|
| 1 | 2 | 3 | 4 |
5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 | 11 |
12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 | 18 |
19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 | 25 |
26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
ตอนที่ 126 - เพราะรักจึงทำได้ทุกอย่าง
***ฟิค <แปล> เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผู้เขียนแต่งขึ้น เพื่อความรักของคนทั้งสองเท่านั้น หาได้มีเจตนาอื่นหรือไม่ จึงขอให้อ่านด้วยความบันเทิง และเชื่อมั่นในรักของพวกเขาด้วย****
เช้าวันต่อมาที่ห้องพักของฮวางโบ เธอกำลังเป่าผมให้คุณสามีอยู่ในห้องน้ำ
ระหว่างนั้นฮยอนจุงถามขึ้นมาว่า “คุณอยากลงไปข้างล่างด้วยกันมั้ยฮะ?”
เธอรีบส่ายหน้าพร้อมกับตอบว่า.”ชั้นขอผ่านดีกว่าจ้ะ”
ฮยอนจุงมองหน้าเธอผ่านกระจกเงาที่อยู่ตรงหน้า “แล้วคุณจะทำอะไรล่ะฮะ?”
“ชั้นก็ว่าจะไปโน่นนิดนี่หน่อยให้มันหมดวันน่ะจ๊ะ”เธอตอบพร้อมกับจับผมของเขาให้เข้ารูป...
“...................”.
เธอ ไม่อยากจะแสดงตัวให้ใครเห็นซักเท่าไหร่ เพราะเธอรู้ดีว่า หากเรื่องของเธอถูกเปิดเผย ฮยอนจุงคงต้องตกที่นั่งลำบาก และไม่ใช่กระทบเขาคนเดียว แต่นั่นหมายถึงสมาชิกในวงด้วย “แล้วพวกบรรดาสื่อมวลชน จะมากันกี่โมงเหรอ?”
“หา คุณว่ารัยน่ะ?”
“ชั้น คิดว่ามันคงจะดีกว่านี้ ถ้าชั้นหลบๆไม่ให้คนเห็นหน้าเห็นตา ในระหว่างที่พวกนักข่าวไปรอทำข่าวเธออยู่ที่นั่นอ่ะ เธอเห็นด้วยกับชั้นไม้”
จู่ๆเขาก็โพล่งขึ้นมา “มาที่งานคอนเสิร์ตทั้ง 2 รอบเลยนะฮะ”
“เธอว่าไงน่ะ นี่พวกเขาจะมาทั้ง 2 รอบเลยเหรอ?”
“...ไม่ใช่ฮ่ะ..ผมหมายถึงว่า ผมอยากให้คุณไปดูผมทั้ง 2 รอบ”
เธอชะงักไปครู่นึงเมื่อได้ยิน...<แค่รอบเดียว ชั้นจะรอดหรือเปล่า ยังไม่รู้เลย>
เขา มองหน้าเธอแล้วพูดต่อไปว่า...”จำได้มั้ยที่ผมเคยบอกคุณก่อนหน้านี้? ว่าผมอยากจะใช้เวลาอยู่ด้วยกันกับคุณตลอดเวลา...ดังนั้นตอนนี้ ผมก็อยากให้คนอื่นๆได้ชินกับการที่เห็นเราอยู่ด้วยกันฮ่ะ โดยเริ่มตั้งแต่วันนี้เลย.”
คำพูดของเขาทำให้เธอถคึงกับจุกจนพูดไม่ออก “.........................”
“ไม่ มีเหตุผลที่เราต้องคอยระมัดระวัง...ไม่มีความจำเป็นอะไรเลยที่เราต้องคอย ระวังตัวแจตลอดเวลา คนพวกนั้นคอยแต่จะยุ่งเรื่องของคนอื่น ขุดคุ้ยเรื่องของคนอื่นทั้งๆที่ศิลปินบางครั้งก็อยากมีเวลาเป็นส่วนตัวบ้าง มันไม่แฟร์เลยน่ะฮะ ในเมื่อเราให้ความสุขพวกเขา แต่ทำไมพวกเขาถึงคืนความสุขให้เราไม่ได้ ทั้งๆที่เราก็ไม่ได้ขออะไรมากเลย แค่ขอความเป็นส่วนตัว ให้เราได้ทำตามใจปรารถนาบ้าง ก็เท่านั้น”
หญิงสาวรู้สึกประทับใจกับสิ่งที่เขาพูดแต่ก็นิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไรไป...
