พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร (๓)
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร (๓)
หมู่พระวิมาน (พระราชวังบวรสถานมงคล)
หมู่พระวิมาน เป็นหมู่พระที่นั่งภายในพระราชวังบวรสถานมงคล สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท กรมพระราชวังบวรสถานมงคล พระองค์แรกในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ และเป็นสมเด็จพระราชอนุชาร่วมพระชนกพระชนนีกับ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก หมู่พระวิมานเป็นหมู่พระที่นั่งหลายองค์ประกอบกัน และมีการซ่อมแซมและปรับปรุงครั้งใหญ่ในสมัยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ ปัจจุบัน เป็นอาคารหลักของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ใช้เป็นสถานที่ที่จัดแสดงนิทรรศการ วัตถุสิ่งของต่าง ๆ
หมู่พระราชมณเฑียรของพระราชวังบวรฯ นั้น ประกอบด้วย พระวิมาน เรียงต่อกัน ๓ หลัง โดยมีชาลา ซึ่งหมายถึง ชานเรือนหรือพื้นภายนอกเรือน คั่นอยู่ระหว่างพระวิมาน พระวิมานทั้ง ๓ หลังนี้เป็นตึก ๒ ชั้น มีนามว่า
พระที่นั่งวสันตพิมาน เป็นพระวิมานหลังใต้ พระที่นั่งวายุสถานอมเรศ เป็นพระวิมานหลังกลาง พระที่นั่งพรหมเมศรังสรรค์ เป็นพระวิมานหลังเหนือ ต่อมา ได้เปลี่ยนนามเป็น พระที่นั่งพรหมเมศธาดา เมื่อสมัยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ เพื่อให้สอดคล้องกับพระที่นั่งอิศราวินิจฉัยที่ทรงสร้างขึ้นใหม่
ต่อจากพระวิมานทั้ง ๓ หลังนั้น ทั้งด้านหน้าและด้านหลังพระวิมาน มีการสร้างพระที่นั่งชั้นเดียวขวางตลอดแนวพระวิมาน ประกอบด้วย พระที่นั่งมุข ๔ องค์ พระที่นั่งมุขด้านหลังต่อออกมาจากพระที่นั่งวายุสถานอมเรศ ใช้เป็นท้องพระโรงหลัง และพระที่นั่งมุขด้านหน้าที่ต่อจากพระที่นั่งวายุสถานอมเรศ มีนามว่า พระที่นั่งพรหมพักตร์ ซึ่งในสมัยของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาทนั้น ตั้งพระบุษบกมาลาเพื่อใช้เป็นที่เสด็จออกแขกเมือง
เมื่อมีการซ่อมแซมพระราชมณเฑียรเมื่อครั้งสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพ พระองค์ทรงให้เรียกพระที่นั่งมุขทั้ง ๔ องค์ว่า
พระที่นั่งอุตราภิมุข สำหรับเรียกพระที่นั่งที่ตั้งในมุมด้านตะวันตกเฉียงเหนือ พระที่นั่งปัจฉิมาภิมุข สำหรับเรียกพระที่นั่งที่ตั้งในมุมด้านตะวันตกเฉียงใต้ พระที่นั่งบูรพาภิมุข สำหรับเรียกพระที่นั่งที่ตั้งในมุมด้านตะวันออกเฉียงเหนือ พระที่นั่งทักษิณาภิมุข สำหรับเรียกพระที่นั่งที่ตั้งในมุมด้านตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ พระองค์ยังได้ดัดแปลงพระที่นั่งมุขด้านหน้าให้เป็นมุขกระสัน แล้วขนานนามว่า พระที่นั่งภิมุขมณเฑียร ส่วนมุขด้านหลังนั้นให้ต่อเพิ่มเติมแล้วขนานนามว่า พระที่นั่งปฤษฏางค์ภิมุข นอกจากนี้ พระองค์ยังสร้าง พระที่นั่งอิศราวินิจฉัย ต่อจากมุขเดิมของพระวิมานด้วย อ่านเพิ่มเติมที่วิกิพีเดีย คลิกเลยค่ะ
