Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2554
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728 
 
4 กุมภาพันธ์ 2554
 
All Blogs
 
ตอนที่ 134 - ฟ้าหลังฝนย่อมดีกว่าเสมอ

ในห้องส่วนตัวที่คลับบาร์แห่งหนึ่ง

ฮยอนจุงในที่สุดก็สามารถกำจัดความรู้สึกอึดอัดออกไปได้แล้วในตอนนี้ ส่งยิ้มเขินๆให้กับเรน



ฮวางโบแกล้งแซวคุณสามีทันทีว่า “นี่เธอชอบรุ่นพี่เรนมากขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?”

ชายหนุ่มยิ้มแย้มอย่างมีความสุขพร้อมกับตอบไปว่า “หลักฐานชัดขนาดนี้ ยังต้องถามอีกเหรอฮะ?”



ส่วน เรนนั่งส่ายหน้าบ่นพึมพำเบาๆว่า “นาย...ทำให้ชั้นเสียเซลฟ์ไปเยอะเลยนะวันนี้...ชั้นหน่ะ ไม่เคยต้องพยายามอะไรมากอย่างนี้มาก่อนเลยอ่ะ...”



พอได้ยิน รุ่นพี่พูดเช่นนั้น ฮยอนจุงเริ่มมีสีหน้ากังวลและรีบอธิบายว่า “คือผม...มักจะเป็นแบบนั้นอยู่แล้วฮะ...ดังนั้นผมจะไม่ค่อยรู้สึกสบายใจเท่า ไหร่นัก..เวลาที่ต้องไปเจอคนที่ไม่รู้จักมาก่อน...แล้วผมก็กลัวว่าตัวเองอาจ จะไปทำร้ายความรู้สึกของใครบางคนเข้าโดยไม่ตั้งใจ...ดังนั้น...”



”ไม่ เป็นไรหรอกน่ะ...ในชีวิตจริง...ถ้านายได้บางสิ่งบางอย่างมาง่ายจนเกิน ไป....แบบนั้นมันก็คงดูไม่น่าสนใจเท่าไหร่นัก...ใช่ป่ะ?”ไอดอลรุ่นพี่ตอบ


ฮยอนจุงพยักหน้าเห็นด้วยพร้อมกับตอบไปว่า “ใช่เลยฮะ”



”ฮ่าฮ่าฮ่า”เรนหัวเราะชอบใจ....


ระหว่างที่สองหนุ่มกำลังคุยกันออกรสอยู่นั้น ฮวางโบก็ก้มลงนาฬิกาข้อมือของเธอ...

เรนเห็นเข้าจึงหันมาถามทันทีว่า “พี่จะรีบกลับแล้วหรือฮะ? อารัยกัน เมื่อก่อนนี้..พี่อยู่ได้ตลอดทั้งคืน ไม่ไล่ไม่เลิกนี่นา...“


หญิงสาวเหวี่ยงสายตาใส่รุ่นน้องพร้อมกับโวยทันที “นี่เธอ..ชั้นไปทำอย่างนั้นเมื่อไหร่กัน?”


คุณสามีได้แต่นั่งหน้านิ่งเก็บข้อมูลอยู่เงียบๆโดยไม่พูดอะไร...


”แหม...ถ้าพี่เต้นรำอยู่ที่คลับจนถึงตีสาม...แบบนั้นจะเรียกว่า “อยู่ทั้งคืน”ไม่ได้หรือฮะ?”


ฮยอนจุงเริ่มนิ่งแต่ใจคิดไปถึงไหนต่อไหนแล้ว.. (สองคนนี้เขาพูดอะไรกันน่ะ > <)



”แบบ นั้น เธอจะเรียกว่า “อยู่ทั้งคืน”ไม่ได้น่ะ เพราะว่าชั้นหน่ะ กลับบ้านก่อนพระอาทิตย์ขึ้น แล้วก็ไม่เคยไปค้างคืนที่ไหนด้วยย่ะ”ฮวางโบแย้งทันที


หนุ่มเรนก้มลงดูนาฬิกาของเขาแล้วพูดเปรยๆว่า “แต่นี่มันยังไม่ทันจะตี 1 เลยนะ...?”
ฮยางโบนั่งงง ส่วนคุณสามียิ่งเงียบกว่า แต่สายตาของเขานั้นกลับเต็มไปด้วยคำถาม...

