วันสงกรานต์กับครอบครัวประหลาดของเรา..
โจทย์โดยคุณเป็ดสวรรค์
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
สวัสดีค่ะวันนี้โจทย์ตะพาบวันพระใหญ่ตรงกับเทศกาล สงกรานต์ ซึ่งถือเป็นโอกาสที่ดีตรงกับวันครอบครัว คิดว่าน่าจะเล่าเรื่องอะไรที่เกี่ยวกับครอบครัวบ้าง..แต่จะเป็นครอบครัวของใครไปได้ถ้าไม่ใช่ครอบครัวตัวเองเพราะ..
ครอบครัวของเรา..เป็นครอบครัวประหลาด
ใครๆเขาก็ว่ากันอย่างที่เคยเล่ามาในตะพาบตอนก่อนหน้า ซึ่งนาสจะหลายตอนผ่านไปแล้วล่ะ
ครอบครัวเราไม่เหมือนใคร พ่อกับแม่ต่างคนต่างไปตอนเรายังเป็นเด็กอยู่ประถมสามตอนนั้นผลการเรียนของเราตกต่ำลงเพราะประท้วงกลายๆ จนโดนคุณครูคาดโทษบ่อยครั้งว่าถ้ายังไม่ตั้งใจเรียนจะให้ไป..เลี้ยงหมู..คุณครูจะให้ลูกสาวคนเดียวของครอบครัวไปเลี้ยงหมู..โอย..เป็นความอัปยศอดสูที่สุดในชีวิต..นึกแล้วยังอยากจะร้องไห้จนบัดนี้...
แต่ก็เป็นโรคที่เค้าเรียกว่าห่อเหี่ยวหดหู่ประชดชีวิตได้ไม่นาน..ยังไงชีวิตก็ต้องเดินหน้าต่อไป..เราจะไม่ยอมเลี้ยงหมูเด็ดขาดตอนนั้นการเรียนกลับมากระเตื้องขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับได้ยินข่าวคราวการแต่งงานใหม่ของพ่อ..
พ่อม่ายลูกติด VS สาวน้อย...
แม่เลี้ยงของเรา เธออายุน้อยกว่าพ่อเกือบสิบหกปีเธอเป็นคนใจดี ทำให้เราไม่ต้องโดนกระทำเหมือนแม่เลี้ยงใจร้ายครั้งที่จำได้ไม่ลืมคือ เธอมาขอร้องในฐานะที่เราเป็นลูกสาวคนเดียวของพ่อกับแม่เธอบอกว่า
ขอใช้นามสกุลเดียวกันกับลูกได้ไหม?
อืม..อารมณ์ตอนนั้นมันอึ้งมีคนจะมาขอแบ่งปันพ่อไป มันเกินเลยจุดที่จะโกรธหรืออะไรไม่ใช่ว่าโตขึ้นกว่าเดิมเท่าไหร่ แต่เพราะเข้าใจชีวิตหรือ..ก็ไม่ใช่..ยังเด็กอยู่เลยอารมณ์คงประมาณเด็กหัวอ่อนถึงแม้ไม่พอใจแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เมื่อเป็นความสุขของพ่อก็ต้องยอมยอมรับทั้งที่ไม่อยากยอมเพียงให้เขาสบายใจ พอผ่านมานานหลายปีเข้าไม่รู้อารมณ์ไม่พอใจมันหายไปไหน กลายเป็นเราสองคน..ลูกและแม่เลี้ยง..เข้ากันได้ดีอย่างน่าประหลาด
โทรศัพท์มือถือเครื่องแรก...เธอเป็นคนซื้อให้
มอเตอร์ไซค์คันแรก..เธอก็เป็นคนซื้อให้
หลายสิ่งหลายอย่างที่เธอทำให้..บางอย่างไม่จำเป็นต้องเป็นสิ่งของราคาแพงแต่ก็ยังจำได้และระลึกถึงทุกครั้ง ถึงแม้ตอนนี้พ่อจะมีน้องใหม่เพิ่มเข้ามา แต่เรากลับไม่รู้สึกว่าขาดอะไรไปเลยที่สำคัญน้องชายก็เกิดวันและเดือนเดียวกันกับเราด้วย ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเขามักจะคอยโทรหาถามไถ่สารทุกข์สุกดิบเราบ่อยยิ่งกว่าพ่อเสียอีก..น้องชายน่ารักตอนเด็กๆคนนั้นตอนนี้เป็นว่าที่วิศวกรหนุ่มและกำลังใช้ชีวิตอย่างเต็มที่เดินตามความฝันของตัวเองอยู่ทางเหนือเหมือนกัน
แม่ม่ายลูกติด VS หนุ่มโสด...
