ตอนที่ 22- โชค หรือ หัวใจ อย่างไหนสำคัญ
***ฟิค (แปล) เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนต้นฉบับเขียนขึ้น อย่าได้ปะปนหรือสับสนกับคำพูดหรือเนื้อหาของรายการฯ***
ที่บริเวณด้านนอกสตูอิโอถ่ายภาพแต่งงาน ฮวางโบและฮยอนจุงกำลังนั่งคู่กันอยู่บนม้ายาวในสวน
“ช่วยหันมามองหน้ากันหน่อยนะครับ” ผู้กำกับเริ่มออกคำสั่ง
ฮวางโบหันหน้าไปมองเขา หน้าของเธอเริ่มแดง นึกในใจว่า <ชั้นกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย ถ้าชั้นยังเป็นแบบนี้อยู่ ชั้นคงจะทำเรื่องผิดพลาดอย่างมหันต์... ฮวางโบ เฮจุง...ควบคุมสติหน่อยสิ >เธอพยายามเตือนตัวเอง แล้วก็รีบหลบตาไปมองอีกทางนึง
ฮยอนจุงเริ่มกังวลที่จู่ๆ เธอก็ทำหน้าแข็งทื่อไร้อารมณ์ ส่วนผู้กำกับยังคงออกคำสั่งต่อ “ทำท่าสบายๆ ไม่ต้องเกร็ง อย่าทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้ากันสิครับ แล้วก็ช่วยคุยกันหน่อย”
”พวกเราคุยกันนะฮะ จริงๆแล้ววันนี้พวกเราพูดกันมากที่สุดตั้งแต่เคยถ่ายทำมาเลย” เขาพยายามบอกผู้กำกับแล้วก็หันไปมองฮวางโบแต่เธอกลับเลี่ยงไม่สบตาเขา
”ทำไมพวกคุณไม่ลองคุยกันว่าจะไปกินอะไรหลังจากถ่ายรูปเสร็จล่ะ”
ฮยอนจุงหันไปมองเธอที่ยังทำท่าอึดอัดแปลกๆ แล้วก็พูดขึ้นมาว่า “เธอบอกว่าจะออกไปดื่มเหล้าหลังจากเสร็จงานนี้ฮะ...”
เธอตกใจที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้นเลยรีบแก้ตัวทันที “ชั้นพูดแบบนั้นตั้งแต่เมื่อไรกัน...” พอรู้ตัวว่าถูกอำก็หัวเราะออกมาพร้อมกับเอาช่อดอกไม้ในมือตีที่ไหล่ของเขาเบาๆ
<เห็นแล้วใช่มั้ยว่าไม่มีอะไรดีไปกว่าการหัวเราะหรอก> “ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
ที่เธอรู้สึกไม่ค่อยสบายใจเพราะความกังวลที่เพิ่มขึ้นมา ทำให้ไม่สามารถมองหน้าเขาตรงๆได้ แต่แล้วเธอก็ตัดสินใจเรียกเพื่อจะบอกอะไรบางอย่าง “ชิลลาง”
”อะไรไรเหรอฮะ” เขาหันมามองเธอ
”คือชั้นมีเรื่องจะบอกเธอ ชั้นต้องขอโทษจริงๆนะ คือชั้นให้เพื่อนอีกคนมาหาชั้นที่นี่”
”หา อีกแล้วหรือฮะ ทำไมต้องมาด้วยล่ะฮะ” เขาเริ่มโวย
เธอรู้สึกผิดที่ได้ยินเขาถามเช่นนี้ “คือชั้นรู้สึกว่า...ถ้ามีคนมาช่วยมันก็จะน่าดีกว่าน่ะ..เพราะเราอยู่กันแค่สองคนแบบนี้มันก็ไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่นะ... ชั้นอยากให้เธอมาถึงเร็วๆจัง”
เขารู้สึกแย่ที่ได้ยินเช่นนี้ <ทำไมคุณถึงรู้สึกไม่สะดวกใจเวลาอยู่กับผมล่ะ> เขาถามเธอไปว่า “มีอะไรที่ทำให้คุณอึดอัดขนาดนี้เหรอฮะ วันนี้พวกเราทำทุกอย่างออกมาได้ดีและคืบหน้าไปตั้งเยอะ... “