เมื่อเห็นท่าทางของฮยอนจุง เรนก็เริ่มรู้สึกตัวรีบบอกทันทีว่า “โอ! โทษทีนะ...สงสัยชั้นจะพูดมากเกินไปหน่อยแล้วล่ะ...”



ฮยอนจุงกระพริบตาปริบๆก่อนจะตอบกลับไปอย่างช้าๆว่า “ไม่เป็นไรหรอกฮะ”


ส่วนฮวางโบได้แต่แอบชำเลืองสังเกตอาการคุณสามีเงียบๆ...

ฮยอน จุงยังพูดต่อไปอีกว่า “นั่นมันเป็นเรื่องในอดีตไปแล้ว...เพราะตอนนี้เธอก็กลายเป็นเด็กดี ประพฤติตัวอยู่ในระเบียบพอสมควรแล้วล่ะฮะ”

”หุหุ”เจอประโยคนี้เข้าไปเรนถึงกับก้มหน้าหัวเราะคิกๆ...

แต่แล้วฮยอนจุงก็ถอนหายใจออกมาแรงๆ “เฮ้อ~~~”



เธอเริ่มกังวลกับอาการคุณสามี หันหน้าหนีไปทางพร้อมกับคิดในใจว่า “พระเจ้า สถานการณ์ตอนนี้มันชักจะแปลกๆยังไงก็ไม่รู้อ่ะ...!”



แต่หนุ่มเรนกลับพูดยิ้มๆว่า “สถานการณ์ในตอนนี้...มันช่างดูตลกสุดๆเลยอ่ะ สำหรับคนที่ดูอยู่ข้างเวทีนะ”


หญิงสาวจิกสายตาใส่คนพูดแล้วบอกทันทีว่า “พอได้แล้ว หยุดพุดไปเลยน่ะ”


หนุ่มเรนยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะหัวเราะชอบใจ “ฮ่า ฮ่า ฮ่า....”


ในขณะที่ฮยอนจุงยังมีท่าทางไม่ค่อยสบายใจถอนหายใจออกมาแรงๆอีกรอบ “เฮ้อออ~~~”...


หญิงสาวหันหน้าไปถามคุณสามีทันทีว่า. “ฮยอนจุง เธอเป็นไรรึเปล่า?”


เขาพยายามทำท่าชิลๆเพื่อกลบเกลื่อนอาการอึดอัดของเขาแต่ดูจะไม่ประสบผลสำเร็จเท่าไหร่ “ไม่มีอะไรฮะ..ผมโอเคดี”


คนดูอย่างเรนได้แต่นั่งขำรุ่นน้อง “ฮ่าฮ่าฮ่า..ดูไม่ออกเลยนะเนี่ย หุหุ”.

ระหว่างนั้นเองเสียงโทรศัพท์มือถือของฮยอนจุงก็ดังขึ้น



ชายหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะค้อมตัวลงนิดๆให้กับรุ่นพี่พร้อมกับพูดเป็นเชิงขออนุญาตว่า “ขอโทษนะฮะ ผมขอรับโทรศัพทแป๊บน่ะฮะ”

หนุ่มเรนผายมือเชิญ ”ตามสบายเลยนะ ไม่มีปัญหา”


ฮยอน จุงหันกลับมาพูดสาย “ใช่ฮะ ผมคิมฮยอนจุงพูด...ฮะ..ที่นี่เหรอ? ตอนนี้ผมอยู่ที่ไหน? อืมม..ขอโทษด้วยฮะ..คือผมไม่ค่อยรู้จักสถานที่นี้ซักเท่าไหร่...รอแป๊บนึงนะ ฮะ”เขาหันไปถามเรนว่า “ร้านนี้มันอยู่แถวไหนหรือฮะ?”



