Group Blog
 
<<
เมษายน 2554
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
 
4 เมษายน 2554
 
All Blogs
 
วัดมหรรณพาราม กรุงเทพฯ







สวัสดีวันจันทร์ค่ะ ช่วงนี้ยังไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหน เลยกลับมาที่โหมดเดิม...พาเที่ยววัดค่ะ วันนั้นเป็นวันอาทิตย์ ความตั้งใจแรกคือ จะมาถ่ายพระอาทิตย์ขึ้น...ที่นี่...เค้าว่าเป็นมุมที่พระอาทิตย์ขึ้นสวยที่สุดในกรุงเทพฯ ปกติเราผ่านมาส่งลูกไปโรงเรียน จะเห็นพระอาทิตย์ขึ้นตรงนี้ประมาณ 6 โมงครึ่ง ถึง 6 โมง 45 นาที แต่จอดรถถ่ายรูปไม่ได้ ด้วยความตั้งใจมาก...วันอาทิตย์ เลยขอให้ปะป๊าพามา ขับรถมอเตอร์ไซด์มาค่ะ มาถึงสะพานพระปกเกล้า 6 โมงเช้า รอจนถึง 7 โมงกว่าก็ไม่เห็น...อากาศไม่เป็นใจ ฟ้าปิดค่ะ ได้มาแค่นี้....
















จากนั้นเราเลยไปวัดประยุรวงศาวาส --> พระปฐมบรมราชานุสรณ์ --> สวนนาคราภิรมย์ --> พระอุโบสถวัดบวรสถานสุทธาวาส --> ป้อมพระสุเมร และวัดมหรรณพารามค่ะ









โชคดีจัง พระอุโบสถเปิด...แต่โชคร้ายจัง เข้าไปข้างในไม่ได้ เค้ามีงานบวช








เห็นแค่นี้เองค่ะ








มองเข้าไปข้างในได้แค่นั้น เลยมองข้างบนแทน...



















วัดมหรรณพาราม เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ฝั่งตะวันออกของถนนตะนาว แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพ ฯ วัดมหรรณพาราม ผู้สร้างคือ กรมหมื่นอุดมรัตนรังษี (พระนามเดิม พระองค์เจ้าอรรณพ) เป็นพระโอรสในพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า ฯ รัชกาลที่ ๓ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ทรงสร้างเมื่อ พ.ศ. ๒๓๙๓ เป็นปีที่ ๒๗ ในรัชกาลที่ ๓ ในการสร้างครั้งนี้พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้า ฯ ได้พระราชทานเงิน ๑,๐๐๐ ชั่ง (แปดหมื่นบาท) การก่อสร้างยังไม่แล้วเสร็จดีก็สิ้นรัชกาลที่ ๓ เมื่อพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้า ฯ ขึ้นครองราชย์ ได้พระราชทานเงินให้อีกจำนวน ๑,๐๐๐ ชั่ง และได้พระราชทานนามว่า วัดมหรรณพาราม และทรงมีพระราชศรัทธาสร้างพระเจดีย์ขึ้น ๑ องค์ ที่หลังพระอุโบสถ ซึ่งเป็นพระเจดีย์ใหญ่ที่สุดในวัดนี้















