อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ (๑)
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ จังหวัดเพชรบูรณ์ (๑)
สวัสดีค่ะ ปิดทริปภูทับเบิก-เขาค้อ ที่นี่ค่ะ บอกปะป๊าไว้ว่า ขากลับบ้าน ขอแวะที่นี่หน่อยนะ มาเส้นนี้หลายรอบแล้วไม่เคยแวะเลย (แรงบันดาลใจจาก พี่ตุ๊ก - tuk-tuk@korat และคุณชีริว จริงนะเนี่ย)
ชื่อเมืองศรีเทพ ปรากฎขึ้นครั้งแรกใน พ.ศ. ๒๔๔๗ ในคราวที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ เสด็จตรวจราชการมณฑลเพชรบูรณ์ สืบเนื่องจากทรงค้นพบชื่อนี้ในทำเนียบเก่า บอกรายชื่อหัวเมืองและในสมุดดำซึ่งเป็นต้นร่างกะระยะทางให้คนไปแจ้งข่าวการสิ้นรัชกาลที่ ๒ ตามหัวเมืองต่างๆ มีเส้นทางหนึ่งไปทางเมืองสระบุรี เมืองชัยบาดาล เมืองศรีเทพ และเมืองเพชรบูรณ์ จึงทรงตั้งสมมติฐานว่า
เมืองศรีเทพคงอยู่ในบริเวณลุ่มแม่น้ำป่าสัก ทรงสืบค้นพบว่า ศรีเทพเป็นชื่อเดิมของเมืองวิเชียรบุรี ซึ่งเพิ่งจะมาเปลี่ยนชื่อในสมัยรัชกาลที่ ๓ ทรงสันนิษฐานว่า ชื่อเมืองศรีเทพที่วิเชียรบุรี คงมีต้นเค้ามาจากเมืองโบราณที่อยู่ทางใต้ลงมาราว ๓๐ กิโลเมตร ซึ่งทรงสำรวจพบโบราณวัตถุ โบราณสถานต่างๆ มากมาย จึงทรงเรียกเมืองโบราณแห่งนี้ว่าเมืองศรีเทพ นับได้ว่าสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงเรียกชื่อเมืองนี้ว่า เมืองศรีเทพ เป็นพระองค์แรก และได้ใช้ชื่อนี้มาจนปัจจุบัน ข้อมูลจากแผ่นพับอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพ
เมืองโบราณศรีเทพนี้มีลักษณะเป็นเมืองซ้อนเมืองขนาดใหญ่ ที่ตั้งของเมืองอยู่ในชุมทาง ที่สามารถติดต่อกับภาคอื่นๆ ได้สะดวก ดังนั้นจึงได้รับอิทธิพลทางศิลปวัฒนธรรมจากอาณาจักรข้างเคียง มาผสมผสาน เช่น ศิลปะทวารวดี ศิลปะขอม เป็นต้น เมืองศรีเทพสร้างขึ้นในยุคของขอมเรืองอำนาจ ซึ่งคาดว่ามีอายุไม่ต่ำกว่า ๑,๐๐๐ ปี โดยดูจากหลักฐานทางสถาปัตยกรรม ศิลปกรรม และวัฒนธรรมที่ตกทอดมาถึงปัจจุบัน ซึ่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีความเจริญสูงสุดทางด้านสถาปัตยกรรมและศิลปกรรม สันนิษฐานว่าเจริญอยู่ในช่วงพุทธศตวรรษที่ ๑๑ ถึงพุทธศตวรรษที่ ๑๖
อุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพได้รับรางวัล Thailand Tourism Award ประจำปี ๒๕๔๓ คือ
รางวัลประเภทแหล่งท่องเที่ยวทางวัฒนธรรมโบราณสถานยอดเยี่ยม
และรางวัลสื่อเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ด้านอินเทอร์เน็ตดีเด่น
เมืองศรีเทพ อยู่ห่างจากตัวเมืองเพชรบูรณ์ประมาณ ๑๐๗ กิโลเมตร ห่างจากอำเภอวิเชียรบุรีประมาณ ๒๕ กิโลเมตร มีเนื้อที่ประมาณสองพันไร่เศษ มีกำแพงเมืองที่ก่อด้วยดินล้อมรอบ และมีคูเมืองนอกกำแพง มีประตูเมืองทั้งสี่ทิศ ภายในเมืองมีปรางค์สมัยลพบุรีอยู่สององค์ เรียกว่า ปรางค์องค์พี่และปรางค์องค์น้อง ทางทิศเหนือนอกกำแพงเมืองออกไปมีสระน้ำสองแห่ง ชื่อสระแก้วและสระขวัญ ในสมัยก่อนเมืองศรีเทพต้องส่งส่วยน้ำจากสระทั้งสองนี้ เพื่อนำไปใช้ทำน้ำพิพัฒน์สัตยา เพราะถือว่าเป็นน้ำศักดิ์สิทธิ์ ข้อมูลจากวิกิพีเดีย
๑๕.๓๘ น. ใกล้ถึงละ
๑๕.๔๒ น. วันที่ ๗ ธันวาคม พ.ศ. ๒๕๕๖