”ที่นี่เหรอ? แถว ชินซา-ดง ติดกับสีลมซอย 4หน่ะ”

ฮยอน จุงค้อมศีรษะให้รุ่นพี่พร้อมกับพูด “ขอบคุณฮะ”ก่อนจะกลับไปพูดกับคนในสายต่อ “ผมอยู่ตรงชินซา-ดง..ใช่ฮะ...อืมมม...ผมอยู่กับรุ่นพี่เรน...ใช่ฮะ เรน นั่นแหละฮะ...”



”ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า”เสียงหัวเราะของคนหัวข้อสนทนาดังแทรกขึ้นมา


ส่วนฮวางโบรีบยกมือขึ้นมาปิดปากแต่ก็ยังมีเสียงหัวเราะหลุดลอดออกมา “หุหุ”


ชายหนุ่มยังพูดต่อไปว่า “ผมไม่ได้แกล้งอำนะ ใช่ฮะ...พี่อยากจะคุยกับเขามั้ยล่ะ?” เขาหันไปพูดกับเรน “พี่ฮะ...ขอรบกวนหน่อยนะฮะ...?”



หนุ่มเรนเริ่มงง “หืมม?”


ฮยอนจุงยิ้มเจื่อนๆก่อนจะพูดต่อไปว่า “พี่ผู้จัดการของผมเขาไม่ยอมเชื่อ...ดังนั้น..”เขายื่นโทรศัพท์ให้เรน “ช่วยกรุณาด้วยฮะ”


เรนรับโทรศัพท์มาอย่างงงๆ ก่อนจะพูดกับคนที่ปลายสายว่า “สวัสดีครับ ผมจองจีฮุนตัวจริงเสียงจริงพูดครับ”


ผู้จัดการพูดตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ดูตื่นเต้นว่า “โอ นี่คุณคือจองจีฮุน-ชิจริงๆหรือครับ?”


”ใช่ครับ?”


”ทำไมถึงได้....?”ผู้จัดการถึงกับเริ่มอึ้งเพราะไม่คาดคิดว่าจะได้คุยกับเรน


”ว่าไงนะฮะ?”


”เอ่อ...ทำไมคุณถึงอยู่กับฮยอนจุงได้ล่ะครับ?”ผู้จัดการถามเสียงตะกุกตะกัก


ตี๋เรนตอบ ”พวกเราก็แค่...มาทานมื้อค่ำแล้วก็มาดื่มต่อด้วยกัน...ทำไม เราทำแบบนั้นไม่ได้หรือครับ?”


”อา...ได้สิครับ..ขอโทษนะครับ...ช่วยบอกอีกครั้งได้มั้ยครับว่าคุณอยู่ที่ไหน?”



”ทำไมล่ะครับ?”


”เอ่อ...คือผมต้องไปขับรถไปรับฮยอนจุง ดังนั้น...”



ได้ยินคำตอบอย่างนั้น เรนจึงบอกผู้จัดการจอมจุ้นของฮยอนจุงไป “พวกเราอยู่ที่ #$%^&*#$%^.”
.
********************************************
หลังจากพูดโทรศัพท์เสร็จ เรนก็ถามฮยอนจุงทันทีว่า “นี่นายยัง...มีคนมาคอยจัดการสั่งให้ทำโน่นทำนี่ด้วยเหรอ?”



”ฮะ...ก็ประมาณนึง”


”อืมม ชั้นมั่นใจว่าคนของบริษัทฯนาย เขารู้ตัวว่ากำลังทำอะไรอยู่นะ”


ฮวางโบนั่งฟังเงียบๆแต่สีหน้าดูหดหู่...