เดิมเมื่อสร้างวัดนั้นไม่ได้สร้างพระวิหาร คงสร้างแต่พระอุโบสถ เหตุที่สร้างพระวิหารเพราะเมื่อตอนสร้างวัดอยู่นั้น รัชกาลที่ 3 นอกจากพระราชทานเงินให้ ๑,๐๐๐ ชั่งแล้ว ยังโปรดให้เจ้าหน้าที่ทางเมืองเหนือเสาะหาพระพุทธรูปใหญ่ เพื่อจะทรงนำมาเป็นพระประธาน ได้มาสำรวจพบที่เมืองสุโขทัย จึงโปรดให้อัญเชิญมากรุงเทพ ฯ เพื่อประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถวัดมหรรณพาราม และมีพระประสงค์ให้ทันกับการฉลองพระอุโบสถ และผูกพัทธสีมา แต่การนำพระพุทธรูปขนาดใหญ่ลงมากรุงเทพ ฯ ในระยะทางที่ไกลเช่นนั้น จะนำมาได้ก็ด้วยการนำมาทางน้ำเท่านั้นคือ ต่อแพ บรรทุกแพล่องลงมาจากสุโขทัย จะต้องล่องมาตามลำน้ำยม จนมาถึงปากน้ำโพแล้ว ล่องต่อมาตามลำน้ำเจ้าพระยา จนมาถึงกรุงเทพ ฯ ต้องใช้เวลาหลายเดือน หลวงพ่อร่วงจึงมาไม่ทันกำหนดเวลา ที่พระอุโบสถแล้วเสร็จ และพิธีผูกพัทธสีมา จึงมีรับสั่งให้สร้างพระพุทธรูปเพื่อประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถ พระประธานจึงปั้นด้วยปูนด้วยลงรักปิดทอง หน้าตักกว้าง ๔ ศอก ๗ นิ้ว สูง ๕ ศอก ๑ คืบ ๗ นิ้ว ประดิษฐานอยู่บนฐานยาว ๒ วา ๓ ศอก ๓ นิ้ว กว้าง ๒ วา ๑ ศอก ๑ คืบ ๔ นิ้ว ฐานสูง ๒ ศอก ๑ นิ้ว ต่อฐานขึ้นไป ๓ ชั้น เรียกว่า บัลลังก์ ทำเป็นบัวหงาย บัวคว่ำ และกระจับลงรักปิดทองและประดับกระจกสีต่าง ๆ ผินพระพักตร์ ไปทางทิศตะวันตก เป็นพระพุทธรูปแบบสมัยกรุงศรีอยุธยา























เมื่อสร้างพระพุทธรูปแล้ว ประดิษฐานเป็นพระประธานในพระอุโบสถแล้ว ฉลองแล้ว พระพุทธรูปที่ประสงค์จะนำมาเป็นพระประธาน จึงเดินทางมาจากสุโขทัยมาถึงกรุงเทพ ฯ จึงได้สร้างพระวิหารขึ้น เพื่ออัญเชิญพระพุทธรูปจากสุโขทัยมาประดิษฐาน พระวิหารที่สร้างขึ้นนั้นก่อด้วยอิฐถือปูน หลังคามุงลดสองชั้น มุงด้วยกระเบื้องไทยปั้นลม และหน้ามุขทำด้วยปูน และประดับด้วยเครื่องกระเบื้องสีจานเบญจรงค์ ตรงกลางหน้ามุขทำเป็นรูปมังกร เพดานเขียนลายไม้ตาข่าย พระวิหารมี ๔ ประตู มีหน้าต่าง ๑๐ บาน ซุ้มประตู และหน้าต่างปั้นลายดอกไม้เครือ ลงรักปิดทอง บานประตู และหน้าต่างเรียกว่า ลายคลื่นฟองน้ำ มีรูปสัตว์ต่าง ๆ ลงรักปิดทองประดับกระจก หน้าประตูพระวิหารมีตุ๊กตาหินจีน ตั้งอยู่ข้างเสามุขสองข้าง ๆ ละ ๒ ตัว รวมเป็น ๔ ตัว หลังประตูพระวิหารมีตุ๊กตาหินจีน ตั้งอยู่ข้างเสามุขสองข้าง ๆ ละ ๒ ตัว รวมเป็น ๔ ตัว เช่นเดียวกัน พระวิหารยาว ๑๓ วา ๑๐ นิ้ว กว้าง ๘ วา ๕ นิ้ว สูง ๑๐ วาเศษ และมาถึงสมัยเจ้าอาวาสองค์ที่ ๕ ได้ทำการปฎิสังขรณ์ และซ่อมแซมส่วนที่ชำรุดทรุดโทรม เปลี่ยนหลังคาจากมุงกระเบื้องไทยมาเป็นหลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบล้วน ทั้งพระอุโบสถ และพระวิหาร มีกำแพงแก้วสูง ๔ ศอก ๑ คืบ ล้อมรอบ มีประตู ๗ ประตู ที่หน้าพระวิหารระหว่างศาลาการเปรียญกับโรงเรียนมีต้นโพธิลังกา ซึ่งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ นำมาปลูกเอาไว้ ๑ ต้น พระธรรมเจดีย์เจ้าอาวาสปลูกไว้อีก ๑ ต้น


