ถนนสายนี้มีตะพาบ : 109 : ตำนาน..ความเชื่อ..เรื่องจริง?
ตำนาน..ความเชื่อ..หรือเรื่องจริง? โจทย์โดย : คุณเป็ดสวรรค์
แรกเริ่มเดิมทีตั้งใจจะเขียนบล็อกตะพาบโจทย์ความเชื่อนี้ให้เข้ากับหนังสือนิยายเรื่องหนึ่งที่จขบ. กำลังอ่านอยู่ และคิดว่าจะนำมารีวิวเป็นลำดับต่อไป แต่แล้วก็ต้องเบรกกะทันหันเนื่องจากเนื้อหาของนิยายเกี่ยวข้องกับหลักความเชื่อทางศาสนาคริสต์ซึ่งคงไม่เหมาะจะนำมาเขียนในวันนี้ซึ่งเป็นวันสำคัญทางพุทธศาสนาอีกวันหนึ่งของไทยคือ..วันอาสาฬหบูชา
วันอาสาฬหบูชา..ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8เป็นวันที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงพระธรรมเทศนาเป็นครั้งแรกหลังจากตรัสรู้นานกว่า 2เดือน พระธรรมที่พระพุทธเจ้าทรงแสดงแก่ปัญจวัคคีย์ทั้ง5 เรียกว่า "ธัมมจักกัปปวัตตนสูตร" แปลว่าพระสูตรแห่งการหมุนวงล้อธรรม ซึ่งหลังจากปฐมเทศนาหรือเทศนากัณฑ์แรกที่พระองค์ทรงแสดงจบลง พระอัญญาโกณฑัญญะก็ได้ดวงตาเห็นธรรมสำเร็จเป็นพระโสดาบัน จึงขออุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาพระพุทธเจ้าก็ได้ประทานอุปสมบทให้ด้วยวิธีที่เรียกว่า "เอหิภิกขุอุปสัมปทา"พระโกณฑัญญะจึงได้เป็น พระอริยสงฆ์องค์แรกในพระพุทธศาสนา ต่อมา พระวัปปะพระภัททิยะ พระมหานามะ และพระอัสสชิ ก็ได้ดวงตาเห็นธรรม และได้อุปสมบทตามลำดับ
หากแต่เรื่องราว ความเชื่อ ที่จะเล่าต่อไปไม่ได้เกี่ยวข้องกับวันอาสาฬหบูชาแต่อย่างใด..แต่เป็นเรื่องเล่าเกี่ยวกับตำนานความเชื่อ ที่มีมานานสืบชั่วลูกหลาน และยังคงอยู่ถึงปัจจุบัน มีปรากฏแห่งเดียวในประเทศไทย..ซึ่งอาจจะมีผู้ที่เคยได้ยินได้ฟังมาบ้างแล้วเกี่ยวกับประเพณีเลี้ยงดงบูชา ปู่แสะ ย่าแสะของชาวเชียงใหม่ พิธีนี้ที่เขาว่ากันว่าถ้าคนใจไม่แข็งพอห้ามดู
>
ทำไมถึงหยิบยกเรื่องนี้มาเล่า..เพราะโจทย์หัวข้อความเชื่อ ทำให้นึกถึงว่าครั้งหนึ่งในชีวิตจขบ. เคย เกือบ จะได้ไปชมพิธีนี้ด้วยตัวเองเพราะอยู่ไม่ไกลจากบ้านสวนที่พักเวลาไปเชียงใหม่ทุกครั้งจะต้องผ่านบริเวณด่านป่าไม้ ซึ่งเป็นสถานที่ทำพิธีเลี้ยงดงเสียดายที่ครั้งล่าสุดพลาดไปแค่สองวัน ได้แต่เห็นการเตรียมงานเล็กน้อยก่อนพิธีการและได้ไปแค่สักการะรูปปั้นปู่แสะย่าแสะ ที่ตั้งอยู่บนวัดดอยคำไม่ไกลจากบ้านสวนแทน
ตามความเชื่อเล่าว่า..ปู่แสะและย่าแสะเป็นบรรพชนของชาวลัวะ ซึ่งส่วนหนึ่งสืบเชื้อสายมาเป็นชาว ชีใหม่ หรือคือ เชียงใหม่ ในปัจจุบัน มีหน้าที่ปกปักรักษาคุ้มครองเมืองเชียงใหม่ดังนั้นเจ้าเมือง เสนา อำมาตย์และราษฏรจะต้องทำพิธีเลี้ยงปู่แสะ ย่าแสะมิฉะนั้นบ้านเมืองจะเกิดภัยพิบัติ ดังเคยเกิดในสมัยพระเจ้าเมกุฏิเจ้าเมืองเชียงใหม่ในอดีตที่สั่งห้ามไม่ให้ชาวบ้านชาวเมืองทำพิธีเลียงปู่แสะย่าแสะ เป็นเหตุให้เชียงใหม่เกิดวิกฤติยากจนข้นแค้นทุกหย่อมหญ้า ตกเป็นอาณานิคมของพม่าจนเจ้าเมืองเมกุฏิต้องถูกพาไปเป็นองค์ประกันและสิ้นพระชนม์ที่พม่า ตราบจนกระทั่งต่อมาเจ้าแก้วนวรัฐเจ้าเมืองเชียงใหม่องค์สุดท้ายได้ฟื้นฟูให้มีพิธีกรรมเลี้ยงดงปู่แสะ ย่าแสะและสืบเนื่องมาจวบจนปัจจุบัน..