“...บู อิน ถ้าคุณมัวแต่หลบๆซ่อนๆ...และพยายามจะปกปิดมันเอาไว้...มันก็เหมือนว่าเรา กำลังยอมรับว่าสิ่งที่พวกเราทำกันนั้นเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ซึ่งความจริงแล้วไม่ใช่แบบนั้นซ่ะหน่อย คุณเห็นด้วยกับผมมั๊ย”
เธอนั่งฟังคุณสามีไปยิ้มไป...
“ดังนั้น...เรามาอยู่ด้วยกันให้มากที่สุดเท่าที่เราจะทำได้เถอะฮะ...ผมขอร้อง...”
ฮวางโบจ้องมองชายหนุ่มด้วยสายตาที่ดูสงบเยือกเย็นอยู่ครู่นึง..ก่อนจะไดร์ผมให้เขาต่อไปเงียบๆ
ความคิดความในใจของเธอบางอย่างไม่สามารถบอกออกมาได้ คงได้แต่สื่อด้วยความรู้สึกของใจผ่านทางสายตา
[ฮยอนจุง ชั้นจะไม่รักเธอได้ยังไงกัน...? ในเมื่อธอเป็นคนที่เข้มแข็งขนาดนี้...ชั้นจะไม่เชื่อใจเธอ...ผู้ซึ่งสามารถมองทะลุปรุโปร่งไปถึงต้นตอของปัญหาได้อย่างไร...
คน ที่ไม่รู้จักเธอดี...อาจจะพูดว่า เธอยังดูเหมือนเด็กไม่ประสีประสา...และยังไม่รู้เรื่องรู้ราวเกี่ยวกับโลก แห่งความเป็นจริง เพราะว่าเธอยังติดอยู่ในดินแดนแห่งความฝันอย่าง “เนเวอร์แลนด์” …แต่ สำหรับชั้นแล้ว...เธอคือปีเตอร์แพนที่มีความฉลาดเฉลียวยิ่งกว่าผู้ใหญ่เต็ม ตัว...ผู้ซึ่งรู้ดีกว่าควรจะต้องทำอะไร..และคิมฮยอนจุงเป็นคนที่ถือเอาความ รับผิดชอบเป็นสิ่งสำคัญมากกว่าชีวิตของตัวเอง...
ชั้น อยากจะขอโทษ...และ อยากจะขอบคุณเธอในเวลาเดียวกัน...เพราะว่าชั้นไม่สามารถจะยอมรับเธอได้อย่าง เต็มร้อย...เพราะว่าชั้นยังคงเป็นคนที่โง่เขลา ไม่กล้าแม้แต่จะแสดงความรักให้ใครได้เห็น ชั้นมันคนโง่จริงๆ ]
ก่อนขึ้นคอนเสิร์ตรอบกลางวัน ที่ห้องพักนักแสดงด้านหลังเวที
ฮยอน จุงกำลังคุยโทรศัพท์อยู่กับฮวางโบระหว่างที่สไตล์ลิสต์กำลังเช็คหน้าและผม ของเขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนขึ้นแสดง “ตอนนี้คุณอยู่ไหนฮะ?”
“อยู่ระหว่างทางจ้ะ1”
“รีบๆหน่อยฮะ งานกำลังจะเริ่มในอีกไม่กี่นาทีแล้วอ่ะ”เขาพูดด้วยความร้อนรน นี่เป็นอีกครั้งที่เขาจะได้แสดงความสามารถให้ภรรยาได้เห็น
“จวนจะถึงอยู่แล้วจ้า”<ใจร้อนจริงๆ สามีชั้น>
“โอ๊ะ งั้นหรือฮะ? ถ้างั้นผมจะนับหนึ่งถึงสิบ แล้วจะคอยดูว่าคุณจะมาถึงได้ก่อนผมนับเสร็จหรือเปล่าน่ะ จะนับแล้วน่ะ” คุณสามีพูดจบก็ลงมือนับทันทีโดยไม่ให้ตั้งตัว “หนึ่ง-สอง..”
