อริยสัจจากพระโอษฐ์ .. สิ่งที่ไม่ทรงนำมาสอน มีมากยิ่งกว่ามากนัก
.
ครั้งหนึ่ง พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงประทับอยู่ที่ สีสปาวัน ใกล้กรุงโกสัมพี. ทรงกำใบสีสปาขึ้นหน่อยหนึ่ง แล้วตรัสถามหมู่ภิกษุว่า ใบสีสปาที่ทรงกำนี้ กับ ที่อยู่บนป่าโน้น, ไหนจะมากกว่ากัน.
เมื่อภิกษุกราบทูลว่า ที่อยู่บนป่าโน้นมากกว่ามากแล้ว จึงตรัสว่า :-
ภิกษุ ท. ! ฉันใดก็ฉันนั้น, สิ่งที่ยังอยู่มากกว่ามาก ก็คือสิ่งที่เรารู้ยิ่งแล้ว แต่ไม่นำมาสอนพวกเธอทั้งหลาย.
เพราะเหตุไรเราจึงไม่สอนสิ่งนั้นแก่พวกเธอเล่า ?
เพราะว่าสิ่ง ๆ นั้น .. - ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ - ไม่เป็นเงื่อนต้นของพรหมจรรย์ - ไม่เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่ายทุกข์ ความคลายกำหนัด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน;
เพราะเหตุนั้นเราจึงไม่สอนสิ่งนั้น แก่พวกเธอทั้งหลาย. . . . มหาวาร. สํ ๑๙/๕๔๘/๑๗๑๒.
หมายเหตุ จขบ.
ประเด็นนี้เองที่เป็นประเด็นของสิ่งที่รู้ด้วยตนไม่ได้ พิสูจน์ไม่ได้ .. หากเอามาบอกมากล่าวแก่ผู้ที่ไม่มีคุณสมบัติแล้วก็จะฟั่นเฝือ เชื่องมงาย และฟุ้งซ่าน กันไปอย่างไม่มีประโยชน์ต่อการดับทุกข์ในจิต ..
ประการหนึ่ง เรื่องของการรับรู้ที่เกินไปกว่าอายตนะ6 (ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ) จะสามารถสัมผัสกระทบได้โดยตรง
ประการหนึ่ง เรื่องของอำนาจจิต - เจโตวิมุติ
ประการหนึ่ง เรื่องการอุบัติหรือจุติของสัตว์
ประการหนึ่ง เรื่องโอกาสโลก (แผ่นดิน แผ่นฟ้า แผ่นน้ำ ดวงดาว)
สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องยากสำหรับชนส่วนใหญ่ที่จะรู้ จะเข้าใจได้ หากเอามาพูดบอกต่อ ก็มองไม่เห็น จินตนาการไม่ได้ ก็จะกลายเป็นภาวะของความเชื่องมงาย .. คือ เชื่อตามคำที่มีผู้มาบอกแต่ไม่สามารถเข้าใจหรือรับรู้หรือสัมผัสภาวะที่ได้ฟังนั้นได้เลย
เป็นต้นว่า ผู้ฝึกจิตด้วยความหักโหมในระดับ "ทุกรกิริยา" อย่างที่เจ้าชายสิทธัตถะกระทำเมื่อออกแสวงหาหนทางพ้นทุกข์หลังจากอำลาสำนักอุทกดาบสแล้วนั้น .. สามารถมีผลพลอยได้เป็นฤทธิ์ทางใจได้ เช่น อภิญญา 6
อภิญญา, อภิญญาณ [อะพินยา, อะพินยาน] น. (ป.; ส. อภิชฺญา, อภิชฺญาน). ''ความรู้ยิ่ง'' ในพระพุทธศาสนามี ๖ อย่าง คือ ๑. อิทธิวิธิ การแสดงฤทธิ์ได้ ๒. ทิพโสต หูทิพย์ ๓. เจโตปริยญาณ ญาณรู้จักกําหนดใจผู้อื่น ๔. ปุพเพนิวาสานุสติญาณ การระลึกชาติได้ ๕. ทิพจักขุ ตาทิพย์ ๖. อาสวักขยญาณ ญาณรู้จักทําอาสวะให้สิ้นไป. ข้อ ๑ ถึง ๕ เป็นเรื่องทางโลก .. โลกียญาณ ข้อ ๖ ถึงจะนับเป็นอริยะญาณ
และ โลกียญาณ นั่นเองเป็นที่มาของ อวดอุตริมนุสสธรรม .. เป็นข้ออ้างในการหลอกลวง"คนโง่เขลา" ให้เชื่อใน "คุณวิเศษที่ไม่มีในตน"
เพราะมันพิสูจน์ไม่ได้ .. รู้ไม่ได้ .. ว่าใครมีหรือไม่มี .. เพราะคนรับฟังนั้นไม่มีคุณสมบัตินั้น
ทำนองเดียวกับเรื่องการ จุติ อุบัติ ของสัตว์ ที่คนที่ไม่มีคุณวิเศษในตนย่อมไม่อาจรู้ได้เลย ไม่มีทาง .. จึงได้แต่จำเขามาพูดต่อ และฟุ้งกันน้ำลายแตกฟอง .. แล้วจิตนั้นๆก็ไม่ได้อะไรเพิ่มขึ้นในเชิงปัญญา
. .
