การเที่ยวชมวังบางขุนพรหม
วังบางขุนพรหมเปิดให้ชมฟรี มีวิทยากรนำชม วันเสาร์ - อาทิตย์ ตั้งแต่เมษายน ๒๕๖๕ (ไม่รับWalk in) ต้องสำรองเข้าเยี่ยมชมทางออนไลน์เท่านั้น
จองเข้าชมวังได้ภายใน ๗ วันในแต่ละสัปดาห์ รอบละ ๔๐ คน
https://services.botlc.or.th/PhysicalDistancingเราจองได้วันเสาร์ที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕ รอบ ๑๑ โมง ก่อนถึงวันนัด มีเจ้าหน้าที่โทร.มา คอนเฟิร์ม และให้ตรวจ ATK ก่อนแจ้งชื่อ จนท. รปภ. ด้านหน้า แล้วเดินไปตามทางเลยค่ะ๐๙.๔๗ น. วันที่ ๑๔ พฤษภาคม ๒๕๖๕ ยังไม่ถึงเวลานัด เดินถ่ายรูปบริเวณรอบ ๆ ค่ะ
"วังบางขุนพรหม" เป็นวังเก่าแก่อายุกว่า ๑๐๐ ปี สร้างเมื่อ ปี พ.ศ. ๒๔๔๔ จัดเป็นวังที่สวยที่สุดในเมืองไทย
วังแห่งนี้ตั้งอยู่ในบริเวณธนาคารแห่งประเทศไทย เป็นส่วนหนึ่งของ พิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย เนื้อที่ ๓๓ ไร่ ริมเจ้าพระยา เปิดให้ชมฟรีตั้งแต่เดือนเมษายน ๒๕๖๕ เฉพาะเสาร์-อาทิตย์
พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดให้สร้างวังบางขุนพรหม เพื่อเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ฯ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต พระโอรสลำดับที่ ๓๓ ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าและพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี อัครราชเทวี
เป็นวังที่ออกแบบโดยคาร์ล ซันเดรสกี สถาปนิกชาวเยอรมัน แต่ไม่แล้วเสร็จ จึงได้มารีโอ ตามัญโญ สถาปนิกชาวอิตาลี (ผู้ออกแบบพระที่นั่งอนันตสมาคม, สะพานมัฆวานรังสรรค์ และวังปารุสกวัน) มาดำเนินการออกแบบจนแล้วเสร็จ
รูปแบบสถาปัตยกรรมได้รับอิทธิพลจากยุคบาโรก (สถาปัตยกรรมตะวันตก ต้นคริสต์ศตวรรษที่ ๑๗ ในอิตาลีจะเน้นเรื่องแสง สี เงา และคุณค่าประติมากรรม) และยุคโรโกโก (ศิลปะรูปแบบนี้พัฒนามาจากศิลปะฝรั่งเศส ทุกสิ่งทุกอย่างในห้อง ไม่ว่าผนัง เครื่องเรือน หรือเครื่องประดับ จะออกแบบให้กลมกลืนเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน)https://www.bangkokbiznews.com/lifestyle/1000905
ตำหนักใหญ่ วังบางขุนพรหม มีความสวยงามเป็นเอกลักษณ์ด้วยการตกแต่งผนังปูนปั้นอันวิจิตร นับเป็นอาคารที่มีลวดลายประดับงามที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ปูนปั้นเหล่านี้ล้วนเป็นลวดลายที่ได้รับอิทธิพลจากตะวันตกในสมัยต่าง ๆ กัน โดยออกแบบให้สอดคล้องกับองค์ประกอบทางสถาปัตยกรรม
สถาปนิกใช้สถาปัตยกรรมแบบบาโรกและโรโกโกเป็นอิทธิพลหลักในการออกแบบ ดังจะเห็นได้จากรูปลักษณะหน้าบันและผนังภายนอกอาคาร หอกลมทางด้านทิศใต้ที่มีลักษณะโค้ง และผนังด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือที่เป็นเส้นโค้งเว้าเข้า และนูนต่อเนื่องกันสำหรับการวางผังเป็นไปในลักษณะสถาปัตยกรรมแบบ บาโรกและใช้ต่อเนื่องมาจนปลายสมัยศตวรรษที่ ๑๙ ส่วนองค์ประกอบที่ใช้ในการตกแต่งภายในห้องต่าง ๆ มีความคล้ายคลึงกัน โดยมีการใช้ปูนปั้นเป็นเส้นนูนตามกรอบประตูและช่องแสง ที่โดดเด่นที่สุดคือ บานประตูไม้แกะลายเส้นบนกึ่งกลางของลูกฟักไม้ ช่องแสงเหนือประตูปิดด้วยแผ่นไม้ฉลุลาย และฝ้าเพดานตกแต่งด้วยแผ่นไม้ฉลุลายและเน้นลวดลายด้วยการเขียนสีทอง พื้นภายในห้องต่าง ๆ เป็นพื้นไม้สักปูเข้าลิ้น ขัดมันเสาอิงทรงเกลียวคลื่น แบ่งบานหน้าต่างออกเป็นสามช่อง ส่วนหัวหน้าต่างออกแบบเป็นคิ้วโค้งครึ่งวงกลมผสมผสาน มีลายปูนปั้นเครือเถาใบพฤกษาอ่อนช้อยงดงาม เสาเกลียวลักษณะนี้เรียกว่า Barley-sugar column มีลักษณะเดียวกับเสาเกลียวรองรับหลังคาของแท่นบูชาขนาดใหญ่ในมหาวิหาร เซนต์ปีเตอร์ กรุงโรม การใช้เสาเกลียวเป็นองค์ประกอบสถาปัตยกรรม เริ่มใช้กันมาตั้งแต่ยุคกลางในยุโรป แต่เป็นที่นิยมในสมัยบาโรก ปรากฏให้เห็นทั้งในอาคาร รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ เช่น ใช้เป็นขาโต๊ะ เก้าอี้สวยมาก มุมไหนก็สวย
