Group Blog
 
<<
เมษายน 2555
1234567
891011121314
15161718192021
22232425262728
2930 
 
12 เมษายน 2555
 
All Blogs
 

ชม"ดช.โอ๊ต" มีอะไรก็บอกครูอังคณา นักจิตวิทยาชี้แค่วิธีระบาย ไม่ใช้ความรุนแรงแก้ปัญหา

  • นักจิตวิทยาเด็กชี้เป็นการแสดงออกของวัยรุ่นธรรมดา ไม่ใช่เด็กที่มีปัญหาหรือมีความก้าวร้าว แค่ต้องการระบายความคับข้องใจ อยากให้มีคนเข้าใจ ประสาวัยรุ่นที่ต้องการได้รับการยอมรับจากเพื่อนฝูงรุ่นราวคราวเดียวกัน "วัลลภ" นักจิตวิทยาชื่อดัง ระบุ อาจเป็นตัวอย่างและทางออกที่ดีสำหรับเด็กเยาวชนที่เกิดปัญหาคับข้องใจ และหาทางระบายออกอย่างหนึ่งที่ดีกว่าการพึ่งยาเสพติด หรือตัดสินปัญหาด้วยการใช้กำลัง ผอ.สถาบันพัฒนาเด็กและครอบครัว ย้ำไม่ใช่ความผิดปกติทางจิตแน่นอน "ครูอังคณา" เผยเหตุน.ร.ใช้วลี "เรื่องนี้ถึงครูอังณาแน่" ซึ่งกลายเป็นวลีสุดฮอตขณะนี้ เพราะสอนตลอดว่ามีปัญหาอะไรต้องบอกให้ครูรู้เสมอ แล้วครูจะตัดสินถูกผิดให้อย่างเป็นธรรม คิดว่าเด็กใช้ชื่อครูขู่เพื่อนเหมือนที่พูดกันทั่วๆ ไปว่าจะฟ้องครูนั่นเอง ขณะที่พ่อแม่เด็กอยากให้ลูกๆ อยู่เงียบๆ ไม่ต้องการแสดงตัว ด้านรมว.ไอซีทีเผยเตรียมเพิ่มมาตรการควบคุมแท็บเล็ตเด็กป.1 พร้อมปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม

จากกรณี ด.ช.โอ๊ต นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 ห้อง 1/9 โรงเรียนกระทุ่มแบน "วิเศษสมุทคุณ" อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร บันทึกคลิปวิดีโอพูดตัดพ้อเพื่อนๆ ร่วมห้องเรียน โดยเฉพาะเพื่อนชื่อ "บอล" ที่ไม่ให้ตนเข้าร่วมทำงานกลุ่มในเว็บเฟซบุ๊ก และในตอนจบของคลิปได้พูดว่า "ถ้าไม่เอากูเป็นพวกเราชาว 1/9 เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่!" ทำให้วลีท้ายสุด "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่" ที่พูดเน้นและลากเสียงกลายเป็นคำฮิตในโลกไซเบอร์ กระทั่งลามมาพูดกันแพร่หลายในสังคม และที่สุดนำสู่การเปิดตัว นางอังคณา แสบงบาล อายุ 36 ปี ตำแหน่งครู คส.2 กลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ สอนวิชาวิทยาศาสตร์นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 และนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย และเป็นครูที่ปรึกษาของนักเรียน ม.1/9 ซึ่งเป็นห้องเด็กเรียนเก่ง หรือห้องสมาร์ตคลาส ที่ด.ช.โอ๊ตเรียนอยู่ ซึ่งนางอังคณาได้เล่าที่มาของวลีที่กลายเป็นคำฮิต ตามข่าวเสนอไปแล้วนั้น

เมื่อวันที่ 11 เม.ย. นางอังคณาให้สัมภาษณ์ว่า ขณะนี้ต้องของดให้สัมภาษณ์กับสื่อทุกประเภท เพราะทางผู้อำนวยการโรงเรียนเห็นว่า ตามที่ได้เคยให้สัมภาษณ์กับสื่อแขนงต่างๆ นั้น มีความชัดเจนและมีความเหมาะสมแล้ว ซึ่งตนก็เห็นพ้องกับคำแนะนำของผู้อำนวยการ อีกทั้งผู้ปกครองของเด็กทั้งสองคนก็ต้องการให้เรื่องนี้เป็นไปตามกระแสสังคมที่ดังขึ้นมาแล้วก็เงียบลงไปในที่สุด