เพียงแต่ลูกชาวบ้านบวชเรียนทั้งหลาย ที่มีโอกาสศึกษาร่ำเรียนตามคำของพระพุทธองค์ในพระไตรปิฎกแล้วอาจมีผลพลอยได้เป็นบางเรื่องในคุณวิเศษนั้น เข้าใจเรื่องระดับการรับรู้ที่ต่างกันไม่ได้ .. การที่จะยอมอดกลั้นโดยไม่"อวดแสดง"ออกมาบ้าง เพื่อเรียกศรัทธานั้น ทำได้ยากนัก
ฉันใดฉันนั้นกับ คนที่เคยยากจน .. เมื่อวันหนึ่งต่อมาทำมาหากินร่ำรวย มีเงินใช้จ่าย แล้วย่อมอดไม่ได้ที่จะ"อวดรวย" ออกมาผ่านการครอบครองวัตถุธรรมเช่นบ้าน รถยนต์ เช่นไร .. ก็เช่นเดียวกันสำหรับเรื่องทางจิต
นั่นคือทางผู้พูด ..
ส่วนทางด้านผู้ฟัง .. ในเรื่องระดับการรับรู้ ให้ลองนึกถึง การที่มีเส้นตรงเส้นหนึ่ง .. ที่เราสามารถหาจุดกึ่งกลางของเส้นนั้นๆได้ไม่ยากโดยการวัดความยาวแล้ว หาร2 .. แล้วใช้จุดกึ่งกลางนั้นเป็นจุดหมุน จากมุม 0 องศา จนถึง 180 องศา .. เราย่อมได้พื้นที่การหมุนเป็นวงกลม
การหาพื้นที่วงกลม จึงเกี่ยวข้องกับ กึ่งกลางของเส้นตรงคือ รัศมี และการหมุนของรัศมีนั้นจะได้พื้นที่วงกลมขึ้นมา .. จึงได้สูตรสำเร้จมาให้เด็กไทย"ท่องจำ"ว่า สูตรการหาพื้นที่วงกลม = พาย x รัศมี2
และ หากเอาพื้นที่วงกลมนี้มาหมุนอีก 180 องศา โดยใช้แกนกลางเป็นจุดหมุนจะได้เป็น ปริมาตรทรงกลม คือ ลูกโลก ลูกบอล สูตรการหาปริมาตรทรงกลม = 4/3 x พาย x รัศมี3
เมื่อ พาย = 22/7 = 3.14159
หากเอาเรื่องนี้มาพูดให้นักเรียนมัธยมปลายโปรแกรมวิทย์-คณิต ที่เรียนเรื่อง integration มาแล้วฟัง .. ย่อมเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก จริงไหม
แต่หากเอาไปอธิบายให้ ตาสีตาสา ที่ไม่ได้เรียนหนังสือ รับฟัง .. จะเข้าใจไหม ? . . . ดังนั้น แม้จนผู้มีคุณวิเศษดังว่าในตนจริง .. ย่อมไม่ควรพูด กล่าวให้ผู้ที่ไม่มีคุณวิเศษเหมือนตน ได้ยินได้ฟัง เพราะเหตุว่า ..
- ไม่ประกอบด้วยประโยชน์ - ไม่เป็นเงื่อนต้นของพรหมจรรย์ - ไม่เป็นไปพร้อมเพื่อความหน่ายทุกข์ ความคลายกำหนัด ความดับ ความรำงับ ความรู้ยิ่ง ความรู้พร้อม และนิพพาน;
ดังนี้แล
Create Date : 08 กุมภาพันธ์ 2556 |
|
3 comments |
Last Update : 8 กุมภาพันธ์ 2556 15:44:59 น. |
Counter : 1178 Pageviews. |
|
|
|
เสียงเขาว่ากันพรรณนั้น