“อารายกัน นับสิบเองเหรอ? ไม่เอาอ่ะ ยี่สิบแล้วกันน่ะ “หญิงสาวพยายามต่อรอง
แต่คุณสามีกลับนับต่อไปโดยไม่สนใจ “สาม สี่”
“ไม่เอาน่า ให้เวลาชั้นหน่อยสิ”
“ห้า-หก-เจ็ด “เสียงคุณสามีจอมเผด็จการยังคงนับต่อไปไม่หยุด
“ชั้นกำลังวิ่งอยู่น้าสสสส”เธอตะโกนใส่โทรศัพท์เมื่อการต่อรองไม่เป็นผล
ฮยอนจุงหยุดหัวเราะไปนิดนึงก่อนจะรีบนับต่อไป “แปดแล้วน่ะ เก้าล่ะน่ะ”หันไปมองที่ประตูห้องพักก่อนจะนับต่อ “สอ-อิ-บอ....”
ทัน ใดนั้นประตูก็ถูกผลักให้เปิดผลั่วะออกมาอย่างแรง พร้อมกับร่างของฮวางโบที่ยืนหายใจหอบแฮกพร้อมเหวี่ยงสายตาใส่คุณสามีด้วย ความแค้นใจยืนอยู่ตรงกลางประตู
“เห็นมั้ยล่า? ไม่มีอะไรที่คุณทำไม่ได้ ฮ่า ฮ่า ^ ^ “ ชายหนุ่มบอกเธอท่าทางสบายอกสบายใจไม่ได้สังเกตสีหน้าภรรยาแม้แต่น้อย
เธอ เริ่มปรี๊ดแตกโมโหทั้งตัวเองและคุณสามีขี้เล่น “อ้ากสสส์ ชั้นนี่มันงี่เง่าสุดๆเลยนั่น !!! “<ทำไมต้องยอมทำอะไรบ้าๆตามที่เธอบอกด้วยน่ะ>
บ่าย 4 โมงเย็น ที่ร้านอาหาร หลัง จากการแสดงคอนเสิร์ตรอบกลางวันผ่านพ้นไปแล้ว สมาชิกของวง SS501 กำลังนั่งทานมื้อกลางวันกันก่อนที่จะไปเตรียมตัวสำหรับคอนเสิร์ตรอบค่ำ
จุนเบบี้พูดขึ้นมาว่า “ปกติชั้นก็ชอบแสดงในงานคอนเสิร์ตนะ...แต่ชั้นหวังว่าพวกเราจะไม่ต้องทำอะไรแบบนี้อีกแล้วอ่ะ...”
“ทำไมอ่ะ?” จองมินถามทันทีด้วยความสงสัย
จุน เบบี้กลึนอาหารแล้วตอบทันที “ชั้นหมายถึงว่า...พวกเรากำลังหิวจนท้องร้องจ๊อกๆ....แล้วยังต้องยืนดมกลิ่น หอมยั่วยวนของอาหารที่แฟนคลับกำลังกินกันอย่างเอร็ดอร่อยอ่ะ...มันออกจะเป็น เรื่องที่โหดร้ายมากเกินไปหน่อยน่ะ !”
คยูจงรีบเสริมทันทีว่า “ช่ายเลย...ชั้นว่าคอนเซ็ปท์ของงานนี้มันก็ดูจะไม่ค่อยเหมาะกับพวกเราซักเท่าไหร่เลยด้วย”
จุนเบบี้เหลียวซ้ายแลขวาแล้วถามว่า “อ้าว..แล้วนี้ลีดเดอร์ไปไหนอ่ะ?”
