน้าพุทธปรางค์ปราสาทในชั้นหลังทีเดียว แต่เหมือนกับก่อใหม่ทับบนพระเจดีย์เก่า เพราะจมอยู่ในพื้นทักษิณเสียมาก"

เมื่อเตรียมงานฉลองพระนครครบ ๑๐๐ ปี ในรัชกาลที่ ๕ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้โปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงอดิศรอุดมเดช เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็น พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นอดิศรอุดมเดชควบคุมการบูรณะพระเจดีย์ทองทั้งสององค์ และโปรดเกล้าฯ ให้พระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้ากมลาสเลอสรรค์ (พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหมื่นราชศักดิ์สโมสร) ควบคุมการหุ้มทองแดงใหม่และลงรักปิดทอง รวมทั้งสร้างรูปมารแบกพระเจดีย์นี้ขึ้นใหม่ด้วย ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ ๖ เมื่อคราวบูรณะปราสาทพระเทพบิดร พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ชะลอพระเจดีย์ทอง ๒ องค์ จากรักแร้ปราสาทไปไว้ที่มุมฐานทักษิณปราสาทพระเทพบิดรดังที่ปรากฏในปัจจุบัน


ลักษณะสถาปัตยกรรม

พระเจดีย์ทองทั้ง ๒ องค์นี้เป็นเจดีย์ที่มีลักษณะเหมือนกันทั้งขนาดรูปร่างและความสูง เป็นพระเจดีย์ทรงเครื่องย่อมุมไม้สิบสองหุ้มด้วยแผ่นทองแดงหรือที่เรียกว่าทองจังโก แล้วลงรักปิดทองทับอีกชั้นหนึ่ง ลักษณะของพระเจดีย์ย่อมุมแบบนี้เป็นแบบที่สืบเนื่องมาจากสมัยอยุธยาตอนปลาย ฐานของพระเจดีย์เป็นรูปแปดเหลี่ยมบุด้วยหินอ่อนจำหลักลายเป็นรูปกากบาท เหนือฐานแปดเหลี่ยมตั้งประติมากรรมรูปมารแบกและกระบี่แบกด้านละ ๓ ตน และทุกย่อมุมอีกมุมละ ๒ ตน รวมทั้งหมด ๒๐ ตน เฉพาะตัวกลางทั้ง ๔ ด้านเป็นขุนกระบี่นอกจากนั้นเป็นพระยากุมภัณฑ์ทั้งหมด แต่ละตนมีใบหน้า เครื่องแต่งตัวและสีของกายเป็นไปตามลักษณะในเรื่องรามเกียรติ์ เหนือขั้นไปเป็นฐานสิงห์ ๓ ชั้น มีหน้ากระดานสลับระหว่างฐานสิงห์ ๖ ชั้น ตอนบนเป็นองค์ครรภธาตุทรงจอมแห แต่งลายที่ทองจังโกเป็นรูปดอกบัวที่กึ่งกลางทั้ง ๔ ด้าน รองรับด้วยฐานบัวหงาย ยอดปลายปักยอดนภศูลเป็นโลหะฉลุโปร่งปิดทองทรงพุ่มข้าวบิณฑ์

























หอพระคันธาราษฎร์ และพระมณฑปยอดปรางค์


หอพระคันธารราษฎร์ ตั้งอยู่มุมพระระเบียง ด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ ของพระอุโบสถ อยู่บนฐานไพทีเดียวกันกับพระมณฑปยอดปรางค์ ซึ่งสร้างขึ้นพร้อมกัน โดยมีหอพระคันธารราษฎร์ ตั้งอยู่ด้านทิศเหนือของ พระมณฑปยอดปรางค์ ตั้งอยู่ด้านทิศใต้ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้สร้าง
หอพระคันธารราษฎร์ ขึ้นเพื่อประดิษฐานพระคันธารราษฎร์ ซึ่งเป็นพระปฏิมาสำคัญในพระราชพิธีพืชมงคลจรดพระนังคัลแรกนาขวัญ และพิรุณศาสตร์ และให้สร้างพระมณฑปยอดปรางค์เพื่อประดิษฐานพระเจดีย์โบราณที่ทรงได้มาจากเมืองเหนือ นอกจากนั้นยังโปรดเกล้าฯ ให้ประดิษฐานพระแท่นมนังคศิลาอาสน์ของสมเด็จพระร่วงเจ้ากรุงสุโขทัย ซึ่งทรงอัญเชิญมาจากเมืองเหนือ ที่หน้าหอพระคันธารราษฎร์ด้วย


เมื่อเตรียมงานฉลองพระนครครบ ๑๐๐ ปี ในรัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จ ฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ เมื่อครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอ พระองค์เจ้าจิตรเจริญ เป็นแม่กองควบคุมการบูรณะปฏิสังขรณ์หอพระคันธารราษฎร์ ประดับกระเบื้อง ปูพื้นศิลา ทำกำแพงแก้ว ทำซุ้มเรือนแก้วภายนอก ซ่อมเพดาน และภายเขียนภายในโดยมีพระองค์เจ้าปรีดา พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมขุนวรจักรธรานุภาพ เป็นผู้ทำกระเบื้องเคลือบประดับหอพระคันธารราษฎร์ และพระมณฑปยอดปรางค์ทั้งหมด นอกจากนั้นเมื่อโปรดเกล้า ฯ ให้รื้อหอพระสำหรับทำพิธีจรดพระนังคัลแรกนาขวัญจากท้องสนามหลวง ได้โปรดเกล้าฯ ให้นำรูปวัวโลหะคู่หนึ่งจากหน้าหอมาตั้งไว้หน้าหอพระคันธารราษฎร์ด้วย ปัจจุบันย้ายไปตั้งอยู่หน้าพระอุโบสถนอกกำแพงแก้ว