”พี่ฮะ แล้วตอนที่พี่อายุเท่าผม เป็นยังไงบ้างฮะ?”


”ชั้นเหรอ? น่าจะพูดได้ว่าสิงสถิตย์อยู่แต่ในห้องซ้อมในสตูดิโอเกือบตลอดดีกว่านะ”


”ตอนนี้เธอก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่นี่นา”เสียงฮวางโบพูดแทรกขึ้นมา


เรนแย้งกลับทันทีว่า “แต่...ตอนนี้...มันแตกต่างไปจากสมัยนั้นนะฮะ”


”แตกต่างยังไงหรือฮะ?” หนุ่มรุ่นน้องถามด้วยความสนใจ


”ก็ ตอนนี้...ชั้นมีบริษัทเป็นของตัวเองแล้ว...ชั้นสามารถจะเลือกโปรเจคต่างๆที่ อยากจะทำด้วยตัวเองได้ และชั้นก็สามารถจัดการเรื่องต่างๆเอง...แต่ก็อ่ะนะ..เดี๋ยวนี้ชั้นยุ่งกว่า แต่ก่อนมากเลย”

ฮยอนจุงถอนหายใจเบาๆก่อนพูดว่า “ถ้างั้น...สมัยก่อนพี่เองก็ถูกบริษัทบริหารจัดการคอยสั่งให้ทำโน่นทำนี่เหมือนกันสิน่ะ?”



”แน่ นอนอยู่แล้ว...แต่ว่า ชั้นมันเป็นคนประเภท...ชอบลงมือทำก่อนที่จะถูกสั่งด้วยซ้ำไป...ดังนั้น..” <ถึงไม่เคยมีเรื่องแบบนายตอนนี้ไง)...พูดถึงตรงนี้หนุ่มรุ่นพี่ก็หยุด หัวเราะคิกๆออกมา


ฮวางโบพูดเสริมขึ้นมาว่า “นั่นมันเรื่องจริงทีเดียวล่ะ”


”สมัย นั้น ชั้นหน่ะเหมือนกับคนที่สิ้นหวัง...ยอมทำทุกอย่าง...ในตอนนั้นชั้นคิดว่ามัน ไม่มีทางเลือกอื่นในการใช้ชีวิตนอกเหนือไปจากนั้น...ชั้นคิดว่าตัวเองก็ เสียใจอยู่หน่อยๆเหมือนกันที่ไม่ได้เหลือที่ว่างสำหรับเรื่องอื่นๆเลย นอกจากงานๆๆๆ”



”ผมต้องการที่จะรู้สึกสนุกสนานไปด้วยในขณะที่ ทำงาน...สิ่งที่ผมไม่ชอบมากที่สุดก็คือ การถูกบังคับ ออกคำสั่งให้ทำบางสิ่งบางอย่างที่ผมไม่ต้องการจะทำ...”ฮยอนจุงขอแชร์ความคิด เห็นบ้าง

”ถ้างั้น...ตลอดเวลาที่ผ่านมา นายใช้ชีวิตแบบที่ทำเฉพาะในสิ่งที่นายอยากจะทำอย่างนั้นเหรอ?”



”ไม่ใช่หรอกฮะ...บางครั้ง ผมก็ทำในสิ่งที่ผมเกลียด เพื่อที่ว่าผมจะได้สามารถทำบางอย่างที่ผมต้องการจะทำจริงๆ”ฮยอนจุงตอบ


เรนหันไปมองหน้ารุ่นน้องอย่างพินิจพิจารณาก่อนถามต่อไปว่า “อย่างเช่นอะไรเหรอ?”


”ผมต้องทำงานหาเงินให้ได้เยอะๆ...ดังนั้นผมจึงทำทุกอย่างที่ผมสามารถจะทำได้...”



.เรนเอียงคอไปมาแล้วถามต่อไปว่า...”เมื่อไหร่กัน?”