เธออดงงกับสิ่งที่เขาพูดไม่ได้ < อะไรที่คืบหน้าเหรอ> แล้วก็หัวเราะออกมาอย่างเสียไม่ได้ “ฮ่า ฮ่า” <ระหว่างเรามันไม่มีความคืบหน้าอะไรทั้งนั้นล่ะ...อย่าพยายามหลอกตัวเองเลย...ไม่มีทาง>
ฮยอนจุงกำลังนอนอยู่บนพื้นหญ้าในสวน ส่วนฮวางโบนั่งอยู่ข้างๆและก้มลงมามองเขา
<ทำไมต้องโพสท่าแบบนี้อีกแล้วนะ ชั้นรู้สึกแปลกๆ อีกแล้วอ่ะ>
<เลิกหงุดหงิดได้แล้วฮยอนจุง นายควรจะยิ้มได้แล้วน่ะ)
ทันใดนั้นสองคนก็ต่างสะดุ้งเพราะได้ยินเสียงเรียกดังๆว่า พี่คะ
<อะไรเนี่ย ทำไมต้องเรียกชั้นว่าพี่ล่ะ> เธอบ่นพึมพำออกมา “เธอเรียกชั้นว่าพี่อีกแล้ว” จากนั้นเธอก็ตะโกนตอบกลับไปเช่นกัน”พี่คะ”
โบรัมเดินถือตะกร้าปิคนิคเข้ามาหาคู่ผักกาดที่นั่งอยู่ก่อนหน้านั้น แล้วตะโกนเรียกฮวางโบอีก...”พี่คะ”
ฮยอนจุงลุกขึ้นนั่งอย่างอัตโนมัติ เขารู้สึกเครียดขึ้นมาทันที
ฮวางโบรู้สึกอดสงสารที่เห็นสีหน้าของเขา จึงถามเขาว่า “เธอรู้จักพี่เขาได้มั้ย”
เขามองไปที่โบรัมซึ่งกำลังเดินเข้ามาใกล้ คิดในใจว่า< ใครกันน่ะ แต่งตัวเหมือนแทบจะไม่ได้ใส่อะไรอีกคนแล้ว...ทำไมเดี๋ยวนี้เขาชอบแต่งตัวกันล่อแหลมขนาดนี้นะ> แล้วก็ได้แต่พูดออกมาว่า “โอ๊ะ..”.สีหน้าบ่งบอกว่าไม่รู้จัก)
โบรัมเดินเข้ามา โบกมือทักทายแล้วร้อง ว้าว..เธอดูสวย...มากเลยนะ (อืมม..สองคนนี้เขาดูดีจริงๆเวลาอยู่ด้วยกัน).
<เธอชมว่าสวยเหรอ? นี่ไม่มันไม่ใช่โบรัมคนที่ชั้นรู้จักนี่นา..>. ฮวางโบเธอรีบถามขึ้นทันที “เธอหมายถึงใคร? ชิลลางเหรอ?
โบรัมจึงแกล้งตอบกลับไป “ใช่แล้วจ้ะ”
<นึกแล้วเชียว..เธอไม่ใช่เพื่อนแต่เป็นศัตรูของชั้น >ร้องออกมาว่า อา..ชั้นรู้สึกจะปริ๊ดแตกขึ้นมาเลยน่ะ”
ทุกคนรวมทั้งสต๊าฟทีมงานถ่ายทำหยุดพักเบรคแล้วมานั่งล้อมวงกินอาหารว่างที่โบรัมนำมาให้
ทีมงานคนนึงถามฮยอนจุงว่า “คุณรู้สึกยังไงบ้างเวลาที่เห็นเจ้าสาวแต่งตัวแบบนี้”
”คุณหมายถึงชุดแต่งงานที่เธอใส่ใช่มั๊ยฮะ”
ฮวางโบเริ่มกังวลอีกครั้ง เขาจะตอบว่ายังไงนะ ชั้นล่ะกลัวใจเขาจริงๆ เขาไม่มีทางพูดอะไรหวานๆให้ชั้นต่อหน้าคนอื่นแน่ๆ
”ถ้าเทียบกับเวลาปกติแล้ว..”.เขาหันไปมองเธอก่อนตอบ
“ก็..รู้สึกเหมือนๆกันลยฮะ”
<เอ๊ะ..เหมือนๆกัน? ภาษาเกาหลีของเธอนี่มันฃ่าง...แล้วก็หัวเราะออกมา> “ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
เขาอธิบายต่อ..”คือผมหมายความว่า...ปกติเธอก็ชอบแต่งตัวหรูๆอยู่แล้ว...ดังนั้น”
<ชั้น? แต่งตัวหรูเนี่ยนะ? ได้ไง? >เธอได้แต่เถียงเขาในใจ...
