Group Blog
 
<<
มกราคม 2555
 
5 มกราคม 2555
 
All Blogs
 
รศ.ดร. รวี เสรฐภักดี กับแนวทางแก้ปัญหาต้นไม้หลังน้ำท่วม

บันทึกไว้เป็นเกียรติ

ทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ



รศ.ดร. รวี เสรฐภักดี กับแนวทางแก้ปัญหาต้นไม้หลังน้ำท่วม

ในช่วงระหว่างปี 2538 ประเทศไทยประสบอุทกภัยน้ำท่วมมากที่สุดครั้งหนึ่ง พื้นที่ภาคการเกษตรของประเทศไทยได้ประสบกับภาวะน้ำท่วมขังอย่างต่อเนื่อง และเป็นบริเวณกว้างในทั่วทุกภาคของประเทศ ผลกระทบนี้ได้ก่อให้เกิดความสูญเสียอย่างมากต่อเกษตรกรโดยตรง และต่อเนื่องถึงมูลค่าผลิตภัณฑ์รวมของทั้งประเทศ การลงทุนในภาคการเกษตรโดยเฉพาะด้านของการทำสวนไม้ผลนั้น จำเป็นต้องใช้เงินลงทุนที่สูงมาก และยังใช้ระยะเวลาหลายปีก่อนที่จะถึงจุดคุ้มทุน มาถึงปี 2554 ประเทศไทยประสบอุทกภัยน้ำท่วมใหญ่หลวงอีกครั้งหนึ่ง ดูเหมือนว่าความเสียหายทั้งภาคการเกษตรและภาคอุตสาหกรรมจะมากกว่าปี 2538 ด้วยซ้ำไป

รศ.ดร. รวี เสรฐภักดี ภาควิชาพืชสวน คณะเกษตร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ วิทยาเขตกำแพงแสน
จึงได้รวบรวมการแก้ไขปัญหาต้นไม้ผลในสภาวะน้ำท่วมขัง เพื่อใช้เป็นแนวทางสำหรับการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าที่กำลังประสบอยู่ในปัจจุบัน และใช้สำหรับวางแผนเพื่อเตรียมป้องกันปัญหาของสภาพน้ำท่วมขังที่อันอาจเกิดขึ้นได้อีกในอนาคต ให้ได้ประสิทธิผลสูงที่สุดสำหรับชาวสวนไม้ผลและประเทศสืบไป ข้อมูลเหล่านี้จะได้แนะนำให้ทราบถึงธรรมชาติการเจริญเติบโตของต้นไม้ผล รวมทั้งอาการของต้นไม้ที่แสดงออกหรือตอบสนองเมื่ออยู่ในสภาพของน้ำท่วมขัง ตลอดจนถึงแนวทางการแก้ไขเป็นลำดับต่อเนื่องเพื่อที่จะได้เข้าใจถึงปัญหานี้ได้ดียิ่งขึ้น


ความสัมพันธ์ระหว่างส่วนยอดและระบบรากของต้นไม้ผล
ในธรรมชาติหากพิจารณาแล้ว ต้นไม้สามารถแบ่งได้เป็น 2 ส่วนใหญ่ๆ ด้วยกันคือ ส่วนที่อยู่เหนือผิวดิน ซึ่งประกอบไปด้วยลำต้น กิ่ง ใบ ดอก ผล เมล็ด และส่วนที่อยู่ใต้ผิวดิน อันได้แก่ ระบบรากทั้งหมด ซึ่งรวมทั้งรากแก้ว รากแขนง และรากขนอ่อน สิ่งที่ต้องการย้ำในที่นี้คือ ทั้ง 2 ส่วนนี้มีความสัมพันธ์ซึ่งกันและกันอย่างแนบแน่น ซึ่งก็หมายความว่า ทั้ง 2 ส่วนนี้จะต้องเกาะติดกันไปตลอดเวลา เมื่อส่วนหนึ่งส่วนใดได้รับผลกระทบ อีกส่วนก็ย่อมได้รับผลกระทบด้วยเช่นเดียวกัน