พ่อเลี้ยงของเรา เป็นหนุ่มโสดจากแดนอีสานแต่อิมพอร์ตมาจากซาอุดิอาระเบียชีวิตของเขาตั้งแต่จบมาก็ไปทำงานต่างประเทศ เกือบยี่สิบปีในแท่นขุดเจาะน้ำมันกลางทะเลเห็นหน้าผู้หญิงสวยเพียงโผล่พ้นแค่รอบดวงตาเพราะพวกเธอ (หมายถึงสาวซาอุ)ใส่ชุดอาบายะฮ์ที่ปกปิดมิดชิดไม่ได้เห็นความสวยงามแต่อย่างใด น่าจะเป็นเหตุให้เขาโสด..พอกลับมาเมืองไทยสักพักก็ได้เจอกับแม่ซึ่งตอนนั้นเพิ่งกลับจากออสเตรเลีย ชีวิตต้องเริ่มต้นใหม่จนมาเจอกับพ่อเลี้ยงซึ่งเรียกยากและกระดากปากสำหรับเรา..ขนาดแม่เลี้ยงสนิทกันเรายังเรียกแค่พี่แล้วพ่อเลี้ยงจะเรียกพี่ก็ใช่ที่ บางทีจึงเรียกลุง หรือเรียกชื่อหนุ่มอิมพอร์ตซาอุคนนี้ขึ้นมาตามที่ทำงานเขาเรียกซึ่งได้เวลาเฉลยในตอนนี้..
ถ้ายังจำได้กับตะพาบ ตอน เหมือนดาวคนละดวง ตัวละครเอกในตอนนั้นไม่ใช่ใครเขาคือพ่อเลี้ยงของเราเอง...ทีเจ
เราเรียกกันจนติดปากตามชื่อเรียกในที่ทำงานของเขาและเรื่องราวในเรื่องสั้นตะพาบหนนั้นคือเลิฟสตอรี่ของแม่และทีเจนั่นเอง
ทีเจ..ของพวกเรา เป็นคนใจดี และใจเย็นอย่างเหลือเชื่อเพราะเป็นลูกชายคนโตของครอบครัว เป็นหนุ่มโสดตอนที่บอกใครๆว่าจะแต่งงานกับแม่..ซึ่งเป็นแม่ม่ายลูกติดจึงได้รับการคัดค้านจากครอบครัวของเขาซึ่งแม่ก็พยายามเป็นอย่างมาก ในที่สุดไม่นานหลังจากนั้นแม่ก็ได้เป็นสะใภ้คนโปรดที่พ่อกับแม่ของทีเจไม่คิดไม่ฝันว่าลูกชายจะมารักเพราะหวังให้ลูกชายมีครอบครัวกับผู้หญิงที่ไม่มีพันธะและผ่านการแต่งงานมาก่อน แต่สุดท้ายก็เป็นแม่ม่ายลูกติดของเราจนได้ที่ชนะใจและ...
ครอบครัวประหลาดของเราก็เลยประกอบไปด้วย
พ่อสองคนและแม่สองคน..
หน้าเทศกาลแต่ละทีพวกเราจะนัดพบปะกัน เมื่อก่อนหลายปีที่แล้วพ่อจะเป็นฝ่ายมาหาช่วงสงกรานต์เสมอเป็นเพราะวันหยุดยาวต่อเนื่องปีหนึ่งเราจะได้เจอกันสักครั้งในวันหยุดสงกรานต์ กิจวัตรที่ทำประจำทุกปีคือรดน้ำดำหัวคุณตาในวันครอบครัวและเดินสายเยี่ยมญาติ
สายตาคนนอกมองด้วยความฉงน...