เขาก็คิดต่อในใจเหมือนกันว่า <คุณน่ะชอบแต่งตัวเปลือยไหล่ตลอดเวลา ผมน่ะไม่รู้ว่าจะเอาตาไปมองตรงไหนดี>
สักพักนึงทีมงานต่างก็แยกย้ายไป เหลือแค่โบรัม ฮวางโบ และฮยอนจุงที่ยังนั่งอยู่
โบรัมยิ้มแบบเจ้าเล่ห์แล้วแกล้งถามฮยอนจุงว่า “พวกเธอเคยป้อนอาหารให้กันและกันบ้างมั้ยน่ะ”
ฮวางโบคิดในใจว่า <เขาจะไม่ทำเพราะว่าคนอื่นขอให้ทำหรอก นอกจากนี้เขาไม่ชอบทำอะไรที่มันเลี่ยนๆอยู่แล้วด้วย> เลยรีบบอกไปว่า “ไม่เป็นไรหรอก อย่าให้เขาต้องทำอะไรแบบนั้นเลยนะ”
<ป้อนเหรอ? มันก็ไม่ยากอะไรนี่นา> ว่าแล้วก็เอาส้อมจิ้มองุ่นสีเขียวยื่นให้เธอโดยไม่พูดอะไรแต่ใช้สายตาชี้ที่ผลไม้เป็นนัยนัยว่า กินสิฮ่ะ อร่อยมากเลยนะฮ่ะ>
เธอประหลาดใจและ ชำเลืองมองเขานิดๆ ก่อนจะอ้าปากรับผลไม้ที่เขาป้อนให้ หลังจากนั้นก็ป้อนสัปปะรดให้เขาบ้าง.<อร่อยใช่มั๊ยล่า>
เขาก็กินผลไม้ที่เธอป้อนให้แบบเนียนๆดูเป็นธรรมชาติ
<ชั้นเพิ่งนึกอะไรออก>..”โบรัม...เธอช่วยเด็ดใบให้ชั้นหน่อยสิ” แล้วก็ชี้ไปที่ต้นอาคาเซียที่อยู่ใกล้ๆ
”ต้นนั้นน่ะเหรอ”
”จ้ะ...”เลือกก้านยาวๆหน่อยนะ
โบรัมเดินไปเด็ดใบไม้แล้วยื่นให้เธอ ฮวางโบคิดในใจว่า <วันนี้เรามาบ้ากันให้สุดๆไปเลยดีกว่า ถึงแม้ว่ามันอาจจจะจบไม่สวยก็ตาม > แล้วพูดว่า “ชั้นไม่แน่ใจว่าฮยอนจุงรู้จักเกมแบบนี้รึเปล่าน่ะ”
หันมาพูดหน้านิ่งๆว่า “เกม รัก หรือ ไม่รัก หรือฮะ”
”งั้นเธอก็รู้จักสินะ” ว่าแล้วเธอก็เด็ดใบไม้ออกทีละใบๆอย่างรวดเร็วพร้อมๆกับพูดว่า “ฮยอนจุงเสียใจที่แต่งงาน, ไม่เสียใจ, เสียใจ,ไม่เสียใจ...