พระอารามหลวงแห่งนี้มีปูชนียวัตถุที่ดีเด่น และสำคัญยิ่งคือ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่ในพระวิหาร ซึ่งนำมาจากกรุงสุโขทัย มหาชนจึงเรียกว่า หลวงพ่อพระร่วง หรือเรียกกันจนติดปากว่า หลวงพ่อร่วง เป็นพระพุทธรูปแบบสุโขทัย ขนาดหน้าตัก กว้าง ๑ วา ๑ ศอก ๑ คืบ ๕ นิ้ว สูง ๑ วา ๓ ศอก ๑ คืบ ๗ นิ้ว องค์พระเป็นโลหะทอง มีรอยต่อ ๙ แห่ง โดยมีหมุดเป็นเครื่องเชื่อมที่รอยต่อ ชุกชีที่ประดิษฐานยาว ๒ วา ๑ ศอก ๗ นิ้ว กว้าง ๒ วา ๒ ศอก ถัดจากฐานขึ้นไปเรียกว่า บัลลังก์ ทำเป็นลายดอกบัวคว่ำบังหงาย และดอกไม้เครือกระจังลงรักปิดทอง ประดับด้วยกระจกสีต่าง ๆ อัญเชิญมาจากสุโขทัย เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๙๓




























หลวงพ่อร่วง เป็นพระพุทธรูปที่มีคุณลักษณะดีพิเศษหลายอย่างคือ


ประการที่ ๑ ดีทางศิลปะ มีพุทธลักษณะงดงามมาก พระพักตร์อิ่มเอิบ มองดูแล้วเหมือนยิ้มนิด ๆ เป็นเหตุให้ชุ่มชื่นใจแก่ผู้ได้เข้ามาชมมานมัสการ นิ้วพระหัตถ์เรียวงาม ทั้งองค์มีรอยต่ออยู่ ๙ แห่ง เป็นเครื่องหมายของความก้าวหน้าตามความนิยม ส่วนสัดขององค์พระไม่มีที่ไหนบกพร่องที่น่าตำหนิ ยากที่จะหาช่างสมัยนี้สร้างทัดเทียมได้ ไม่ทราบอายุเอาแค่มาประดิษฐานอยู่ที่วัดมหรรณพารามก็เป็นเวลานานถึง ๑๕๖ ปีแล้ว (พ.ศ. ๒๕๔๙) หากนับย้อนไปถึงอดีตของกรุงสุโขทัยก็นานนับได้หลายร้อยปี

























ประการที่ ๒ ดีทางด้านวัตถุ พระพุทธรูปที่สร้างในสมัยเชียงแสน สุโขทัย มักสร้างด้วยเนื้อทองสัมฤทธิ์ หรือมีเนื้อทองคำปนอยู่ ในสมัยที่ชาวกรุงเทพฯ ฮือฮากันว่าพบพระพุทธรูปเนื้อทองคำที่วัดโน้นวัดนี้หรือเช่นที่วัดไตรมิตร ก็มีผู้คนมารบเร้าขอให้ทางวัดรอกรักและทองที่ปิดอยู่ที่องค์พระร่วงออก เพื่อพิสูจน์ดูเพราะเห็นว่า องค์พระร่วงก็เป็นพระรุ่นเดียวกันกับพระที่พบมีเนื้อทอง ทางวัดจึงลอกทอง และรักออกดูตรงพระอุระเบื้องขวา กว้างยาวประมาณ ๑ ศอก ปรากฎว่าเป็นสีทองเหลืองอร่ามดุจทองคำ จึงขอให้เจ้าหน้าที่จากกรมศิลปากรมาพิสูจน์ ก็ลงความเห็นว่าเป็นเนื้อทองคำประมาณ ๖๐ เปอร์เซ็นต์ การเปิดพระอุระเพื่อพิสูจน์เนื้อทอง ได้เปิดทิ้งไว้ให้ประชาชนได้ชมอยู่ระยะหนึ่ง ต่อจากนั้นทางวัดก็จัดการลงรักปิดทองไว้ตามรูปเดิม

