บางตำนานก็ว่ากันว่า..ปู่แสะและย่าแสะคือ ยักษ์.. ครั้งหนึ่งพระพุทธเจ้าได้เสด็จมาโปรดสัตว์ไกลถึงเชิงดอยคำและพบว่ามียักษ์ 3 ตนพ่อแม่ลูก อาศัยอยู่ ดำรงชีพอยู่ด้วยการจับสัตว์และชาวเมืองกินเป็นอาหารจึงทรงแผ่เมตตาให้ยักษ์ทั้ง 3 จนเกรงในพระบารมีจึงยอมแสดงความเคารพพระพุทธเจ้าจึงทรงเทศนาและให้ยักษ์ทั้ง 3 ตนรักษาศีล 5แต่ยักษ์ 2 ตัวผัว - เมีย ไม่อาจรับศีลห้าได้จึงขอกินมนุษย์ปีละ 2 คน แต่พระพุทธเจ้าไม่ทรงอนุญาติยักษ์ทั้ง 2 จึงขอต่อรองลงมาเรื่อยๆ จนถึงขอกินเนื้อสัตว์พระพุทธเจ้าจึงทรงให้ไปถามเจ้าเมืองเอาเอง แล้วก็เสด็จจากไปโดยไว้พระเกศธาตุที่ต่อมากลายเป็นพระธาตุดอยคำ เมื่อยักษ์ปู่แสะ ย่าแสะไปถามเจ้าเมือง เจ้าเมืองได้อนุญาติให้กินควายได้ปีละครั้ง จึงเกิดประเพณีฆ่าควายเพื่อเอาเนื้อสดไปสังเวยให้ปู่แสะ ย่าแสะ ส่วนบุตรของปู่แสะย่าแสะ ได้บวชเป็นฤาษีชื่อสุเทวฤาษี
นั่นคือความเชื่อที่ปรากฏในตำนาน..ปัจจุบันประเพณีการเลี้ยงดงปู่แสะ ย่าแสะถูกจัดขึ้นในวันขึ้นหรือแรม 14 ค่ำ เดือน 9 ซึ่งจะอยู่ในช่วงเดือนมิถุนายนของทุกปี บริเวณเชิงชายป่าด้านตะวันออกของต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เพื่อแสดงความกตัญญูต่อบรรพบุรุษ และความเชื่อที่ว่าจะทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาลและผลผลิตทางการเกษตรได้ผลดี และเป็นการปัดเป่าไม่ให้สิ่งเลวร้ายมากินบ้านกินเมือง
ก่อนเริ่มพิธีจะมีการขึ้นท้าวทั้งสี่ คือ พิธีบอกกล่าวแก่ท้าวจตุโลกบาล มีการสร้างปราสาท หรือหอผีชั่วคราว ทำด้วยโครงไม้ไผ่ 12หอ โดยหอของปู่แสะย่าแสะจะมีขนาดใหญ่สุด เพราะถือว่าเป็นผียักษ์สัตว์ที่ถูกนำมาสังเวยก็คือ ควายเขาดำ ซึ่งต้องเป็นควายหนุ่มที่มีเขาสั้นแค่หูเชื่อกันว่าควายเทียบได้กับชิวิตของคน เพราะควายได้ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับคนมานานดังนั้นควายจึงถือเป็นตัวแทนของคนกับสิ่งเหนือธรรมชาติเพื่อแก้ข้อขัดแย้งต่างๆสำหรับควายที่ใช้บูชานั้น เมื่อเสร็จพิธีแล้วจะเอามากินร่วมกันและยังมีการตั้งชื่อลูกตามชื่อของควายที่ถูกบูชาด้วยเพื่อเป็นการตอบแทนควายที่สละชีวิตช่วยให้คนพ้นจากสิ่งชั่วร้าย