“เดี๋ยวก็คงมาถึงแล้วล่ะ”ยองแซงว่า
พูดไม่ทันขาดคำฮยอนจุงก็เดินเข้ามาในร้านอาหาร ด้วยท่าทางสบายๆไม่รีบร้อนตามสไตล์พร้อมกับเหลียวมองดูรอบๆร้าน
คยูจงรีบยกมือกวักเรียกทันที “พี่ฮยอนจุง พวกเราอยู่ตรงนี้ฮะ”
ลีดเดอร์เดินตรงมาที่โต๊ะแล้วทรุดตัวลงนั่ง
คยูจงรีบถามทันทีว่า “แล้วพี่สะใภ้ล่ะฮะ?”
ฮยอนจุงตอบ “เธอบอกว่าขอบายอ่ะ..”.
“ทำไมล่ะฮะ?”น้องหมีอดสงสัยไม่ได้
“อืมม...ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งทานข้าวมาหน่ะ”ลีดเดอร์ตอบ..
ม้ามินยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะถามลีดเดอร์ว่า...”นายทำได้ยังไงเนี่ย?”
“ชั้นทำอะไรเหรอ?”
จองมินถามแกมอมยิ้มรู้แกว “ดูเหมือนว่านายจะย้ายไปอยู่ที่ห้องพักของพี่สะใภ้เป็นการถาวรแล้วใช่มั้ย..หืมม?”
จุนเบบี้สะดุ้งโหยง...”จริงหลอ? “แล้วหันไปถามม้ามินว่า “ทำไมชั้นไม่เห็นรู้เรื่องนี้เลยอ่ะ?”
“นั่นดิ ชั้นก็ไม่รู้เหมือนกัน”คยูจงทำหน้าเซ็งๆเพราะเพิ่งรู้ตัวว่าตกข่าว...
ส่วนยองแซงนั่งอมภูมิอยู่เงียบๆโดยไม่พูดอะไร...
ลีดเดอร์ทำท่าชิลๆก่อนถามกลับไปว่า “นายอยากจะรู้อะไรล่ะ?”
จองมินรีบพูดทันทีว่า “ชั้นก็แค่อยากจะรู้เคล็ดลับของนายอ่ะดิ...ถ้านายยอมบอกชั้นน่ะ ชั้นจะยอมเป็นทาส(ม้า) รับใช้ไปตลอดชีวิตเลย!”
ลีดเดอร์พ่นลมออกจมูกก่อนจะพูดว่า “หึ...ชั้นไม่ต้องการทาสรับใช้อย่างนายหรอกนะ นายมันจู้จี้ขี้บ่นตลอดเวลาน่ารำคาญ แถมยัง...”
“พอพอ โหย ถามนิดเดียวตอบเป็นกิโล”มินนี่โอดครวญ
จุนเบบี้ถามต่อด้วยน้ำเสียงร้อนรน “ถามจริงๆฮะพี่ พี่ทำได้ไงอ่ะ? ตอบมาให้ไวเลย ผมอยากรู้จะตายอยู่แล้วนะ”
ในที่สุดลีดเดอร์ก็เฉลยออกมา “ชั้นก็แค่...ยอมตกลงไปว่าจะไม่รับเงินค่าตัวในงานนี้”
“...!!” ยองแซงเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินคำตอบ
“ไม่รับเงินค่าตัวในงานนี้ นี่นายพูดจริงๆเหรอ? “ม้ามินถามย้ำเหมือนกับไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่
จุนเบบี้อึ้งๆพูดไม่ออก“พี่ฮยอนจุงง่ะ”.
ส่วนคยูจงถามน้ำเสียงราบเรียบไร้อารมณ์ว่า “นี่พี่ทำอย่างงั้นจริงหรือฮะ?“
ลีดเดอร์เหลือบตาลงต่ำก่อนจะแกล้งร้องออกมาว่า “เอ่อ แบบว่า...ชั้นถังแตกสุดๆแล้วตอนนี้...พวกนายก็ช่วยชั้นหน่อยเด้!!!!!”