ในรัชกาลที่ ๖ โปรดเกล้าฯ ให้ทำพนัก และฐานรองรับพระแท่นมนังคศิลาอาสน์ และอัญเชิญไปประกอบเป็นพระราชบัลลังก์ ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตรในพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ส่วนในรัชกาลที่ ๗ ได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์หอพระคันธารราษฎร์ และพระมณฑปยอดปรางค์ ในส่วนที่ชำรุดเสียหายเมื่อเตรียมงานฉลองพระนครครบ ๑๕๐ ปี นอกจากนั้นยังโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญพระแท่นมนังคศิลาอาสน์ไปประดิษฐานไว้ที่พระที่นั่งอนันตสมาคมพระราชวังดุสิต แต่หลังเปลี่ยนแปลงการปกครองแล้วได้อัญเชิญมาไว้ที่พระวิหารยอด ในวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เฉพาะแต่พระแท่น พนักและฐานไม้รองรับเท่านั้น


ในรัชกาลปัจจุบันเมื่อเตรียมงานฉลองพระนครครบ ๒๐๐ ปี ได้มีการบูรณะปฏิสังขรณ์อาคารทั้ง ๒ หลังนี้อีกครั้งหนึ่งโดยยังคงรักษาศิลปะเดิมไว้ไม่ได้เปลี่ยนแปลง ส่วนพระแท่นมนังคศิลาอาสน์นั้น สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารีองค์ประธานดำเนินการบูรณะวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ได้โปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญจากพระวิหารยอดไปประดิษฐานที่พิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งปรับปรุงจากโรงกษาปณ์เดิมสมัยรัชกาลที่ ๕ และใช้เป็นตึกกองมหาดเล็กในเวลาต่อมา























































พระอัษฎามหาเจดีย์


พระอัษฎามหาเจดีย์หรือพระปรางค์ ๘ องค์ ตั้งเรียงกันอยู่หน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ภายนอกพระระเบียง ๖ องค์ ภายในพระระเบียง ๒ องค์ พระอัษฎามหาเจดีย์เป็นชื่อที่คณะกรรมการอำนวยการปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เมื่อฉลองพระนครครบ ๒๐๐ ปี มีมติให้เรียกชื่อรวมเป็นทางการตามชื่อที่ปรากฎในการบูรณะปฏิสังขรณ์สมัยรัชกาลที่ ๓ ของพระศรีภูริปรีชา

พระมหาเจดีย์ทั้ง ๘ องค์นี้ไม่ปรากฏหลักฐานการสร้างที่แน่นอน อาจจะสันนิษฐานได้เป็น ๒ นัยคือ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๑ พร้อมๆ กับพระอุโบสถ หอพระมณเฑียรธรรมองค์เดิม พระระเบียง ศาลาราย และปูชนียสถานอื่นๆ ดังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้ทรงมีพระราชวิจารณ์ แผนที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามในรัชกาลที่ ๑ เกี่ยวกับพระมหาเจดีย์นี้ว่า "ด้านตะวันออกนอกพระระเบียงมีพระปรางค์ ๘ องค์ เดิมประดับกระจกสีต่าง ๆ" แต่ร่างหมายในรัชกาลที่ ๓ กล่าวว่า "จมื่นไวยวรนารถรับพระราชโองการใส่เกล้าฯ สั่งว่า "ทรงพระราชศรัทธาสร้างประปรางค์หน้าวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ๘ องค์ลงรักปิดทองเสร็จแล้ว…" พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงมีพระราชวิจารณ์ต่อไปว่า "เมื่อได้ความเช่นนี้น่าจะสันนิษฐานว่าพึ่งสร้างขึ้นในรัชกาลที่ ๓ ท่วงทีฐานก็เป็นมารเจ๊กแบกทั้งกำแพงก่อเพิ่มออกไปอีกชั้นหนึ่ง เก๋งบอกหนังสือก็เป็นอย่างจีน กำลังเป็นเวลาที่เล่นการช่างอย่างจีน จึงควรสันนิษฐานว่าเป็นของรัชกาลที่ ๓"

วัตถุประสงค์ในการสร้างพระมหาเจดีย์เหล่านี้ก็เพื่ออุทิศเป็นพระพุทธเจดีย์องค์หนึ่ง พระธรรมเจดีย์องค์หนึ่ง พระปัจเจกเจดีย์องค์หนึ่ง พระสาวกเจดีย์องค์หนึ่ง พระภิกขุนีสาวกเจดีย์องค์หนึ่ง พระชาฎกโพธิสัตว์องค์หนึ่ง พระสงฆเจดีย์องค์หนึ่ง พระยาจักรเจดีย์องค์หนึ่ง

ต่อมาในรัชกาลที่ ๔ โปรดเกล้าฯ ให้ประดับกระเบื้องเคลือบสีที่พระมหาเจดีย์ทั้ง ๘ องค์ ในรัชกาลที่ ๕ โปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จฯ พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพครั้งดำรงพระอิสริยยศเป็นพระเจ้าน้องยาเธอพระองค์เจ้าดิศวรกุมาร อำนวยการปฏิสังขรณ์พระอัษฎามหาเจดีย์โดยซ่อมลายปั้นและประดับกระเบื้องเคลือบสีใหม่ ส่วนในสมัยรัชกาลที่ ๗ และรัชกาลปัจจุบันเป็นการซ่อมส่วนที่ชำรุดเสียหายแต่ไม่ได้เปลี่ยนแปลงรูปร่างแต่ประการใด


ลักษณะสถาปัตยกรรม

พระมหาเจดีย์ทั้ง ๘ องค์เป็นเจดีย์ทรงปรางค์ ก่ออิฐถือปูนประดับกระเบื้องเคลือบสี ยกเว้นเฉพาะฐาน ๒ ชั้น ก่ออิฐฉาบปูนทาสี พระมหาเจดีย์ทั้ง ๘ องค์นี้มีขนาด รูปร่าง และความสูงเหมือนกันทุกประการ ต่างกันเฉพาะสีของกระเบื้องเคลือบที่ประดับองค์พระเจดีย์เท่านั้น แต่ละองค์มีสีและชื่อประจำ นับจากทิศเหนือไปใต้คือ