เมื่อเริ่มพิธีปู่อาจารย์ หรือคนประกอบพิธี จะทำพิธีอัญเชิญผีปู่แสะย่าแสะมาเป็นประธานของผีทั้งหลายมารับเครื่องสังเวยและขอให้ผีทั้งหลายช่วยกันดูแลรักษาบ้านเมืองให้อยู่เย็นเป็นสุขต่อจากนั้นผีปู่แสะย่าแสะจะเข้าทรงและอวยชัยให้พรต่างๆจากนั้นร่างทรงก็จะไปหยิบอาหารจากกระทงในปราสาททั้ง 12 มากินอย่างละเล็กละน้อยและดื่มสุราที่จัดไว้ให้ จากนั้นก็จะขึ้นไปนั่งบนหนังควายและโยกหัวควายไปมาพร้อมกับเอาเนื้อควายสดที่แขวนคอมากินด้วยและเมื่อผีปู่แสะย่าแสะในร่างทรงเอาท่อนไม้มาทำที่แคะฟันแสดงว่าอิ่มแล้วท้ายสุดร่างทรงก็จะล้มตัวลงนอนกับพื้นสักครู่หนึ่ง เมื่อผีลาทรงแล้วก็จะลุกขึ้นมามีอาการเป็นปกติ
ชาวบ้านที่มาร่วมงานมีความเชื่อว่าหากได้เข้าร่วมพิธีจะรอดพ้นจากอันตราย ไม่เจ็บ ไม่ไข้ ชุมชนบริเวณรอบๆ จะมีความสงบสุขปราศจากภัยพิบัติทั้งปวง เพราะได้เลี้ยงหรือให้ทานแก่ผีปู่แสะย่าแสะซึ่งเป็นผู้ปกปักรักษาพื้นที่แห่งนี้
สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเพื่อชมพิธีเลี้ยงผีปู่แสะย่าแสะอาจไม่เข้าใจเหตุผลในการทำพิธีเซ่นไหว้แบบนี้ ซึ่งค่อนข้างน่ากลัวเพราะมีการนำควายทั้งตัวมาให้ผีปู่แสะย่าแสะขึ้นขี่มีการกินเนื้อควายและดื่มเลือดควายสดๆ สีแดงและกลิ่นคาวของเลือดคลุ้งกระจายไปทั่วหากใครที่ขวัญอ่อนหรือกลัวเลือดอาจถึงกับเป็นลมไปเลยก็มี บางคนไปดูแล้วก็คิดสงสารควาย ที่ต้องถูกฆ่าเพื่อเป็นเครื่องสังเวย..หากแต่นี่คือ ตำนาน..ความเชื่อ โบราณ ที่มิอาจลบหลู่
ปัจจุบัน..ประเพณีเลี้ยงดง ปู่แสะ ย่าแสะ ยังคงจัดอย่างต่อเนื่องในทุกขึ้นหรือแรม14 ค่ำ เดือน 9 หรือคือเดือนมิถุนายนของทุกปี..และยังคงตำนาน..ความเชื่อ..จวบจนปัจจุบันและจะดำรงอยู่ต่อไปอีกนานเท่านาน...
**+**+**+**+**+**+**+**+**+**+**+**
ขอบคุณของแต่งบล็อคสวยๆ จากคุณยายเก๋าและคุณญามี่ ค่ะ ขอบคุณภาพและเพลงประกอบจากอินเตอร์เนตค่ะ ขอบคุณข้อมูลจากเว็บ มติชนออนไลน์ / OKNATION / Review Chiangmai ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านค่ะ คืนนี้ค่อยไปเยี่ยมพี่ๆที่บล็อคนะคะ ^________^
Create Date : 11 กรกฎาคม 2557 |
Last Update : 12 กรกฎาคม 2557 23:15:05 น. |
|
49 comments
|
Counter : 2498 Pageviews. |
|
|