หิวจริงป่ะ หรือเเค่อยาก??
คุณเคยเริ่มลดน้ำหนัก แล้วต้องเผชิญกับความหิว ที่ทำให้การกินของคุณผิดไปหมดไหมคะ? ทั้งๆ ที่คุณก็ได้ยินมาว่าคนอื่นเขาทำกันได้และ ไม่รู้สึกหิวเลย เราทุกคนเคยรู้สึกหิว ไม่แปลกอะไร ความหิวก็มีข้อดี คือ ทำให้คุณได้เพลิดเพลินกับอาหารมื้อนั้น และได้รับรู้มีสติว่าตนเองหิว แต่ก็จริงอยู่ที่ความหิว โดยเฉพาะหิวเกินอาจ ทำให้กินเกิน และกินบ่อยซึ่งทำให้ได้รับพลังงานเกินกว่าจำเป็นได้ง่าย อย่าเพิ่งวิตกกังวลว่าตนเองจะลดน้ำหนักไม่ได้ค่ะ
ก่อนอื่นมารู้กันก่อนว่าความหิวจริงๆนั้นเกิดจาก การที่น้ำตาลในเลือดของเราลดลง ทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนกระตุ้นให้กระเพาะอาหารเกิดการเกร็งตัวและเกิด อาการหิวขึ้นมา ขณะที่บางคนเกิดความสับสนระหว่าง ความหิว กับ ความอยากกิน แต่เราสามารถแยกความหิวออกจากความอยากได้ไม่ยาก เพียงแค่สังเกตว่าความหิวเริ่มต้นจากการรับรู้ความรู้สึกหิวของตัวเอง โดยเฉพาะเมื่อมีระดับความหิวปานกลางจนพอที่รู้สึกได้ว่า ถึงเวลากินแล้ว และหยุดกินเมื่อร่างกายรู้สึกอิ่มพอดีๆ ซึ่งไม่ใช่ความอยากกิน
สิ่งที่ควรคำนึงถึงก็ คือ ผู้ที่ประสบผลสำเร็จในการลดน้ำหนักลงได้และคงน้ำหนักนั้นไว้ได้ ก็เพราะเขาสามารถแยกแยะระหว่างความหิวชนิดต่างๆ ดังนี้
ความหิวที่เกิดจากธรรมชาติของร่างกาย
ความหิวโดยธรรมชาติจะเกิดจากความต้องการของร่างกายในยามที่ร่างกายมีปริมาณ พลังงานและน้ำตาลลดลง โดยส่วนใหญ่มักเกิดหลังจากกินอาหารไปอย่างน้อยหกชั่วโมง (อาจน้อยกว่านั้นในคนที่มีระบบเผาผลาญเร็วช่วง 3-4 ชั่วโมง) ซึ่งนอกจากรู้สึกหิวแล้วร่างกายจะส่งสัญญาณให้เรารู้ว่าต้องการพลังงาน สารอาหาร และวิตามินเป็นการด่วน เช่น อ่อนเพลีย หน้ามืด มือสั่น ท้องร้อง เป็นต้น
ความหิวที่เกิดจากอารมณ์ (ความอยาก)
มักเกิดเมื่อมีสิ่งมาเร้า เช่นงานเลี้ยง การเห็นหรือได้กลิ่นอาหาร หรือเกิดจากอารมณ์ต่างๆเช่นความเบื่อ เศร้า เหงา โกรธ เครียด หรือการทานระหว่างมื้อจนเป็นนิสัยทั้งๆที่เพิ่งทานมื้อหลักไปเมื่อชั่วโมงที่แล้ว แม้กระทั้งความรู้สึกว่าจะต้องมีของหวานหลังทานของคาวเป็นต้นเหล่านี้ล้วนเป็นความหิวที่เกิดจากอารมณ์ทั้งสิ้น
เมื่อทราบเช่นนี้แล้วลองถามตนเองว่า หิวจริงหรือไม่? ถ้าใช่ คุณก็ควรหาอาหารที่ดีมีประโยชน์ กินช้าๆ และเพลิดเพลินกับอาหารทุกคำ แต่ถ้าหิวไม่จริง อาจลองคิดนิดหนึ่งถึงความรู้สึกที่เป็นอยู่ อาจจดความรู้สึกนั้นไว้ ดื่มน้ำเปล่าเย็นๆแก้วใหญ่ๆและเบี่ยงเบนความสนใจไปทำอย่างอื่นดู เรา สามารถวัดความหิวได้โดยใช้เกณฑ์ 1-10 ง่ายๆ โดย 1 คือหิวจัด หิวโซ และ 10 คือ อิ่มมากๆ อิ่มแปล้ พยายามอย่าให้ความหิวตกลงไปต่ำกว่า 3 และอย่ากินเกินความอิ่มที่ระดับ 8 ฝึก การกินช้าๆ และหยุดเมื่ออิ่มพอดี
กลยุทธ์ที่จะช่วยลดความหิวบ่อยมีดังนี้
นอนให้พอ การพักผ่อนไม่เียงพอจะส่งกระทบฮอร์โมนที่ควบคุมความหิว-ความอิ่ม ดื่มน้ำให้มาก คนที่กระหายน้ำอาจเข้าใจผิดว่า หิวข้าว ออกกำลังกายช่วงเช้าบ้าง พบว่าช่วยลดความหิวไปตลอดทั้งวัน อย่างดมื้ออาหาร กินโปรตีนให้พอ เช่นเนื้อสัตว์ไม่มัน ไม่ทอด ไข่ เต้าหู้ กินขนาดเท่าๆฝ่ามือในแต่ละมื้อ นอกจากนี้ เนื้อปลาก็สามารถช่วยให้อิ่มนานขึ้น เพราะเนื้อปลามีโปรตีนสูงและไขมันต่ำกว่าเนื้อสัตว์ขนิดอื่นๆจึงทำให้บำบัดความหิวได้ดีกว่า กินแป้งไม่ขัดสีบ้าง ถั่วเมล็ดแห้ง และผักเยอะหน่อย ถ้าต้องการกินอาหารว่าง ก็ควรเลือกประเภทผัก ผลไม้ และ อาหารโปรตีนสูงเข้าไว้ เช่น ซุบผัก เกาเหลา ยำ ส้มตำ ลูกชิ้นลวก ผลไม้สด นม นมถั่วเหลืองไม่หวาน ถั่วต้ม เป็นต้น ทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ธัญพืชต่างๆ บล็อกโครี่ เพราะอาหารที่มีกากใยสูงจะช่วยให้อิ่มนานขึ้น ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ต่างๆ ลองทำดูนะคะ คุณอาจลดน้ำหนักลงได้โดยไม่จำเป็นต้องไปทำตามแบบแผนการกินใดๆ เลยก็ได้เมื่อใช้การฝึกสติเวลากินแบบนี้ ถ้าลองแล้วช่วยคอมเมนท์ให้ทราบด้วยนะคะว่าเป็นอย่างไร
Credit: komchadluek.com, หนังสืออยากผอมให้ไวทำไงดี, goodfoodgoodlife.in.th Credit : lovefitt
Create Date : 01 กันยายน 2556 |
Last Update : 1 กันยายน 2556 20:33:56 น. |
|
0 comments
|
Counter : 1300 Pageviews. |
|
|
|
|
|