happy memories
Group Blog
 
<<
มีนาคม 2556
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31 
 
22 มีนาคม 2556
 
All Blogs
 
รายการ "ตอบโจทย์" (๒)






บล็อกรายการ "ตอบโจทย์" (๑)



ยุทธการ 'เผากรุง กระทุ้งบัลลังก์'
จิตกร บุษบา


ผมดีใจมาก ที่สถานีโทรทัศน์ไทยพีบีเอสนำรายการ “ตอบโจทย์” ตอนที่ ๕ มาออกอากาศ  ดีใจเพราะมันจะได้สิ้นกระแสความ  คนที่พอมีวุฒิภาวะทางอารมณ์ก็จะได้ฟัง ว่านายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล กับ อ.สุลักษณ์ ศิวรักษ์ จะควงแขนกันเสนอแนวทางจัดการกับสถาบันพระมหากษัตริย์ และประมวลกฎหมายอญามาตรา ๑๑๒ ว่าอย่างไร ให้สมใจภิญโญ ไตรสุริยะธรรมา ผู้ดำเนินรายการ ที่อุตส่าห์วางพล็อต ให้เรื่องมาจบลงที่ตรงนั้น
               
แต่เสียใจอยู่ ๒ เรื่อง คือ เรื่องที่ ผอ.สมชัย สุวรรณบรรณ ออกมาดราม่า ประหนึ่งว่าผู้คนที่ไปพบไปกดดันที่ไทยพีบีโอเอสนั้น เป็นม็อบเถื่อนถ่อยที่แสนจะน่ากลัว  กับกระแสระบายอารมณ์ในโซเชี่ยลมีเดีย ถึงขั้นจะปิดสถานีไทยพีบีเอส ของฝ่ายที่รับไม่ได้ ที่ไทยพีบีเอส ออกอากาศเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์กับประชาธิปไตย         
               
อารมณ์ดราม่านี้เสมอกัน
               
ผอ. ไทยพีบีเอส มองสุภาพสตรี (ส่วนใหญ่) ที่ไปพบ เหมือนเป็นไอ้ตู่ไอ้เต้นกับบริวารหางแดง ถึงกับอ้างว่า ไม่ออกอากาศตอบโจทย์ตอนที่ ๕ ในคืนนั้น ก็เพื่อความปลอดภัยของพนักงาน  แหม...น่าเอาผ้าถุงไปฝากไว้ให้นุ่งทำงานนัก  ทำไม เขาแบกปืน แบกระเบิดขวดไปขู่คุณหรือยังไง
               
ส่วนพวกที่ฮึ่มๆ ในเฟซบุ๊ค อยากจะปิดไทยพีบีเอสนี่ ก็พูดราวกับว่า สถานีแห่งนี้ไม่ได้ผลิตรายการดี ๆ ออกสู่สังคมเลย  ร้อยวันพันปีดูกันบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้ มาดูเพราะถูกปลุกกระแสเรื่องนี้หรือเปล่า?  ถ้าเรายึดหลักว่า สถานีไหนพูดจาไม่เข้าหูเรา หูเราฟังแล้วสะเทือนไปถึงหัวใจ หูเราอ่อนไหวมาก ถึงขั้นจะไปปิดช่องกันเลยละก็ ประเทศไทยคงเหลือทีวีให้ดูไม่กี่ช่องหรอก เช่น ช่องป้าเช็ง เป็นต้น
               
ผมคิดว่า นับจากนี้ไป สมชัย สุวรรณบรรณ กับลูกน้องในไทยพีบีเอสอย่าใช้วิธีดราม่าทำนองนี้อีก  เพราะพวกคุณทำงานอย่างมี พ.ร.บ.รองรับ มีคณะกรรมการ มีระบบบรรณาธิการ สถานที่ก็ของคุณ ใครบุกไปดูท่าเป็นอันตรายก็เรียกตำรวจมาจับสิ  แต่คุณมีหน้าที่ยืนยันความถูกต้องของเนื้อหาของคุณ และเสรีภาพตลอดจนการกลั่นกรองแล้วของคุณ  ไม่ใช่โยนขี้ไปให้คนที่มาพบ มาเจรจา มาขอให้งดการออกอากาศอย่างง่าย ๆ เช่นนี้  หรือโยนขี้ใส่ภิญโญราวกับคุณไม่ได้เห็นเนื้อหามาก่อน
               
ฝ่ายประชาชนคนดู ก็ต้องเป็นคนดูที่มีคุณภาพ กอปรด้วยเหตุผล การเคารพสิทธิเสรีภาพของผู้อื่น ใจกว้าง ไม่มีอคติ และความแม่นยำในความรู้ โดยเฉพาะข้อกฎหมาย จะไม่เอาแต่แตกตื่นฟูมฟายว่า “พวกมันหมิ่น”
               
๑.) สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ออกโทรทัศน์ผิดเหรอ ไม่นี่ครับ  พูดเรื่องที่ตนไม่ศรัทธาในสถาบันกษัตริย์ มีข้อกังขาผ่านเฟซบุ๊คว่า คุณรู้ได้อย่างไรว่าพระเจ้าแผ่นดินทรงงานหนัก ผิดไหม ไม่นี่ครับ  อยากเห็นสังคมไทยเหมือนสังคมอังกฤษเฉพาะเรื่องสถาบันกษัตริย์ ผิดไหม ไม่นี่ครับ  เขาก็แค่แสดงความหมกมุ่น ความหลงไหลในสังคมต่างด้าว กอดตำราประชาธิปไตยแบบอังกฤษมากระทืบแผ่นดินไทยและหัวใจคนรักเจ้าโครม ๆๆๆ  ผิดไหม ไม่ผิดครับ  ไม่ผิดทั้งหมดที่กล่าวมา คือ ไม่ผิดกฎหมาย 
               
๒.) แต่ผิดหูไหม ผิดใจไหม ย่ำยีความรู้สึกของคนที่รักเจ้าด้วยหัวใจที่เปราะบางไหม น่าจะผิด น่าจะย่ำยีอยู่  ฉะนั้น แม้ไม่เห็นด้วย ที่มีคนไปขอให้ไทยพีบีเอสระงับการออกอากาศ  แต่ผมก็เข้าใจอย่างยิ่งว่าคนเหล่านั้นเจ็บปวดแค่ไหน  และกล้าหาญแค่ไหนที่เดินออกจากบ้าน ไปยังสถานีโทรทัศน์  ผมจึงหวังไงครับ ว่าไทยพีบีเอสจะยืนหยัดออกอากาศ เพื่อยืนยันเสรีภาพที่ภิญโญอ้าง  ยืนยันเสรีภาพในการวิพากษณ์วิจารณ์สถาบันที่สมศักดิ์บอกว่าไม่มี ให้เป็นที่ประจักษ์แก่สังคมว่า ที่สมศักดิ์ กับ ส.ศิวรักษ์ ทำอยู่นั่นล่ะ คือการวิพากย์วิจารณ์สถาบันกษัตริย์ ซึ่งทำได้  แต่เมื่อใดก็ตามที่เข้าข่าย “ดูหมิ่น หมิ่นประมาท แสดงความอาฆาดมาดร้าย” กฎหมายอาญา ม.๑๑๒ ก็จะทำหน้าที่ของมันต่อ  ซึ่งใน ๕ ตอนของตอบโจทย์มีไหม ผมว่าไม่มีนะครับ
               