ประการที่ ๓ ดีทางศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่อร่วงเป็นที่พึ่งทางใจแก่ชาวไทยและชาวจีนมิใช่น้อย ปัดเป่าความทุกข์ให้แก่ผู้มากราบไหว้ขอพร มาบนบาน ได้ดีจนเลื่องลือไปทั่ว การที่ผู้คนมากราบไหว้บนบานแล้วประสบความสำเร็จ ท่านเจ้าคุณพระศรีธรรมเมธี เจ้าอาวาสท่านได้เขียนไว้ว่า "...จะด้วยเหตุบังเอิญหรือด้วยบุญวาสนาของผู้บนบานเองหรือด้วยพุทธานุภาพอันเกิดจากความศักดิ์สิทธิ์ของหลวงพ่อพระร่วงก็เหลือเดา การบนบานนั้นๆ จึงมักจะสำเร็จผลตามความประสงค์เป็นส่วนมาก จึงทำให้ผู้นิยมนับถือท่านมากทั้งชาวไทยและชาวจีน ..." เดิมทางวัดไม่ได้เปิดพระวิหารให้คนเข้ามานมัสการ ได้แต่ยืนไหว้กันอยู่ที่หน้าประตูวิหาร ตั้งแต่ปี พ.ศ. ๒๔๙๗ เป็นต้นมา จนกระทั่งถึงทุกวันนี้ ทางวัดได้เปิดให้คนเข้ามานมัสการภายในพระวิหารได้ทุกวันเวลา ตั้งแต่เวลา ๐๘.๐๐ - ๑๗.๐๐ น.


















































การไปบูชาพระร่วง เมื่อเข้าไปในวัดแล้วตรงไปยังพระวิหาร ทางด้านหน้าทางขวามีเจ้าแม่กวนอิมยืนอยู่
































เมื่อเข้าประตูวัดมา ทางขวามือจะพบพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ประทับยืน ซึ่งมีความเป็นมาคือ เมื่อ พ.ศ. ๒๔๒๗ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าฯ ได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดตั้งโรงเรียนหลวงเพื่อสามัญชนทั่วไปเป็นแห่งแรกขึ้น ณ วัดมหรรณพาราม มีชื่อว่า โรงเรียนวัดมหรรณพ์ เป็นการพระราชทานการศึกษาออกสู่ปวงชนเป็นครั้งแรก การศึกษาของชาติจึงเจริญออกไปทั่วประเทศ ตราบเท่าทุกวันนี้ โรงเรียนวัดมหรรณพ์ จึงเป็นโรงเรียนหลวง หรือโรงเรียนรัฐบาลเป็นแห่งแรก เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๒๗ ทางกรรมการการศึกษา คณะครูอาจารย์ของโรงเรียนวัดมหรรณพ์ จึงดำริว่าเป็นปีมงคลที่โรงเรียนวัดมหรรณพ์ ได้ตั้งมาครบร้อยปี และการศึกษาของชาติที่ได้รับพระราชทานออกมาถึงประชาชนก็ครบร้อยปีเช่นเดียวกัน ฉะนั้นเพื่อเป็นการเทิดพระเกียรติน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ และเฉลิมฉลองการสถาปนา จึงสมควรสร้างพระบรมราชานุสาวรีย์ขึ้น เพื่อสักการะบูชาในบริเวณโรงเรียนวัดมหรรณพ์ และมีการจัดตั้งมูลนิธิปิยมหาราชานุสรณ์ เพื่อสนับสนุนการศึกษาของชาติต่อไป




























ที่มาข้อมูลจาก //www.holidaythai.com/



ขอบคุณเฮดบล็อก และบีจีคุณญามี่



ภาพบล็อกนี้...โดยกล้อง PANASONIC ZR-1







Create Date : 04 เมษายน 2554
Last Update : 17 กรกฎาคม 2555 20:08:23 น. 35 comments
Counter : 5764 Pageviews.

 
วันนี้น้องไม่เคยไปไหว้ค่ะ ถือโอกาสมาไหว้ด้วยนะคะพี่หนู :))


โดย: APPLEAIR วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:14:15:12 น.  