ตัวอย่างเช่น เมื่อตัดเอากิ่งออกไปจำนวนหนึ่ง ซึ่งเป็นการไปลดพื้นที่ในการสร้างอาหาร
ปริมาณอาหารที่สร้างได้จึงลดน้อยลง ระบบรากไม่สามารถสร้างอาหารเองได้ ต้องอาศัยจากส่วนของใบส่งอาหารที่สร้างได้มาเลี้ยง ดังนั้น รากส่วนหนึ่งก็จะตายไปหรือลดการเจริญเติบโตลง เนื่องจากปริมาณอาหารลดน้อยลง



ในทางกลับกัน ส่วนใบนั้นต้องการน้ำและแร่ธาตุ ซึ่งส่งมาจากการหาอาหารของระบบรากที่อยู่ใต้ดิน หากระบบรากที่ได้รับผลกระทบ เช่น ถูกตัดรากออกไปบางส่วน หรือรากใหญ่ถูกตัดขาดออกไป จึงทำให้การดูดดึงปริมาณน้ำและแร่ธาตุลดลง และไม่เพียงพอต่อใบทั้งหมดที่มีอยู่ ในบางส่วนอาจเหี่ยวเฉาหรือหลุดร่วงไป หากในช่วงนี้มีดอกหรือผลอ่อนก็มักจะหลุดร่วงไปด้วย



อย่างไรก็ตาม การเจริญเติบโตของทั้งส่วนยอดและระบบรากนั้น ไม่ได้เกิดขึ้นพร้อมกันในเวลาเดียว ทั้งส่วนยอดและรากต่างก็ต้องการใช้อาหารที่สังเคราะห์ได้จากใบที่เพสลาด หรือใบที่โตเต็มที่เท่านั้น ต้นไม้ไม่สามารถสร้างอาหารขึ้นมาได้ทันสำหรับส่วนทั้งสองในเวลาเดียวกัน ดังนั้น ในสภาพธรรมชาติ หากเมื่อใดมีการผลิยอดอ่อน ระบบรากจะชะลอการเจริญเติบโตลงจนกว่าใบอ่อนนั้นจะคลี่เต็มที่ และเข้าสู่ระยะใบเพสลาดแล้ว จึงจะมีอาหารเหลือส่งมาเลี้ยงยังส่วนรากเพื่อที่สร้างรากใหม่ขึ้นมา โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นสลับกันตลอดช่วงของการเจริญเติบโตในรอบปี



หลักการดังกล่าวข้างต้นนี้เป็นความสัมพันธ์ระหว่างส่วนที่ทำหน้าที่สร้างอาหาร ซึ่งในต้นไม้คือใบที่เพสลาดและได้รับแสงอย่างพอเพียงกับส่วนที่ทำหน้าที่ใช้อาหาร คือ ใบอ่อน การออกดอก ผลอ่อน ผลแก่ ใบที่หมดอายุ ใบที่อยู่ในที่ร่มได้รับแสงไม่เพียงพอและส่วนราก โดยที่ในต้นไม้จะมีความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ส่วนนี้ตลอดเวลา ต้นไม้ที่ถูกน้ำท่วมขังจะแสดงอาการตอบสนองทางสรีรวิทยาที่คล้ายคลึงกัน อาการเหล่านี้อาจเป็นเครื่องชี้บ่งความสามารถอยู่รอดในสภาพดังกล่าวได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเหล่านี้ต่างก็เป็นผลกระทบต่อต้นไม้ และก่อให้เกิดความเสียหายไม่มากก็น้อยตามแต่ปัจจัยต่างๆ เช่น ชนิดของไม้ผล ความแข็งแรงของต้นไม้ สภาพของน้ำที่ท่วมขัง (น้ำนิ่ง น้ำไหล หรือน้ำเน่า) ชนิดของดินที่ปลูก แสงแดด อุณหภูมิ ลม ฯลฯ

สำหรับเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับต้นไม้ผลในสภาพที่ถูกน้ำท่วมขัง อาจจำแนกเป็นหัวข้อได้ดังต่อไปนี้