๓.) ฉะนั้น ถ้าฟังกันด้วยใจเปิดกว้าง  ภาพรวมของรายการทั้งหมด ก็ไม่มีประเด็นอะไรสลักสำคัญ นอกจากคน ๒ คน ท้ายสุด ที่ฝากข้อคิดสะกิดใจให้เราคิด ว่ามีน้ำหนักน่าเก็บไว้ใคร่ครวญไหม  ถ้ามีก็คิด ถ้าไม่มีก็ลืมไป เหมือนอีกร้อยอีกพันรายการที่เราเคยดู แล้วไม่เคยจำ
             
๔.) ผมอยากจะเล่าว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา  ไม่ว่ายามแผ่นดินจะสิ้นรัชกาล หรือยามปกติ  มันจะมีคนคิดแย่งชิงอำนาจ ล้มล้างราชบัลลังก์ และตั้งตัวเป็นใหญ่ทั้งนั้น  บางคนไปเข้ากับเมืองอื่น ฝ่ายอื่น ชักน้ำเข้าลึกชักศึกเข้าบ้าน  การได้เห็นรายการตอบโจทย์ มันก็ประเทืองสติปัญญากันตรงนี้แหละ คือ ทำให้ผมนึกสภาพการช่วงชิงอำนาจในสมัยอยุธยานั้น 
               
๕.) กษัตริย์ที่ดี ได้รับการปกป้องจากทหาร ขุนนาง และประชาชน  อยู่รอดปลอดภัย  พวกใจชั่วที่ถูกจับได้ ก็มักจะถูกฆ่า ๗ ชั่วโคตร  แต่เวลานี้สังคมเปลี่ยน กฎหมายเปลี่ยน  ใครจะเที่ยวไปบั่นคอใครเหมือนสมัยโบราณคงทำไม่ได้  แต่สิ่งหนึ่งที่จะไม่เปลี่ยนเลยก็คือ  พระมหากษัตริย์ผู้ทรงคุณอันประเสริฐ ดำรงอยู่เสมอ เพราะทหารรักษา ประชาชนเทิดทูน และลุกขึ้นมาค้ำจุนปกป้อง  ขุนนาง คือรัฐบาลที่ต้องส่งเสริมพระเกียรติคุณ เกื้อหนุนความจงรักภักดีให้แผ่ขยาย  โดยเฉพาะฝ่ายตุลาการและตำรวจ ที่ต้องยืนหยัด เที่ยงธรรม ในการตั้งคดี ไต่สวน พิพากษาตัดสิน  เอาจริงเอาจังให้เป็นที่หลาบจำและเข้าใจ  ว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ดำรงอยู่ในฐานะใด ห้ามมิให้ผู้ใดละเมิดส่ง ๆ เดช ๆ แต่ห้ามเอากฎหมายไปเล่นงานใคร จนกลายเป้นความผิดของการมีกฎหมายหรือมีสถาบันอยู่คู่ประเทศชาติ
               
๖.) แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมา พระมหากษัตริย์ที่คนไทยเชิดชูเป็น “พ่อของแผ่นดิน” กลับถูกจาบจ้วง ให้ร้าย ไม่เคารพยำเกรงจากคนบางกลุ่ม  เพราะอะไรครับ  เพราะไม่มีสัญญาณการปกป้องจากทหาร ไม่มีสัญญาณจากฝ่ายขุนนาง คือรัฐบาลที่จะปรามและปราบ รัฐบาลไม่เคยเป็นแบบอย่างของการขยายผลอันเนื่องมาจากโครงการที่ประสบความสำเร็จ โครงการอันเนื่องมาจากพระราดำริที่ได้ผล มาสู่ชีวิตจริงของประชาชน  เหลืออยู่แต่ประชาชนที่รักอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก แต่ก็มักมีความเดือดดาลเป็นธาตุเจ้าเรือน บางครั้งจึง “เจตนาดี วิธีลืมคิด ประสิทธิภาพจึงแปรผันเป็นด้านร้าย” เข้าทางอีกฝ่ายอยู่ร่ำไป
               
๗.) อย่างน้อย ๆ ผบ.ทบ. ก็ออกมาเปิดใจชายชาติทหารแล้ว  รัฐบาลโดยนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ฝ่ายค้านโดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ วุฒิสภา โดยนายนิคม ไวยรัชพานิช ล่ะ  จะออกมาประกาศความเห็นและจุดยืนของตนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างไร  จะร่วมกันจัดการกับเว็บไซต์หมิ่นสถาบันและชบวนการให้ร้ายพระเจ้าแผ่นดินอย่างไร  จะร่วมกันเผยแพร่ความจริงที่ว่า พระเจ้าแผ่นดินและสถาบันกษัตริย์ มีคุณต่อประเทศชาติประชาชนอย่างไร จะดำเนินการอย่างไรกับประมวลกฎหมายอาญามาตรา ๑๑๒ ให้มันชัด ๆ สักครั้ง อย่างพร้อมเพรียงกันได้ไหม  เพราะพวกคุณคือคนที่อยู่ในกลไกของการปกป้องสถาบัน  หรือพูดง่าย ๆ ว่าเป็นแกนสำคัญของการเอาเจ้าหรือไม่เอาเจ้า!
               