”หลังจากที่ผมออกจากโรงเรียนตอนม.ปลายฮะ...”


หนุ่มรุ่นพี่เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยิน “นายออกจากโรงเรียนตอนม.ปลายเหรอ?”


”ใช่ฮะ”


”ชั้นไม่เคยรู้มาก่อนเลยนะเนี่ย”


”พี่เชื่อมั้ยล่ะฮะ...ว่าผมน่ะเคยมีอดีตช่วงที่มืดมนมาก่อน...”


หัวเราะด้วยความเซอร์ไพรส์สุดๆ “ว้าว จริงอ่ะ?...แต่ทำไมนายถึงได้ออกจากโรงเรียนล่ะ?”

”ผม ไม่สามารถจะหาความหมายของการเรียนในโรงเรียน...สิ่งที่ผมต้องการจะทำ...ไม่ ได้เกี่ยวข้องอะไรแม้แต่น้อยกับสิ่งที่ผมเรียนที่โรงเรียน..”.


”แล้วนายอยากจะทำอะไรล่ะ?”


”เล่นกีตาร์เบสฮะ ตอนนั้นผมอยากเล่นในวงดนตรี”


”โอ ชั้นเคยเห็นนายเล่นกีตาร์แล้วล่ะ! ได้ยินมาด้วยว่านายฝีไม้ลายมือไม่เบาทีเดียว...“


”ตอน นั้น ผมคิดว่าสิ่งที่เรียนมาจนจบม.ต้น มันเพียงพอแล้วกับการจะไปเล่นดนตรีอยู่ในวง ผมจึงออกจากโรงเรียนเพื่อที่ว่าจะได้มีเวลาฝึกซ้อมเล่นดนตรีมากขึ้น”

”แล้ว..ตกลงนายได้ตั้งวงขึ้นมามั้ยอ่ะ?”


”ผม ไปรวมตัวกับเพื่อนๆแล้วตั้งวงขึ้นมา ก็ไปได้ดีพอควรแต่ว่าผมต้องอะไรอย่างอื่นอีกหลายอย่างไปด้วยเพราะว่าแค่วง ดนตรีอย่างเดียวมันไม่พอกินน่ะฮะ...”



”แล้วพ่อแม่ของนายล่ะ?”


”พ่อแม่ผมหรือฮะ?”



เรนถามด้วย”พวกท่านไม่ได้ว่าอะไรเกี่ยวกับการใช้ชีวิตของนายในตอนนั้นเลยเหรอ?”



”พวก ท่านคงจะรู้สึกผิดหวัง...แต่ว่าท่านก็ไม่ใช่เป็นแบบที่ชอบบังคับฝืนใจลูกน่ะ ฮะ..ผมช่วยออกค่าใช้จ่ายในส่วนของผมให้ท่านด้วย...เพราะว่าไม่ชอบที่จะต้อง คอยพึ่งพาคนอื่น...มีอยู่ช่วงนึงที่ผมไม่มีเงินพอสำหรับค่าใช้จ่าย..ผมก็ เลยออกมาจากบ้าน...”


”.ชั้นเดาว่า เราคงไม่สามารถจะบอกได้เลยว่าหนังสือเล่มนี้เป็นยังไงเพียงแค่การมองจากหน้า ปกของมัน...ดูจากหน้า (หล่อๆดูไร้เดียงสา) ของนายเพียงอย่างเดียว ชั้นคงไม่มีทางจินตนาการได้ว่านายจะเคยมีอดีตแบบที่นายเล่ามา...”


”จริงๆแล้ว ถ้าพี่ลองมองหน้าผมให้ดีๆ...พี่จะเห็นว่ามันผ่านเรื่องบู๊มาเยอะพอควรเลยล่ะฮะ"


ว่าแล้วเขาก็เอานิ้วชี้รอยแผลเป็นจางๆที่บริเวณใต้ตาซ้ายแล้วพูดต่อไปว่า " เห็นนี่มั้ยฮะ? เป็นรอยที่ระลึกจากคมมีด”

เรนมองสำรวจใบหน้าของฮยอนจุงอย่างพินิจพิจารณาก่อนจะร้องออกมา “ว้าว นี่มันไม่เบาเลยนะเนี่ย”


”ที่ผ่านมาผมเล่นหนัก...แล้วก็เจ็บตัวมาหนักเอาการเหมือนกันฮะ...”


