ถนนสายนี้มีตะพาบ 166 : เปลี่ยนแนว...มาเถื่อน (เถื่อนเจ็ด)
ถนนสายนี้มีตะพาบ 166 เปลี่ยนแนว... มาเถื่อน โจทย์โดยคุณชีริว
เถื่อนเจ็ด The Savage Seven วรรณสิงห์ ประเสริฐกุล 7 เรื่องราวการเดินทางเสาะหาชีวิต บน 7 เส้นทางที่พ่อแม่คงไม่อยากให้คุณไป a book / พิมพ์ครั้งที่ 3 / 415หน้า / 325.-
โปรยปกหลัง ตกปลาปิรันย่ากินเป็นอาหาร จับจระเข้ด้วยมือเปล่าในแม่น้ำแอมะซอน กินองุ่นที่ปลูกในซากโรงไฟฟ้านิเคลียร์เชอร์โนบิล โดนทหารอิหร่านเอาปืนจ่อหน้า ดมกลิ่นศพในรวันดา เหยียบขี้อันแฉะนุ่มที่อินเดีย จิบเบียร์ยี่ห้อ Everest บนเทือกเขาหิมาลัย ขี่อูฐกลางทะเลทรายจอร์แดน 9 ชั่วโมง จากป่าดงดิบแสนอันตราย สู่ทะเลทรายอันเวิ้งว้าง จากเมืองร้างไร้ผู้คน สู่สุสานที่มีศพวางเรียงรายนับพัน จากประเทศที่มีตำรวจยืนตรวจเครื่องแต่งกายตามสี่แยก สู่เทศกาลที่แทบจะไม่มีคนใส่เสื้อผ้า วรรณสิงห์ ประเสิร์ฐกุล ใช้เวลากว่า 6 ปี น้ำมันเครื่องบินอีกหลายหมื่นลิตร และบทสนทนาอีกนับพัน เพื่อพาคุณท่องไปใน 7 ดินแดนที่เถื่อนที่สุดในโลก
เล่าเรื่อง ตะพาบรอบนี้เปลี่ยนแนวจากเล่าเรื่องนิยายรักมาเล่าสารคดีชีวิตแนวเถื่อนๆ บ้างค่ะ กับ เถื่อนเจ็ด หนังสือว่าด้วยการเดินทางในดินแดนโหดเถื่อน ที่ผู้เขียนพาไปสัมผัสผ่านตัวหนังสือจากประสบการณ์จริงที่ยากจะได้ไปเห็นด้วยตาตัวเอง เปิดมาเจอแถวนี้แม่งเถื่อน บทนำ บก. ที่แบบแนวได้ใจ บอกเล่าความเป็นไปของผู้เขียนประสบการณ์ ความคิด และเรื่องที่ว่าทำไมต้องเถื่อนเจ็ด มาต่อสู่แดนประหลาด บทนำจากผู้เขียนอีกทีที่อ่านแล้วรู้สึกว่าโชคดีจังที่ผู้เขียนมีโอกาสได้ทำหลายอย่างในชีวิต ทั้งที่อายุก็ยังไม่มาก ผ่านการเดินทางที่มีทั้ง หวาดเสียว สนุกสนาน มีมุมมอง มีชีวิต และแตกต่าง บางทีก็ใช้ศัพท์แสงวัยรุ่นมากเหมือนเล่าให้เพื่อนฟังออกแนวลุยๆ
เถื่อนแรกบุกแม่น้ำแอมะซอน จากที่จำภาพติดตาในหนังอนาคอนด้า ยังคิดว่าถ้าให้ไปเองจ้างให้เราคงไม่ไป แต่ผู้เขียนไปแถมมีอะไรแปลกๆ น่าสนใจมาให้อ่านด้วย ใครจะคิดว่าจระเข้ตัวเป็นๆ ในแม่น้ำแอมะซอนจะจับได้ด้วยมือเปล่า ใครจะคิดว่าจะมีคนกล้าบ้าบิ่นไปตกปลาปิรันย่าเอามาปิ้งกินเป็นอาหาร เราเคยรู้ว่าฮิปโปกับจระเข้ สามารถอยู่ร่วมกันได้ในผืนน้ำกว้างใหญ่โดยไม่เบียดเบียนกัน แต่เราไม่เคยรู้ว่าวัฏจักรการดำเนินชีวิตของมันเป็นอย่างไร