๘.) ภิญโญได้กระทำการลุล่วงอย่างหนึ่ง  นั่นคือ ผลักนักวิชาการหมกมุ่นทฤษฎีต่างด้าว เหยียดหยามสังคมตัวเอง อย่างนายสมศักดิ์ ขึ้นมามีราคา และเวลานี้ก็ท้าคนโน้นคนนี้เหย็ง ๆ ให้มาโต้กัน  ผมคนหนึ่งล่ะ ที่ไม่เสียเวลาโต้กับคุณสมศักดิ์  ผมไม่ใช่บันไดให้คุณไต่ไปสร้างราคาง่าย ๆ หรอก  คุณสู้กับสังคมไทยต่อไป ด้วยตัวคุณเอง ด้วยการเพียรขายความคิดของคุณไปเรื่อย ๆ  ผมทราบความคิดของคุณแล้ว ทราบอย่างเข้าใจและเปิดใจด้วย  เห็นด้วยกับบางข้อสังเกตของคุณ แต่โดยรวมแล้วเห็นค้าน ผมสนุกกับการรับฟังความคิดของคุณมาก แต่บอกตรง ๆ รังเกียจตัวคนครับ  แต่ขอให้สบายใจได้ ความคิดของคุณถูกขายผ่านร้าน “ตอบโจทย์” ได้สมใจแล้ว
               
๙.) เมื่อจัดลำดับปัญหาของประเทศชาติ ประชาชนแล้ว  ปัญหาของสมศักดิ์อยู่ลำดับที่เท่าไหร่  รัฐบาลกำลังสร้างหนี้สาธารณะ  รัฐบาลกำลังกู้เงินเพิ่ม  พวกที่เคยออกมาประท้วง สร้างวาทกรรมดีแต่กู้ ตายไปเกิดใหม่หมดแล้วหรือ จึงไม่ออกมาถือป้ายเดิมอีก โครงการรถคันแรกกำลังสร้างปัญหา ภัยแล้งกำลังสร้างความทุกข์ยากให้แก่ประชาชนในหลายจังหวัด  ส.ส.คนหนึ่ง ลาออก หมายจะให้เยาวภามาเป็น ส.ส. แทน เพื่อเป็นอะไหล่นายกรัฐมนตรี กรณีหากยิ่งลักษณ์มีความผิดตามกฎหมาย ปปช. กรณีให้ผัวกู้เงิน โดยที่การเลือกตั้งซ่อม ต้องใช้เงินเป็นสิบ ๆ ล้าน  เงินนั้นควรเอาไปแก้ปัญหาอะไรต่อมิอะไรได้สารพัด  ไหนจะเรื่องสถานภาพของ ธก.ส. จะเจ๊งหรือไม่เจ๊ง จกาโครงการรับจำนำข้าว ไหนจะเรื่องปัญหาเขาพระวิหาร เรือ่งพลังงานในอ่าวไทย คนไทยใช้แก๊ส-น้ำมันแพง  ปัญหาหากินฝืดเคือง ปัญหาคนตกงาน ฯลฯ  ถามว่าเอาปัญหาเหล่านี้มาเรียงกันแล้ว ปัญหาสมศักดิ์อยู่ลำดับที่เท่าไหร่ สลักสำคัญอะไร ที่สื่อจะดัดจริตใช้คำว่า “เสรีภาพ” ไปให้ถึง ๓ คืนเต็ม  สื่อแยกไม่ออกแล้วหรือ ว่าท่านควรเป็นปากเป็นเสียงเรื่องอะไรให้แก่ประชาชน
               
๑o.) ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ ได้รับการผลักดันจากหลายฝ่ายอยู่แล้ว  ปล่อยให้มันเดินไปตามกลไก  ไม่ต้องมาสร้างทางลัด จนสังคมคุกรุ่น แตกแยก
               
๑๑.) จากการเปิดเผยของ ภุมรัตน์ ทักษาดิพงษ์ อดีตผู้อำนวยการสำนักข่าวกรอง  ระบุว่า มีการจ้างล็อบบี้ยิสต์ จ้างนักเขียนต่างประเทศ ดำเนินการกดดันสมาชิกในรัฐสภาสหรัฐ ดำเนินการเผยแพร่ข้อมูลอันทำให้ประชาคมโลกเข้าใจสถานภาพการมีอยู่ของสถาบันพระมหากษัตริย์ในประเทศไทยอย่างผิด ๆ มีการทำเว็บไซต์ มีการผลิตหนังสือ มีการจัดงานสัมมนา  เมื่อนำมาร้อยเรียงดูควบคู่กับการเคลื่อนไหวในบ้านเรา  ลองเปิดอินเตอร์เน็ตดูสิครับ เว็บไซต์ในทำนองเดียวกัน เฟฐบุ๊๕ชั่วช้าเหล่านั้นมีมากมาย  เปิดหนังสือเรด พาวเวอร์ ที่ยังมีชื่อ “สมยศ พฤกษาเกษมสุข” เป็นบรรณาธิการเล่มล่าสุดดูสิครับ  ว่าด้วยการวิพากษ์วิจารร์สถาบันกษัตริย์ พูดเป็นนัยๆ อย่างใส่ร้าย และยกกรณีการล้มลงของสถาบันกษัตริย์จากหลายเรื่อง หลายประเทศมาชี้นำกันอย่างสนุก  วิทยุ โทรทัศน์ ป้ายไวนิล ผลิตกันออกมาเกลื่อน  ถามว่ามีใครไปจัดการ และอีกด้าน มีการถ่วงดุลข้อมูลข่าวสารให้เป็นไปในทางที่ถูกต้องตามความเป็นจริงแค่ไหนครับ
               
๑๒.) สำหรับผม สมศักดิ์จึงเป็นแค่ขี้หมาก้อนหนึ่งที่ไม่ต้องแวะดูแวะดม หรืออาจเสมือนหมาตัวหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องแวะทักให้มันเลียเล่น เพราะไม่รู้ว่าในน้ำลายมีเชื้อร้ายอะไรบ้าง  แต่อย่าทิ้ง “กรอบคิด” ที่สมศักดิ์แสดงไว้  เพราะแม้สมศักิด์ผุพังตายไป แนวคิดนั้นก็ยังคงอยู่  ความน่าสนใจจึงไม่ใช่ตัวเขา นั่นคือประโยชน์ของสังคมที่จะได้ตื่นตัวมารับรู้รับฟัง ไม่ใช่นั่ง “โลกสวย” รักเจ้าโดยไม่รู้ว่าอีกแนวคิดหนึ่งนั้น รุดหน้าไปถึงไหน มีใครรู้เห็นเป็นใจ เป็นกลไก เป็นเครื่องมือ
               
๑๓.) ผมย้ำอีกครั้งว่า ในสมัยกรุงศรีอยุธยา ทั้งในคราใกล้ผลัดแผ่นดินและขณะอยู่ในรัชกาลปกติ  คนที่คิดจะเปลี่ยนแปลงและลงมือเตรียมการ “แย่งชิงอำนาจ” นั้น มีอยู่เป็นประจำ  ฝ่ายปกป้องต้องไม่ไร้เดียงสา นั่งพักร้อนพึ่งพาร่มเงาต้นโพธิ์โดยไม่เหลียวซ้ายแลขวา คิดว่าในภายภาคหน้าต้นโพธิ์ใหญ่จะยังให้ร่มเงาอยู่อีกหรือไม่ หรือจะถูกใครเขาตัดเขาโค่น เขาทำลายลงอย่างไร  ทั้งใต้ดิน บนดิน และบนต้น  ถ้ายังไม่ได้เตรียมการอะไรกันเลย ก็จงเตรียมการกันซะ  ถ้าเตรียมการอะไรไว้แล้ว ก็แสดงพลานุภาพออกมาบ้าง ต้นโพธิ์จะได้ไม่ถูกนกเถื่อนขี้รดวันแล้ววันเล่า
            