เรนได้นั่งหัวเราะคิกออกมาขณะที่ฟัง...

”ผม เคยคิดว่าตัวเองได้ใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดเท่าที่ผมสามารถจะทำได้...แต่เมื่อ ผมได้เห็นพี่...ผมก็เริ่มสงสัยว่าผู้ชายคนนึงจะสามารถดำเนินชีวิตก้าวไปข้าง หน้าได้ไกลซักแค่ไหน...”


”จริงๆน่ะเหรอ?”


”ฮะ..ผมได้ใช้ชีวิตอย่างดีที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้เพื่อให้ได้ทำในสิ่งผมต้องการ...แล้วพี่ล่ะฮะ?”



หนุ่มเรนยิ้มกว้างก่อนจะตอบไปว่า “นายยังคงใช้ชีวิตเพื่อทำในสิ่งที่เธอต้องการอยู่รึเปล่า?”


”บางที...ผมคงต้องการในสิ่งที่ผมต้องการจะทำจริงๆ..ผมกำลังใช้ชิวิตในตอนนี้เพื่อสิ่งนั้นอยู่.”


หนุ่ม เรนเงยหน้าถอนหายใจออกมาเบาๆพร้อมกับพูดว่า...”การทำในสิ่งที่ชั้นต้องการ น่ะเหรอ...สำหรับชั้น...พูดง่ายๆเลยก็คือ...ฃั้นชอบการเต้นเหมือนกับที่นาย ชอลเล่นกีตาร์...ชั้นอยากจะพูดสื่อสารกับทุกๆคนผ่านทางการเต้นของชั้น... ชั้นไม่รู้วิธีอื่นที่ดีกว่านี้ที่จะพูดกับพวกเขา...ชั้นได้แสดงให้เห็นตัว ตนของชั้นต่อคนทั่วโลกผ่านทางการเต้นของชั้น...ชั้นได้เล่าเรื่องราวของตัว เองโดยการเต้น...”


”บางที อาจจะเป็นเพราะว่านั่นคือสิ่งเดียวที่ชั้นสามารถทำได้ดี....”


ฮยอนจุงว่า “แต่ว่าการแสดงของพี่ก็ถือว่าอยู่ในระดับดีด้วยเหมือนกันนี่ฮะ”

”การ แสดงน่ะเหรอ? อืมม ชั้นก็ชอบนะ...แต่ว่าชั้นไม่รู้สึกมั่นใจเท่ากับการเต้นหรอก...สำหรับ ชั้น...มันก็คือการเต้นอย่างนึงด้วย...ไม่ใช่สิ...การเต้นก็คือการแสดงอย่าง นึง”


”………………………….”


”ใช่แล้วล่ะ...ในความคิดของชั้น ...การเต้นก็คือการแสดง และการแสดงก็คือการเต้นด้วย และนั่นก็คือวิธีที่ชั้นสื่อสารกับคนอื่นๆในโลกนี้”


”………………………….”



”ชั้นเคยต้องการบอกเล่าเรื่องราวของชั้นโดยใช้สิ่งที่ชั้นสามารถทำมันได้ดี....”


”แล้วสำหรับตอนนี้ล่ะฮะ?”