เขาคิดในใจว่า <คุณไม่น่าเริ่มต้นเกมแบบนี้เลยนะ> แล้วก็ตะโกนออกมาว่า ผมขอพนัน 1 ล้านวอนว่าออกเลขคี่”
เธอตอบเขาทันทีว่า “นี่มันไม่ใช่เกม เลขคู่ เลขคี่นะ” แล้วก็เด็ดใบไม้ต่อ เขาเสียใจ,ไม่เสียใจ, เสียใจ” แล้วในที่สุดก็เด็ดใบไม้ใบสุดท้ายออกพร้อมกับพูดว่า ,”ไม่เสียใจ โอ”..เธอเริ่มมีรอยยิ้มบนใบหน้า
<ใบไม้มันต้องหายไปใบนึงแหงๆ เลย> เขาคิดในใจ แล้วก็ลุกขึ้นยืนทันที “ผมน่าจะลองดูบ้างนะฮะ แล้วมาดูว่าเราจะได้ผลลัพธ์เหมือนกันมั้ย”
เธอได้ยินแบบนั้นก็เครียดขึ้นมาทันที รีบห้ามเขาว่า “อย่าเลยนะ”<อย่าทำแบบนั้นเลยน่ะ ชั้นไม่อยากหน้าแตกออกจอ>
เขาเลือกใบไม้ใบใหม่พยายามดูให้แน่ใจว่ามีใบย่อยๆอยู่ครบ จากนั้นก็เด็ดใบไม้อย่างรวดเร็วแล้วพูดไปด้วยว่า ผมรักฮวางบูอิน, ไม่รัก, รัก, ไม่รัก, รัก...”
เธอตกใจเมื่อได้ยินที่เขาพูด <รักเหรอ... โอ ..ทำไมวันนี้เธอช่างอย่างนี้>
เขาเด็ดใบไม้ใบสุดท้ายอย่างรวดเร็วพร้อมๆกับพูดว่า “ผมรักฮวางบูอิน เห็นมั๊ยฮะ” แล้วหันไปมองเธอด้วยท่าทางมั่นอกมั่นใจ
<ชั้นเดาว่าวันนี้คงเป็นวันดีของชั้นแน่ๆเลย >เธอคิดในใจแล้วอุทานออกมาว่า “โอ พระเจ้า”
”คุณไม่รู้จริงๆฮะ ว่าผมรู้สึกยังไง คำตอบมันออกจะชัดเจนอยุ่แล้ว> เขาคิดในใจแต่ไม่พูดอะไรแล้วหยิบขวดน้ำขึ้นมาดื่ม
”รู้มั้ย ชั้นอิจฉาพวกเธอนะเนี่ย พวกเธอทำให้ชั้นรู้สีกเหมือนกับว่ายังไม่มีแฟน ชั้นอิจฉาพวกเธอจริงๆนะ” โบรัมว่า
ฮวางดบได้ยินแล้วแทบช็อค “เธออิจฉาพวกเราเหรอ ชิลลาง มีคนอิจฉาพวกเราด้วยล่ะ”
เขาคิดในใจ <ทำไมล่ะ มันน่าตกใจขนาดนั้นเลยเหรอ > แล้วหันไปพูดกับโบรัมว่า “พี่ผิดปกติน่ะฮะ”
โบรัมหัวเราะเมื่อได้ยินคำตอบของเขา
ฉากต่อมาคู่ผักกาดถ่ายรูปขี่จักรยานเป็นชุดต่อไปผู้กำกับซึ่งยืนอยู่ห่างๆ บอกสองคนว่า เราจะถ่ายช็อตที่พวกคุณขี่จากทางโน้นมาตรงนี้นะครับ แล้วก็ฃ่วยทำให้ออกมาดูเหมือนคู่รักหวานแหววหน่อยนะครับ
เธอทำหน้านิ่วแล้วตอบไปว่า “ได้ค่ะ”
ส่วนเขาตอบด้วยสีหน้าเย็นชา “ได้ฮะ”
ทั้งสองคนขี่จักรยานมาอย่างเงียบๆจนมาถึงจุดเริ่มต้น ฮวางโบคิดในใจว่า ทำไมเงียบอีกแล้ว..เธอพยายามยิ้มออกมาแล้วพูดกับเขาว่า “เรื่องใบไม้นั่นน่ะ...มันเหลือเชื่อจริงๆเลยนะ...ชั้นว่าพระเจ้าท่านคงช่วยเราเพราะว่าเป็นวันครบรอบ100วันของพวกเราน่ะ”