ครูอังคณากล่าวอีกว่า นอกจากนี้ทางผู้ปก ครองไม่ต้องการให้ลูกๆ ต้องไปออกรายการ หรือให้สัมภาษณ์กับสื่อใดๆ ทั้งสิ้น เพราะต้อง การให้เด็กๆ ได้ใช้ชีวิตไปตามปกติ ซึ่งหลังจากนี้สิ่งที่คุณครูและผู้ปกครองอาจจะต้องหารือกันในภาพรวมก็คือ วิธีการดูแลเด็กให้รู้จักการใช้โลกเน็ตเวิร์กอย่างถูกต้องและเหมาะสม ส่วนที่สังคมสงสัยว่าทำไม "เรื่องนี้ต้องถึงครูอังคณาแน่" ก็มาจากการที่ตนเองเป็นที่ปรึกษาของน้องโอ๊ตและน้องบอล ซึ่งตนเคยบอกไปแล้วว่า เด็กนักเรียนทุกคนในห้องต้องรักกัน อย่าทะเลาะกัน อย่าแตกความสามัคคีกัน ใครมีปัญหาหรือมีเรื่องอะไรต้องบอกให้ครูรู้เสมอ เพื่อครูจะได้เป็นผู้พิจารณาถูกผิดให้กับเด็กทุกคนอย่างเป็นธรรม ซึ่งเมื่อน้องโอ๊ตเกิดความน้อยใจน้องบอลและคิดว่าน้องบอลเป็นคนตัดน้องโอ๊ตออกจากกลุ่ม ความไร้เดียงสาของเด็ก จึงใช้คำพูดว่า "เรื่อง นี้ถึงครูอังคณาแน่" ซึ่งก็คล้ายๆ กับคำว่า ฟ้อง ครูแน่ นั่นเอง

ด้าน นายบุญชอบ สาธร ผู้อำนวยการโรงเรียนกระทุ่มแบน "วิเศษสมุทคุณ" อ.กระทุ่ม แบน จ.สมุทรสาคร ให้สัมภาษณ์ว่า จากกระแสของคำว่า "เรื่องนี้ถึงครูอังคณาแน่" ที่กำลังดังในขณะนี้ ส่งผลทำให้คุณครูอังคณาต้องรับโทร ศัพท์จากสื่อต่างๆ ตลอดสองวันที่ผ่านมา ซึ่งตน เองและคุณครูอังคณาเห็นว่า ที่ผ่านมาได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อจนครบทุกอย่างแล้ว ดังนั้นจึงสมควรที่จะยุติการให้สัมภาษณ์กับสื่อทุกประเภท ซึ่งก็ต้องขออภัยสื่อต่างๆ ไว้ ณ ที่นี้ด้วย ที่ไม่สามารถจะให้สัมภาษณ์ใดๆ ได้อีก เพราะเท่าที่ครูอังคณาได้ให้สัมภาษณ์ไปนั้นครบถ้วนดีแล้ว ส่วนกรณีของเด็กชายโอ๊ตและเด็กชายบอล ขณะนี้ทางผู้ปกครองมีความประสงค์ที่ต้องการจะให้เด็กทั้งสองคนอยู่อย่างเงียบๆ ไม่ออกสื่อใดๆ ทั้งสิ้น และช่วงนี้เด็กๆ ก็กำลังปิดเทอมอยู่ ทุกคนจึงต้องการให้น้องได้พักผ่อนเพื่อเตรียมพร้อมกลับมาเรียนในช่วงเปิดเทอมหน้า

วันเดียวกัน น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ รมว. เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กล่าวถึงกรณีการควบคุมการใช้แท็บเล็ตภายหลังจากเกิดกรณีน้องโอ๊ต ว่า การใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์กไม่ควรละเมิดสิทธิส่วนบุคคล ทั้งนี้ต้องมีมาตรการควบคุมเรื่องคำพูดและถ้อยคำ เพราะขณะนี้เด็กประถมศึกษาปีที่ 1 จะเริ่มใช้แท็บเล็ต ดังนั้น จึงต้องปลูกฝังจริยธรรมคุณธรรม นอกจากนี้ แม้รัฐธรรมนูญจะให้สิทธิ แต่การแสดงออกรวมถึงถ้อยคำที่ใช้ต้องไม่ละเมิดสิทธิของบุคคลอื่น ต้องเคารพกฎหมายเหมือนกันไม่ว่าจะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ จึงต้องรณรงค์เรื่องคุณธรรมจริยธรรม

