Group Blog
 
<<
มกราคม 2552
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
11 มกราคม 2552
 
All Blogs
 
น้ำพริกกะปิ 4 สูตร



น้ำพริกกะปิ (สูตร 1)

เครื่องปรุง
กะปิห่อใส่ใบตองเผาไฟพอหอม 300 กรัม
กุ้งแห้งป่น 200 กรัม
กระเทียมสดแกะเปลือก 100 กรัม
พริกขี้หนูสวน 50-70 กรัม
มะเขือเปราะเอาเมล็ดออกซอยเป็นเสี้ยว ๆ 50 กรัม
มะอึกซอยละเอียด 50 กรัม
น้ำมะนาว 6-8 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2-4 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปีบ 3-5 ช้อนโต๊ะ

วิธีปรุง
นำกะปิโขลกกับกระเทียม พริกขี้หนู พอเริ่มละเอียดใส่กุ้งแห้งป่นโขลกต่อให้เข้ากัน
ใส่มะเขือเปราะ มะอึก ใช้สากค่อย ๆ โขลกเบา ๆ เคล้าให้เข้ากัน
ปรุงรสด้วยน้ำมะนาว น้ำปลา น้ำตาลปีบให้ทั้งสามรสคลอ ๆ กันไป หวานตามหลังนิดหน่อย
บางรายใส่ผิวมะนาวซอยละเอียดลงไปก็ได้กลิ่นหอมของผิวมะนาว
รสออกขมฝาดนิด ๆ แต่ก็กลมกลืนกับกะปิและรสชาติรวม ๆ ของน้ำพริก
บางรายใส่มะม่วงสับ มะขามอ่อนแล้วแต่ฤดูกาล โดยเฉพาะฤดูมะนาวแพง
แต่เป็นช่วงที่มะม่วงออกสู่ตลาดจึงใช้ความเปรี้ยวของมะม่วงแทนได้
โดยซอยสับแบบมะละกอส้มตำ หากให้มีกลิ่นหอมใส่แมงดาลงไปก็ดี

น้ำพริกกะปิรับประทานกับปลาทูนึ่งทอด ปลาทอดอื่น ๆ ทั้งปลาทะเล ปลาน้ำจืด
แนมด้วยผักสด ผักทอด ผักทอดชุบไข่ ผักต้ม น้ำพริกกะปิ
หากใครทำอร่อยจริงๆ ขายได้แน่นอน เพราะวิถีชีวิตไทยกับน้ำพริกกะปิขาดกันไม่ได้
น้ำพริกพื้นบ้านที่นิยมรับประทานมากที่สุด คนไทยทุกคนรู้จักมีการประยุกต์
เพื่อความเหมาะสมตามแต่วัตถุดิบที่มีในครัว ไม่ถือเป็นกฏตายตัว
เช่น บางรายใส่มะอึก มะเขือเปราะซอยหรือมะเขือพวงบุบพอกแตกช้ำ ๆ
ผิวมะนาวซอยละเอียดซึ่งแต่ละอย่างที่ใส่ไปให้รสชาติใกล้เคียงกัน

แหล่งที่มา : แม่บ้าน น้ำพริก โดย ทวีศักดิ์ เกษปทุม. นิตยสารแม่บ้าน



น้ำพริกกะปิ (สูตร 2)

เครื่องปรุง
กะปิเผาไฟพอหอม 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมปอกเปลือกแล้วซอยหยาบ ๆ 1 ช้อนโต๊ะ
กุ้งแห้งป่น 1 ช้อนโต๊ะ
พริกขี้หนูเด็ดก้าน 1 ช้อนชา
มะอึกสุกหั่นฝอย 1 ช้อนโต๊ะ
ระกำซอย (ไม่ใส่ก็ได้) 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปีบ 2-3 ช้อนโต๊ะ
มะเขือพวงหรือมะเขือเปราะซอย 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. โขลกกะปิกับกระเทียมให้ละเอียด ใส่กุ้งแห้งโขลกรวมกัน ใส่พริกขี้หนู มะอึก ระกำ มะเขือพวง
ปรุงรสด้วยน้ำตาล น้ำปลาและน้ำมะนาว ชิมรสตามต้องการ

2. รับประทานกับผักต้มราดกะทิ เช่น ถั่วพู ถั่วฝักยาว หน่อไม้ ตำลึง ผักกระเฉด ฯลฯ
หรือผักสดต่าง ๆ เช่น แตงกวา มะเขือสด ผักบุ้ง กระถินหรือผักชุบไข่ทอด เช่น ชะอม มะเขือยาว