พระสัมมาสัมพุทธเจดีย์ สีขาว
พระสัทธรรมปริยัติวรามมหาเจดีย์ สีขาบ (น้ำเงินเข้ม)
พระอริยสงฆ์สาวกมหาเจดีย์ สีชมพู
พระอริยสาวกภิกษุณีสังฆมหาเจดีย์ สีเขียว
พระปัจเจกโพธิสัมพุทธมหาเจดีย์ สีม่วงแก่
พระบรมจักรวรรดิราชามหาเจดีย์ สีฟ้า
พระโพธิสัตว์กฤษฎามหาเจดีย์ สีน้ำตาลแดง
พระศรีอริยเมตยมหาเจดีย์ สีเหลือง

พระมหาเจดีย์แต่ละองค์แบ่งได้เป็น ๓ ส่วนคือ ส่วนฐาน ส่วนเรือนธาตุ และส่วนยอดปรางค์ ส่วนฐานประกอบด้วยฐานทักษิณเป็นฐานแปดเหลี่ยมด้านไม่เท่ากัน ก่ออิฐฉาบปูนทาสีเทาด้านยาวมีซุ้มปรก ๕ ซุ้ม ด้านแคบมี ๓ ซุ้มสำหรับตามประทีป ภายในซุ้มทาสีแดง ฐานนี้มีพนักระเบียงโดยรอบ ทุกมุมมีเสา ประดับหัวเสาด้วยดอกบัวจำหลักหิน ทางขึ้นฐานทักษิณของพระมหาเจดีย์นอกพระระเบียงอยู่ทางด้านทิศตะวันตก ส่วนพระมหาเจดีย์ในวงพระระเบียงไม่มีทางขึ้นฐานทักษิณ

ฐานชั้นที่สองเป็นฐานแปดเหลี่ยมก่ออิฐฉาบปูนทาสีเทา มีซุ้มปรกเช่นเดียวกับฐานทักษิณ แต่มีขนาดเล็กกว่า ภายในซุ้มทาสีแดง ฐานปัทม์เป็นฐานย่อมุมไม้สิบสอง ลักษณะเป็นฐานสิงห์ ๓ ชั้น มีฐานบัวคั่นเป็นช่วง ๆ เหนือฐานสิงห์มีฐานบัวคว่ำ บัวหงายรอบรับเรือนธาตุ

เรือนธาตุเป็นแบบย่อมุมไม้สิบสอง มีซุ้มจรนำประดิษฐานพระพุทธรูปยืนทั้งสี่ทิศ เหนือเรือนธาตุเป็นส่วนองค์ปรางค์ แบ่งเป็น ๗ ชั้น รองรับด้วยมารแบกปูนปั้นด้านละ ๒ ตัว ตอนมุม ๑ รวมทั้งสิ้น ๑๒ ตัว ยอดนภศูลทำด้วยโลหะเป็นรูปฝักเพกา















เดินไป เดินมา มาโผล่ด้านนี้ค่ะ...ศาลหลักเมือง และกระทรวงกลาโหม รถบัง...










บ่ายสองโมง ห้าสิบนาที แดดเจิดจ้า...ฟ้าสวยงาม เราไม่ออกด้านนี้ค่ะ กลับเข้าไปอีก...










ผ่านดอกพุดข้างๆ ถ่ายมาหลายรูป...พอดูได้รูปนี้แหละ










สวยเนาะ หญ้าเขียวๆ ตัดกับสีของฟ้าเลยค่ะ










มาโผล่ด้านนี้ค่ะ หาทางออก ด้านนี้แหละ...ด้านที่เค้าเข้ากันปกติ










เพื่อมาถ่ายมุมนี้ค่ะ...เดินไปด้วย...ถ่ายไปด้วย










อีกนะคะ










ความประทับใจเก็บไว้ได้ด้วยภาพถ่าย...คำนี้ยังใช้ได้เสมอ...










ใครจะไปรู้วันนึงข้างหน้า...ตอนเราเดินไม่ไหว...ได้นั่งดูภาพถ่ายเก่าๆ ก็ยังดี....











จบแล้วค่ะ ตั้งใจที่จะใส่ข้อมูลลงไป...อาจจะเยอะไปหน่อย มาเจอเว็บไซด์นี้โดยบังเิอิญ...ชอบค่ะ ละเอียดดี เลยจัดเต็ม....




ข้อมูลของวันนี้...อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่ค่ะ





ชมพระบรมมหาราชวัง และ วัดพระศรีรัตนศาสดารามแบบเสมือนจริงค่ะ





บล็อกหน้า...บ้านศิลปิน คลองบางหลวงอีกครั้งค่ะ รอบนี้...มีันัดกับน้องฝน - namfaseefoon จากบล็อกแก๊งค์





ขอบคุณที่แวะทักทายกันค่ะ





ขอบคุณเฮดบล็อกและบีจีคุณญามี่ค่ะ
















 

Create Date : 25 กรกฎาคม 2554
43 comments
Last Update : 25 กรกฎาคม 2554 8:55:21 น.
Counter : 14323 Pageviews.

 

หวัดดีครับ...

วัดพระแก้ว....จบด้วยภาพประทับใจเลยนะครับ
จะว่าไปแล้ว ไปไหว้พระมาหลายประเทศ
วัดพระแก้วเรานี่แหละสวยสุดๆ
เสียดายนะ ถ้าอยุธยาไม่โดนเผา...น่าจะสวยไม่พ้กัน..




ชวนไปไหว้พระที่เวียงจันครับ..

 

โดย: wicsir 25 กรกฎาคม 2554 9:06:55 น.  

 

ข้อมูลแน่นมากเลยค่ะพี่หนู
ละเอียดยิบ เดี๋ยวเกิดสองหนุ่มต้องทำการบ้านเรื่องวัดๆนะ จะมาขอข้อมูลจากพี่หนูดีกว่า อิอิ
ปล.มาชวนพี่หนู ไปม้วนแยมโรล ด้วยกันค่ะ

 

โดย: phunsud 25 กรกฎาคม 2554 10:27:04 น.  

 

ชอบภาพ ดอกบัว และ 2 ภาพสุดท้ายค่ะพี่หนู สวยงามมาก

 

โดย: kwan_3023 25 กรกฎาคม 2554 11:32:01 น.  