ยอง แซงเห็นท่าทางของเขาก็พ่นลมหายใจออกมาก่อนจะพูดว่า...”อืมม...ถึงแม้ว่าที่ นายพูดมันจะเป็นเรื่องจริง...ก็ไม่เห็นมีอะไรที่นายควรจะต้องรู้สึกเสียใจ เลยนี่”..
ลีดเดอร์หันไปมองหน้าเพื่อนซี้แบบงงๆไม่รับมุข ...?
ยองแซงว่า “ค่าตัวในงานคอนเสิร์ตอ่ะนะ? แล้วไงเหรอ ถ้านายไม่ได้รับเงินจริงๆน่ะ? เงินแค่นั้นมันไม่ใช่แค่น้ำจิ้มสำหรับนายหรอกหรือ?”
“นี่ปกตินายกินน้ำจิ้มทีละโอ่งหรือไงกัน?” ฮยอนจุงว่า
ยองแซงตอบหน้าตายๆไปว่า “เปล่า ชั้นก็แค่ซื้อมาเป็นโอ่ง แล้วก็กินบ้าง เททิ้งลงท่อไปบ้างตามเรื่องอ่ะ!”
ฮยอนจุงนึกในใจ <เททิ้งลงท่ออ่ะนะ?มุขอะไรของมัน(ว่ะ)เนี่ย>
“ตกลง..พี่ไม่ได้เงินค่าตัวจริงๆหรือฮะ?” จุนเบบี้ยังไม่หายข้องใจ
ลีดเดอร์ไม่ตอบทำท่านิ่งคิด...
เบบี้เริ่มงง“หืมม? นี่เป็นอย่างงั้นจริงๆเหรอฮะเนี่ย?”
ลีดเดอร์อมยิ้มแล้วตอบว่า “ชั้นว่า...นายจะพูดว่าเป็นแบบนั้นก็น่าจะได้นะ..”.
“แล้วจริงๆ มันเป็นยังไงกันแน่ฮะ?” น้องเล็กยังคงซักไซร้ต่อไป
“จะ พูดว่าเป็นแบบนั้นก็ได้? ถ้างั้นก็หมายความว่า เรื่องที่พูดมาทั้งหมดไม่จริงอ่ะดิ...โอ้ว..ไม่เอาน่า..นี่มันไม่ใช่เรื่อง ใหญ่โตซ่ะหน่อย กะอีแค่จะบอกเคล็ดลับสุดยอดให้พวกเราฟังอ่ะ? “ม้ามินเริ่มโวยบ้าง
“ขอร้องล่ะน่ะ ได้โปรดเหอะนะ...ชั้นจะต้องกลายเป็นศัตรูหมายเลขหนึ่ง ที่จะถูกบริษัทหมายหัวทันที ถ้าเกิดชั้นบอกให้พวกนายรู้อ่ะ...เอาไว้ชั้นจะถ่ายทอดวิชา(มาร) ให้พวกนาย หลังจากที่ชั้นลาออกจากบริษัทนี้ก็แล้วกันนะ..ดังนั้นตอนนี้ช่วยทำเฉยๆกันไป ก่อนก็แล้วกันน่ะ ได้หรือเปล่า หือ” ฮยอนจุงว่า
ม้ามินยังถามต่อไปว่า.”.แล้วนายจะไปเมื่อไหร่ล่ะ?”
ลี ดเดอร์เอียงคอก่อนถามกลับไปว่า “ทำไมนายถึงถามแบบนี้ล่ะ? อยากจะให้ชั้นไสหัวรีบๆออกไปจากที่นี่จริงๆเหรอ? “ <อย่าบอกนะว่า นายอยากจะรู้เคล็ดลับเร็วๆอ่ะ>
แต่ม้ามินกลับถามว่า. “แล้วนายกำลังจะไปจริงๆรึเปล่าล่ะ?”
ลีดเดอร์พ่นลมหายใจออกมา...”เฮ้อ นายอยากจะให้ชั้นอยู่ที่บริษัทนี้ไปตลอดชีวิตเลยรึไง ฮึ?”
จุนเบบี้ได้ยินก็รีบพูดว่า “พี่ฮะ...นี่พี่คิดจะไปจริงๆเหรอฮ่ะ...?”