๑๔.) คงไม่ต้องบอกนะ ว่าในยุทธการ “เผากรุง กระทุ้งบัลลังก์” นี่ แผนมันได้รับการลงมือมาหลายขั้นหลายตอนแล้ว  กรุงน่ะ เขาเผาให้เห็นไปแล้ว  เขาปล่อยข่าวใส่ร้าย ว่าราชสำนักรู้เห็นกับการรัฐประหาร ว่านั่นว่านี่สารพัด  การสู้ในสงครามใส่ไคล้คุณยังพ่ายแพ้ เพลี่ยงพล้ำ คุณไม่รู้หรือว่า สงครามเขาชนะกันที่ “ความเชื่อของคน”  บางจำพวกมันไม่สนหรอก ว่าความจริงคืออะไร มันผลิตความจริงของมันยัดใส่ให้คนเชื่อ แล้วเอาคนพวกนั้นเป็นอาวุธ  คุณล่ะ มีอาวุธอะไร นอกจากสิ่งที่อีกฝ่ายเรียกว่า “คลั่งเจ้า”

สื่อมวลชนครับ อย่ามัวสะดิ้งกับคำว่าให้หรือไม่ให้เสรีภาพ เพียงคุณจัดลำดับได้ถูก คุณจะรู้เองด้วยสามัญสำนึก ว่าสำหรับประชาชนและประเทศชาติแล้ว  เรื่องไหนต้องเอาขึ้นโต๊ะ เอามาออกอากาศก่อน

ทหารครับ อย่ากลัวกับคำว่า “เลือกข้าง” หรือยุ่งทางการเมือง  ทหารรุ่นพี่ของคุณอาจทำสิ่งที่ผิดพลาดเลวทรามน่าอับอาย จนเสื่อมเสียมาถึงคุณ กอบกู้แก้ไขมันด้วยความกล้าหาญ สง่างาม และยืนแสดงจัวให้ชัด ๆ อยู่ข้างราชบัลลังก์ ประชาชนจะยืนอยู่ข้างหลังของคุณ  พร้อม ๆ กับคำว่า “ทรงพระเจริญ” แด่ “พระเจ้าอยู่หัว” ดังกึกก้องกังวาน
               
อย่ากลัวกับคำเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่เป็นยุทธวิธีเตะตัดขาของอีกฝ่าย
               
ถ้าจะกลัว จงกลัวว่าเพลงชาติจะเปลี่ยนไป และไม่มีเพลงสรรเสริญพระบารมีให้ท่านขับร้องในยามสวนสนามจะดีกว่า!!!


จากคอลัมน์ "เส้นใต้บรรทัด"
นสพ.แนวหน้า ๒o มี.ค. ๒๕๕๖








"สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล ต้องตอบให้ชัด สถาบันกษัตริย์ไทยเลวร้ายอย่างไร.."
เฉลิมชัย ยอดมาลัย


ก่อนอื่นต้องบอกตรง ๆ ว่าเห็นใจนักศึกษาคณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ จำนวนไม่น้อยที่ต้องทนเรียนวิชาที่สมศักดิ์ เจียมธีระสกุล บรรยาย ซึ่งนักศึกษาหลายคนที่ไม่ปลื้มพฤติกรรมสมศักดิ์ตั้งฉายาว่า ประวัติศาสตร์โยเย้ฉบับสมศักดิ์ เจียมฯ

เหตุที่ผู้เขียนบอกว่าเห็นใจนักศึกษากลุ่มดังกล่าวก็เพราะ มีนักศึกษาจำนวนไม่น้อยบ่นกันในหมู่เพื่อนฝูงของเขาว่า มีหลายสิ่งหลายอย่างที่ไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่สมศักดิ์บรรยายในชั้นเรียน โดยเฉพาะการกล่าวหาและว่าร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยเป็นประจำ แต่นักศึกษากลุ่มที่ไม่เห็นด้วยก็บอกว่า ไม่ต้องการโต้เถียงกับสมศักดิ์ ปล่อยให้พูดไปเรื่อย ๆ ตามที่อยากพูดจะดีกว่า เพราะหากถกเถียงแล้ว เกรงว่าจะได้คะแนนไม่ดีในวิชาที่สมศักดิ์เป็นเจ้าของ

เสียงสะท้อนเหล่านี้น่าจะเข้าถึงหูของสมศักดิ์บ้าง แต่จะสนใจหรือไม่ ก็เป็นสิทธิ์ของสมศักดิ์ แต่มีประเด็นที่น่าถกเถียงก็คือ ทำไมนักศึกษาที่ได้ชื่อว่าเป็นปัญญาชนจึงไม่กล้าโต้เถียงทั้ง ๆ ที่ไม่เห็นด้วย บรรยากาศเช่นนี้ไม่น่าจะเกิดขึ้นในดินแดนที่ได้ชื่อว่ามีเสรีภาพทางวิชาการทุกตารางนิ้วอย่างเช่นมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

สำหรับผู้ที่ติดตามงานเขียนและการบรรยายของสมศักดิ์มาเป็นประจำจะรู้ดีว่าเขาคนนี้มีความคิดและความรู้สึกอย่างไรกับสถาบันพระมหากษัตริย์ไทย แต่ไม่ว่าสมศักดิ์จะคิดหรือเชื่อเช่นไรก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลของเขา แต่สมศักดิ์ก็ควรจะต้องเคารพความคิดเห็นของผู้อื่นบ้าง และควรระมัดระวังเวลาจะพูดจาพาดพิงถึงสถาบันกษัตริย์ด้วย สมศักดิ์ไม่รักไม่เทิดทูนไม่เคารพสถาบันกษัตริย์ก็เป็นเรื่องของสมศักดิ์ แต่สมศักดิ์ไม่มีสิทธิ์โค่นล้มสถาบันกษัตริย์ไทย สมศักดิ์ต้องไม่ลืมว่าสถาบันกษัตริย์คือสถาบันที่คนไทยจำนวนไม่น้อยต่างเคารพ หวงแหน และบูชา เนื่องจากยังตระหนักดีว่าสถาบันนี้มีคุณค่าและเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับสังคมไทย

