สวัสดี วันพืชมงคลค่ะ ไม่ค่อยได้ทักทายกันเนอะ
ช่วงหลังมานี้ อัพบล็อกมั่วไปหมด ทั้งวัน ทั้งเวลา
ไม่ได้ตั้งเป็นหน้าหลักทุกบล็อกด้วยค่ะ ถ้าไม่เห็นจากหน้ารวมของบล็อกแก๊ง
ดูจากด้านขวามือของหน้าบล็อกเรา ตรง My Blog ก็ได้ค่ะ
วัดนางนองวรวิหาร เคยมา เคยอัพบล็อกไปแล้ว ครั้งนี้ ครั้งที่ ๓ ค่ะ
เช่นเคยเหมือนทุกวัด ถ้ามาซ้ำ ไม่ได้ถ่ายรูปละเอียดนะคะ
วัดนางนองวรวิหาร อัพบล็อกไปเมื่อ ปี ๒๕๕๖
วัดนางนอง เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่เลขที่ ๗๖ เขตจอมทอง กรุงเทพมหานคร
อาณาเขต
ทิศเหนือติดต่อกับคูเก่าของวัด
ทิศใต้ติดต่อกับคลองบางค้อ
ทิศตะวันออกติดต่อกับทางรถไฟ
ทิศตะวันตกติดต่อกับคลองด่าน
ประวัติ
วัดนางนอง เดิมอยู่ริมคลองด่าน การสัญจรไปมาใช้เส้นทางคลองด่านเป็นหลัก หน้าวัดจึงได้หันสู่คลอง ซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตก
แต่ต่อมาเมื่อมีการตัดถนน การสัญจรทางน้ำลดความสำคัญลง ทางเข้าวัดได้เปลี่ยนมาเป็นทางด้านถนนวุฒากาศ
การก่อสร้างวัดไม่มีหลักฐานแน่ชัดว่าเริ่มสร้างในสมัยใด แต่สันนิษฐานว่าน่าจะสร้างขึ้นในสมัยกรุงศรีอยุธยาเป็นราชธานี
และได้บูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ ๓ เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ได้โปรดเกล้าฯ ให้รื้อของเก่าแล้วปฏิสังขรณ์ใหม่ทั่วทั้งพระอาราม
เห็นได้จากพระอุโบสถ พระวิหาร พระเจดีย์ ศาลาหน้าวัดล้วนเป็นทรงเก๋งจีน พร้อมทั้งศิลปกรรมที่ปั้นลม หน้าบัน ประตู หน้าต่าง
พระประธานในพระอุโบสถพร้อมทั้งลายฝาผนังลายรดน้ำ รูปทรงศิลปะไทยจีนประยุกต์ รัชกาลที่ ๓ ทรงบูรณะ
เพราะวัดนี้ตั้งอยู่ในบริเวณที่ชื่อว่า บางนางนอง ซึ่งเป็นนิวาสสถานเดิมของสมเด็จพระศรีสุลาลัย หรือเจ้าจอมมารดาเรียม พระราชชนนีของท่าน
ก่อนที่ตระกูลของสมเด็จพระศรีสุลาลัยจะย้ายข้ามคลองไปตั้งถิ่นฐานบริวณวัดหนัง ใช้เวลาปฏิสังขรณ์หลายปีจึงแล้วเสร็จ
ได้สถาปนาเป็นพระอารามหลวง ทรงเสด็จพระราชดำเนินทางชลมารคไปประกอบพิธีผูกพัทธสีมาพระอุโบสถในวันที่ ๑๙ พฤศจิกายน พ.ศ. ๒๓๘๕
วัดนางนอง มีแผนผังตามแนวแกนหลักคือ พระอุโบสถเป็นประธานของวัด อยู่ด้านหลังสุด หน้าพระอุโบสถ มีเจดีย์ทรงเครื่องขนาดใหญ่
ด้านซ้ายและขวาของเจดีย์มีวิหารคู่ ส่วนของวิหาร ทั้งสองหลัง ยังมีเจดีย์ทรงปรางค์ตั้งอยู่ด้านหลังและมีกำแพงแก้วร้อมรอบ
ลักษณะของผังแบบนี้ ถือเป็นรูปแบบหนึ่งของงานสร้างวัดในสมัยรัชกาลที่ ๓
๑๑.๒๗ น. วันที่ ๒๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๙
พระเจดีย์ประธานไม้ยี่สิบ ฐานเป็นทักษิณแปดเหลี่ยม ยอดแหลมเรียว
เลนส์ตัวนี้ 28-300 mm. ถอยไงก็เก็บไม่หมดค่ะ ได้ภาพแนวตั้งแทน
ด้านหน้า
เสมา
หน้าบัน ๒ ชั้น (ตับ) มีการประดับลวดลายบนหน้าบันเป็นลายสัญลักษณ์แห่งความมงคลของจีน
มุมนี้บ้าง
เมื่อ ๓ ปีที่แล้วมา ไม่มีพระพุทธรูปองค์นี้
ซุ้มสีมา เป็นทรงกรวยเหลี่ยม มีหัวเม็ดประดับที่ยอด
หน้าบันด้านหลังพระอุโบสถ
บานประตูด้านนอกประดับมุกทั้งบาน เขียนลายงดงามมาก
มาวันนี้ พระอุโบสถปิดอีกแล้วค่ะ เห็นมีเครื่องผสมปูนวางไว้
หลวงพี่เดินมาพอดี เลยถาม... หลวงพี่บอก... ผลักประตูโบสถ์เข้าไปได้เลย ไม่ได้ล็อคกุญแจ
