ประสบการณ์วิ่ง ครั้งที่ 2: การวิ่งกับการลงเท้า
หลังจากที่หญิงเริ่มออกวิ่งเพื่อลดน้ำหนักอย่างจริงจังครั้งแรกไปแล้ว ครั้งที่สอง และครั้งที่สามก็ตามมาติดๆ ความพยายาม ความตั้งใจ ยังเต็มเปี่ยมแน่นแฟ้นอยู่เหมือนเดิม หญิงออกวิ่งต่อในเย็นวันถัดมาหลังจากวิ่งครั้งแรก และในอีกเย็นของวันถัดไป หญิงก็ออกไปวิ่งอีก เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ในหนึ่งสัปดาห์ อาจวิ่งได้ไม่ครบ เพราะเหตุผล 2 ข้อ ข้อแรกงานติดพัน กว่าหญิงจะจัดการกับงานเสร็จก็ปาเข้าไปเกือบสี่ทุ่มแล้ว บางทีข้ามวันไปเลยก็มี แต่ไม่บ่อยนัก และข้อที่สองถือเป็นสำคัญของนักวิ่ง คือควรที่จะพักบ้าง เพราะร่างกายก็ต้องการพักผ่อนเช่นกัน ยกเว้นแต่เพียงวิ่งสั้นๆ หรือเดินสั้นๆ ซึ่งหญิงว่าคงจะทำทุกวันได้นะคะ
ในครั้งแรกที่ออกวิ่ง มันสอนให้หญิงรู้จักการหายใจ การหาทางออกไม่ให้เหนื่อยเร็วหรือเหนื่อยง่าย ซึ่งมันช่วยให้หญิงวิ่งได้นานได้ไกลขึ้นมากเลยค่ะ แล้วทีนี้มาพูดถึงการวางเท้าในการวิ่ง มีหลายคนที่ทั้งสงสัยและสับสน บ้างก็คิดว่าต้องเอาส้นเท้าลง ในขณะที่มีส่วนหนึ่งคิดว่าต้องเอาปลายเท้าลง แล้วควรจะเป็นอย่างไหนดีล่ะ?
ความจริงแล้ว การจะเอาส้นหรือปลายเท้าลงนั้น จะขึ้นอยู่กับประเภทการวิ่งนะคะ ถ้าวิ่งเร็ว หรือวิ่งในระยะสั้น ก็จะเป็นปลายเท้า ซึ่งจะทำให้วิ่งได้เร็วมาก แต่ถ้าเป็นการวิ่งระยะไกล วิ่งไปเรื่อยๆ นานๆ ก็จะต้องเป็นส้นเท้าค่ะ การวิ่งไม่เหมือนการเดินนะคะ เพราะการวิ่งนั้น ขาทั้งสองจะลอยจากพื้น และกระแทกลงพื้นในแต่ละก้าว น้ำหนักตัวทั้งหมดก็จะย้ำลงไปที่ขาข้างที่ลงพื้น ยิ่งถ้าน้ำหนักตัวหนักด้วยแล้ว จะยิ่งส่งผลต่อเข่าและข้อเท้าเป็นอย่างมาก อาจทำให้เสื่อม อักเสบ ขึ้นได้ หญิงจึงขอแนะนำว่า ไม่ควรยกเท้าขึ้นสูงมาก ตอนลงจะได้ไม่ต้องกระแทกหรือกระทบกับพื้นแรงมาก เพราะปัญหาสำคัญสำหรับคนอ้วนในการวิ่งก็คือเรื่องข้อเข่าเสื่อมนี่แหละค่ะ ความอ้วนที่มากด้วยมวลน้ำหนัก จะเป็นแรงไปกดอยู่ที่ขาแต่ละข้างที่เหยียบลงพื้น
ดังนั้น สำหรับคนปกติทั่วไป ถ้าต้องการวิ่งออกกำลังกายไปเรื่อยๆ ก็ควรจะวางส้นเท้าลงก่อนนะคะ ส่วนการวางด้วยปลายเท้าเหมาะสำหรับการวิ่งเร็ว วิ่งเหยาะๆ ค่ะ แต่สำหรับหญิงซึ่งเป็นคนอ้วน ก็จะไม่ได้วิ่งตลอดเวลาในการออกกำลังกายแต่ละครั้งหรอกนะคะ หญิงจะเดินสลับวิ่งเอา แต่ให้ค่อยเป็นค่อยไป ในจังหวะความเร็วที่พอดีๆ ไม่เร่งร้อนเร่งรีบ ไม่ช้า ไม่ก้าวยาวหรือสั้นเกินไป ซึ่งคนเรานั้นจะมีช่วงที่ไม่เท่ากัน ความถนัดก็ไม่เหมือนกัน บางคนมีช่วงที่วิ่งได้เร็วกว่าเรา ในขณะที่บางคนมีช่วงการซอยเท้าถี่กว่าเรา ซึ่งเราก็ต้องหาจังหวะที่พอดีของเราเองด้วยเหมือนกัน เป็นจังหวะที่ทำให้เราวิ่งได้นานไม่รู้สึกเหนื่อย นั่นแหละค่ะ จังหวะที่พอเหมาะพอดีของตัวเราเลย ฉะนั้นแล้ว อย่าไปวิ่งตามใคร หรือต้องการแข่งหรือแซงใครนะคะ เพราะนั่นจะไม่ใช่การออกกำลังกายอีกต่อไป แต่กำลังจะทำร้ายสุขภาพและร่างกายของตัวเอง บ๊าย บายค่ะ ^^
Create Date : 12 เมษายน 2556 |
Last Update : 12 เมษายน 2556 9:02:08 น. |
|
1 comments
|
Counter : 3742 Pageviews. |
|
|
|
ห้องสมุด
สุขภาพ
ผู้หญิง
ศัลยกรรม
ความสวยความงาม
แม่ตั้งครรภ์
หลังคลอด
ทารกแรกเกิด
เด็กโต
ครอบครัว