หลายต่อหลายครั้งสมศักดิ์พยายามจะอวดอ้างเสมือนตนเองรู้ว่าสถาบันกษัตริย์ไทยไม่ดีไม่งามอย่างไร แต่สมศักดิ์กลับไม่สามารถบอกให้ชัดเจนว่าที่ว่าไม่ดีไม่งามนั้นคืออะไร สมศักดิ์จะอ้างแค่เพียงพูดไม่ได้ แต่ไพล่อ้างไปพูดถึงระบบกษัตริย์ของอังกฤษ ทั้ง ๆ ที่ประวัติศาสตร์และความเป็นมาของชาติอังกฤษกับไทยนั้นแตกต่างกันชนิดที่ไม่สามารถเปรียบเทียบกันได้ด้วยประการทั้งปวง

โธ่! ขอบอกตรง ๆ ว่าคนที่อ้างเช่นนี้ แท้ที่จริงก็คือไม่รู้อะไรหรอก ก็ได้แต่อ้างไปเช่นนั้นเอง อ้างแบบเดาสุม อ้างแบบยกเมฆ อ้างแบบส่งเดช ถ้าหากสมศักดิ์มั่นอกมั่นใจเสียเหลือเกินว่าสถาบันกษัตริย์ไทยไม่ดีอย่างไรก็ต้องบอกมาชัด ๆ หากรักจะพูด เพราะมั่นใจในข้อมูลที่ตนเองมีแล้ว ก็จงพูดออกมาเลย แต่พูดแล้วต้องรับผิดชอบในคำพูดของตนด้วย ไม่ใช่ด่าเสร็จแล้ว เมื่อเกิดปัญหาก็โยนความผิด ปัดความรับผิดชอบ อ้างแบบสั่ว ๆ มั่ว ๆ ไร้ตรระกะว่าถูกอำนาจนอกกฎหมายกลั่นแกล้ง

ขอย้ำอีกทีนะ สำหรับคนที่มั่นใจว่าตนเองคือนักวิชาการที่แท้จริง หากมีหลักฐานครบถ้วนสมบูรณ์ ไม่ใช่หลักฐานที่จงใจประดิษฐ์โดยการพลิกแพลงหรือการแต่งแต้ม ไม่ใช่หลักฐานเลื่อนลอยเพ้อเจ้อแล้ว จะต้องเกรงกลัวอะไรกับการพูดความจริง หรือว่าคนที่อ้างว่าตนเองคือนักวิชาการอย่างสมศักดิ์หวาดกลัวการพูดความจริง

สมศักดิ์ลืมไปแล้วหรือว่าความจริงคือสิ่งไม่ตาย และขอย้ำว่าคนไทยไม่ใช่ควาย เพราะฉะนั้นหากมั่นใจว่าตนเองมีความจริงอันสูงส่งเกินกว่าคนอื่น ๆ แล้ว จะเก็บงำไว้ทำพระแสอะไร ทำไมจะต้องอ้างว่าความจริงที่ตนเองอุตส่าห์มีนั้น ไม่สามารถเปิดเผยได้ในปัจจุบันขณะ แต่ต้องรออีก ๑oo ปีข้างหน้า หรือว่าสมศักดิ์จะอยู่อีกร้อยปีแล้วจึงค่อยบอกความจริงนั้น
 
ผู้เขียนเคยไปร่วมสัมมนาวิชาการของคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อหลายปีก่อน ซึ่งนำเสนองานวิจัยเกี่ยวกับเหตุการณ์ ๑๔ ตุลาฯ และบริบททางการเมืองในยุคนั้น โดยกุลลดา เกษบุญชู มี้ด อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ซึ่งจัดที่ห้องประชุมตึกจุมภฏ-พันธุ์ทิพย์ สมศักดิ์ก็ไปร่วมรับฟังและใช้โอกาสแสดงความคิดเห็น สมศักดิ์พยายามจะบอกว่าพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลปัจจุบันมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ ๖ ตุลาฯ ๒๕๑๙ แต่เมื่อที่ผู้ร่วมสัมมนาถามสมศักดิ์กลับไปว่า มีหลักฐานอะไร สมศักดิ์ก็ตอบไม่ได้

ขอย้ำอีกครั้งว่า สมศักดิ์มีสิทธิ์จะไม่พออกพอใจ และไม่รักใคร่สถาบันกษัตริย์ไทย และมีสิทธิ์จะด่าว่าสถาบันพระมหากษัตริย์ หากเขาทำในอาณาบริเวณเฉพาะของเขา โดยไม่ทำให้คนที่รักและบูชาเพราะเจ้าอยู่หัวต้องรับรู้ เพราะมันคือสิทธิส่วนบุคคลของสมศักดิ์ แต่สมศักดิ์จะต้องสำเหนียกไว้เสมอว่า คนไทยจำนวนมากยังรักและบูชาพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้นหากสมศักดิ์จะอ้างว่าตนมีสิทธิ์ด่าว่าสถาบันกษัตริย์ ก็ต้องยอมรับด้วยว่า คนที่รักและหวงแหนสถาบันกษัตริย์ก็มีสิทธิ์จะไม่พอใจ และมีสิทธิ์คัดค้านการกระทำอันต่ำทรามของสัมศักดิ์เช่นกัน

ถามแบบตรง ๆ ชัด ๆ ไม่ต้องการคำตอบที่เล่นสำบัดสำนวน สมศักดิ์ตอบให้ชัดได้ไหมว่า พระเจ้าอยู่หัวของไทยทรงรังแก กลั่นแกล้ง รีดนาทาเร้น หรือกดขี่ประชาชนไทยอย่างไร เมื่อไร และที่ไหน หากตอบว่ามีข้อมูลแต่เปิดเผยไม่ได้ คนไทยทั้งประเทศที่รักพระเจ้าอยู่หัวก็และรักความจริงก็ขอบอกสมศักดิ์แค่เพียงว่า เลิกสอนหนังสือเถอะ อย่าหน้าทนสอนต่อไปเลย สงสารนักศึกษา สงสารอนาคตของประเทศชาติ และสมเพชธรรมศาสตร์ที่มีคนสอนหนังสือพรรค์อย่างนี้


จากคอลัมน์ "เขียนให้คิด"
นสพ.แนวหน้า ๑๗ มี.ค. ๒๕๕๖








"หยุดทำร้ายจิตใจ"
สันต์ สะตอแมน


พูดไม่ออกบอกไม่ถูกจริง ๆ ครับ..ก็ที่คุณภิญโญ ไตรสุริยธรรมา แกจัดรายการ "ตอบโจทย์" ไปเมื่อ ๒ - ๓ วันก่อนทางโทรทัศน์ช่องไทยพีเอสนั่นแหละ หลายท่านคงจะได้ดู และก็คงจะมีความรู้สึกที่คล้าย ๆ กัน แต่สำหรับบางท่านบางกลุ่มคน อาจดูแล้วก็ให้นึกชื่นชมแขกรับเชิญที่พูดได้ถูกจริตของตัวเอง ส่วนผู้ที่ไม่ได้ดู ขอบอก.. "โชคดีแล้วล่ะ" ที่ใจจะได้ไม่ขุ่นมัว-เคียดแค้น-ชิงชัง-รังเกียจ-ขยะแขยง!