 

สวัสดีวันจันทร์ที่สดใสสวยงามค่าพี่หนู

รูปใหญ่บิ๊กเบิ้มดูสะใจเหมือนเดิมเลยค่าพี่หนู



แน๋วกำลังจะไปหม่ำๆมื้อเที่ยงพอดีเลยค่า แต่ต้องแวะหาพี่หนูก่อน ไม่งั้นมันจะค้างคาจายยยยยค่า อิิอิ สงสัียชักจะติดบล็อกเข้าให้แล้ว เห็นคอมเม้นท์แล้วไม่เม้นท์ตอบไม่ไ่ด้เลยค่ะ อิอิ

 

โดย: ตะแน๋วกิ๋วกิ้ว 25 กรกฎาคม 2554 12:07:06 น.  

 

สิริสุมหมกซุก ชอบภาพที่สองมากที่สุดค่ะ
ชอบตรงหน้าต่าง
ขออนุญาตนำยักษ์สองตน
ไปประกอบข้อมูลเก่านะคะน้องหนู
ขอบคุณมากค่ะ


เมื่อวาน เจอถุงแสตมป์ ที่ยังไม่ได้นำใส่อัลบั้ม
ฝากวางไว้ที่ตู้หนังสือ แล้วน้ำฝนรั่วลงมาที่ตู้หนังสือ
เพราะหลังคารั่ว

ที่หลังคารั่ว เพราะคนงานพม่า เขมร
นำไม้ ก้อนอิฐมาขว้างให้มะม่วงหล่น
แล้วไม้ตกลงมาที่หลังคา
สุดจะเซ็ง หายเซ็งแล้ว จะถ่ายรูปมาให้ดูค่ะ


แต่ก่อน ทำตู้สูง ๑๐ ชั้น กะขนาดวางนิยาย
และวางพ็อคเก็ตบุ็ค
พอหยิบสบาย

ช่างที่ทำก็เข้าชั้นแบบทำกล่องเฟอร์นิเจอร์
แต่เราใช้ไม้ผสม แล้วแต่ช่างหามา
ทาสีครีมทับหลายชั้นจนสีนวลสวย

ทิ้งบ้านไปหลายปี
กลับมามีแต่ปลวก เพราะเด็กเขาหวังดี
นำ นสพ.เป็นฉบับๆ ไปคลุมแต่ละชั้น
ใช้เทปเหนียวแปะไว้ ก็ไม่มีใครไปเปิดดู

เมื่ออยากอ่านหนังสือเก่า ให้เด็กไปค้นให้...
พอทราบ แทบขาดใจ เสียดายเหลื่อเกิ้น...

 

โดย: nart (sirivinit ) 25 กรกฎาคม 2554 12:24:10 น.  

 

สวัสดียามเที่ยงค่ะ คุณพี่หนู

ขอตามมาชมวัดพระศรีรัตนศาสดาราม ตอนจบ ค่ะ

ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะคะemo

 

โดย: iamorange 25 กรกฎาคม 2554 12:36:23 น.  

 

ก็บาปเกิดจากอารมณ์ใด ๆ พึงห้ามใจจากอารมณ์นั้น ๆ



มีความสุขในชีวิตอันกอปรด้วยอารมณ์แห่งกุศล ตลอดไป...นะคะ

 

โดย: พรหมญาณี 25 กรกฎาคม 2554 12:50:32 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่หนู ...รูปปั้นยักษ์ดูยิ่งใหญ่ คมชัดในทุกรายละเอียดและสวยงามมากเลยค่ะ ฝีมือช่างไทยเราเยี่ยมยอดไปเลย

ปราสาทวัดพูกำลังมีการบูรณะอยู่บางส่วน แต่เห็นมีคนทำไม่กี่คน....ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะเสร็จนะค่ะ....เขาให้เข้าดูได้เฉพาะในตัววัดค่ะ....ตอนเดินขึ้นบันไดมีชันบ้าง แต่มีวิธีการป้องกันเข่าตัวเองโดยการใส่ทูบีกิฟทำให้เวลาเดินขึ้น-ลงไม่ปวดมากเกินไปค่ะ

ในทีมที่ไปเจอดอกจำปา 4 กลีบ และ 6 กลีบด้วยค่ะ...ส่วนตัวเองไม่ได้หากับเขาด้วย ได้แต่ถ่ายรูปค่ะ

วันนี้เย็นจะไปเจียงฮายแล้วค่ะ พรุ่งนี้ต้องไปเชียงของแต่เช้าเลย ยังไม่มีโอกาสได้เข้าบ้าน คงได้เจอหน้าลูกสาว 2 ตัวเย็นวันที่ 27 โน่นแหละค่ะ

 

โดย: Maew-Tua-Lek 25 กรกฎาคม 2554 13:35:04 น.  

 


ขอบคุณที่อวยพรวันเกิดให้อุ้มจ๊ะ
คุณหนูตอนนี้วัดที่ 3 แล้วจ้า

 

โดย: อุ้มสี 25 กรกฎาคม 2554 13:47:36 น.  

 

ขนาดรูปไม่มาก แต่ก็นับว่าจุใจสำหรับผมครับ

 

โดย: ปลายแป้นพิมพ์ 25 กรกฎาคม 2554 13:52:32 น.  

 

ก็พยายามจะหยิบกล้องมาถ่ายเล่นบ่อยๆค่ะ
แต่รู้สึกว่ามันไม่คืบหน้าไปไหนเลย
สงสัยจะเข็นไม่ขึ้นแล้วค่ะ อิอิ

 

โดย: ลำตะคอง 25 กรกฎาคม 2554 13:53:02 น.  

 

สวัสดียามบ่ายค่ะ พี่หนู

แอบแว๊บมา..

ไปทำงานต่อก่อนนะคะ..

 

โดย: poongie 25 กรกฎาคม 2554 13:59:46 น.  