คยูจงซึ่งนั่งเงียบมาพักใหญ่หันมามองหน้าลีดเดอร์ด้วยสายตาที่ดูจริงจัง
ส่วนยองแซงก็จ้องหน้าพื่อนซี้ของเขาด้วยสีหน้าที่คาดเดาไม่ออก...
ฮยอน จุงเมื่อเห็นอาการของเมมเบอร์ทั้ง 4 ก็รีบพูดทันทีว่า “เฮ้..พวกนาย ทำไมถึงได้ทำท่าจริงจังซีเรียสกันขนาดนี้ล่ะ? ทำใจร่มๆกันหน่อยดิ ยังไงซักวันนึงในอนาคต พวกเราก็ต้องไปจากบริษัทนี้อยู่ดี ใช่มั้ย? พวกนายคงไม่มีทางจะอยู่ที่นี่ไปตลอดกาลหรอกนะ?”
“มันก็คงจะไม่ใช่หรอกฮะ..แต่ว่า...”เบบี้จุนพยายามจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็หยุดชะงักไป
แต่แล้วก็มีเสียงนุ่มๆของยองแซงแทรกขึ้นมาว่า “จังหวะเวลาตอนนี้มันไม่เหมาะสม”
“หา?”
ยอง แซงพูดต่อไปว่า “มันก็จริงอยู่นะ ที่ใครๆก็สามารถจะคิดและพูดถึงเรื่องนี้ได้...แต่ที่พวกเราเริ่มซีเรียสกับ มันขึ้นมา ก็เพราะว่าคนที่กำลังพูดถึงประเด็นนี้อยู่คือนาย...และเมื่อพิจารณาถึง สถานการณ์ของนายในตอนนี้ด้วยแล้ว”<จะไม่ให้คนอื่นเริ่มเครียดได้ไง ว่ะ>
ลีดเดอร์รีบขัดขึ้นมาว่า “ไม่มีทางหรอกนะ ที่ชั้นจะไปจากวงของเราน่ะ นายรู้มั้ย? ยังไงชั้นก็จะไม่ยอมไปถึงแม้จะได้เงินถึงแสนล้านวอนก็ตาม ยกเว้นว่าบริษัทฯเอาเปรียบพวกเราหรือไม่เอาสมาชิกเราคนใดคนหนึ่ง เมื่อนั้นหล่ะ ชั้นจะเป็นคนแรกที่ไป”
“แต่ตอนนี้บริษัทฯ ยังไม่มีแพลนที่จะไม่ต่อสัญญาพวกเราซ่ะหน่อย”คยูจงแย้ง
“ชั้นหมายถึงในอนาคต ถ้าหากเป็นแบบนั้น”ฮยอนจุงพูดเพื่อให้สมาชิกอุ่นใจ
ยองแซงจ้องหน้าเพื่อนรักแล้วพูดเสียงเนิบๆไปว่า“แต่ ณ ตอนนี้ เรื่องเงิน มันไม่ใช่ประเด็นในตอนนี้หรอกน่ะ”
ลี ดเดอร์เริ่มพูดปนบ่นออกมาว่า “ทำไมคนเราถึงพยายามที่จะตั้งข้อจำกัดในเรื่องต่างๆอยู่ตลอดเวลานะ? อย่างการพูดว่า “นายไม่สามารถจะจับกระต่ายพร้อมกัน 2 ตัว...” <คงเหมือนกับสำนวนจับปลาสองมือของไทย>
“ก็เพราะว่ามันกำลังวิ่งไปคนละทางนะสิ ถึงจับไม่ได้”ยองแซงว่า
ลี ดเดอร์แย้งทันทีว่า “ที่มันเป็นปัญหาก็เพราะว่านายกำลังพยายามจะจับมันด้วยตัวเองคนเดียวน่ะสิ ลองถ้านายได้ออกล่าด้วยกันเป็นทีม..นายก็สามารถจะต้อนให้มันวิ่งไปทิศทาง เดียวกันได้...”