ตอนที่แล้ว พาไปพระที่นั่งภิมุขมณเฑียร จัดแสดงเครื่องราชยานคานหาม และ พระที่นั่งวายุสถานอมเรศ จัดแสดงเครื่องทอง
น่าจะเอาแผ่นนี้ให้ดูตั้งแต่ทีแรก เพิ่งนึกออกน่ะค่ะ
ผ่านสวนหย่อม
วันนี้มาต่อที่ พระที่นั่งพรหมเมศธาดา (ล่าง) จัดแสดงผ้าและเครื่องแต่งกาย ๕๑๒
หน้าพระที่นั่งพรหมเมศธาดามีตู้แฝดขาหมู ลายกนกใบเทศพื้นรักแดง สมัยรัตนโกสินทร์ ในตู้เก็บจดหมายเหตุฯ รัชกาลที่ ๔ และรัชกาลที่ ๕
กฏมณเฑียรบาล ในรัชกาลที่ ๑
รัชกาลที่ ๕ ในการพระราชพิธีบรมราชาภิเษกครั้งแรก
รัชกาลที่ ๗
ในหลวงรัชกาลที่ ๙ ของพวกเรา
สมเด็จกรมพระราชวังบวรวิไชยญาญ พระโอรสองค์ใหญ่ในพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว
ส่วนมากเป็นผ้าและเครื่องแต่งกายในราชสำนักค่ะ
ผ้าพิมพ์ลายอย่าง (ผ้านุ่ง) พื้นสีดำพิมพ์ลายเทพนมในวงกลมตลอดผืน สมัยรัตนโกสินทร์
ผ้าพิมพ์ลายอย่าง (ผ้านุ่ง) พื้นสีขาว พิมพ์และเขียนลายเทพนมยืนเหนือลายหน้ากาล
ผ้าท้องขาวเป็นผ้าสำหรับใช้ในงานพิธีที่เกี่ยวข้องกับศาสนา สมัยรัตนโกสินทร์
ผ้าลายอย่าง (ผ้าเกี้ยว) พิมพ์และเขียนลายที่ท้องผ้า ริมผ้าไม่มีเชิง ใช้เป็นผ้าปู หรือ ผ้าแขวนสมัยรัตนโกสินทร์
ผ้าสมปัก หรือผ้าปูม พื้นสีไพล ทอยกดอกลายดอกพิกุลในช่องตาข่ายก้านแย่ง เชิงผ้า ๒ ชั้น สีแดงและสีม่วงเข้ม สมัยรัตนโกสินทร์
ผ้ายกไหม สลับลายดอกพิกุลร่วง เชิงผ้าทอยกเป็นลายกรวยเชิง ทอด้วยกรรมวิธีแบบจีน สมัยรัตนโกสินทร์
ไม่ได้เดินขึ้นชั้นบน ที่จัดแสดงเครื่องใช้ในพระพุทธศาสนาค่ะ (เสียดาย) มาต่อที่ห้อง ๕๑๔ เลย ไม่ได้เอาเอกสารแนะนำติดมือมา
พระที่นั่งบูรพาภิมุข จัดแสดงเครื่องดนตรี
แคน เครื่องดนตรีประเภทเป่า ได้รับความนิยมแพร่หลายในเอเซีย ทั้งจีน ญี่ปุ่น เกาหลี และไทย แต่จะมีชื่อเรียกและลักษณะแตกต่างกัน ในประเทศไทยแคนเป็นเครื่องดนตรีพื้นเมืองภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำด้วยไม้รวกเล็กๆ เรียงติดกันเรียกตามจำนวนของลูกแคนตั้งแต่คู่ ๓ ถึงคู่ ๙ เช่น แคนเจ็ด แคนแปด แคนเก้า ใช้บรรเลงได้ทั้งแบบเดี่ยวและแบบประสมวงกับโปงลาง
กรือโต๊ะ เครื่องดนตรีพื้นบ้าน ประเภทเครื่องตีของมาเลเซีย ภาษามลายูเรียกว่า KERTUK นิยมในหมู่ชาวไทยมุสลิมภาคใต้ในเขต ๓ อำเภอของจังหวัดนราธิวาส คือ แว้ง สุไหงปาดี สุไหงโกลก
ห้อง ๕๐๕ พระที่นั่งทักษิณาภิมุข การแสดงและการละเล่น
หัวโขนค่ะ ส่วนมากจากเรื่องรามเกียรติ์
เรื่องอะไรน้อ...