 

เข้าใจว่าประกอบกันค่ะน้องหนู ทั้งบ้านไม่มีคนอยู่ด้วย

ประการสำคัญ ๑ เป็นไม้ผสม มีไม้เนื้ออ่อนปน
๒. กระดาษหนังสือพิมพ์ ที่มากันฝุ่นเป็นฉบับๆ นั่นแหละ
ปลวก คงชอบกระดาษที่มีกลิ่นหมึกพิมพ์

ก็ขนาดเปียโน มันยังกินไม้เกือบเหี้ยนเต้
เจาะผ้าลูกไม้ที่คลุมแหว่งเป็นช่วงๆ
สุดที่จะซ่อมแซม

เรื่องคือ เด็กเอาหนังสือพิมพ์ปิด กันฝุ่นประมาณนั้น
ที่จริงมีผ้าดิบต่อเป็นผืนคลุมทุกอย่าง
แล้วมีคนมานำผ้าพวกนี้ไปใช้ ด้วยมักง่าย
ช่วงนั้นเราเจ้าของบ้านก็ยุ่งๆ
ไม่มีใครจะมาใส่ใจกับสมบัตินอกกาย

เปียโนตัวที่ปลวกกินไม้นี้ เป็นของรัสเซีย
ที่เขานำมาโชว์ มีแต่สีนำตาล
บอกเขาว่าอยากได้สีดำ

อาจจะเป็นไม้ที่ยังไม่ควรนำมาทำก็ได้ค่ะ
ระหว่างคีย์สีดำกับสีงาช้างคั่นกันนั้น
มีสีน้ำตาลตุ่นๆเป็นเม็ดๆ
ของดินที่ปลวกนำมาคั่นเต็มไปหมด

แล้วช่วงที่เดินๆ ดูสมบัติด้วยใจหดหู่
ฝ้าในอีกห้องที่มีแต่หนังสือ ก็หล่นลงมา
ดีที่ไม่มีคนอยู่ตรงนั้น ไม่งั้นเจ็บแน่ๆ
ใจที่กำลังหดหู่ยิ่งห่อเหี่ยวลงไปอีก

มันเป็นช่วงต่อออกทำเป็นห้องสมุด
ขนาดห้าคูณห้าเมตร

ผนังชิดตัวบ้านก็ตั้งตู้ขนาดสองเมตรยี่สิบสองตู้
อีกสามฝั่งก็ตั้งชั้นไม้สามชั้นเต็มความกว้าง
โดยวัดพื้นที่ทำให้พอดี ก็ไว้หนังสือได้มาก

สมัยก่อนอ่านสกุลไทย จะมีหน้าการครัว การฝีมือ
แบบเสื้อ ความรู้ทั่วไปสั้นๆ ฯลฯ
ก็ตัดแปะกระดาษวาดเขียนใหญ่ ซื้อมาเป็นลัง
เล่มหนึ่งมี สี่คู่แปดหน้า ก็แยกซ้อนกันแค่สองคู่
เรียงซ้อนจนพอใจ เจาะรู ใช้ไหมญี่ปุ่นร้อยแล้วถักเป็นหู สามช่วง

แผ่นแรกเป็นปกทั้งหน้าและหลังหุ้มด้วยพลาสติค
เราจึงเห็นของพวกนี้สภาพดี แต่มันกินด้านในจนหมด

ค้นพบสัจธรรมจากปลวกสอน
ของการเกิดขึ้น ตั้งอยู่แล้วดับไป ชัดเจนมาก...


น้องหนูคนขยัน คงจะปัดฝุ่นชั้นหนังสือทุกวัน
คงจะดึงเล่มนั้น ดูเล่มนี้ ไม่น่าจะมีปลวก

ของที่บ้านยกเว้น .. บ้านมันชื้น ปิดตาย
แล้วหนังสือมากเกิน ที่จริงก็ทำปลวกขนานใหญ่ก่อนปิด
จนท.กำจัดปลวก ก็ใช้กระป๋องมีท่อพลาสติคยาวบีบผงกำจัดใส่
ทุกตู้ ทุกมุม ตามพื้น ก็ฉีดน้ำยาพ่นเป็นละอองฝอยอย่างเต็มที่
ยอมเจาะพื้นบ้านทุกตารางเมตร อัดน้ำยาลงไปแล้ว ก็ยังไม่อยู่


ไปสัมมนาคราหนึ่ง เขาจับฉลากให้คนขึ้นไปพูด/ตอบปัญหา
พิธีกรถามว่ากลัวอะไรที่สุดในชีวิต แต่อย่าเพิ่งตอบ
ให้ทุกคนที่จะร่วมสนุกด้วย เขียนคำตอบขึ้นมา
ว่ากลัวอะไร ของขวัญตรึม

พี่นาถตอบว่า "กลัวปลวก" ที่สุดในโลก ไม่มีคนตอบถูกเลยค่ะ
ของขวัญทั้งหมด เขาเลยยกให้
แหม ตอนจะลงจากเวที ยังกะนางงามจักรยาน
คนมารอ มารับ มาจูงกลับโต๊ะมากแทบหมดแถบ
เพราะเหล้าเอย พัดลม เตารีด...ฯลฯ มันดึงดูดใจให้มารับค่ะ ฮ่าๆๆ

น้องหนู อ่านแล้ว ก็ลบทิ้งซะ พี่นาถแค่อยากเล่าให้ฟังค่ะ

 

โดย: nart (sirivinit ) 25 กรกฎาคม 2554 14:02:04 น.  

 

ชมภาพ กันจุใจครับ
ภาพสวยครับ โดยเฉพาะ 4 ภาพหลัง ท้องฟ้าสวยจริงๆครับ

มดแดง (6 ขา)



แมงมุม( 8 ขา)



 

โดย: เศษเสี้ยว 25 กรกฎาคม 2554 14:11:17 น.  

 

ว๊าย..มาดูยักษ์ เขี้ยวโง้งเชียว ..
จบแล้วเหรอ ไหนต่อดีล่ะ่่่่.
.กำลัง ชมภาพ งามๆ เพลินเลย ..อิอิ
วันนี้ เด็ก สองคนหยุด สอบพรุ่งนี้ เขาให้หยุด อ่านหนังสือ ..
พ่อ คุณเอาแต่ เล่นกัน เ้ฮ้อ ..ปวดหัว ..
ก็เลย วุ่น ๆกันอยู่ที่บ้าน ตาม ระเบียบ ..แง่ววว..

 

โดย: tifun 25 กรกฎาคม 2554 14:15:33 น.  

 

สวัสดีตอนบ่ายครับพี่หนู .....