เพื่อนซี้แก้มป่องก็ไม่ยอมแพ้ให้เหตุผลว่า “แต่บางครั้ง นายก็จำเป็นต้องทำเองคนเดียว...นอกจากนั้นแล้ว...นายเองก็เริ่มออกล่า กระต่ายคนเดียวโดยไม่ชวนเพื่อนฝูงอยู่แล้วนี่”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า แต่ไม่แน่ เกิดชั้นมีเพื่อนที่สนใจในการไล่ล่า แล้วมาร่วมแจมกับชั้นล่ะ...”
ยอง แซงไม่ยอมแพ้ “แล้วถ้าเกิดเพื่อนพวกนั้น ไม่สามารถมาแจมกับนายได้ เพราะว่าบังเอิญนายดันไปอยู่ในที่ๆพวกเขาไม่สามารถจะเห็นนายได้ล่ะ”
“เฮ้ย มันก็เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้นแหละ...ทุกคนรู้ดีว่าชั้นอยู่ที่ไหน...มันก็ เพียงแค่...พวกเขาหวังว่าชั้นจะสามารถทำเรื่องนี้ให้มันจบได้ด้วยตัวเอง เพราะว่าชั้นเป็นคนเริ่มมันขึ้นมา หรือเรียกว่า อยู่อย่างห่างๆและห่วงๆ ประมาณนั้น”
“แล้วเพื่อนพวกนั้น จะได้ประโยชน์อะไรจากการไปช่วยนายไล่ล่ากระต่ายพวกนั้นน่ะ ตอบมาดิ?”
ฮยอนจุงตอบแบบไม่ต้องคิด “ชั้นก็จะยกกระต่ายให้พวกเขาตัวนึงเป็นการตอบแทนไง”
ยอง แซงขัดทันที “.ตัวนึงคงเอามาแบ่งกันไม่พอหรอก...นายควรจะต้องยกให้อย่างน้อยสี่ตัวดิถึง จะถูก แล้วนายจะทำยังไงได้ ในเมื่อนายมีกระต่ายแค่สองตัวเท่านั้น?”
“มัน จะไปยากอะไรเล่า ชั้นก็จะเอาเจ้ากระต่ายคู่นั้น มาเลี้ยงอย่างดีก่อน แล้วชั้นก็จะปล่อยให้มันมีความรัก ไม่นานพวกมันก็จะออกลูกเยอะๆ คราวนี้ล่ะทุกคนก็จะได้กระต่ายกันคนละตัว นายก็รู้ไม่ใช่เหรอว่ากระต่ายมันเป็นสัตว์ที่ผลิตลูกผลิตหลานออกมาได้อย่าง ไวปานวอก.”
ยองแซงจ้องหน้าลีดเดอร์ด้วยความอึ้งปนทึ่งก่อนจะเรียกเสียงดังๆว่า “เฮ้ย !!ปาร์ค จองมิน”
ม้ามินซึ่งกำลังนั่งมึนขณะที่ฟังเพื่อนซี้สองคนถกกันไปมา..”เรียกไม กำลังนั่งฟังพวกนายโต้วาทีกันเพลินเชียว?