ไพ่
หุ่นกระบอก หุ่นหลวง
หุ่นหลวงตัวยักษ์ พระพิราพ สร้างราวสมัยต้นรัตนโกสินทร์ จนถึงปลายรัชกาลที่ ๕ (พ.ศ. ๒๓๒๕ ๒๔๕๓)
ได้ทำการซ่อมขึ้นใหม่เมื่อ กุมภาพันธ์ ๒๕๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๒๙
หุ่นหลวงตัวนาง นางตรีชฎา
หุ่นหลวงตัวพระ พระพรต
หุ่นหลวงตัวลิง พญาพาลี
จากเรื่อง สังข์ทอง (น่าจะใช่)
ภาพสุดท้ายของตอนนี้ค่ะ
พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร
เลขที่ ๔ ถนนหน้าพระธาตุ แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพฯ ๑๐๒๐๐
โทรศัพท์ ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๓๓ โทรสาร ๐ ๒๒๒๔ ๗๔๙๓, ๐ ๒๒๒๔ ๑๓๗๐
เปิดให้บริการ วันพุธ - อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (ยกเว้นเทศกาลปีใหม่และสงกรานต์)
เวลาทำการ ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. อัตราค่าเข้าชม ชาวไทย ๓๐ บาท ต่างชาติ ๒๐๐ บาท
นักเรียน, นักศึกษา, ผู้สูงอายุ ๖๐ ปีขึ้นไป, สมาชิก ICOM, ICOMOS, พระภิกษุ, สามเณร และนักบวชทุกศาสนา ไม่เสียค่าเข้าชม
บริการนำชมเป็นหมู่คณะโดยการนัดหมายล่วงหน้า นำชมทั่วไป ตั้งแต่ ๐๙.๓๐ เป็นต้นไป
วันพุธ ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เยอรมัน
วันพฤหัส ภาษาอังกฤษ ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น เยอรมัน
วันเสาร์ ภาษาอังกฤษ (๑๐.๐๐ น.)
วันอาทิตย์ ภาษาไทย (๑๐.๐๐, ๑๓.๓๐ น.)
บริการให้ยืมนิทรรศการหมุนเวียน, ห้องสมุด, บรรยายทางวิชาการ
รถประจำทาง ๓, ๖, ๙, ๑๙, ๓๐, ๓๓, ๔๓, ๕๓, ๕๙, ๖๔, ๖๕,
๗๐, ๘๐, ๘๒, ๙๑, ๑๒๓, ๑๒๔, ๒๐๑, ๕๐๓, ๕๐๖, ๕๐๗, A2
Create Date : 12 มีนาคม 2557 |
Last Update : 12 มีนาคม 2557 5:21:59 น. |
|
37 comments
|
Counter : 7202 Pageviews. |
|
|
|
ไม่รู้เป็นยังไง เกศแอบชอบสถาปัตยกรรมแบบนี้จังค่ะ พระที่นั่งต่างๆ อาจจะเป็นเพราะมองเห็นแล้วทำให้เราจินตนาการถึงประวัติศาสตร์ว่าพื้นที่ที่เรายืนอยู่เกิดอะไรขึ้นบ้างด้วยค่ะ
เกศออกแนวติสท์นิดหน่อยค่ะ ลูกเลยต้องรับผลพวงนี้ไปเพราะแม่คิดได้แค่เรื่องวาดๆ เขียนๆ ค่ะพี่