เขายิ้มแบบมีเลศนัยแต่ไม่พูดอะไรออกมา ในขณะที่เธอมัวแต่หันไปมองเขา ทำให้จักรยานเสียสมดุลเอียงแล้วก็ล้มลง
เขาตกใจเมื่อเห็นจักรยานของเธอล้ม จึงรีบเบรคทันที และถามเธอทันที “เป็นอะไรรึเปล่าฮะ”
เธอรู้สึกอายสุดๆ บอกตัวเองในใจว่า< มีสติหน่อย ฮวางโบ ทำไมทำตัวเหมือนคนปัญญาอ่อนแบบนี้> “ ไม่เป็นไรจ้ะ”
ฮยอนจุงช่วยฉุดมือเธอให้ลุกขึ้นแล้วจ้องหน้าเธอโดยไม่พูดอะไร
เธอพยายามเหลือบตาลงเพื่อหลบสายตาของเขา “ชั้นไม่เป็นไรจริงๆจ้ะ”
จู่ๆเขาก็เปลี่ยนเรื่องพูดขึ้นมาว่า “คุณรู้มั้ยฮะ ว่ามันไม่ใช่เพราะโชคช่วยหรอก”
เธองงว่าเขาพูดถึงอะไร เงยหน้ามองเขาแล้วถามว่า “เธอว่าอะไรนะ”
”ก็ใบไม้ไงฮะ” เขาตอบ
เธอก็ยังไม่เก็ตอยู่ดีจึงถามเขาไปอีกว่า “เธอกำลังจะบอกอะไรเหรอ”
เขาเริ่มอธิบาย...”มันเป็นกฏของธรรมชาติที่จำนวนใบไม้จะเป็นเลขคี่ในก้านใบเดียวกันฮะ มันเรื่องเบสิคมากๆที่เรียนมาตั้งแต่ชั้นประถมในวิทยาศาสตร์ขั้นพื้นฐานไงฮะ”
”โอ...มิน่าล่ะเธอถึง..”<มิน่าล่ะ เธอถึงกล้าพนัน 1 ล้านวอนว่ามันเป็นเลขคี่>
เขาพูดต่อไปว่า “ดังนั้นคำที่จบจะต้องเป็นคำเดียวกับที่พูดตอนแรกฮะ”
”งั้น...เธอก็จงใจทำแบบนั้นใช่มั๊ย”
เขายกจักรยานที่ล้มของเธอขึ้นมาแล้วตอบเธอว่า “ใช่ฮะ~~”
เธอรู้สึกผิดหวังงหน่อยๆ <(ถ้างั้น...มันก็ไม่ใช่เรื่องพิเศษน่ะสิ...เธอก็แค่พยายามจะให้กำลังใจชั้นเท่านั้นเอง>
เขายืนด้วยสีหน้าเรียบเฉย แต่คิดในใจ <ผมรู้ใจของผมเองดี>
”เดี๋ยวก่อนสิ ตอนที่ชั้นพูดน่ะ ชั้นเริ่มด้วยเธอเสียใจ แต่มันจบที่ไม่เสียใจไม่ใช่เหรอ”
เขายิ้มแล้วตอบว่า “อันนั้นน่ะใบมันหายไปใบนึงไงฮะ ผมว่าอาจจะเรียกได้ว่าโชคช่วยก็ได้นะ “ว่าแล้วก็กลับขึ้นไปนั่งบนจักรยาน “ไปกันเถอะฮะ...บูอิน”
เธอเริ่มร่าเริงขึ้นมาพูด” งั้นอย่างน้อยไม่เธอหรือชั้นก็คงโชคดีซินะ ใช่มั้ย”
เขาพูดออกมาดังๆว่า “โชคอะไรกันฮะ โชคช่วยมันสำคัญกว่าหัวใจหรือไงฮะ”
เธอตอบโดยไม่ทันคิดว่า “แน่นอน มันก็ต้องหัวใจสิที่สำคัญ” แต่พอนึกได้ก็ยืนตะลึงหันไปมองหน้าเขาและถาม “เธอหมายความยังไงน่ะ”
ฮยอนจุงตั้งท่าจะถีบจักรยาน ตอบเธอว่า “ไม่รู้เหมือนกันฮะ” แล้วก็ขี่ออกไปพร้อมกับหัวเราะเสียงดัง