1. ระบบรากขาดออกซิเจน ระบบรากนั้นมีการเจริญเติบโตและเป็นสิ่งมีชีวิต จึงจำเป็นต้องการอากาศโดยเฉพาะออกซิเจนสำหรับการหายใจ เพื่อใช้ดูดน้ำและแร่ธาตุต่างๆ ขึ้นไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ของต้นไม้ที่อยู่เหนือพื้นดิน เมื่อเกิดสภาวะน้ำท่วมขังขึ้น น้ำจะแทรกซึมเข้าไปตามช่องว่างของอากาศที่มีอยู่ในดิน และเข้าแทนที่ช่องว่างเหล่านั้นอย่างรวดเร็ว ในสภาพธรรมชาตินั้น ช่องว่างเหล่านี้มีอยู่ค่อนข้างจำกัดอยู่แล้ว อีกทั้งยังมีจุลินทรีย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมากที่ต้องการออกซิเจนเช่นกัน จึงทำให้ส่วนของระบบรากนั้น ขาดแคลนก๊าซออกซิเจนอย่างรวดเร็วและรุนแรง



ในธรรมชาติรากต้นไม้อาจเปลี่ยนกลไกไปใช้ระบบการหายใจแบบไม่ใช้ออกซิเจน หรือที่เรียกว่าเป็นการหมักขึ้นแทน แต่พลังงานที่ได้จากวิธีการหายใจแบบนี้มีอยู่ต่ำมาก นอกจากนี้ ยังก่อให้เกิดสารที่เป็นผลพลอยได้ซึ่งเป็นพิษกับต้นไม้ เช่น เอทานอล และกรดแลกติก อีกด้วย พืชจึงไม่สามารถที่จะอยู่ในสภาพนี้ได้นานพอ



“น้ำท่วมขัง” อาจจำแนกได้เป็น 2 ลักษณะด้วยกัน คือคำว่า “น้ำท่วม” ซึ่งหมายถึง สภาพของระดับน้ำที่ไหลบ่ามาตามผิวดินและซึมลงสู่ใต้ดินโดยที่สามารถสังเกตได้จากระดับน้ำนั้นปรากฏอยู่สูงจากผิวดิน ส่วนคำว่า “น้ำขัง” หมายถึง ส่วนของดินที่ระบบรากเจริญเติบโตอยู่นั้นอิ่มตัวด้วยน้ำตลอดเวลา ไม่สามารถระบายออกได้ ซึ่งอาจเกิดเนื่องมาจากระดับน้ำใต้ดินสูงหรือตื้น





โครงสร้างดินมีลักษณะเหนียว ทำให้มีการระบายน้ำที่เลว ซึ่งลักษณะนี้หากไม่สังเกตให้ดีจะไม่สามารถตรวจพบสาเหตุได้ เนื่องจากไม่ปรากฏมีน้ำอยู่เหนือผิวดิน อย่างไรก็ตาม ทั้ง 2 ลักษณะ ต่างก็ก่อให้เกิดผลเสียคล้ายคลึงกัน คือระบบรากขาดแคลนออกซิเจน สำหรับลักษณะของต้นไม้ที่มีอาการของน้ำขังนั้นอาจพบต้นไม้ไม่ค่อยมีการเจริญเติบโตหรือช้ามาก หรือมีอาการใบเหลือง



2. อาการทิ้งใบ ดอก และผล ระบบรากต้นไม้ที่ถูกน้ำท่วมขังนี้จะก่อให้เกิดสภาวะเครียดขึ้น ความเครียดนี้จะส่งผลให้ต้นไม้มีการกระตุ้นให้มีการสร้างฮอร์โมนเอทิลีน ในปริมาณที่สูงกว่าปกติอย่างมาก ผลที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนคือ การทิ้งส่วนสืบพันธุ์ คือ ดอกและผล ก่อน โดยอาการหลุดร่วงนี้จะเกิดขึ้นค่อนข้างรวดเร็ว และรุนแรงจนหมดหรือเกือบหมดต้น



สำหรับการทิ้งใบนั้นมักพบในส่วนใบที่มีอายุมากกว่าใบที่อ่อนกว่า โดยสังเกตได้จากใบที่อยู่ทางส่วนล่างของกิ่งกระจายไปทุกบริเวณของต้น ส่วนต้นที่อ่อนแออาจเนื่องมาจากชาวสวนปล่อยให้ต้นมีการติดผลอย่างมาก หรือต้นถูกโรคและแมลงเข้าทำลายมาก่อนหน้านี้ จะพบอาการทิ้งใบอย่างรุนแรงทั่วทั้งต้น เช่น มะนาว ส้มเขียวหวาน ทุเรียน หรือกระท้อน อย่างไรก็ตาม ไม้ผลบางอย่างอาจไม่แสดงอาการทิ้งใบ แต่จะยืนต้นตาย ทั้งที่มีใบอยู่เต็มต้น เช่น มะม่วง เป็นต้น