”ตอน นี้? มันก็ไม่ได้ต่างไปจากเดิมหรอกนะ...แต่ชั้นเดาว่าโลกมันคงจะกว้างใหญ่มากขึ้น รึเปล่า...? ตอนที่ชั้นยังเป็นเด็กเล็กๆ...โลกของชั้นก็มีเพียงแค่เพื่อนร่วมชั้น...และ เมื่อชั้นโตขึ้น...มันก็เปลี่ยนมาเป็นโรงเรียนของชั้น...แล้วก็กลายมาเป็นคน เกาหลีทั้งประเทศ...และตอนนี้...ชั้นกำลังพยายามจะทำให้โลกทั้งใบนี้เป็นโลก ของชั้น...”


”นั่นมันจะไม่หนักเกินไปหน่อยหรือฮะ?”


เรนหัวเราะออกมาก่อนจะตอบไปว่า “แน่นอนสิ นายคิดว่าชั้นเป็นซุปเปอร์แมนรึไงกัน? บางครั้ง...ก็มีที่ชั้นร้องไห้กับตัวเอง...”



หนุ่มรุ่นน้องถามยิ้มๆกลับไปว่า “พี่ทำอย่างนั้นด้วยหรือฮะ?”


”มัน ก็คงจะดีไม่น้อยถ้าเรื่องต่างๆมันสนุกได้โดยไม่ต้องผ่านความยากลำบาก...แต่ ก็อ่ะนะ...ชั้นก็สงสัยอยู่ว่ามันจะเป็นเรื่องที่น่าพึงพอใจรึเปล่า...”


”ใช่ฮะ...ผมเองก็เป็นคนที่ไม่ชอบการต่อสู้แย่งชิง...แต่ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องที่น่าพึงพอใจอย่างยิ่งที่จะชนะอะไรบางอย่าง”


”ชั้นคิดว่าการใช้ชีวิตก็เป็นละครเรื่องยาวของการต้อสู้แบบนึงนะ”


”ผมแค่...ต้องการจะต่อสู้กับตัวเองเท่านั้น”้


”หา?”


ฮยอน จุงหันไปกระดกเหล้า”ผมต้องการต่อสู้กับความปรารถนาของตัวเอง...ที่จะล้ม เลิก...วิ่งหนี...หรือว่าทำเพิกเฉย...เพื่อที่ว่าผมจะสามารถได้ในสิ่งที่ผม ต้องการจริงๆ”

เรนจ้องมองหนุ่มรุ่นน้องด้วยความทึ่งอยู่เงียบๆ


ฮยอนจุงส่งยิ้มให้รุ่นพี่ก่อนจะถามต่อไปว่า “พี่ก็เป็นอย่างนั้นเหมือนกันรึเปล่าฮะ? พี่กำลังต่อสู้กับตัวเองอยู่รึเปล่า?”



เรนตอบยิ้มๆว่า “ใช่เลย...ชั้นกำลังต่อสู้กับตัวเอง...อืมม..แล้วนี่เรื่องการตั้งวงดนตรียังคงเป็นความฝันของนายอยู่รึเปล่า?”



”ฮะ วงที่เป็นของผมเอง วงที่ผมสามารถจะเล่นดนตรีในแบบที่ไม่มีใครสามารถมาก้าวก่ายชี้นิ้วสั่งได้...”



เรนพยักหน้าพร้อมกับพูดว่า “ใช่เลย...ซักวันนึงนายต้องได้ทำอย่างนั้นแน่ๆ”


”แต่จนกว่าจะถึงวันนั้น...ผมก็กำลังพยายามจะสนุกกับสิ่งที่ผมกำลังทำอยู่ในตอนนี้ เพราะว่าผมไม่ต้องการจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก.”


”นายหมายถึงวงของนายน่ะเหรอ?”


”ใช่ ฮะ..ถึงแม้ผมจะได้เรีบนรู้การเต้นอย่างไม่ได้ตั้งใจ...ผมก็กำลังพยายามสนุก ไปกับมันและทำอย่างดีที่สุด...เช่นเดียวการการร้องเพลง...เพราะว่ามันจะเป็น เรื่องยากที่จะสนุกไปกับสิ่งที่ผมทำมันไม่ได้ดี ดังนั้น....”