 
ขวัญขอกราบขอพรพระพุทธรูป
และตามพี่หนูมาเที่ยวด้วยนะคะ...

วันนี้ขี้เกียจสุดๆเลยค่ะ..
พี่หนูล่ะคะยุ่งป่าว อิอิ

ฝากความคิดถึงเหมือนเดิมค่ะ


โดย: ในความอ่อนไหว วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:14:45:33 น.  

 
ขอบคุณครับที่แวะไปเยี่ยม
สวัสดีครับ


โดย: nordcapp (nordcapp ) วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:14:55:38 น.  

 



เดี๋ยวมาค่ะ






โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:15:15:24 น.  

 
รูปสะใจมากๆ เยี่ยมและขยันจริงเจ้าของบ้านนี้


โดย: ปลายแป้นพิมพ์ วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:15:25:48 น.  

 
สวัสดียามบ่ายแก่ๆค่ะพี่หนู ...

ช่วงนี้ไม่ได้ไปเที่ยวที่ไหนเหมือนกันค่ะพี่หนู ... อากาศยังไม่เข้าที่ไม่รู้ว่าจะร้อน หนาว หรือฝน อยู่เชียงราย เที่ยวเชียงรายไปก่อนค่ะ 555

พี่หนูเนี่ยช่างสามารถจริงๆนะคะ ... ซ้อนมอเตอร์ไซด์ปะป๊ามาเลย พลอยให้เพื่อนบล๊อกได้มีโอกาสเยี่ยมชมวัดไปด้วย ขอบคุณมากๆนะคะ

ปล.ภาพตาตั้มแปะโบว์ ไม่ใช่แม่นุ้ยทำให้หรอกค่ะพี่หนู เค้าทำของเค้าเอง โบว์มีกี่อันๆก็แปะเต็มหน้าเลย ทะเล้นๆตามประสา ^^


โดย: SonSmile วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:15:44:07 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่หนู ตามมาดูภาพวัดสวยๆ
วัดนี้เคยได้ยินชื่อมานานนะคะ เป็นของเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองจริงๆ
ดูท้องฟ้า กทม. หม่นๆ สงสัยสัปดาห์นี้อาจมีฝน
รักษาสุขภาพด้วยนะคะ


โดย: diamondsky วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:15:46:51 น.  

 

วัดนี้หนูเคยเข้าไปขอเข้าห้องน้ำ
แล้วเดินผ่านอุโบสถสวยมากค่ะน้าหนู
ฟังพี่อุ้มเล่าประวัติวัดแล้วน่าสนใจมากค่ะ



โดย: เจ้าการะเกด วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:16:59:34 น.  

 
วัดสวยจังเลยนะคะพี่หนู


โดย: kwan_3023 วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:17:51:08 น.  

 
แวะมาทักทายค่ะพี่หนู
สาธุค่ะ มาตามพี่หนูไปไหว้พระด้วยคนจ้า
ปล.หายไปซะหลายวันเพราะไปเป็นเจ้าบ้านที่ดี
ต้อนรับเพื่อนจากภูเก็ตอยู่จ้า
ปล.2 ตอนนี้อัพบล็อกไปเที่ยวอัมพวาตอนแรกแล้วค่ะ แวะไปเที่ยวด้วยกันนะคะ
ส่วนตอน 2กำลังทำข้อมูลอยู่จ้า


โดย: phunsud วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:18:48:15 น.  

 
ตามมาเที่ยวแล้วค่ะ


โดย: never the last วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:19:17:59 น.  

 
ไม่เคยไปวัดนี้เลยค่ะพี่หนู

โอ้..หลวงพ่อศักดิ์สิทธิ์ขนาดนี้ คนช่างบนบานศาลกล่าวอย่างหนู ต้องลองหาโอกาสไปให้ได้สักครั้งแล้วหละค่ะ



เรื่องงานหนังสือ พี่หนูจะอัพปะคะ จะได้รออ่านค่ะพี่

หนูนี่ตั้งสติแล้วค่ะ ถ้าไม่ตั้งสติ (และไม่ได้ลืมเอาบัตรไป) สงสัยจะหมดเยอะกว่านี้อะค่ะ


โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:19:22:18 น.  