อันตรายจากป่ามีอะไรที่นึกไม่ถึงอีกหลายอย่างมาก ทำให้เราได้รู้และบางทีก็อึ้งและคิดว่าจ้างก็คงไม่ไปแน่ๆ หรือว่านี่คือวิถีชีวิตถ้าใช่คนที่นั่นคงเสี่ยงมากชนิดที่อาวุโสโอเคคงเอาไม่อยู่ ตามประสาคนอ่านช่างจินตนาการและเฟอะฟะเป็นบางที อ่านไปคิดไปว่าถ้าเกิดเป็นเราที่อยู่ตรงนั้นแล้วตกลงไปในน้ำสงสัยไม่เหลือซาก ฟันปิรันย่าคมยิ่งกว่ากรรไกร แล้วถ้ามาเป็นพันๆ ตัวล่ะทำไมถึงช่างกล้า แค่คิดเราก็บอกศาลาตั้งแต่เถื่อนแรกแล้ว มีข้อคิดดีๆ ที่ได้จากการเดินทางในแม่น้ำแอมะซอนก็มีเช่น
ในการเดินทางครั้งนี้ นอกเหนือจากการครุ่นคิด นอกเหนือจากการเสาะหาความหมาย นอกเหนือจากความเข้าใจความแตกต่างมากมายบนโลกใบนี้ ก็คือความสุขแบบนี้ ความสุขจากการเงยหน้าขึ้นมองฟ้า และรู้สึกว่าตัวเองโชคดี เหลือเกิน โลกนี้ช่างสมบูรณ์แบบ ตามที่มันเป็น (p.40)
ยังอยู่ที่บราซิล กับริโอเดอร์จาเนโร เมืองที่มีรูปปั้นพระเยซูที่สวยที่สุดในโลกอีกแห่งหนึ่ง เราคิดว่าที่นี่ไม่ค่อยเถื่อนเท่าไหร่ ดูจะเป็นเมืองที่สบายที่สุด ผู้เขียนเล่าถึงตอนที่ได้ไปงานเทศกาลคาร์นิวัล แลดูน่าสนุก แต่ไม่เหมาะกับเราที่ไม่ชอบความวุ่นวายเท่าไหร่ แต่ถ้าได้ไปอยู่ในเหตุการณ์นั้น มันจะอลังการงานสร้างขนาดไหน กับการเดินปะปนผู้คนที่ไม่มีใครสนใจใคร แต่งหน้าทาปากสีสันแสบทรวง แถมเสื้อผ้าน้อยชิ้นในเมืองที่ขึ้นชื่อว่ามีเทศกาลคาร์นิวัลที่สนุกที่สุดแห่งหนึ่งในโลก มันก็แลดูน่าสนใจไม่หยอก ประโยคโดนใจนักอยากเดินทางที่ยังไม่มีโอกาสไปสักครั้งก็มีอีกเช่น
ในการเดินทาง,ท่ามกลางทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามา ไม่ว่าบ้าคลั่ง หรือสงบนิ่ง,มันจะมีบางจังหวะที่เรารู้สึกได้ว่านี่จะกลายเป็นวินาทีที่น่าจดจำไปตลอดชีวิต (p.63) ความทรงจำ คือเครื่องสร้างรอยยิ้มที่ดีที่สุด (p.63)
เถื่อนต่อมาที่พาราณสี เมืองที่ได้ชื่อว่ามีประชากรมากที่สุดแห่งหนึ่ง และมีอารยธรรมเก่าแก่มากที่สุดแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ กับความเป็นจริงชีวิตของคนอินเดีย เราเห็นอินเดีย จากสารคดีนิตยสารท่องเที่ยว บล็อกเกอร์ และสื่อหลากหลายมาก โดยเฉพาะในบล็อกแกงค์ ก็มีเพื่อนที่เขียนเกี่ยวกับอินเดีย และเราชอบมากแถมยังอินดี้มาก แต่ไม่ทำเล่มให้อุดหนุนสักที เราอยากอ่านการเดินทางแนวนี้ที่ได้เห็นอะไรแปลกใหม่ไม่ได้มีแค่มุมหรูหราสูงสุดหอคอยงาช้าง