ปัจจุบัน วังบางขุนพรหม อยู่ในความดูแลของธนาคารแห่งประเทศไทย ใช้เวลารีโนเวท ๓ ปี และเปิดให้ประชาชนเข้าชมอยู่เป็นระยะ ๆ
ในอดีตวังแห่งนี้เป็นสถานที่ที่เจ้านายในราชวงศ์จักรีทรงใช้พบปะสังสรรค์ และยังใช้เป็นสถานที่เลี้ยงรับรองแขกต่างประเทศ
กระทั่งช่วงเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชมาเป็นระบอบประชาธิปไตย บุคคลในราชสกุล “บริพัตร” ต้องนิราศจากเมืองไทย วังจึงกลายเป็นสมบัติของรัฐบาล มีหน่วยงานราชการผลัดเปลี่ยนเป็นที่ทำการ
เมื่อปี ๒๔๘๘ กรมธนารักษ์ได้ให้ธนาคารแห่งประเทศไทยเช่าวังบางขุนพรหม เพื่อใช้เป็นที่ทำการ จนถึงปี ๒๕๐๒ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย เสนอเรื่องต่อคณะรัฐบาลขอกรรมสิทธิ์ในที่ดินและสิ่งปลูกสร้างของวังบางขุนพรหมไว้เป็นทรัพย์สมบัติของธนาคาร
โดยเห็นว่าสถานที่แห่งนี้งดงามและมีคุณค่าทางประวัติศาสตร์ เหมาะเป็นที่ทำการของธนาคารแห่งประเทศไทยซึ่งถือเป็นสถาบันสำคัญของชาติ
ศาลากระโจมแตร อยู่ระหว่างตำหนักใหญ่และตำหนักสมเด็จ วังบางขุนพรหมมีรูปทรงเป็นศาลาวงกลม ก่อด้วยอิฐและมีลวดลายปูนปั้นที่งดงามอ่อนช้อย ขอบหลังคาประดับปูนปั้นรูปหัวสิงห์หลังคาข้างบนเป็นทรงโดมซ้อนกันสองชั้นคล้ายกับผลมะยมผ่าครึ่ง วางครอบบนผนังรับน้ำหนักที่ออกแบบเป็นช่องเปิดรับลม ทำให้เมื่อยืนอยู่กลางศาลาจะมีเสียงสะท้อนมาอย่างชัดเจน จึงใช้เป็นสถานที่ซ้อมดนตรี ทั้งดนตรีไทยและดนตรีสากล เนื่องจากผู้ซ้อมดนตรีจะได้ยินเสียงดนตรีอย่างชัดเจน ส่วนคนฟังได้รับฟังความไพเราะจากเสียงสะท้อนก้องกังวานรอบทิศทาง เพิ่มอรรถรสในการฟังตำหนักสมเด็จ เดิมเคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรีฯ พระมารดาของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต รวมทั้งเป็นที่ประทับของฝ่ายในคือเจ้านายฝ่ายสตรีของวังบางขุนพรหม ลักษณะการก่อสร้างจึงงดงามอ่อนหวานแบบนวศิลป์ของเยอรมันเพราะผู้ออกแบบคือนายคาร์ล ดอริ่ง ชาวเยอรมนี ซึ่งสร้างแล้วเสร็จใน พ.ศ. ๒๔๕๖
เมื่อสิ้นรัชกาลที่ ๕ แล้ว ใน พ.ศ. ๒๔๕๖ พระนางเจ้าสุขุมาลมารศรีก็ได้กราบถวายบังคมลาพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๖ เพื่อออกมาประทับที่ตำหนักในวังบางขุนพรหมของสมเด็จฯ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์เป็นการถาวรสืบมาการออกแบบตำหนักองค์ใหม่นี้ สันนิษฐานว่าเริ่มต้นขึ้นในราวต้นปี พ.ศ. ๒๔๕๔ โดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์คงทรงติดต่อว่าจ้างให้นายคาร์ล เดอห์ริง (Karl Döhring) สถาปนิกประจำกรมศุขาภิบาล กระทรวงมหาดไทยขณะนั้นเป็นผู้ออกแบบ ส่วนการก่อสร้างนั้นเข้าใจว่าจะเริ่มต้นขึ้นกลาง พ.ศ. ๒๔๕๕ และแล้วเสร็จในราวกลาง พ.ศ. ๒๔๕๖https://www.facebook.com/BOTLearningCenter/มองเห็นสะพานพระราม ๘วังเทวะเวสม์ค่ะ อาจจะมีการเปิดให้เข้าชมในภายภาคหน้าสะพานเชื่อมระหว่างตำหนักใหญ่และตำหนักสมเด็จซ้ายมือ - ตำหนักใหญ่, ขวามือ - ตำหนักสมเด็จเดินวนรอบแล้วค่ะวังเทวะเวสม์เรือนแพริมน้ำสะพานพระราม ๘สวยมากค่ะศาลากระโจมแตรตำหนักสมเด็จ