 



พาไปเที่ยววัดก็เพลินวัดค่ะพี่
ชอบรูปจริงๆเลย
ใหญ่สะใจ ถูกใจ
ชอบๆๆๆๆๆ





โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:20:12:07 น.  

 
แวะมาทักทายครับ พี่หนู เข้าวัดด้วยคนครับ ยังไม่เคยไปวัดนี้เลยครับ


โดย: กัปตันลูกชุบ วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:20:16:06 น.  

 
คลิกๆๆ รูปสวยๆน่ารักๆไว้ส่งต่อเพียบ...

จาสงกรานต์แล้ว ได้หยุดตั้ง 9 วันไปไหนดีน๊า :)


โดย: สาวสะตอใต้ วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:20:25:25 น.  

 
สวัสดีตอนค่ำครับ .....

แวะมาเที่ยววัดด้วยครับพี่หนู วันนี้ได้เข้าหลายวัดเลยทีเดียว .....



โดย: NET-MANIA วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:20:57:38 น.  

 
มาเที่ยววัดนี้ละสุดยอดคะพี่หนู
เพราะวัดแต่ละวัดของพี่หนูเอ๋ยังไม่เคยไปเลยคะ
ธรรมชาติอย่างอื่นเห็นมาเยอะ แต่วัดมีแต่บล็อกพี่นี้ละคะ ไม่เหมือนใคร

วันนั้นฟ้ายังปิดอยู่เลยน่ะค่ะ
วันอาทิตย์เป็นวันที่เอ๋หลับและตื่นเกือบครึ่งวัน

สวัสดีคะพี่หนู


โดย: aenew วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:21:13:11 น.  

 
ชาลีตามพี่หนูไปเที่ยวชมวัดด้วยคนนะคะ

ชาลีชอบแหงนหน้ามองด้านบนเหมือนกันค่ะ

เพราะอยากเห็นว่าจะมีลวดลายสวยๆ

เหมือนกับที่ฝาผนังหรือเปล่าน่ะค่ะ


เพิ่งอัพบล๊อกเมนูใหม่เสร็จค่ะพี่

ชาลียกมาฝากนะคะ



โดย: sierra whiskey charlie วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:21:27:05 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่หนู ไอ้ประโยคที่ว่าไม่ได้ไปเที่ยวไหนของพี่หนูเนี่ย รู้สึกว่าปีนี้หลายทริปแล้วนะคะ... อิจฉาเนี่ย ยังไม่ได้ไปไหนเลย คงยาวไปถึงสิ้นปีแน่ๆ เลยค่ะ


โดย: namfaseefoon วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:22:22:15 น.  

 
สวัสดียามค่ำก่อนหลับฝันดีค่ะพี่หนู

ไหว้พระสวดมนต์ก่อนเข้านอนเจริญภาวนาจิตตามพี่หนู ผลบุญจะได้มีกับเค้าบ้าง

สงการนต์ไปเที่ยวไหนเอ๋ย อยากลืมเอารูปมาฝากน้องด้วยน่ะค่ะ


โดย: Tick Juntavaro วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:22:33:13 น.  

 

อ่านที่เจ้าน้องอุ้มเม้นท์ที่นี่
แล้วก็ทึ่งในความจำของเจ้าน้องอุ้ม
พูดถึงวัดมหรรณ์
แล้วนึกถึงว่าที่วัดนี้
เป็นโรงเรียนแห่งแรกของไทยเรา
นึกถึงภาพเก่าที่มีเด็กมัดจุก
ใส่เสื้อสีขาวนุ่งโจงกระเบน


โดย: อุ้มสี วันที่: 4 เมษายน 2554 เวลา:22:42:49 น.  

 
โอ้โห...ชมภาพ ชมวัดกันจุใจเลย
เดียดายที่ไม่มีแดด ไม่งั้นภาพคงแจ่มกว่านี้ ส่วนภาพพระอาทิตย์ขี้น
ฟ้าไม่เปิดไม่เป็นไร พรุ้งนี้มันต้องกลับมาขึ้นใหม่ แน่นอน..ชัวร์ 555!!