ผมจะไม่ขอกวนใจกวนอารมณ์ให้คุณภิญโญต้องรำคาญ หงุดหงิด แค่ขอถามสั้น ๆ.. "คุณภิญโญต้องการตอบโจทย์อะไรให้กับสังคมไทยหรือ"?

การหยิบยกเอาเรื่องสถาบันพระมหากษัตริย์มาถกมาพูดในที่สาธารณะผ่านจอโทรทัศน์ไทยพีบีเอส คุณภิญโญคิดหรือว่าจะหาข้อยุติให้สังคมได้ และเชื่อหรือว่า

จะเปลี่ยนทัศนคติของคนบางกลุ่มต่อสถาบันได้..
นอกเสียจากว่าคุณภิญโญต้องการ หรือพูดให้ชัด ถือโอกาสใช้รายการตอบโจทย์เป็นที่ระบายความรู้สึก อัดอั้นคับแค้นของพวกไม่นิยมเจ้า..ก็เท่านั้น!

ผมน่ะไม่ขัดไม่ขวางใครหรอก จะเอากันอย่างไรก็ได้ แต่เห็นว่าเวลานี้บ้านเมืองเราก็หนักหนาสาหัสมากพอแล้วกับความแตกแยกของคนในชาติจากการ "ปั่นหัว" ของพวกนักการเมือง

แล้วจะไหนปัญหาอีกสารพัดสารเพที่ประ เดประดัง ทั้งเหนือ ใต้ ออก ตก ให้คนร่วมชาติต้อง "ทุกข์ตรอม" อยู่ในขณะนี้ ทุกฝ่ายทุกภาคส่วนจึงน่าที่จะได้ร่วมแรงร่วมพลังกัน สร้างสันติสุขให้คืนกลับสู่สังคมไทยเสียก่อนจะไม่ดีกว่าหรือ?

เรื่องเขาพระวิหารจะสู้เขมรอย่างไร คุณภิญโญตั้งโจทย์หาคำตอบให้คนไทยได้ชัดแจ้งแล้วหรือยัง ความรุนแรงใน ๓ จังหวัด ปัตตานี ยะลา นราธิวาส จะมีหนทางไหนที่จะนำความสงบร่มเย็นกลับคืนมา คุณภิญโญน่าจะตั้งโจทย์หาคำตอบอย่างต่อเนื่องและเข้มข้นต่อไป

และโครงการรับจำนำข้าวล่ะตกผลึก ได้บทสรุปแล้วรึยัง..รัฐบาลผิดหรือไม่ผิด?
นี่..เอาเรื่องที่เป็นความทุกข์เดือดร้อนของประเทศ และคนในชาติ มาคุยมาปรึกษาเพื่อหาทางแก้ปัญหาผ่านหน้าจอโทรทัศน์ ประโยชน์โพดผลก็ย่อมเกิด และคุ้มกับเงินภาษีของประชาชน ๒ - ๓ พันล้าน ที่ใช้เพื่อการดำเนินงาน และเงินเดือนของคุณภิญโญ

ขอโทษ..คุณภิญโญก็รักพ่อ และแน่นอนต้องไม่พอใจ ไม่สบายใจหากมีใครมาพูดให้กระทบกระเทือนจิตใจพ่อ ซึ่งเวลานี้คนไทยที่เขาเทิดทูนสถาบันรักในหลวง ต่างก็ให้รู้สึกเช่นนั้น

ลำพังที่พูดที่วิจารณ์กันอยู่เฉพาะกลุ่มคนก็ปวดร้าว คับแค้นใจเป็นที่ยิ่งนักแล้วสำหรับ "คนที่รักพ่อ" แล้วนี่คุณภิญโญเอาเวลาไทยพีบีเอสมา เปิดเป็นเวทีสาธารณะให้เขาพูดเขาวิจารณ์สถาบัน ก็เหมือนกับกระทืบซ้ำหัวใจหนักเข้าไปอีก

ก็ไม่อยากตำหนิติติงคุณภิญโญอีกแล้ว เพราะเดี๋ยวจะหาว่ามีอคติ..เอาเป็นว่า "ไหว้ล่ะนะ" หรือจะให้กราบก็จะยอมเดินไปหาขอ..หยุดทำร้ายจิตใจคนที่เขารักพ่อเสียทีเถอะ!


จากคอลัมน์ "วิสามัญบันเทิง"
นสพ.Xcite ไทยโพสต์ ๑๕ มี.ค. ๒๕๕๖








"คำสารภาพของขบวนการล้มเจ้า
และการแกล้งมองไม่เห็นปัญหาของนายกฯ ตระกูลชินวัตร ทุกคน"
นายซื่อตรงรักเมืองไทย


คำสัมภาษณ์ของขบวนการล้มเจ้า คำสัมภาษณ์ของ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ที่ปรากฎทางโทรทัศน์ของรัฐบาลที่มีกระบวนการกลั่นกรองมาแล้ว

คำถามแรก จุดยืนพีบีเอส ของผู้บริหารรุ่น ๒ ชุดนี้ คืออะไร และภิญโญ ไตรสุริยะธรรมา เป็นกลางจริงหรือเอียงข้าง?

และแล้วหางแดงก็โผล่ เมื่อ ภิญโญ ไตรสุริยะธรรมา พิธีกรและผู้กำหนดการนำเสนอเนื้อหาในรายการตอบโจทย์ ทางสถานีพีบีเอส ภายใต้หน้ากากว่าตัวเองเป็นกลางทางการเมืองมาตลอด ได้เผยธาตุแท้ตัวตนของตัวเองในเทปรายการ ๕ ตอนสำคัญที่ผ่านมา ภายหลังจากหลายคนสงสัยมานานว่า เหตุใดคุณภิญโญไม่เคยตอบโจทย์เรื่องทุจริตเงินกู้ ๓o ล้านของยิ่งลักษณ์ เรื่องทุจริตของรัฐมนตรีในโครงการต่างๆของครม.ยิ่งลักษณ์อย่างชัด ๆ ในโครงการถุงยังชีพน้ำท่วมหรือ ๓.๕ แสนล้านที่คนรอให้คุณภิญโญทำ