นี่ไง...เคล็ดลับของลีดเดอร์ที่นายอยากรู้ เขาเฉลยแล้วไง”ยองแซงว่า
“อะไร นะ?” <กระต่ายมันออกลูกหลานไวน่ะเหรอ เออดี วันหลังชั้นจะเอาไปทำเป็นโลโก้สินค้าของชั้นเพื่อเป็นศิริมงคลซะเลย ท่าจะดีนะเนี่ย>
ยองแซงยิ้มจนตาหยีก่อนจะพูดออกมาเหมือน กับยอมแพ้แล้วว่า.”.เฮ้ย ไอ้บ้าเนี่ย...เถียงกับมันทีไรไม่เคยชนะได้ซักที จากเรื่องซีเรียสแล้วจู่จู่โผล่ไปเป็นกระต่ายได้ไง(ว่ะ)”
จุนเบ บี้กับคยูจงได้แต่นั่งมองพี่ทั้งสองอย่างงุนงง ในขณะที่จองมินมองหน้าลีดเดอร์สลับกับยองแซงไปมาด้วยสายตาที่แสดงความอยาก รู้อยากเห็นสุดๆ
ที่งานคอนเสิร์ตรอบกลางคืน
ฮวางโบซึ่ง นั่งอยู่ในแถวตรงกลางกำลังมองไปที่เวที ในขณะที่คอนเสิร์ตใกล้จะจบลง ฮยอนจุงก็เดินมายืนที่บริเวณกลางเวทีและถือไมโครโฟนเอาไว้ในมือ
ฮยอน จุงพูดภาษาญี่ปุ่นกับแฟนคลับว่า “เมื่อเร็วๆนี้ผมได้ออกซิงเกิ้ลเพลงโซโล่ของผมในภาษาเกาหลี...ผมอยากจะเล่น เพลงนี้ในงานให้พวกคุณได้ฟังเพราะว่ามันเป็นเพลงที่มีความหมายสำหรับผม...ผม จะร้องท่อนแรกเป็นภาษาเกาหลี...และในท่อนที่ 2 จะร้องเป็นภาษาญี่ปุ่นนะฮะ”
ขณะนั้นเสียงดนตรีก็เริ่มอินโทรเพลง Thank You (Komapta)ลีดเดอร์ยังพูดต่อไปว่า
“ตอน แรกที่ผมอัดเพลงๆนี้...ผมไม่รู้มาก่อนเลยจริงๆว่ามันจะกลายเป็นเพลงของผม... และในตอนนี้...มันได้ทำให้ผมนึกถึงใครคนนึงอยู่เสมอ...ในทุกๆครั้งที่ผมร้อง เพลงนี้...ผมอยากจะบอกเธอให้รับรู้ถึงเรื่องนี้อยู่ตลอด.”ขณะที่พูดสายตาก็ จับจ้องไปที่ฮวางโบซึ่งนั่งอยู่ท่ามกลางแฟนคลับ
ฮวางโบส่งรอยยิ้มที่อบอุ่นกลับไปให้ฮยอนจุงสามีสุดที่รักซึ่งยืนเด่นอยู่กลางเวที จาก นั้นเสียงนุ่มๆของเขาในเพลง Thank You ก็ดังขึ้นทั่วงานคอนเสิร์ต ในขณะที่ร้องเพลงอยู่นั้นเมื่อสายตาของทั้งคู่ก็ประสานกัน ชายหนุ่มก็ส่งยิ้มหวานให้เธอ
หญิงสาวนั่งอมยิ้มพร้อมกับคิดในใจว่า “อ้ากก เธอนี่สุดยอดแห่งความเลี่ยนเลยอ่ะ? ...^ ^”
เท่านั้นยังไม่พอคุณสามียังหลิ่วตาให้กับเธออีก
เธอรู้สึกเขินสุดๆ “โอ้ว พระเจ้า เธอนี่เหลือเชื่อจริงๆนะ แบบนี้มันออกจะเป็นรุ่นพี่จีฮูมากเกินไปแล้วรึเปล่าเนี่ย !!!?”
โปรดติดตาม คู่รักผักกาดหอม รีมิกซ์ตอนต่อไป
ป.ล. 1 - ตอนนี้มุขอาจจะงงๆน่ะค่ะ ต้องขอขอบคุณทุกเม้นท์ ทุกกำลังใจ
ป.ล. 2 –สำหรับคอมเม้นท์ หากว่าใส่อีโมชั่นอย่างเดียวจะทำให้อึดได้ (คนเวปแนะนำมาค่ะ) ต้องขอโทษด้วยน่ะค่ะ
ขอบคุณมากๆค่ะ ยาย(นาจา)
Create Date : 16 ธันวาคม 2553 |
Last Update : 16 ธันวาคม 2553 16:50:13 น. |
|
0 comments
|
Counter : 584 Pageviews. |
 |
|
|
| |
|
"ห้ามนำไปเผยแพร่ต่อที่อื่น นอกจากจะได้รับอนุญาตจากเจ้าของบล๊อคก่อนเท่านั้น"
|
|
|
|
|
|
|