โดย: หมุนตามไมล์ วันที่: 5 เมษายน 2554 เวลา:2:00:13 น.  

 


ตามมาเที่ยววัดด้วยค่ะคุณหนู
คนอยู่ไกลบ้านได้เห็นวัดแบบนี้ คิดถึงบ้านจังเลยค่ะ


โดย: ข้ามขอบฟ้า วันที่: 5 เมษายน 2554 เวลา:2:50:47 น.  

 
ท้องฟ้าเมืองไทยแม้จะหม่นแต่ก็สวยนะพี่หนู
ตามมาเที่ยววัดกับพี่หนูด้วยค่ะ
ส่วนไดอารี่...ไว้เฉลยตอนจบนะจ้ะว่าเรื่องจริงหรือปรุงแต่งกันแน่
ปล. น้องเอมเอาหน้าแป้นๆมาให้ป้าหนูดูแล้วนะคะ


โดย: MamaBun วันที่: 5 เมษายน 2554 เวลา:4:15:51 น.  

 
อรุณสวัสดิ์ครับพี่หนู

กรุงเทพนี่มีวัดสวยๆมากมายเลยนะครับ









โดย: กะว่าก๋า วันที่: 5 เมษายน 2554 เวลา:6:26:02 น.  

 
สวัสดีค่ะพี่หนู

เกือบพลาด ... ดีนะค่ะว่าเปิดหน้าบล็อกเมื่อวานนี้
เอาไว้ยังไม่รีเฟรช เลยไล่มาดูบล็อกว่าใครบ้างหนอ
ที่อัพไป แล้วก็เห็นพี่หนูเลยแว๊บเข้ามาทักทายกันค่ะ

ช่วงนี้อ่านบล็อกได้ช้ามากค่ะ เพราะว่ามัวแต่ไปอ่านหนังสือ
แถมด้วยตอนนี้ตาก็เจ็บด้วยแบบว่าสงสัยจะเป็นต้อลม
ก็เลยจะต้องพักตาแบบอ่านไปพักไปน่ะค่ะเลยไม่ได้นั่งต่อเนื่อง
แต่ก็เลิกไม่ได้ค่ะ ขนาดว่าโดนสายตาพิฆาตจาก
คนนั่งข้างๆบอกว่าไม่เจียม ตาเจ็บแล้วยังเล่นคอม
เราก็ยังเฉยค่ะเพราะรู้ว่ายังเล่นได้แบบถนอมตัวเอง
เค้าก็เลยบอกว่า ถ้าตาบอดมาจะสมน้ำหน้าให้
กรี๊ดๆ ดูสิค่ะ ไม่โรแมนติกเลยเน๊าะ น่าจะบอกว่า
"ถ้าคุณมองไม่เห็น ผมจะเป็นดวงตาให้คุณ"
เฮ้อ หรือว่ามันเป็นแค่ในนิยายก็ไม่รู้ค่ะพี่หนู


โดย: JewNid วันที่: 5 เมษายน 2554 เวลา:9:21:16 น.  

 



โดย: สบายดีีที่อุดร.... (น้ำค้างกลางใจ ) วันที่: 5 เมษายน 2554 เวลา:9:38:09 น.  

 
555 น่าสงสารแม่้น้องหมอก
อุตส่าห์มารอถ่ายพระอาทิตย์แต่ฟ้าก็ปิด อดถ่ายเลย ไว้อาทิตย์หน้าก็ได้ค่ะ เดี๋ยวจะรอดูนะคะ

ว่าแต่น้องหมอก น้องเมฆเรียนโรงเรียนแถวๆนั้นเหรอคะ


โดย: Shallow Grave วันที่: 5 เมษายน 2554 เวลา:10:32:48 น.  

 
ปรบมือ ให้กะความตั้งใจจริง ...แปะๆๆ..