แม่และแม่เลี้ยงเดินคุยกันกระหนุงกระหนิง
พ่อและทีเจเดินคุยกันอย่างสนิทสนม
ส่วนเราและน้องชายต่างแม่เดินตามอีกต่อหนึ่ง..
บางครั้งกลับมานึกดู...การได้อะไรมาโดยไม่เสียอะไรไป มันเป็นไปไไม่ได้ ถึงจะเป็นไปได้ก็ยากยิ่ง ถ้าเพียงแต่ตอนนั้นเราดื้อแพ่งไม่ยอมรับพวกเขาทั้งสอง ก็คงไม่มีวันนี้ที่เรามีความสุขที่ได้เห็นครอบครัวมีความสุข
สุขในการใช้ชีวิต..ไม่โกรธเคืองในโชคชะตา..
ยังมีคนอีกจำนวนมากที่อยากมีพ่อแม่..แต่ไม่มี..
ยังมีคนอีกจำนวนมากที่สามารถหาความสุขได้..เพียงรู้จักคำว่าอภัย..
เพียงแค่เราเสียสละความรู้สึกส่วนตัวแลกกับความสุขของครอบครัว..ไม่มีอะไรยากเกินที่จะทำต้องขอบคุณท่านมากกว่าที่ทำให้เราได้เกิดมา แล้วเราจะยึดติดไปทำไมทำตัวให้เป็นปัญหาทำไม..ในเมื่อเราก็ยังคงใช้ชีวิตต่อไปเพื่อพบเจอกับอะไรอีกมากที่ยังจะต้องเผชิญต่อไปในชีวิตนี้..
คำถามที่ได้ยินบ่อยมากคือ
ไม่รู้สึกอะไรเหรอ..เขามาแย่งความรักของพ่อกับแม่นะ?
ไม่ทะเลาะกันมั่งเหรอ..ยอมได้ไง ทำไมยอม?
อืม..นั่นสินะ..สารพัดที่คนจะสงสัยแต่ครอบครัวเราก็เป็นแบบนี้เป็นปกติ เพียงแต่ตอนนี้พวกเราเลือกใช้ช่วงเวลาที่ไม่ใช่เทศกาลสงกรานต์ในการพบปะกัน..พ่ออยู่เหนือแม่อยู่ใต้ และทีเจทำงานสิบห้าวันพักสิบห้าวัน เวลาที่ไม่ตรงกันทำให้เราพลาดการสังสรรค์ในวันสงกรานต์เหมือนปีก่อนๆสมัยเด็ก แต่ก็ยังหาโอกาสเจอกันเสมอเพียงแต่ต่างช่วงเวลาไม่กำหนดวันตายตัวแน่นอน..แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด..พวกเราไม่เคยลืมกันและกัน..
วันสงกรานต์ในปีหลังๆมาจึงเป็นช่วงเวลาแห่งการพักผ่อน อยู่กับบ้านไม่ออกไปไหน นอกจากทำบุญรดน้ำดำหัวคุณตาและทำอะไรกินกันอย่างง่ายๆ เป็นความสุขเล็กๆในครอบครัวและ..
ปีนี้ก็ไม่ต่างกัน...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ขอบคุณของแต่งบล็อคสวยๆจากคุณยายเก๋าและคุณญามี่ค่ะ
ขอบคุณเพลงเพราะๆจากอินเตอร์เนต
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ
เดี๋ยวจะตามไปเยี่ยมพี่ๆ ที่บล็อคนะคะ
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
น่าเอามาเขียนเป็นนิยายได้เลยนะคะ ออกแนวหรรษาด้วย
เราไม่คิดว่าเป็นเรื่องเสียหายอะไร ถ้าทุกอย่างจบลงด้วยความสุข
win - win ด้วยกันทุกฝ่าย ออกจะเป็นเรื่องแปลกในสายตาคนอื่น
แต่ก็มีแปลก ๆ แบบนี้ไม่น้อยนะคะ อิอิ