3. จัดแนมกับน้ำพริกคือ ปลาทูทอด ปลาช่อนทอด ปลาดุกย่าง

หมายเหตุ
ใช้มะม่วงดิบซอยแทนมะนาวหรือมะดันซอย หรือมะขามอ่อน
ตามแต่ฤดูกาล

แหล่งที่มา : ชุดคู่มือประจำครัว น้ำพริก สำนักพิมพ์แสงแดด



น้ำพริกกะปิกุ้งนา

เครื่องปรุง
พริกขี้หนูแห้ง 200 กรัม
หอมแดง 300 กรัม
กระเทียม 150 กรัม
กะปิใส่ใบตองเผาพอหอม 5 ช้อนโต๊ะ
มะขามเปียก 300 กรัม
น้ำตาลปี๊บ 100 กรัม
เกลือ 1-2 ช้อนโต๊ะ
กุ้งนาต้มสุก 300 กรัม
น้ำมันพืช 4 ช้อนโต๊ะ

วิธีปรุง
- นำพริกขี้หนู หอมแดง กระเทียมแกะเปลือก ล้างแล้วนำไปคั่วน้ำมันพอเริ่มสุก นำขึ้นพักไว้
และนำมะขามมาละลายน้ำ
- นำกุ้งนาที่ต้มแล้ว ค่อย ๆ โขลกละเอียด
- นำพริกขี้หนูแห้ง หอมแดง กระเทียม กะปิ โขลกด้วยกันจนละเอียด แล้วนำไปผัดน้ำมันจนหอม
จึงใส่กุ้งนาที่โขลกไว้เข้าด้วยกัน ผัดต่อไปจนได้ที่ สังเกตดูจะเป็นเนื้อเดียวกับน้ำพริก
จากนั้นปรุงรสด้วยน้ำมะขาม น้ำตาลปี๊บ เกลือตามใจชอบ
จะได้น้ำพริกกุ้งนา สามารถเก็บไว้ได้นานในตู้เย็น
รับประทานกับผักสดเช่น แตงกวา มะเขือเปราะ ถั่วพู กะหล่ำปลี ถั่วฝักยาว
และถ้าจะรับประทานกับผักต้มก็ได้

เป็นน้ำพริกกะปิทั่วไปแต่ใส่กุ้งนาก็คือกุ้งฝอย มีตามหนองน้ำใหญ่ ๆ กลางทุ่งท้องนา
โดยจะอยู่ชาย ๆ ตลิ่งนำมาโขลกแล้วเข้ากับเครื่องน้ำพริก
ให้รสชาติที่กลมกลืนเข้มข้นมากกว่าน้ำพริกกะปิธรรมดา

แหล่งที่มา : แม่บ้าน น้ำพริก โดย ทวีศักดิ์ เกษปทุม. นิตยสารแม่บ้าน



น้ำพริกกะปิดี

เครื่องปรุง
กะปิดี (ห่อใบตองเผา) 1 ช้อนโต๊ะ
กระเทียม 1 หัว
พริกขี้หนูสวน 10 เม็ด
น้ำมะนาว 1 ผล
น้ำปลาด 1 ช้อนชา
น้ำตาลปี๊บ 2 ช้อนชา
มะเขือพวง 10 เม็ด
มะอึกขูดขน (หั่นละเอียด) 1 ลูก

วิธีปรุง
นำกะปิ กระเทียม พริกขี้หนูใส่ครก โขลกแตกไม่ต้องละเอียดนักก็ได้
ใส่มะอึก มะเขือพวงตามลงไป โขลกพอบุบให้แตกเล็กน้อย
เสร็จตักใส่ถ้วยปรุงรสด้วยน้ำปลาดี น้ำมะนาว น้ำตาลปี๊บ ชิมรสตามต้องการ
รับประทานกับผักสดหรือข้าวสวยร้อน ๆ แถมปลาทูทอดตัวสวย ๆ สักตัวก็เข้ากันดีทีเดียว

แหล่งที่มา : สูตรเด็ดน้ำพริก 100 ชนิด, องค์วรา, สำนักพิมพ์ไพลิน



วิธีตำน้ำพริกกะปิให้อร่อย
คือเริ่มตั้งแต่การเลือกซื้อกะปิ ต้องเป็นกะปิดี หอมไม่หืน
กระเทียมที่ใช้ควรเป็นกระเทียมกลีบเล็ก เพราะจะหอมกว่ากระเทียมเม็ดใหญ่
พริกขี้หนูควรเป็นพริกเม็ดเล็ก และก่อนจะตำให้เอาใบตองมาห่อกะปิไปปิ้งให้หอม
หลังจากนั้นก็เอาไปตำตามสูตรของตัวเองได้เลย ทั้งรสเปรี้ยว หวาน เค็ม ตามชอบ
แต่ถ้าอยากให้น้ำพริกดูมีเนื้อข้น แนะนำให้ใส่กุ้งแห้งลงไปตำด้วย
เคยลองใช้น้ำส้มคั้นผสมลงไปด้วยให้รสหวานอมเปรี้ยวกลมกล่อม
ก็จะเพิ่มรสชาติให้อร่อยยิ่งขึ้น

รู้อย่างนี้แล้ว ถ้าอยากทานน้ำพริกกะปิอร่อย ๆ ก็ลองนำวิธีที่แนะนำไปปฏิบัติตามกันได้.