แม้กระทั่งเรื่องขายปตท.และเรื่องทุจริตจำนำข้าว ที่คนสงสัยกันทั้งบ้านทั้งเมืองเป็นช่วงเวลาติดต่อกันไม่ต่ำกว่า ๖ เดือน แต่คุณภิญโญกับทำเรื่องละตอนแบบเบา ๆ และแถมเปิดโอกาศให้คนในรัฐบาลมาแก้ตัวในทุกประเด็น ในขณะที่ตอน สถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้รัฐธรรมนูญ ๕ เมื่อวันที่ ๑๕ มีนาคม ที่ผ่านมาคุณภิญโญ กลับแสดงท่าทีตื่นตัว ตามผู้ร่วมรายการที่เลือกมาเอง เชิญมาเอง เปิดให้พูดเองยาว ๆ ถึงขนาดแตกตอนสถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้รัฐธรรมนูญ เป็นหลายตอน

คำตอบของคำถามแรกนี้ ชัดเจนว่า ภิญโญเป็นพวกไหน เพราะเมื่อย้อนไปดู รายการตอบโจทย์ทางทีวีไทย เมื่อ ๑๘ - ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๕๔ นายภิญโญ คนนี้บินไปด้วยตนเองถึงดูไบเพื่อสัมภาษณ์พิเศษทักษิณ ชินวัตร แล้วออกมาในรายการตัวเองถึง ๒ ตอน หวนนึกถึง ร.ท.หญิง สุณิสา เลิศภควัต ที่เคยกระทำเช่นนี้ขณะเป็นสื่อมวลชนช่อง ๕ แล้วเมื่อทุกคนถามว่าเธอถูกจ้างไปหรือเป็นลุกน้องคุณทักษิณหรือไม่ เธอยืนยันว่าเธอเป็นสื่อที่เป็นกลาง แต่มาวันนี้เธอคงไม่มีหน้าไปไหว้สื่ออาวุโสที่ไหนอีกต่อไปเพราะตอนนี้ชัดเจนแล้วว่าเธอคือรองโฆษกพรรคเพื่อไทย ..ถ้าเช่นนั้นแล้ว กิตติ สิงหาปัด ที่สไกป์สัมภาษณ์ ทักษิณ เปิดเวทีให้ทักษิณแก้ตัวกับสังคมผ่านช่อง ๓ เมื่อ ๓ ก.ค. ๕๔ ‫‏‬จริง ๆ แล้วเป็นกลางจริงหรือไม่ และที่น่ากลัวคือสถานีทีวีไทย ใครกันแน่ที่อยู่เบื้องหลังปล่อยมาได้อย่างไร? ใครกุมอำนาจช่องนี้ไปแล้ว

ขณะที่รายการตอบโจทย์ ตอน สถาบันพระมหากษัตริย์ ภายใต้รัฐธรรมนูญ ที่ยาวนานมา5ตอนนั้น บทสรุปที่ภิญโญพยายามจะสื่อสารกับประชาชน ถูกรวบสรุปอย่างชัดเจนในตอนที่5 ภายใต้ข้อเรียกร้อง ๗ ข้อที่ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล และพรรคพวกต้องการ ๗ ข้อ คือ

๑. ยกเลิก รัฐธรรมนูญ มาตรา ๘ คือต้องการให้ยกเลิกการให้ความสำคัญกับสถาบันพระมหากษัตริย์
๒. ยกเลิก ประมวลกฎหมายอาญา ม.๑๑๒ ว่าด้วยความผิดฐานหมิ่นสถาบัน และต้องการให้การกล่าวหมิ่น นินทา สถาบันสามารถทำได้โดยไม่ผิดกฎหมาย (ข้อนี้สำคัญและจะได้กล่าวต่อไปว่า สมศักดิ์ มีผลประโยชน์ทับซ้อนอะไรเบื้องหลังต่อเรื่องนี้)
๓. ยกเลิกรัฐธรรมนูญ มาตรา ๑๒ คือการยกเลิกการมี องคมนตรี ซึ่งเป็นตำแหน่งที่ตั้งโดยพระราชอัธยาศัยของพระมหากษัตริย์
๔. ยกเลิกพระราชบัญญัติทรัพย์สินฯ โดยสมศักดิ์ ต้องการให้โอนทรัพย์สินของสถาบันพระมหากษัตริย์ไปให้รัฐดูแลแทน
๕. ยกเลิกการถวายเงินโดยเสด็จพระราชกุศล โดย สมศักดิ์บอกว่านี่ไม่เป็นประชาธิปไตย
๖. ยกเลิกพระบรมราโชวาทในหลวง เนื่องจากสมศักดิ์มองว่าไปกระทบต่อการดำเนินการของการเมือง
๗. ให้รัฐยกเลิกการให้ข้อมูลในสถาบันการศึกษาในการให้ความสำคัญกับสถาบันพระมหากษัติย์
           
ประเด็นที่ต้องการถามเป็นคำถามต่อไป คือ

คำถามที่สอง สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ต้องการเรียกร้องเรื่องเหล่านี้เพื่ออะไร และ
คำถามที่สาม ใครอยู่เบื้องหลัง และหนุนหลัง สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

เบื้องต้น เราต้องรู้ก่อนว่า สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ปัจจุบันคือ อาจารย์ประจำภาควิชาประวัติศาสตร์ คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ และเป็นคนที่พยายามสร้างชื่อเสียงตัวเองในวงวิชาการว่าตนเองคือผู้เชี่ยวชาญในประวัติศาสตร์บทบาทของสถาบันพระมหากษัตริย์ ในช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง โดยอาศัยเงาตนเองในอดีตจากการเป็นแกนนำการปราศรัย ในช่วงเหตุการณ์ ๖ ตุลา จึงไม่แปลกที่จะมีคนบอกว่าอาจารย์คนนี้คุยอยู่เป็นระยะกับภูมิธรรม เวชยชัย

แต่ คำตอบของคำถามที่สอง สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล เคยเฉลย ไว้ด้วยตนเองมาแล้วในเวทีสัมนาคุยกันเองของ กลุ่ม ๒๔ มิถุนาประชาธิปไตยและไทยแลนด์มิลเลอร์ ณ อนุสรณ์สถาน ๑๔ ตุลา แยกคอกวัว วันอาทิตย์ที่ ๑๗ กุมภาพันธ์ ๒๕๕๖ หัวข้อเรื่อง "การเมือง ความยุติธรรม สถาบันกษัตริย์ " ที่มีพิธีกรวงเสวนาวันนั้นชื่อว่า จอม เพชรประดับ ที่บอกว่า สมศักดิ์ เฉลยไว้คือ สมศักดิ์พูดชัดทำนองว่า “ถ้าจะช่วยพวกของเราคือ สมยศ (พฤกษาเกษมสุข) สุรชัย หนุ่มและ... คือ การจะต้องแก้มาตรา ๑๑๒ ให้ได้นั้นยาก” นั่นแปลว่าเป้าหมายหลักชัดว่ากลุ่มเครือข่ายในวันนั้นซึ่งรวมสมศักดิ์ และจอม เพชรประดับ อยู่ด้วยนั้น ต้องการผลักดันการแก้ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา ๑๑๒ เพื่อตัวเอง เพื่อพรรคพวกเพื่อนฝูงตัวเอง ในภาษาอังกฤษเรามีคำว่า conflict of interest ซึ่งสิ่งที่นักวิชาการกลุ่มนี้ทำก็คงไม่ต่างกัน เพียงแต่เขาไม่มีอำนาจโดยตรงในการแก้ คำถามต่อคือ แล้วเขาจัดการเรื่องนี้อย่างไร นอกจากการการใช้ความเป็นนักวิชาการที่สังคมเชื่อถือในสถาบันการศึกษาชื่อดัง ยกสิ่งที่ตนเองคิดและจะทำเพื่อพรรคพวกขึ้นมาเป็นหลักวิชาการ
           