บางทีเราก็อยากรู้ว่าทำไมแม่น้ำคงคาถึงเป็นทุกอย่างของชาวอินเดีย ทำไมทุกหย่อมหญ้าแม้แต่ทางเดินต้องคอยหลบวัตถุประหลาดจากร่างกายคน ทำไมถึงมีคนที่มีวรรณะแตกต่างกันอย่างสุดขั้วปะปนกัน ทำไมถึงมีโรงแรมสำหรับศพ ทำไมถึงมีฤาษีชอบเล่นเกมในเฟซบุค แต่ละอย่างดูย้อนแย้งกันประหลาดแต่ก็อยู่รวมกันเป็นอะไรที่เราชอบและได้จากหนังสือเล่มนี้ ประโยคโดนใจจากตอนนี้ก็มีอีกนั่นแหละ
คำถามหลายๆอย่าง ผมใช้สมองถาม และพบว่าการจะตอบคำถามนั้นได้ ต้องใช้โลกทั้งใบตรงหน้าเป็นคำตอบ (p.112)
เถื่อนต่อมา กับความทรงจำที่เชอร์โนบิล ประเทศยูเครน เคยได้ยิน ได้เห็น และได้อ่านเกี่ยวกับเตาปฏิกรณ์ปรมาณู โรงไฟฟ้านิวเคลียร์อันดับสามของโซเวียตระเบิดเมื่อสามสิบปีที่แล้ว แต่เราไม่เคยสนใจเพราะคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว พอได้มาอ่านจากที่ผู้เขียนไปสัมผัสมาด้วยตัวเองทำให้รู้ว่า ยังมีบางสถานที่ในโลกใบนี้ ที่ความทรงจำและชีวิตเหมือนถูกปิดตาย ในพื้นที่ที่ปนเปื้อนด้วยสารกัมมันตภาพรังสีระดับสูงสุด ใครจะคิดว่าจะมีใครต้องทำงานเสี่ยงตายด้วยการสร้างโรงศพเหล็กล้อมกรอบโรงไฟฟ้าเพิ่มอีกหนึ่งชั้น ใครจะคิดว่ามอสเล็กๆ ที่อยู่เต็มพื้นที่จะปนเปื้อนกัมมันตภาพรังสีมากมายอย่างร้ายกาจ ใครจะคิดว่าเมืองที่เคยมีผู้คนอยู่อย่างหนาแน่นจะกลายเป็นเมืองร้าง เป็นพื้นที่ที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตอยู่ ทุกสิ่งถูกหยุดนิ่งเหมือนเกาะร้างฮาชิมะในญี่ปุ่นยังไงยังงั้น แต่ว่าอันตรายมากกว่ากันหลายเท่า และเป็นอีกที่ที่เราไม่คิดอยากไปเลยในชีวิต อ่านจบตอนนี้ก็นึกสงสัยว่าคนที่อพยพกันไปตอนนั้น แต่ละคนจะเป็นยังไงกันบ้าง ประโยคโดนใจในตอนนี้ก็มีอีกเช่นกัน
สิ่งหนึ่งที่ได้เห็นในฐานะนักเดินทาง ก็คือการได้รู้ว่าคนส่วนใหญ่บนโลกนี้ ไม่ได้เป็นนักเดินทาง โลกหมุนไปด้วยคนที่ทำอะไรซ้ำๆ อยู่ในที่เดิมๆ ทุกวันของเขาจะลุกขึ้นมา และกลับเข้านอนบนเตียงเดิม เพื่อตื่นขึ้นมาทำสิ่งเดิมในวันรุ่งขึ้น (p.161)