3. การสร้างรูเปิด ในสภาวะของต้นไม้ที่ถูกน้ำท่วมขังนั้น ระบบรากของต้นไม้ได้รับผลกระทบโดยอยู่ในสภาพที่ขาดออกซิเจนอย่างรุนแรง การอยู่รอดของต้นไม้นอกจากกลไกอื่นแล้ว ในทางหนึ่งได้แก่ความสามารถในการที่จะนำอากาศหรือออกซิเจนให้ไปสู่ส่วนของระบบรากให้ได้เร็วที่สุด บริเวณส่วนที่จะพบมีการสร้างรูเปิดนี้มักอยู่ ณ ส่วนของลำต้นที่อยู่เหนือผิวน้ำที่ท่วมขังขึ้นมาเพียงเล็กน้อย อันเป็นส่วนที่ใกล้ที่สุด จะนำอากาศไปสู่ระบบราก หากต้นไม้สามารถที่จะสร้างรูเปิดนี้ได้เร็ว ก็จะมีโอกาสอยู่รอดได้สูงกว่า นอกจากนี้ ส่วนของเนื้อเยื่อภายในลำต้นที่เชื่อมต่อกับส่วนราก ต้นไม้ยังได้มีการจัดสร้างหรือขยายให้เป็นช่องขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อเพิ่มความสะดวกในการส่งผ่านอากาศไปตามช่องว่างนี้ โดยไม่จำเป็นต้องเสียเวลาแทรกซึมผ่านเซลล์ลงไป ต้นไม้ที่ปรับตัวเร็วจะพบว่ามีความสามารถสร้างส่วนของรูเปิดนี้ภายในระยะเวลาเพียง 12-24 ชั่วโมง ภายหลังจากถูกน้ำท่วมขัง





4.อาการตอบสนองอื่นๆ ทางสรีรวิทยาที่มีผลต่อการเจริญเติบโตของพืช ต้นไม้เมื่อประสบกับสภาวะน้ำท่วมขังจะส่งผลให้ระบบรากมีอาการขาดออกซิเจนค่อนข้างรุนแรงหรือกะทันหัน รากไม่สามารถหายใจได้ จึงดูดน้ำและแร่ธาตุส่งไปเลี้ยงส่วนใบได้ในวงจำกัด เมื่อใบได้รับน้ำน้อยลง การที่ใบจะยังรักษาสภาพของตนเองให้คงอยู่ได้นั้น จำเป็นจะต้องลดการคายน้ำ เพื่อมิให้ใบเหี่ยวตายได้ กลไกดังกล่าวจึงอยู่ที่ส่วนของเซลล์ปากใบที่จะทำหน้าที่นี้ โดยวิธีการลดขนาดของปากใบลงหรือการปิดส่วนปากใบนี้ ทำให้การคายน้ำลดลง



อย่างไรก็ตาม แม้ว่าการปิดปากใบจะสามารถช่วยลดการสูญเสียน้ำได้เป็นอย่างดียิ่ง แต่ผลกระทบที่มีต่อการสังเคราะห์แสงย่อมเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อปากใบปิดลง การแลกเปลี่ยนก๊าซจะถูกจำกัด ทำให้ปริมาณของคาร์บอนไดออกไซด์อันเป็นวัตถุดิบที่สำคัญ ในกระบวนการสังเคราะห์แสงเพื่อสร้างอาหารของต้นไม้ก็ถูกปิดกั้นลงด้วย อัตราการสังเคราะห์แสงจึงลดต่ำลง ส่งผลให้อาหารที่สร้างได้ก็ลดลง และตามมาด้วยการเจริญเติบโตของต้นไม้ผลก็ชะลอหรือชะงักงันด้วย