เธอได้แต่ยืนงงๆ มองหลังของเขาที่กำลังเริ่มห่างออกไป “เธอหมายความว่ายังไงกันแน่ ที่พูดแบบนั้นน่ะ เฮ้...รอชั้นด้วยสิ”
***************************************************************************
มาถึงช่วงค่ำ สองคนเตรียมตัวสำหรับการถ่ายภาพชุดท้าย ฮวางโบกำลังเปลี่ยนเสื้อเสื้อผ้าอยู่ในห้องแต่งตัว เธอยังคงนั่งครุ่นคิดว่า เขาหมายความว่ายังไง ทำไมถึงใช้คำว่าหัวใจด้วยล่ะ
สไตลลิสต์ที่ช่วยแต่งตัวบอกกับเธอว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้วและบอกให้เธอออกไปถ่ายรูป แต่เธอไม่ตอบยังคงนั่งงอยู่ในภวังค์
“พี่คะ”
หลังจากถูกเรียก จึงได้รู้สึกตัว “หา ว่าไงเหรอ”
”วันนี้คุณเหนื่อยมากเลยใช่มั้ยค่ะเนี่ย” สไตลลิสคนเดิมถาม
เธอยิ้มแล้วตอบออกมา “จ้ะ...คงจะใช่แหละ”
ฮวางโบเดินออกมาจากห้องแล้วมายืนรออยู่ที่หน้าห้องแต่งตัวของฮยอนจุง
เธอคิดในใจว่า ชั้นว่าเราคงกลับมาอึดอัดกันอีกแน่ๆเลย ชั้นจะทำยังไงดีนะ จวนจะหมดวันแล้ว...แต่วันนี้เป็นวันที่สาหัสที่สุดตั้งแต่เริ่มรายการมาเลย” พยายามสลัดความคิดสับสนในหัวออกไปแล้วตะโกนเรียกเขา..”ชิลลาง”
เขาตะโกนตอบมาจากข้างในห้อง “ว่าไงฮะ”
”คราวนี้..ชุดของชั้นจุดเด่นมันจะอยู่ที่ด้านหลังนะ..ชั้นจะยืนหันหลังให้..ตอนเธอเดินออกมาจะได้เห็นมันไงล่ะ” เธอแอบคิดว่า ถ้าลองทำแบบนี้ดู จะได้ไม่ต้องมองหน้าเขา)
“โอเคฮะ” เขาตอบกลับไป<เธอจะมีปฎิกริยายังไงบ้างนะตอนที่เห็นชุดที่ชั้นใส่นี่ เธอจะรู้มั้ยนะ คิดแล้วก็ยิ้มอายๆกับตัวเอง>ผมออกไปได้รึยังฮะ
”ได้เลย” เธอยืนหันหลังรอเขาอยู่ด้วยความประหม่า
เขาเดินออกมาจากห้อง มองไปที่หลังของเธอ คิดในใจว่า <ชุดนี้มันยิ่งเซ็กซี่หนักเข้าไปอีกนะเนี่ย>
พยายามซ่อนความอายถามเขาไปว่า “เธอเห็นหลังของชั้นมั้ย”
เขาตอบไปโดยไม่มีท่าทีตื่นเต้นว่า “ทำไมคุณเอามงกุฎมาใส่ไว้ที่หลังฮะ “
เธอหัวเราะแล้วหันกลับมามองเขา “เธอพูดอะไร” พอเห็นชุดที่เขาใส่เต็มตาก็ยืนตะลึง
ฮยอนจุงยืนใส่หมวกเม็กซิกันที่ซื้อด้วยกันที่ญี่ปุ่น พันผ้าพันคอที่เธอถักให้ แล้วก็ใส่เสื้อกั๊กที่เธอตัดให้เป็นของขวัญวันเกิด
เขาเอามือชี้ไปที่หมวกกับผ้าพันคอ ท่าทางมีความสุข “เห็นนี่มั้ยฮะ”
เธอมองสำรวจเขาทั่วตัวอีกรอบนึงแล้วร้องออกมาว่า “ว้าว..นี่มัน..”