ภาพคมชัด ฟ้าเข้มได้ใจจริงๆ ครับ ขนาดไม่ได้ใช้ fiter CPL ยังได้ฟ้าเข้มขนาดนี้ แสดงว่าถ่ายได้ตรงกับมุม poralize พอดี ..... แบบนี้ถ้าจะไปถ่ายภาพที่นี่ น่าจะไปช่วงบ่ายเน๊อะ แสงกำลังดี ได้ฟ้าสวยๆ กลับมา .....

 

โดย: NET-MANIA 25 กรกฎาคม 2554 14:22:54 น.  

 

ทักทายสวัสดีกันยามบ่ายครับ
ได้ชมภาพสวยๆ มุมสวยๆ เยอะจุใจไปเลยครับ

set นี้ยังพอเป็นมุมภาพที่ได้ไปเดินถ่ายรูปมาอยู่บ้างครับ
สงสัยว่าจะได้ไปเดินถ่ายรูปกันใหม่อีกสักหนแล้วมั้งครับ ถึงจะได้ชมกันทั่วๆ แบบนี้บ้าง

งานอาหารที่พารากอนได้ข่าวมาก่อนหน้านี้แล้วครับ ยังคิดว่าอยากจะไปอยู่เหมือนกัน
แต่ถิ่นกทม. ก็ไม่ค่อยมั่นใจเท่าไร ไปแล้วจะได้รูปมามากน้อยแค่ไหน ยังรอชมภาพจากใน web อยู่เช่นกันครับ
คุณได๋ ไดอาน่า เป็นพิธีกรสาวสวยที่ได้ชมการนำเสนอบนเวทีทุกๆ กิจกรรม ชมแล้วสนุกสนาน มีส่วนร่วมไปด้วยครับ
และก็ชื่นชมเธอเป็นพิเศษอยู่แล้ว เจอะเจอกันหลายครั้ง เลยพอที่จะกล้าขอมาเป็นแบบถ่ายภาพได้อยู่เหมือนกันครับ

 

โดย: ถปรร 25 กรกฎาคม 2554 14:23:02 น.  

 

ยังค่ะพี่หนู ยังไม่เป็นงานเป็นการค่ะ
เอาแค่ขนมที่เด็กๆชอบกินกันก่อนค่ะ
จะบอกว่าที่ทำมาทั้งหมดนี่ก็เพื่อลูกอ่ะค่ะ
เอ หรือว่า งก ก็ไม่รู้นะคะ เพราะเค้าจะขอกินบ่อยๆอ่ะค่ะ
ฃแล้วไปซื้อเค้าเดี๋ยวนี้ก็แพงด้วยค่ะ ก็เลยหาวิธีทำเองซะเลย อิอิ
พี่หนูชอบเหมือนดาเลยค่ะ ชอบครีมแข็งๆนิดๆ อร่อยอย่กบอกใครเชียวค่ะ
ส่วนเด็กๆ ชอบกินใส้บูลเบอร์รี่ค่ะ เค้าบอกอร่อยกว่าใส้ครีมค่ะ

ยกมาให้พี่หนูแช่ตู้เย็นไว้ทานค่ะ

 

โดย: phunsud 25 กรกฎาคม 2554 14:36:53 น.  

 

ถ้าได้คุยกันตัวต่อตัว สงสัยมีเคืองกัน
ก็พี่นาถแย่งพืด แล้วน้องหนูพืดไม่ทัน..ไม่ได้ ..พืด


ต้องฝึกลูกไว้ให้ทำอะไรๆ เป็นทุกอย่าง
ลูกจะได้ช่วยตัวเองได้ ไม่ลำบากใจ และท้อที่จะทำค่ะ

ตัดชุดนิสิตนักศึกษา ด้วยผ้าที่รีดไม่ยาก
หัดให้ลูกสวมใส่เสื้อผ้าที่สะอาดเรียบร้อยดี ก็พอ
อย่าให้ถึงกับเลิศ เริ่ด ไม่มีรอยยับเชียวเลยค่ะ


จะไปเรียน ศาลายา หรือรังสิตคะ ถึงต้องอยู่หอ
แล้วป๊ากับแม่ มิต้องไปเยี่ยมไปรับทุกอาทิตย์หรือ...

 

โดย: nart (sirivinit ) 25 กรกฎาคม 2554 14:52:41 น.  

 

สวัสดีครับ..ภาพชุดนี้สวยงามมาก เรื่องราวละเอียด ขอบคุณครับสำหรับการรับฟังความคิดเห็นของผม ก็ว่าไปตามเรื่องแอบได้ยินใครเขาพูดก็เก็บจำเอามาผสมผเสไปตามเรื่องแบบว่าเด็ก ๆ ความรู้น้อยอยู่ครับ

 

โดย: Patteera 25 กรกฎาคม 2554 15:20:56 น.  

 

ช่วยโหวตให้บล็อคย่าด้วยนะครับ//www.thailandblogawards.com/blogs/show/94

โหวตให้คะแนนบล็อคย่าได้ที่ //www.thailandblogawards.com/blogs/show/94
นะครับ
สมัครสมาชิกก่อนนะครับผม
ขอบคุณครับ


โดย: konseo 25 กรกฎาคม 2554 14:28:59 น.


น้องหนู ช่วยไปโหวตให้คะแนนหน่อยนะคะ
หลานเขาทำให้ย่านาถค่ะ

 

โดย: nart (sirivinit ) 25 กรกฎาคม 2554 15:26:42 น.  

 

ตามมาเที่ยวต่อค่ะ

ครัว ... คิดว่าถ้าใช้เองก็ทำสวยเพราะเราถนอมของ แต่ถ้าให้คนอื่นใช้ อย่าทำสวยดีกว่าค่ะ

 

โดย: tuk-tuk@korat 25 กรกฎาคม 2554 15:30:16 น.  