การแก้ไขปัญหาของต้นไม้ในขณะที่ถูกน้ำท่วมขังอยู่ หากต้นไม้ยังไม่แสดงอาการทิ้งใบ ก็ยังอยู่ในวิสัยที่สามารถจะช่วยกู้สวนได้ ให้เสริมคันดินให้แข็งแรงและเร่งรีบสูบน้ำออกจากพื้นที่สวนให้ลดลงสู่ระดับปกติให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ (ข้อควรระวัง : เมื่อระดับน้ำลดแล้ว แต่ดินยังเปียกหรือหมาดอยู่ ห้ามเดินย่ำผิวดินโดยเด็ดขาด เนื่องจากดินรอบระบบรากยังอิ่มตัวด้วยน้ำ ระบบรากของต้นไม้ซึ่งได้รับความบอบช้ำมาก่อนแล้ว จะได้รับความกระทบกระเทือนมากขึ้นและต้นตายได้โดยง่าย) ควรปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 2 วัน ให้หน้าดินแห้งก่อน



ในระยะนี้อาจใช้เครื่องเติมอากาศลงสู่ดินก็จะเป็นการช่วยเร่งให้ต้นไม้ผลฟื้นตัวเร็วขึ้น และยังเป็นการช่วยไล่น้ำที่ยังคงค้างอยู่ในดินให้ระบายออกไปเร็วมากขึ้น เนื่องจากในระยะนี้ระบบรากของต้นไม้ได้เสียหายไปเกือบหมดแล้ว โอกาสที่ต้นไม้จะสร้างรากใหม่ขึ้นมาเพื่อเลี้ยงส่วนต้นจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนาน และอาจไม่ทันกับเหตุการณ์ได้ ในขณะที่ส่วนใบยังคงสามารถที่จะปฏิบัติหน้าที่ได้อยู่





ดังนั้น ในระยะหลังน้ำลดแล้ว ให้ใช้ปุ๋ยทางใบสูตร เช่น 15-10-10 หรือ 25-20-20 หรือสูตรใกล้เคียงกัน รวมทั้งธาตุอาหารอื่นๆ เช่น แมกนีเซียม (Mg) สังกะสี (Zn) และธาตุอาหารย่อย ผสมกับน้ำตาลทรายขาว 1% (น้ำตาล 200 กรัม ผสมกับน้ำ 20 ลิตร) และสารป้องกันกำจัดเชื้อรา (เนื่องจากใช้น้ำตาล) ฉีดพ่นให้กับต้นไม้ผล 2-3 ครั้ง ห่างกันประมาณ 3 วัน/ครั้ง เพื่อฟื้นคืนสภาพต้นโดยเร็ว สิ่งซึ่งจะเป็นตัวชี้บ่งถึงความสามารถในการฟื้นตัว หรืออยู่รอดของต้นไม้นั้น คือมีการผลิใบอ่อนขึ้นมาใหม่ และสามารถอยู่จนกระทั่งใบเพสลาด อันแสดงผลว่า ระบบรากสามารถทำงานได้ตามปกติแล้ว ใบอ่อนชุดนี้จำเป็นที่จะต้องรักษาให้มีสภาพสมบูรณ์ที่สุด เพื่อใช้เป็นรากฐานของการกลับฟื้นคืนสู่สภาพปกติ หากมีการออกดอกและติดผลตามมา ขอให้กำจัดตั้งแต่ในระยะออกดอกให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเร็วได้ (ขนาดดอกเล็กที่สุดที่สามารถปฏิบัติได้) เพื่อรักษาต้นแม่เอาไว้

.............................................................

หนังสือ “การดูแลต้นไม้หลังน้ำท่วม” พิมพ์ 4 สี แจกฟรี พร้อมกับหนังสือ “การผลิตมะละกอเงินล้าน” รวม 2 เล่ม จำนวน 120 หน้า เกษตรกรและผู้สนใจเขียนจดหมายสอดแสตมป์ 50 บาท (ระบุชื่อหนังสือ) ส่งมาขอได้ที่ ชมรมเผยแพร่ความรู้ทางการเกษตร เลขที่ 2/395 ถนนศรีมาลา ตำบลในเมือง อำเภอเมือง จังหวัดพิจิตร 66000 โทร. (056) 613-021, (056) 650-145 และ (081) 886-7398

credit : Matichon


Create Date : 05 มกราคม 2555
Last Update : 5 มกราคม 2555 8:25:59 น. 0 comments
Counter : 1276 Pageviews.

Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.