ซุ้มสีมาและกำแพงแก้วรอบพระอุโบสถ
ภายในพระอุโบสถ
บานประตูด้านใน เขียนลายรดน้ำ บานหน้าต่างเขียนภาพเรื่องวรรณคดี
ภาพจิตรกรรมในพระอุโบสถ
งานจิตรกรรมภายในพระอุโบสถมีหลายเรื่อง ที่ผนังพระอุโบสถส่วนบนเหนือกรอบหน้าต่างทุกด้าน เขียนเรื่อง ชมพูบดีสูตร
เป็นงานเขียนสีลงบนฝาผนัง ระหว่างหน้าต่างเป็นงานเขียนเทคนิคลายรดน้ำผสมสีที่เรียกว่า ลายกำมะลอ เรื่องสามก๊ก
ระหว่างบานประตูเป็นภาพสำคัญคือ ฮก ลก ซิ่ว พร้อมทั้งเครื่องมงคล ในกรอบเป็นนิยายจีน
จิตรกรรมประดับบานประตู หน้าต่าง และบานแผละ เป็นลายรดน้ำ
ที่บานประตูเขียนเรื่องรามเกียรติ์
บานหน้าต่างเขียนภาพเทพในศาสนาฮินดูที่นำมาใช้เป็นงานประดับและทวารบาลอย่างไทย
บานแผละเขียนเป็นภาพมงคลที่เกี่ยวกับพระมหากษัตริย์ ได้แก่ เครื่องราชกกุธภัณฑ์ คือ
พระมหามงกุฎ ธารพระกร พระแสงขรรค์ชัยศรี พัดวาลวิชนี พระแส้ และฉลองพระบาทเครื่องสูง
ภาพเขียนภายในพระอุโบสถลบเลือนมาก วิเคราะห์ว่าน่าจะเป็นพุทธประวัติตอนชมพูบดีสูตร
คือ ตอนพระพุทธเจ้าทรมานพระยามหาชมพู เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ระหว่างงานจิตรกรรมกับพระพุทธรูป
ที่เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง ซึ่งหมายถึงปางโปรดพระยาชมพูบดี
เรื่องสามก๊ก
เรื่องรามเกียรติ์
ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระพุทธรูปสำริดปิดทอง
พระนามว่า "พระพุทธมหาจักรพรรดิ" เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง ปางมารวิชัย
พระพักตร์พุทธศิลป์อย่างสมัยสุโขทัย หน้าตักกว้าง ๒ เมตร ๒๕ เซนติเมตร
เครื่องทรงที่ประดับทุกชิ้นแยกออกจากองค์พระ สวมทับลงไว้ ประดิษฐานอยู่บนฐานชุกชีปั้นลายปิดทองประดับกระจก
เป็นงานประติมากรรมชิ้นเยี่ยมในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ที่มีความงามวิจิตรอลังการ
มงกุฎทรงของพระพุทธมหาจักรพรรดิ มีประวัติว่า องค์ที่สวมอยู่นี้เป็นองค์ที่ ๒
องค์แรกพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงอัญเชิญขึ้นประดิษฐานบนยอดนภศูลพระปรางค์วัดอรุณราชวราราม
เมื่อครั้งทรงปฏิสังขรณ์พระปรางค์วัดอรุณฯ เมื่อเดือน ๑๒ พุทธศักราช ๒๓๙๐ พระพุทธมหาจักรพรรดิ เดิมไม่มีพระนาม เพิ่งได้มีการถวายพระนามในภายหลัง ด้วยพิจารณาว่าพุทธลักษณะแสดงถึงพระพุทธมหาจักรพรรดิทางธรรม
พระบรมฉายาสาทิสลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓
มากี่ครั้งก็ยังพูดเหมือนเดิม งามวิจิตรมากค่ะ
ออกมาแล้วค่ะ
ปิดประตูไว้เหมือนเดิม
พระวิหารด้านใต้หรือศาลาการเปรียญ หน้าบันศิลปจีนลายมังกรล่อแก้ว
มองเห็นพระปรางค์
ประตูข้างทางกำแพงรอบนอก เป็นประตูโค้งแบบทรงฝรั่ง
ลักษณะพิเศษคือมีประตู ๒ ชั้น เป็นวงกลมโค้งทั้งชั้นนอกและชั้นใน
หน้าบันพระวิหาร
บอกปะป๊าขอแวะวัดหนังด้วย ... ปิดทั้งโบสถ์ ทั้งวิหาร (อีกแล้วค่ะ)
ศาลาริมน้ำ ตรงคลองด่าน
สะพานข้ามคลองด่าน
ตอนหน้า... วัดราชโอรส (จากแผนที่ อยู่ใกล้ ๆ กันค่ะ)
ในส่วนของการตกแต่งอาคารและภาพวาด
ได้รับอิทธิพลของจีนมาไม่น้อยเลย
เป็นพุทธศิลป์ที่งดงามมากครับ
โหวต Photo blog ครับพี่