”ว้า ว...คืนนี้ชั้นรู้สึกเหมือนกับว่าเป็นฝ่ายที่ได้เรียนรู้อะไรดีๆนะ...นายรู้ ตัวดีว่าความต้องการของตัวเองคืออะไร ขนาดนั้นเลย?” หนุ่มเรนหันหน้าไปถามฮวางโบ “สมัยที่ผมอายุเท่านี้ ผมเป็นคนที่ชัดเจนขนาดนี้มั้ยอ่ะ?”


หญิงสาวพ่นลมหายใจออกมาก่อน ตอบไปว่า “มันก็คงจะดีถ้าเธอเป็นแบบนั้น...แต่ถึงแม้ว่าเธอจะไม่รู้ความต้องการตัวเอง ชัดเจน...สิ่งที่เธอทำมาได้จนถึงตอนนี้มันก็มากไปกว่านั้นหลายเท่าตัวแล้ว ล่ะ”


เรนส่ายหน้าพร้อมกับปฎิเสธว่า “ไม่ฮะ ไม่ว่าผลลัพธ์มันจะออกมาดีขนาดไหนก็ตาม...ผมก็มีเพียงแค่ความรู้สึกสิ้น หวัง...ผมได้รับเพียงแค่ผลลัพธ์ที่ออกมาแต่ไม่เคยมีความทรงจำที่ดีกับช่วง เวลาเหล่านั้นเลย”.พูดจบก็ยิ้มอย่างขมขื่นออกมา

”มันยากที่บอกว่าแบบ ไหนเป็นวิถีทางที่ถูกต้อง...สำหรับชั้นแล้ว...ชั้นคิดว่าเธอทั้งคู่กำลังทำ ในสิ่งที่ดีที่สุดบนหนทางที่แต่ละคนได้เลือกมันแล้ว”


ฮยอนจุงหันมายิ้มอย่างอบอุ่นให้กับภรรยาสุดที่รักหลังจากเธอพูดจบ....
ส่วนหนุ่มเรนกลับเอ่ยปากเรียก. “พี่ฮะ”


”ว่าไงเหรอ?” ฮวางโบขานรับ


เรนพยักหน้าน้อยๆแล้วพูดออกมาช้าๆว่า “ผมคงจะตกหลุมด้วยเหมือนกันอ่ะ”


”……?” ฮวางโบทำหน้างงไม่รับมุข...?


”ถ้า เกิดผมเป็นผู้หญิง...ผมก็คงจะตกหลุมรักฮยอนจุงเหมือนกัน อายุที่แตกต่างกันน่ะเหรอ? มันเรื่องจิ๊บๆ อ้ากสสสส์ ผมล่ะอิจฉาพี่จริงๆนะเนี่ยยยย....“


ฮยอนจุงเมื่อได้ยินก็ยิ้มเขินๆแล้วพูดว่า “ใช่มั้ยล่ะฮะ?”


หญิงสาวอุทานออกมาเมื่อได้ยินคุณสามี “พระเจ้า “ใช่มั้ย” อะไรของเธอกันเนี่ย? …ฮ่าฮ่าฮ่า”




โปรดติดตาม คู่รักผักกาดหอม รีมิกซ์ตอนต่อไป

สวัสดีปีใหม่ทุกคน คิดหวังสิ่งใดสมความปรารถนาตลอดปีกระต่ายทองน่ะคt


ยาย(นาจา)-:



Create Date : 04 กุมภาพันธ์ 2554
Last Update : 4 กุมภาพันธ์ 2554 16:50:18 น. 0 comments
Counter : 806 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

อุคจ๋านาจาไทยแลนด์
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 10 คน [?]




"ห้ามนำไปเผยแพร่ต่อที่อื่น นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล๊อคก่อนเท่านั้น"

:: Online User
Friends' blogs
[Add อุคจ๋านาจาไทยแลนด์'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.