เธอยิ้มจนเห็นฟันตอบเธอว่า “ใช่ฮะ”
เธอรู้สึกประทับใจกับสิ่งที่เขาทำ “นี่เธอใส่พวกนี้....เพื่อชั้นโดยเฉพาะเลยใช่มั้ย”
”ใช่ฮะ” เขาตอบเธอโดยที่หน้ายังนิ่งเหมือนเดิม
พูดอะไรไม่ออก ได้แต่ยิ้มให้เขาโดยไม่พูดอะไร
เขาคิดในใจว่า <หวังว่าตอนนี้คุณจะพอเข้าใจความรู้สึกของผมบ้าง>
หลังจากการถ่ายทำจบลง ทีมงานต่างเก็บข้าวของและเตรียมจะเดินทางกลับ ฮวางโบคิดในใจ <วันนี้เป็นวันที่โหดสุดๆ..ไม่ใช่สิ...มีความสุขที่สุด....บางทีชั้นอาจจะไม่มีวันแบบนี้อีกแล้วล่ะ>
พอเงยหน้าขึ้นมาก็เจอกับสายตาของฮยอนจุงที่จ้องตรงมาจากอีกมุมห้อง เหมือนกับกวางน้อยที่โดนแสงไฟจับ.. เธอไม่สามารถหันหน้าหนีไปจากเขาได้...
ฮยอนจุงจ้องมองเธอท่ามกลางทีมงานที่กำลังเดินไปมาขวักไขว่ คิดในใจว่า <นีมันคือ....แบบนั้นเหรอ สิ่งที่ชั้นพูดกับเธอก่อนหน้านี้ชั้นรู้ตัวหมดทุกอย่างว่าพูดอะไรออกไป หรือนี่มันจะใช่....จริงๆ>
จากสุดมุมห้องอีกด้านนึง เขาค่อยๆยิ้มให้เธออย่างช้าๆ ในขณะที่ยังคงมองเธออยู่ จากนั้นเขาหันหลังกลับเพื่อเดินไปที่รถแวน แต่แล้วก็หยุดชะงักแล้วหันกลับไปมองเธออีกครั้ง เขาคิดในใจว่า <ตกลงความรู้สึกนี่มันคืออะไรกันแน่...หรือว่าเราชอบเธอเข้าแล้ว แล้วมันจะกลายเป็นความรักจริงๆ ได้รึเปล่านะ>
ฮวางโบนั่งมองด้านหลังของเขาที่ห่างออกไปจนลับสายตา จู่ๆเธอก็รู้สึกเจ็บจี๊ดที่หัวใจ พร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว <เธอหมายความว่ายังไงกันแน่...พวกเราทำอะไรกันลงไปนะ..>
โปรดติดตามตอนต่อไป ตอนที่ 23 - นกกระดาษคือตัวแทนความรักนิรันดร์ของผม
Create Date : 23 เมษายน 2553 |
|
15 comments |
Last Update : 23 เมษายน 2553 22:04:40 น. |
Counter : 1479 Pageviews. |
|
|
|
พอดีเสริชเรื่อยๆมาเอบล็อคนี้เมื่อครู่
กรี๊ดกร๊าดมากมาย เพิ่งอ่านตอน21จบไปมะก้ไม่คิดว่าจะอัพเร็วขนาดนี้
ฮ่าๆๆ กดดูเรื่องอื่นอยู่พอกดกลับมาอ้าวตอน22มาแล้วเหรอนี่
ชอบมากมายเลยคะ
เรื่องนี้แปลมาอีกทีเหรอคะ
อยากคุยด้วยมากกว่านี้จังเลยคะ ชอบคู่นี้มากๆ
อีเมลนะคะ
to_you_t@hotmail.com
ขอบคุณที่แปลให้มานั่งกรี๊ดนั่งอ่านกันนะคะ