เมื่อถามว่า ได้หารือกับกระทรวงศึกษาธิการถึงมาตรการควบคุมการใช้โซเชี่ยลเน็ตเวิร์ก อย่างไร เพราะขณะนี้เด็กป.1กำลังจะเริ่มใช้แท็บเล็ต น.อ.อนุดิษฐ์กล่าวว่า เป็นหลักสูตรที่กระทรวงศึกษาฯได้เตรียมไว้แล้ว ตอนนี้เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด ความพร้อมไม่พร้อมอยู่ที่โครง สร้างพื้นฐาน

ทางด้าน พ.ญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ รอง ผอ. ฝ่ายการแพทย์ สถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กล่าวว่า การที่เด็กวัยรุ่นโพสต์ข้อ ความต่างๆ ลงในเครือข่ายออนไลน์ เช่น กรณีคลิปดังเรื่องฟ้องครูอังคณา ถือเป็นการแสดงออกของเด็กในวัยรุ่นที่เป็นเรื่องธรรมดา ไม่ใช่เป็นเรื่องของเด็กที่มีปัญหาหรือมีความก้าวร้าว ด้วยเด็กในวัยดังกล่าวเป็นวัยที่ต้องการได้รับการยอมรับจากสังคมรอบข้าง โดยเฉพาะเพื่อนฝูงรุ่นราวคราวเดียวกัน เวลาเกิดความคับข้องใจจะมีความต้องการอยากระบายความรู้สึกทางอารมณ์ความคิดของตนเอง อยากให้มีคนเข้าใจ เปรียบเทียบอย่างสมัยก่อนอาจจะใช้รูปแบบซุบซิบนินทากัน แต่ปัจจุบันที่เป็นยุคดิจิตอล มีเครือข่ายสังคมออนไลน์ที่สามารถนำภาพคลื่อนไหวไปเผยแพร่ลงในเว็บไซต์ ทำให้เด็กวัยรุ่นในยุคนี้ใช้สื่อออนไลน์เป็นช่องทางระบายออกทางอารมณ์

"ทุกวันนี้ก็มีเด็กแบบนี้เยอะแยะ แต่ไม่ได้มีการเผยแพร่ผ่านสื่อมากกว่า และที่เด็กใช้สื่อในกรณีนี้ก็เพราะได้เกิดการเลียนแบบจากบุคคลต่างๆ ที่ใช้สื่อเข้ามาช่วย เหตุการณ์ในลักษณะนี้เกิดขึ้นในต่างประเทศหลายครั้ง บางครั้งกลายเป็นข่าวดัง อย่างไรก็ตาม ถ้าพูดถึงกรณีเด็กทำเช่นนี้ถือว่าไม่ดี ไม่เหมาะสมเท่าไรนัก แต่เด็กไม่สามารถหาที่ระบายความรู้สึกได้ จากเหตุการณ์นี้ ผู้ปกครองและคุณครูควรที่ให้เด็กที่เป็นคู่กรณีนั่งพูดคุยให้เกิดความเข้าใจซึ่งกันและกัน และสอนวิธีการแก้ปัญหาที่ถูกต้อง" พ.ญ.วิมลรัตน์ กล่าว

ด้านนายวัลลภ ปิยะมโนธรรม นักจิตวิทยาชื่อดัง กล่าวว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนมองว่า ด.ช.โอ๊ต ไม่ใช่เด็กที่มีปัญหาหรือมีความก้าว ร้าวในทางอารมณ์อย่างรุนแรงแต่อย่างใด แต่ในทางตรงกันข้าม อาจเป็นตัวอย่างและทางออกที่ดีสำหรับเด็กเยาวชนที่เกิดปัญหาคับข้องใจ และหาทางระบายออกอย่างหนึ่งที่ดีกว่าการพึ่งยาเสพติดหรือใช้วิธีการตัดสินปัญหาด้วยการใช้กำลังชกต่อย สำหรับด.ช.โอ๊ตพอเกิดปัญหาต่างๆ ขึ้นมา คงจะอึดอัดไม่สามารถหาทางออกได้ จึงใช้สื่อออนไลน์เข้ามานำเสนอเป็นเรื่องราวบอกผ่านกับคนที่ไว้ใจใกล้ชิดอย่างครูหรืออาจารย์ โดยผ่านเทคโนโลยีที่ใกล้ตัวที่สามารถแสดงออกได้อย่างเฟซบุ๊ก ซึ่งหากเป็นความก้าวร้าว เด็กอาจใช้คำพูดที่รุนแรงหรือหยาบคาย