 

อย่ากดดันลูกนะน้องหนู
เหลือเวลาอีกปีเดียวเท่านั้น อย่าชวนลูกไปถ่ายรูปที่ไกลๆ

เพราะคนเก่งเหมือนเรามี
แต่คนที่สอบเข้าได้
คือคนที่เก่งกว่า ได้คะแนนมากกว่าเท่านั้น
บางทีมันชนะกันแค่คะแนนเดียว

อ่านหนังสือตัวอย่างข้อสอบเข้ามหาวิทยาลัย
ดูคะแนนต่ำ-สูงให้ชัดๆ หาพวกข้อสอบสิบปีมาดูนะคะ
แล้วติวลูก ถามลูก น้องหนูก็ฟื้นความรู้ไปด้วย

ทนสักปีได้ไหมคะ เพื่ออนาคตของลูก
ต้องช่วยกันทั้งบ้านค่ะ หลานเมฆก็จะได้เห็น ได้ยิน
ภาวะเตรียมสอบครั้งนี้

แล้วจะสมปรารถนา เมื่อได้พยายามช่วยกันเต็มที่แล้ว
พอสอบเข้าได้แล้ว ลูกเรียนได้เองอยู่แล้วค่ะ
พี่นาถเอาใจช่วยนะคะ

 

โดย: nart (sirivinit ) 25 กรกฎาคม 2554 15:38:20 น.  

 

วัดพระแก้ว ดูทีไรก็ยังตาโตค่ะพี่หนู
สวยงามที่สุดแล้วในความรู้สึกของวาค่ะ
เดินชมได้ไม่เบื่อ แต่วาเองก็ไม่ได้ไปนานแล้ว
อย่างนี้ต้องหาเวลาไปบ้างแล้วค่ะ
พี่หนูมาจุดประกาย ขอบคุณนะคะ

 

โดย: Sweety-around-the-world 25 กรกฎาคม 2554 15:44:12 น.  

 

มาพูดมาคุยกันได้ตลอดค่ะ
ได้สาระบ้าง เอาขันเข้าว่า จะได้สบายใจบ้าง
พี่นาถก็ห่วงป๊าละทีนี้

น้องหนูเป็นคนฉลาด มีไหวพริบดี
ต้องทราบอยู่แล้ว ว่าจุดอ่อนจุดแข็งสองคนนี้อยู่ตรงไหน
เสริมแรง ให้กำลังใจ ทำให้ได้ ด้วยสองมือแม่นี้แหละ
ทำนะคะ ตั้งแต่วินาทีนี้

ใช้กุศโลบาย วิเทโศบายอะไร ก็หาเข้า
ที่จะทำให้หลานหมอกเข้าใจ
และมาเล่าอะไรต่อมิอะไรให้ฟัง

น้องหนูใจร้อนนิดนึงนะคะ
ดูจาก .. กลัวเสื้อไหม้ ช้า เปลืองไฟ...
บางอย่างมันต้องยอม
มีลูกวัยรุ่น ต้องใจเย็นๆ ค่ะ


 

โดย: nart (sirivinit ) 25 กรกฎาคม 2554 16:13:29 น.  

 

เข้ามาเที่ยวภาคจบค่ะ
พี่หนูเก็บภาพละเอียดมากเอาทุกเม็ด
ได้ดูรูปจนเพลิน
ชอบมุมนอกรั้วสามภาพสุดท้ายค่ะ

 

โดย: Tick Juntavaro 25 กรกฎาคม 2554 16:36:46 น.  

 

มาเที่ยวต่อค่ะพี่หนู

พี่หนูถ่ายรูปสวยขึ้นเื่รื่อยๆ นะคะนี่ อิอิ



แหะๆ ตอนหนูไป ก็ไปทางหลังวัดเหมือนกันค่ะ คนขับพาไปไม่ถูกอะค่ะ

 

โดย: สาวไกด์ใจซื่อ 25 กรกฎาคม 2554 16:58:41 น.  

 

ตามมาเก็บตกตอนจบครับ เดี๋ยวนี้มีป้ายแล้วเหรอ? ความจริงถ้าจะให้ดีน่าจะติดป้ายตัวโตๆ ไว้ข้างๆ วัดด้วยว่า "วัดพระแก้วเปิดทุกวัน" เป็นภาษาอังกฤษ จีน ญี่ปุ่น ก็จะดี คนต่างชาติจะได้ไม่ต้องโดนหลอกให้เสียชื่ประเทศชาติอีก+

 

โดย: คุณต่อ (toor36 ) 25 กรกฎาคม 2554 18:21:47 น.  

 

สวัสดียามค่ำค่ะ

ตามมาเที่ยวต่อค่ะ ดีจังเลยนะคะได้ท้องฟ้าสีสวยเชียว

มาเชียร์ให้ซื้อเลนส์ไวด์ค่ะ รับรองว่าได้มุมมองสวยจนน่าแปลกใจเลย อิอิ

 

โดย: luckyfarm6662 25 กรกฎาคม 2554 19:06:22 น.  

 

แจ่ม เจิด เริด

ยกนิ้วให้เลย

https://www.bloggang.com/data/morkmek/picture/1311485269.jpg

ฟ้าสวยมากกกกกกกกก

ภาพช่วงกลางๆกะช่วงท้าย ฟ้าสวย แสงดีมากเลยพี่



เอาค่าชมมา ซาวบาท 555

 

โดย: อสูรกายไทฟอน 25 กรกฎาคม 2554 20:10:12 น.  

 

ฟ้าสวยมากกกกก

ภาพสุดท้ายเนี่ยมุมดีมากเลยค่ะพี่หนู

เพราะว่าน้องรินเคยไปถ่ายภาพนี้มาความสูงเจดีย์ไม่ลดหลั่นกันเลย

ทำให้ตากล้องเทพขากาง วิจารณ์ยับเลย
ก็ถึงบางอ้อเขานะคะพี่หนู อิอิ

ขอบอกว่าถ่ายยากมากส่วนใหญ่ติดแต่คน

น้องรินถ่ายมาเอียงอีก

ภาพดอกบัวเนี่ย คาดว่าเป็นดอกเดียวกันที่เราถ่ายแน่ๆค่ะ

เดาๆๆ

ชอบสุด ภาพสุดท้ายค่ะ




 

โดย: Rinsa Yoyolive 25 กรกฎาคม 2554 20:53:48 น.  

 

มุมมองวัดพระศรีฯ ภาพสุดท้ายสวยมากๆ ค่ะ
แอบงงป้ายบอกทางนิดหน่อย อิอิ

 

โดย: sierra whiskey charlie 25 กรกฎาคม 2554 21:48:14 น.  

