ถนนสายนี้มีตะพาบ 175/176
ถนนสายนี้มีตะพาบ 175 / 176 ข้อคิดดีๆ ที่ทำให้ฉันจะไม่กลัวอะไรอีกแล้ว
ช่วงนี้เริ่มเขียนตะพาบอืดอาดอีกแล้วค่ะ หลังจากรอบที่แล้วรวบสองโจทย์เข้าด้วยกัน รอบนี้ก็ยังมาแนวเดิมอีก จริงๆ ไม่ได้หายไปไหนวนเวียนอยู่แถวเฟสบุ๊ค ซุ่มเขียนนิยายแล้วก็หนีเที่ยวมาค่ะ เมื่อประมาณเดือนกันยาปีที่แล้วมีงานประกวดงานเขียนหนึ่งชื่อ ARC Award มีคอนเซ็ปต์ว่าเขียนอะไรก็ได้ส่งอะไรก็ได้ที่อยากเขียน จะเป็นนิยาย บทกวี สารคดี ฮาวทู หนังสือภาพ บทความ หรืออะไรก็ตามที่เราเขียนขึ้นเองและยังไม่เคยขายที่ไหนมาก่อนมีเวลากว่าหกเดือนถึงจะหมดเขตส่ง เราได้แต่เมียงๆมองๆ แต่ไม่กล้า เพราะไม่กล้าทำให้เวลาผ่านไปวันแล้ววันเล่าเกือบห้าเดือนกว่าจะคิดได้แต่ก็ไม่อยากส่งอยู่ดีเพราะรู้ว่ายิ่งเป็นงานประกวดคงยิ่งมีแต่คนเก่งๆงานต้องเนี๊ยบ เฟี้ยว ต้องแปลกแตกต่างจากงานเขียนทั่วไป เราได้แต่ฝัน...แต่ไม่กล้า แต่พอมีโอกาสอ่านข้อคิดดีๆจากหนังสือเล่มหนึ่ง ทำให้เกิดความฮึดขึ้นมาทั้งที่เหลือเวลาเพียงเดือนเดียวหนังสือที่ปลุกเร้าความกล้าในตัวเราอย่างร้ายกาจมีชื่อว่า ก้าวไปเก็บจันทร์พันดวง ของนักเขียน ประชาคม ลุนาชัย โปรยปกหน้าสั้นๆ แต่น่าสนใจด้วยเรื่องราวของชายช่างฝันกับพระจันทร์พันดวง และเจ้านกตัวเล็กๆ ในหัวใจของเขา โดยเฉพาะโปรยปกหลังไม่กี่บรรทัดแต่พุ่งเข้ากลางใจอย่างจัง
บางทีการเขียนไม่ได้ขึ้นอยู่กับการขาย เป็นเพียงสิ่งที่ศิลปินอยากจะทำเมื่อหัวใจปรารถนา ถึงแม้จะขายไม่ได้แม้แต่เล่มเดียว มันเป็นงานที่หล่อเลี้ยงจิตวิญญาณของคนสร้างให้เติบใหญ่ นักเขียนก็เหมือนต้นไม้ ที่ยืนหยัดก็ส่วนหนึ่งที่โค่นล้มหายไปก็อีกส่วนหนึ่ง แต่แผ่นดินยังอยู่ ถนนหนังสือยังอยู่ พร้อมจะให้โอกาสไม้ต้นใหม่ได้งอกงามและยืนหยัด เมื่อหนังสือกลายเป็นโลกอีกใบในมือคนอ่าน มันไม่สำคัญอีกแล้วว่าคนเขียนคิดอะไร แต่สำคัญตรงที่คนอ่านคิดอะไรต่างหาก
พออ่านจบเราทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วยไม่เห็นด้วยที่ว่างานเขียนไม่ได้ขึ้นอยู่กับการขาย มันยากมากที่จะฟันธงหากนักเขียนต้องดำรงชีพด้วยการเขียนการเขียนแล้วไม่ขายยิ่งยากไปใหญ่ ขณะที่โลกหมุนไปหนังสือเล่มยังอึมครึม ตลาดออนไลน์ก็มาแรงเกินยั้งเราจะทำอะไรได้หากไม่เขียนเพื่อหวังขาย งานที่ไม่เป็นแมสหรือเข้าไม่ถึงคนหมู่มากย่อมขายยากขึ้นเป็นธรรมดา เราก็ได้แต่บอกตัวเอง เมื่อตั้งใจแล้วว่าจะสานต่อนิยายจบไม่สวยเรื่องนี้ให้จบก็ต้องทำต่อไปแต่เขียนแล้วจะเอาไปไหนดีละ ไม่มีที่ไหนรับหรอกนิยายที่จบไม่สวยนอกจากส่งประกวด มันน่าจะมีคุณค่าบ้างถ้ามีคนอ่านมัน เพราะฉะนั้นคำนี้จึงพุ่งเข้ามาในหัว ฉันจะไม่กลัวอะไรอีกแล้ว เป็นประโยคที่ใช้เตือนตัวเองให้กล้าที่จะเขียน และเขียนเสร็จในหนึ่งเดือนจนทันเวลาส่ง การบอกตัวเองว่าจะไม่กลัวอะไรอีกแล้วถ้าได้ทำมันรู้สึกดีเป็นบ้า ถ้าจะกลัว ก็กลัวไม่ได้ทำแล้วมานึกเสียใจในความไม่กล้ามากกว่า ผลออกมายังไงก็จะไม่กลัวแล้วเพราะอย่างน้อยนิยายก็ได้ผ่านมือตัวเองตั้งแต่ต้นจนจบ และอาจจะมีโอกาสผ่านตากรรมการบ้าง นี่แหละมั้งที่เรียกว่าความฝันของนักหัดเขียน ไม่รู้ว่าจันทร์พันดวงของเราอยู่อีกไกลแค่ไหนแต่ก็ยังหวังว่าหนึ่งในพันจะมีสักดวงที่เป็นของเรา ถึงเป็นแค่ความฝัน แต่ก็เป็นฝันที่ได้ทำ ดีกว่าฝันแล้วไม่ลงมือทำมันก็คงอยู่ได้แต่ในฝันของเราตลอดกาล...
มีรูปที่ไปเที่ยวมาฝากเอาไว้ค่อยมาอัพบล็อกเล่าเรื่องเที่ยวบ้างค่ะ
ขอบคุณของแต่งบล็อกสวยๆ จากคุณยายเก๋าและคุณญามี่ค่ะ ขอบคุณเพลงเพราะๆ จากอินเตอร์เน็ตค่ะ ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่ะ
Create Date : 11 เมษายน 2560 |
Last Update : 11 เมษายน 2560 19:15:12 น. |
|
18 comments
|
Counter : 1368 Pageviews. |
|
|