เข้ามาที่ศูนย์ข้อมูลก่อนค่ะ พระพุทธรูปยืนปางแสดงธรรม พุทธศตวรรษที่ ๑๔ (๑,๒๐๐ ปีมาแล้ว) พบที่โบราณสถานเขาคลังนอก
โบราณวัตถุที่ขุดค้นได้ นำมาจัดแสดงไว้ที่นี่ค่ะ / ฐานรองรับพระธรรมจักร
หัวเสา พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๔ (๑,๔๐๐ - ๑,๒๐๐ ปีมาแล้ว) พบที่ปรางค์สองพี่น้อง
ส่วนเท้าทวารบาล พุทธศตวรรษที่ ๑๘ พบที่ปรางค์ศรีเทพ
สุริยเทพ พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๓ (๑,๓๐๐ ปีมาแล้ว) พบภายในเมืองศรีเทพ
สุริยเทพ พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๓ (๑,๓๐๐ ปีมาแล้ว) พบภายในเมืองศรีเทพ
สุริยเทพ พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๓ (๑,๓๐๐ ปีมาแล้ว) พบที่ปรางค์สองพี่น้อง
ฐานโยนิ พุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๗ (๑,๐๐๐ ปีมาแล้ว) ซ้ายมือ-พบภายในเมืองศรีเทพ , ขวามือ-พบที่ปรางค์ฤาษี
แท่นหินบด พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๘ พบภายในเมืองศรีเทพ
ลูกกรงลูกมะหวด พุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๘ พบภายในเมืองศรีเทพ
เสามีลายสลัก พุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๘ พบภายในเมืองศรีเทพ
ชิ้นส่วนทับหลัง พุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๗ พบที่ปรางค์ศรีเทพ
บัวยอด พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๘ พบที่ปรางค์สองพี่น้อง
ชิ้นส่วนล้อด้านนอกของธรรมจักร พุทธศตวรรษที่ ๑๒ - ๑๔ (๑,๔๐๐-๑,๒๐๐ ปีมาแล้ว)
มาซื้อบัตรเข้าชม รอรถรับ-ส่ง / Baht ?
ระหว่างรอรถ กำลังเห่อถ่ายรูป ส่องไปทั่ว
มีต้นไม้ใหญ่เยอะเหมือนกันค่ะ ร่มรื่นดี
สระน้ำ
ปรางค์ศรีเทพ เป็นศาสนสถานฮินดู ปราสาทประธานเป็นแบบศิลปะเขมร ส่วนบนก่อด้วยอิฐ ฐานเป็นศิลาแลงฉาบปูน ตั้งอยู่บนลานดินที่ก่อรอบด้วยศิลาแลง เป็นฐานสี่เหลี่ยมยกพื้นสูง หันหน้าไปทางทิศตะวันตก สองข้างลานด้านหน้ามีบรรณาลัย ๒ หลัง เป็นที่เก็บคัมภีร์ทางศาสนา ปัจจุบัน เหลือเพียงฐาน มีทางเดินรูปกากบาทเรียกว่า สะพานนาค เชื่อมต่อระหว่างโคปุระหรือประตูทางเข้าด้านหน้ากับพื้นที่ส่วนล่างซึ่งมีทางเดินศิลาแลง และฐานอาคารประกอบพิธีกรรมอีกหลายแห่ง
เลนส์ไวด์ปะป๊าถ่ายค่ะ
จากการขุดค้นโบราณสถาน พบทวารบาลหินทรายสมัยบายน และชิ้นส่วนทับหลัง กำหนดอายุได้ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๗ นอกจากนี้ ยังพบชิ้นส่วนกลีบขนุนที่ยังสลักไม่แล้วเสร็จ จึงสันนิษฐานว่าโบราณสถานแห่งนี้คงสร้างขึ้นเพื่อเป็นเทวาลัยในศาสนาฮินดู ในราวพุทธศตวรรษที่ ๑๖ - ๑๗ และได้รับการซ่อมแปลงเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนามหายานตามความนิยมในช่วงสมัยบายนของเขมร ในต้นพุทธศตวรรษที่ ๑๘ แต่ยังไม่แล้วเสร็จ
ทางเดินรูปกากบาท เรียกว่า สะพานนาค
ปะป๊ากับเมฆ อยู่ปู๊นนนน...
ข้อมูลจากแผ่นพับของอุทยานประวัติศาสตร์ศรีเทพค่ะ
ช่วงนี้ลูกปิดเทอม...แวะไปหาช้าหน่อยนะคะ
Create Date : 07 มีนาคม 2557 |
Last Update : 7 มีนาคม 2557 5:27:32 น. |
|
40 comments
|
Counter : 5555 Pageviews. |
|
|
|