นายวัลลภกล่าวว่า อย่างไรก็ตาม หลังจากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ คงทำให้สังคมได้ตระหนักแล้วว่าแม้แต่เด็กเล็กหรือเยาวชนก็สามารถใช้สื่อออนไลน์เผยแพร่เรื่องราวออกไปสู่สังคมอย่างกว้างขวางได้ หากมิใช่เรื่องเสียหายก็ดีไป แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ผิดศีลธรรมหรือเรื่องที่ไม่เหมาะสม ตรงนี้ก็น่าเป็นห่วง คงจะต้องให้พ่อแม่รวมไปถึงครูบาอาจารย์ให้ความสนใจคอยดูแลบุตรหลานอย่างใกล้ชิดในการใช้สื่อออนไลน์ต่อไป

ด้าน น.พ.สุริเดว ทรีปาตี ผอ.สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยา ลัยมหิดล กล่าวถึงกรณีเดียวกัน ว่า สำหรับ ด.ช.โอ๊ตที่โพสต์ข้อความผ่านสื่อออนไลน์ ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา ไม่เกี่ยวกับสภาพความผิดปกติทางจิตแต่อย่างใด เป็นลักษณะเชิงสัญ ลักษณ์ของเด็กวัยรุ่นที่มีความเปลี่ยนแปลงทางสภาพร่างกาย โดยเฉพาะพัฒนาการด้านอารมณ์ มีอารมณ์รุนแรง แสดงความรู้สึกอย่างเปิดเผยและตรงเกินไป มีความขัดแย้งกับผู้ใหญ่ แยกตัวในบางครั้ง ต้องการพึ่งพาตนเอง ไม่เห็นด้วยกับกฎเกณฑ์ของบ้าน วิตกกังวลในข้อบกพร่องที่เกี่ยวกับรูปร่างหน้าตาของตัวเอง สนใจบุคลิก ภาพของตัวเอง ส่วนพัฒนาการทางสังคมต้อง การให้กลุ่มยอมรับ ชอบเลียนแบบเพื่อนและคนเด่นคนดัง การแสดงออกในบางครั้งอาจจะดูรุนแรงหรือก้าวร้าวไปบ้าง ไม่ใช่ความผิดปกติทางจิต เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับเด็กในวัยรุ่นในบางเรื่อง พวกเขาไม่สามารถหาทางแก้ไขได้ด้วยตัวเอง พ่อแม่หรือครูอาจารย์ควรเป็นพี่เลี้ยงที่ดีที่ให้คำแนะนำมากกว่าดุด่าว่ากล่าว ควรให้ความเอาใจใส่ รับฟังปัญหา ให้รู้สึกว่าเป็นเสมือน เพื่อนคู่คิดมากกว่าจะเป็นพ่อแม่ที่คอยดุด่าไม่สนใจฟังความคิดเห็นของลูก วัยรุ่นต้องการการดูแลเอาใจใส่หรือมีที่ปรึกษาที่สามารถเข้าใจและช่วยแก้ปัญหาต่างๆ

น.พ.สุริเดวกล่าวว่า กรณีด.ช.โอ๊ตต้องการได้คนแก้ปัญหา ผู้ใหญ่ต้องมองในมุมมองอีกแง่หนึ่งและคอยดูแลทุกกิจกรรมต่างๆ ของเด็ก เน้นเชิงคุณภาพในการดูแลเอาใจใส่ให้มากยิ่งขึ้นกว่าเดิม แนวทางป้องกันในประเด็นนี้ ควรได้รับจากคนใกล้ชิดอย่างครู และเน้นย้ำขอร้องสังคม อย่าทำให้เด็กได้รับบาดเจ็บจากประเด็นเล็กๆ เพียง แค่นี้

ที่าม นสพ ข่าวสด




 

Create Date : 12 เมษายน 2555
0 comments
Last Update : 12 เมษายน 2555 22:27:45 น.
Counter : 863 Pageviews.


Rain_sk
Location :
Upper Midwest United States

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 68 คน [?]





"ตลอดเวลาที่บาปยังไม่ส่งผล
คนพาลสำคัญบาปเหมือนน้ำผึ้ง
เมื่อใดบาปให้ผล คนพาลย่อมเข้าถึงทุกข์เมื่อนั้น"
ขุ.ธ. 25/15/24
เวลา 4.57PM :sat,Mar 29,2557



BlogGang Popular Award # 9


BlogGang Popular Award # 10


BlogGang Popular Award # 11


BlogGang Popular Award # 12


Friends' blogs
[Add Rain_sk's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.