ข้อมูลจาก //www.dailynews.co.th
ภาพจาก : //www.bangkokpost.com


Create Date : 11 มกราคม 2552
Last Update : 19 กรกฎาคม 2554 17:44:19 น. 12 comments
Counter : 27004 Pageviews.

 


กะปิ ทำน้ำพริกได้หลากหลายจริงๆนะคะ
ดี.ชอบทานน้ำพริกแห้ง
ใช้กะปิดีดีเป็นส่วนผสม
ในน้ำพริกแห้งมีปลาทูนึ่งที่แกะเอาแต่เนื้อมาผสมด้วย
ใส่ทุกอย่างเหมือนน้ำพริกทั่วไป
ยกเว้นน้ำปลา มะนาว หรือน้ำมะขาม
เพราะไม่อย่างนั้นแล้วจะไม่แห้ง
อร่อยดีค่ะ
ลองทำดูน๊า




โดย: d__d♥ (มัชชาร ) วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:8:36:06 น.  

 
น่าอร่อย นะ


โดย: wildbirds วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:10:01:38 น.  

 
สูตรเดียวกับที่บ้านเลยค่ะ น้ำพริกกะปิจะใส่กุ้งแห้งตัวอวบ ๆ ลงไปด้วย จะได้รสชาดค่ะ เมื่อก่อนยังมีลูกมะแว้งให้เก็บมาจิ้มน้ำพริกกิน เดี๋ยวนี้หาไม่ได้แล้วค่ะ


โดย: Jujastar วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:10:48:27 น.  

 
อ่านแล้วหิวเลย


โดย: kordang วันที่: 11 มกราคม 2552 เวลา:18:48:14 น.  

 
หิว ๆๆๆๆ แล้วจ้า


โดย: มารุตน์ IP: 118.175.181.109 วันที่: 2 พฤษภาคม 2552 เวลา:14:53:33 น.  

 
การรักษาวัฒนธรรมไว้ คีมากคะ


โดย: miv IP: 125.27.211.119 วันที่: 12 พฤศจิกายน 2552 เวลา:9:13:02 น.  

 
เป็นคนที่ชอบกินน้ำพริกอยู่แล้วขอบคุณที่ทำให้มีสูตรนำ้พริกอร่อย ๆกินได้ทุกวัน


โดย: ขมิ้น IP: 125.27.158.240 วันที่: 7 มีนาคม 2553 เวลา:20:09:58 น.  

 
ไม่เคยกินเลยแบบที่ใส่นำ้ส้มคั้นนะขอบคุณมากแล้วจะลองไปทำกิน


โดย: ยิ้มหวาน IP: 210.246.144.163 วันที่: 2 กรกฎาคม 2553 เวลา:14:38:17 น.  

 
จะลองเอาไปทำทารขอบคุณครับ


โดย: น็อต IP: 14.207.129.230 วันที่: 22 พฤษภาคม 2554 เวลา:8:33:07 น.  

 
ขอบคุณสำหรับสูตรน้ำพริกกะปิ อร่อย ๆ แต่ว่า

น้ำตาลปี๊บ ต้องใส่ถึง 2-3 ช้อนโต๊ะเลยหรือคะ ลองใส่ไปก้อนเล็ก ๆ ก้อนเดียว ก็หวานแล้วอ่ะคะ ส่วนใหญ่น้ำพริก ควรจะ หวานเปรี้ยวเค็ม ใช่เปล่าคะ

ขอบคุณ



โดย: ซาร่า IP: 67.188.229.242 วันที่: 19 กรกฎาคม 2554 เวลา:9:04:50 น.  

 
ตอบคุณ ซาร่า นะค่ะ
ในน้ำพริกกะปิสูตร 2 นั้น น้ำตาลปี๊บ ต้องใส่ถึง 2-3 ช้อนโต๊ะ
เพราะต้องการให้มีรสเปรี้ยว เค็ม แล้วหวานตามค่ะ
เนื่องจาก เราใช้ทานกับผักสด ผักนึ่ง ด้วย
ตรงส่วนของผักนึ่ง เช่นผักกระหล่ำปลีนึ่ง จะมีรสหวานเล็กน้อย
พอมาจิ้มกับน้ำพริกกะปิก็จะออกรสชาติหวานกำลังดีค่ะ


โดย: ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง วันที่: 19 กรกฎาคม 2554 เวลา:17:55:38 น.  

 
น่ากินจังเลยนะค่ะ...............ของโปรดต้นส้มด้วยค่ะ
เดี๋วยจะขอให้คุณแม่ทําให้กิน


โดย: kwanjira pookpun IP: 58.9.153.141 วันที่: 18 กันยายน 2554 เวลา:21:56:18 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.