 

บ้านเราชอบงานศิลปะที่มีกระเบื้องสี
ศิลปในยุครัตนโกสินทร์ตอนต้นจึงชอบ
มาก แล้วพอดี ครอบครัวเราได้อุปฐาก
พระพุทธรูปที่ระเบียงโบสถ์ชั้นในของวัดโพธิ์ เราต้องไปที่นั่นเพื่อดูแลท่านบ่อยๆ
ก็ยิ่งชอบไปดูงานกระเบื้องซึ่งที่นั่นมีเยอะ
ด้วย เวลาเห็นงานนี้ที่ไหน จึงเหมือนได้
เห็นของรักคุ้นเคยทุกทีเลยครับ


 

โดย: คนบ้า(น)ป่า (nulaw.m ) 25 กรกฎาคม 2554 22:03:29 น.  

 

สวัสดีค่ะพี่หนู


ก่อนอื่นเลยขอบคุณมากๆ นะค่ะสำหรับคำอวยพร
ที่พี่หนูเขียนไว้ที่บล็อกค่ะ ดูสิค่ะกว่าจะเข้ามาได้
ก็เลยวันเกิดไป 2 วัน .. อารมณ์วันหยุดก็หยุดแบบ
หายตัวไปเลย


ช่วงนี้อากาศก็คล้ายๆ กันคือ ครึ้ม ฝน ลม ..
แต่ว่าถ้าไม่มีก็ร้อนอ้าวเลยล่ะค่ะ นั่งตากแอร์ทั้งวัน
ก็ไม่ไหว เปิดพัดลมโบกตลอด เรียกว่ามีสองตัวก็เปิด
มันสองตัวจ่อกันเลยทีเดียวค่ะ



พี่หนูพาเที่ยววัดบ่อยๆ ตอนนี้เหมือนอะไรที่กำลังคิดว่า
น่าจะท้าทายตัวเองให้การเข้าไปถ่ายรูปที่วัดน่าจะ
แปลกไป .. อยากลองหามุมอะไรบ้างเหมือนกันค่ะ
แต่ว่าก็ยังไม่เก็ตว่าจะนำเสนอยังไง .. ต้องเดินไป
เดินมาก่อนมั้งค่ะนี่ค่อยหามุมและแนวใหม่ได้

ท้าทายเหมือนกันนะค่ะนี่ 555+

 

โดย: JewNid 25 กรกฎาคม 2554 22:14:21 น.  

 

ตามมาดูวัดพระแก้วตอนจบค่ะพี่หนู
ภาพสวย ประทับใจ วันนี้ได้อ่านความเป็นมาของพรมณฑปเต็มๆ
ขอบคุณที่นำมาฝากกันค่ะ

 

โดย: diamondsky 26 กรกฎาคม 2554 2:27:03 น.  

 

แวะมาชม ครับ

 

โดย: Kavanich96 26 กรกฎาคม 2554 4:46:52 น.  

 

อรุณสวัสดิ์ครับพี่หนู








 

โดย: กะว่าก๋า 26 กรกฎาคม 2554 6:38:38 น.  

 

สวัสดียามเช้าค่ะ คุณพี่หนู

ขอให้มีความสุขกับการทำงานนะคะemo

 

โดย: iamorange 26 กรกฎาคม 2554 6:38:59 น.  

 

ภูเขาหินแท่งทึบ ไม่สั่นสะเทือนเพราะลมฉันใด
บัณฑิตย่อมไม่หวั่นไหวในนินทาและสรรเสริญฉันนั้น

มีความสุขกับการเป็นบัณฑิต ตลอดไป...นะคะ



 

โดย: พรหมญาณี 26 กรกฎาคม 2554 10:16:54 น.  

 


เข้าสู่ Blog วัดที่ 4 แล้วนะคะคุณหนู
แหล่มมากอุ้มชอบวัดนี้มาก

 

โดย: อุ้มสี 26 กรกฎาคม 2554 12:04:20 น.  

 

สวัสดีค่ะ..พี่หนู

ไปที่เดียวแต่เก็บภาพมาได้คุ้มมากๆ เลยค่ะ
บางครั้งหนึ่งไปไหนก็คร้านจะยกกล้องขึ้นมาถ่ายอ่ะ
บางทีก็กล้องมือถือนี่ล่ะ
สะดวกรวดเร็วทันใจดี
เผลอๆ ก็อัพ FB ไปทีเดียวกันเลย

พี่หนูมาอร่อยกับหนึ่งต่อนะคะ

 

โดย: chenyuye 26 กรกฎาคม 2554 14:44:35 น.  

 

ตามมาชมตอนจบครับ

รู้สึกว่าจะเคยดูหนังที่รูปปั้นยักษ์ ออกมาช่วยเมืองไทยจากก็อตซิิล่าด้วยนะครับ

แฮ่ๆ

รึจำผิด

 

โดย: เป็ดสวรรค์ 26 กรกฎาคม 2554 15:01:55 น.  

 

นู๋อยากทราบ SWOT ของวัดพระศรีศาสดาราม ค่ะ

 

โดย: แนท IP: 203.158.109.190 15 กรกฎาคม 2555 14:46:00 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


สายหมอกและก้อนเมฆ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




เป็นคุณแม่ของ 1 ลูกสาว และ 1 ลูกชายค่ะ

เป็นแม่บ้านฟูลทาม อาชีพ ขสมก.
(แปลว่า...ขอสามีกิน อ่านเจอที่ไหนไม่รู้ ชอบค่ะ เลยยืมมาใช้หน่อย)

เมื่อไหร่ที่พอจะจัดสรรเวลาได้...
จะไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวเสมอค่ะ...

โลกนี้แสนกว้างใหญ่ มีอะไรให้เราเรียนรู้อีกมากมาย พบเจออะไรดี ๆ ที่พอจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ไม่มากก็น้อย เลยเอามาแบ่งปันกัน

ลิขสิทธิ์...เป็นของบุคคลที่อยู่ในภาพ
ขอบคุณค่ะ

Friends' blogs
[Add สายหมอกและก้อนเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.