ยังมีอีกหลายแห่งในหนังสือ ที่อยากชวนอ่าน มาเปิดหูเปิดตากัน ทั้งการเดินทางในอิหร่านที่ทำให้ได้เห็นความต่างของศาสนา ชีวิตในอีกแบบที่แตกต่างจากเรา หรือชีวิตของคนมองโกเลีย การอพยพย้ายที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง หรือการอยู่บนหลังอูฐในทะเลทรายจอร์แดนครึ่งค่อนวัน การเดินทางไปแตะเทือกเขาเอเวอร์เรสที่เห็นไกลลิบๆ แต่ละแห่งที่กระตุ้นความสนใจของเราได้ ถ้าให้เลือกสักที่ในดินแดนเหล่านี้ คงจะขอเลือกไปมองโกเลีย เพราะดูจะเวิร์คสุด ยกเว้นระบบสุขานี่แบบแนวมาพอๆกับอินเดีย อ่านแล้วก็คิดในใจถ้าต้องนั่งไปโบกมือบ๊ายบายชาวโลกไปด้วย คงสนุกดีพีลึก แต่...แต่... และแต่ ยังมีอีกที่ที่อ่านแล้วไม่อยากไปเลย หรือไม่คิดจะไปที่สุดคือ รวันดา เป็นอะไรที่อ่านแล้วสลด หดหู่ใจมาก และไม่คิดว่าชีวิตนี้ถึงมีโอกาส ก็ไม่จะอยากไปเห็นกับตาตัวเองเด็ดขาด ในโลกที่ผู้คนมากมายแบ่งแยกการปกครองด้วยระบบหลากหลาย เราเคยเห็นการเข่นฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิวแบบหดหู่ใจมาแล้ว และไม่คิดว่าจะมีที่ไหนที่ยังเป็นได้แบบนั้น แต่ในชีวิตจริงยังมี เหมือนใน รวันดา ที่มีการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ ทำให้มีคนตายถึงเกือบหนึ่งล้านคนในเวลาแค่ร้อยวัน มันเกิดขึ้นได้ยังไง แม้แต่ตอนนี้ศพเหล่านั้นยังถูกวางเรียงรายเต็มไปหมด โครงกระดูก กะโหลกมนุษย์เยอะแยะมากมาย ไม่รวมถึงเศษเสื้อผ้าที่แขวนไว้เต็มผนังโบสถ์ แล้วยังรูปถ่ายบุคคลที่ถูกฆ่าเหล่านั้น มันหดหู่ สะอิดสะเอียน และเถื่อนเกินมนุษย์ด้วยกันจะทำกัน ผู้เขียนบอกว่าการถ่ายทำสารคดีในรวันดา เป็นครั้งที่มืดมนที่สุดในชีวิต เป็นประสบการณ์ที่ได้จากการเดินทางครั้งสำคัญ เราก็เห็นว่าจริงตามนั้น
++++++++++++++++++++++++++++++++++++
เปลี่ยนแนวมาเถื่อนคราวนี้ อ่านจบตั้งเป็นเดือนจนลืม พอได้โจทย์ใหม่ตรงใจพอดี ก็เลยต้องรื้อฟื้นอ่านซะอีกรอบ เลยส่งตามหลัง ช้าอีกตามเคยค่ะ (หนึ่งในข้ออ้างส่งงานช้า) 55
++++++++++++++++++++++++++++++++++++ ขอบคุณของแต่งบล็อกสวยๆ จากคุณยายเก๋าและคุณญามี่ค่ะ ขอบคุณคลิปประกอบรายการพื้นที่ชีวิตค่ะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า ค่อยตามไปอ่านตะพาบพี่ๆ นะคะ ขอตั้งหลักแป๊บ (อันนี้ก็ข้ออ้าง) อิอิ
Create Date : 16 พฤศจิกายน 2559 |
|
29 comments |
Last Update : 16 พฤศจิกายน 2559 16:32:59 น. |
Counter : 1456 Pageviews. |
|
|
|
อยากเห็นบ้านเขาที่ ไม่เคยเห็น อยากเห็นชีวิตจริง มากกว่าชีวิต
ที่พักในโรงแรมครับ 555
จับเข้ด้วย... โอ..