แต่ผิดหวัง..อิอิ.. นกเจอตลอดเลยแบบนี้น่ะ

เวลาตั้งใจไปรอนะ เก้อตลอด..เวลาผ่านไปแต่ไม่มีกล้องนะ

โอ้ย..สวยจริงๆ วันก่อน นกขี่รถกลับบ้านตอนเย็น
พระอาทิตย์งามมาก ...ดวงใหญ่มาก

สวยที่สุด แต่ไม่มีกล้อง เลยจอดยกมือถือถ่ายมาซะงั้น

ได้มาแค่นั้น.. นกเคยไปรอพระอาทิตย์ตกเย็นๆ

ที่ทะเล ไม่เคยเจอเลย มันตกลงเมฆ ไปซะงั้น..

ตอนนี้เลยหมดแรงไปรอแระ.. ไว้รอดูพี่หนูถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นงามๆ
มาให้ชมดีกว่า..



โดย: Nongpurch วันที่: 5 เมษายน 2554 เวลา:10:40:57 น.  

 
ตามมาชมบรรยากาศครับ ไม่เคยไปวัดนี้เลยครับ

คนเยอะแบบไม่น่าเชื่อเหมือนกัน เพราะมีงานบวชนี่เอง


โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 5 เมษายน 2554 เวลา:11:39:25 น.  

 
มาแว้ววว ..
ดีคร่า.. คุณหนู .
.มาวันเดียว ได้หลายที่ เลย ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ ไปด้วย ดีจัง..
สงสัย คุยนานไม่ได้ ฟ้า ร้องฮึ่ม ๆ ไล่ มาแล้ว..
มาทักทายสบายดี นะคะ..
คิดถึง จ้า..


โดย: tifun วันที่: 5 เมษายน 2554 เวลา:13:58:20 น.  

 
ชอบหน้าบันค่ะ สวยเนาะ


โดย: tuk-tuk@korat วันที่: 5 เมษายน 2554 เวลา:14:21:02 น.  

 
สวัสดีค่ะ พี่หนู

ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เข้า Bloggang เลยค่ะ
.. ดีใจจังเลยที่พี่หนูไม่เคยลืมน้องคนนี้ ..

ปกติแล้วบ้านปุ๊ก็ชอบชวนกันไปไหว้พระทุกเดือนนะคะ
แต่ช่วงนี้ว่างไม่ค่อยตรงกัน เลยไม่ได้ไปซักที..
เลยถือโอกาสนมัสการผ่าน Blog ของพี่หนูเลยละกันนะคะ

PS. สงกรานต์ไปเที่ยวไหนเอ่ยยย..


โดย: pupaew วันที่: 5 เมษายน 2554 เวลา:14:26:35 น.  

 
องค์พระสวยจริงๆค่ะ

ไว้จะรอดูรูปพระอาทิตย์ขึ้น
ที่ที่ สวยที่สุดใน กรุงเทพค่ะ


โดย: me-o วันที่: 5 เมษายน 2554 เวลา:15:10:17 น.  

 
สวัสดีค่ะ..พี่หนู

ตามมาไหว้พระกับพี่หนูค่ะ

อากาศเปลี่ยนแปลงอีกแล้ว
ร้อนอยู่ไม่กี่วัน
วันนี้ฝนตกอีกแล้ว

ชาชักเย็นๆ จ้า



โดย: chenyuye วันที่: 5 เมษายน 2554 เวลา:16:22:37 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

สายหมอกและก้อนเมฆ
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 165 คน [?]




เป็นคุณแม่ของ 1 ลูกสาว และ 1 ลูกชายค่ะ

เป็นแม่บ้านฟูลทาม อาชีพ ขสมก.
(แปลว่า...ขอสามีกิน อ่านเจอที่ไหนไม่รู้ ชอบค่ะ เลยยืมมาใช้หน่อย)

เมื่อไหร่ที่พอจะจัดสรรเวลาได้...
จะไปเที่ยวด้วยกันทั้งครอบครัวเสมอค่ะ...

โลกนี้แสนกว้างใหญ่ มีอะไรให้เราเรียนรู้อีกมากมาย พบเจออะไรดี ๆ ที่พอจะมีประโยชน์กับคนอื่นบ้าง ไม่มากก็น้อย เลยเอามาแบ่งปันกัน

ลิขสิทธิ์...เป็นของบุคคลที่อยู่ในภาพ
ขอบคุณค่ะ

Friends' blogs
[Add สายหมอกและก้อนเมฆ's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.