สู่ คำตอบของคำถามที่สาม ว่าใครอยู่เบื้องหลัง พบว่าในเวทีเสวนาในวันนั้น สมศักดิ์ พูดต่อในวงเสวนาเพื่อกล่อมกลุ่มคนเสื้อแดงที่มีแนวทางแตกต่างกันอย่างรุนแรงในตอนนี้โดยบอกว่า “มีทางเดียวที่จะแก้มาตรา ๑๑๒ สำเร็จ คือ ต้องอาศัยอำนาจบารมีระดับท่านทักษิณ มาเป็นคนจัดการเรื่องดังกล่าว ต้องให้ท่านทักษิณ ไปเจรจากับเจ้า” พูดถึงขนาดนี้ คงไม่ต้องคิดแล้วว่าสมศักดิ์เลิกศรัทธาสถาบันแล้วมาฝั่กใฝ่ใคร นอกจากนี้ ในวงเสวนาวันนั้น สมศักดิ์ยังพูดกล่อมบรรดานักวิชาการเสื้อแดงในวันนั้นถึงการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ว่าควรเลือกใครดี ในทำนองว่า “จริง ๆ ผมก็ไม่ชอบคุณพงศพัศเบอร์ ๙ แต่ถ้าเรามองภาพรวมในการช่วยเหลือ สุรชัย สมยศ หนุ่ม... ผมขอเลือกที่จะช่วยพรรคพวกดีกว่า”แปลว่าอะไรสื่อความได้ไม่ยาก ยิ่งประกอบกับความเป็นเครือข่ายเดียวกับนายภูมิธรรม แล้วด้วย จึงน่าคิดว่าเกี่ยวข้องอย่างไรกับพรรคเพื่อไทยหรือไม่
           
แต่ด้วยฐานะนายกรัฐมนตรีของไทย น.ส.ยิ่งลักษณ์  ชินวัตร ที่ต้องควบคุมและบริหารประเทศภายใต้รัฐธรรมนูฐบทบัญญัติว่าด้วยสถาบันฯ และความมั่นคงของรัฐ นายกรัฐมนตรีจะต้องเอาผิดกับผู้กระทำผิดกฎหมายเหล่านี้โดยไม่มีข้อบิดพริ้ว ต้องสั่งการตามอำนาจหน้าที่ไปยังกระทรวงมหาดไทย ตำรวจ และกระทรวงต่างประเทศ ให้จัดการกับพวกกระทำผิดกฎหมายเหล่านี้ให้หมด
           
หรือจะบอกว่าเป็นพรรคพวกตนเอง จึงไม่ทำ



"ฟ้าประทานสรรพสิ่งแก่ผู้คน
คนไม่ได้มอบสิ่งใดแก่ฟ้า"
(โกวเล้งจากล่าสุดขีด)


จากนสพ.แนวหน้า ๒๑ มี.ค. ๒๕๕๖








"บทเรียนจากอุบัติเหตุ 'ตอบโจทย์' คนข่าวคือแกนหลักของสื่อเสรี"
กาแฟดำ


การปกปักรักษาความน่าเชื่อถือ ของสถานีโทรทัศน์สาธารณะอย่าง ไทยพีบีเอส หมายถึง การส่งเสริมให้คนทำสื่อมืออาชีพมีอิสระ และสร้างผลงานมาตรฐานอย่างต่อเนื่องและเป็นระบบ

กรณี “ตอบโจทย์” เป็นเพียงส่วนหนึ่งของสถานี และเหตุที่เกิดขึ้นจนเป็นประเด็นถกเถียงกัน ก็เป็นปัญหาการบริหารภายใน มิใช่เรื่อง “ความเป็นอิสระ” ขององค์กรสื่อแห่งนี้

คน ไทยพีบีเอส มีความรู้ความสามารถและความกล้ามากมายหลายคน และผมเชื่อว่าส่วนใหญ่ก็เห็นด้วยกับการนำเอาประเด็น “ที่อยู่ในความมืดมาถกกันในที่สว่าง” ไม่ว่าจะเป็นประเด็น “ละเอียดอ่อน” เพียงใดในสังคมก็ตาม

เพราะว่าในสังคมประชาธิปไตย จะต้องไม่มีหัวข้อใดที่อยู่ใน “เขตห้ามเข้า” หรือ “เขตหวงห้าม”

แต่สังคมก็คาดหวังว่า สื่อมวลชนที่มีคุณภาพ จะมีความสามารถในการผสมผสาน “ศาสตร์” และ “ศิลป์” ในการนำเสนอเนื้อหาที่มีความสำคัญต่อบ้านเมือง และจะต้องหลีกเลี่ยงการนำเสนอ ไม่ว่าจะเป็นข่าว รายการ หรือทอล์คโชว์ ที่อาจจะสร้างความสับสน และตีความไปในทางลบได้ เช่น

๑. ต้องระวังไม่ให้ "ผู้ชม" ตีความได้ว่า การนำเสนอประเด็นใด ๆ มีลักษณะของการเป็น “วาระส่วนตน” ที่ต้องการผลักดันเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลด้านผลประโยชน์หรือความโน้มเอียงส่วนตน

๒. ต้องไม่ให้มี “ความร้อนแรง” แต่ไร้ “แสงสว่าง” ในการนำเสนอ ซึ่งแปลว่า ต้องไม่ใช่มีแต่ heat แต่ไม่มี light อันหมายถึง "ลีลานำเสนอ" ที่ดุเด็ดเผ็ดมัน แต่ไม่มีเนื้อหาที่จะให้ความสว่างกับสังคมได้ จนดูเหมือนว่ามี “ความมัน” แต่ขาด “การทำความเข้าใจ” โดยเฉพาะเรื่องราวที่มีความสลับซับซ้อนและสุ่มเสี่ยงจะสร้างความเข้าใจผิด ในคนบางหมู่บางเหล่าได้

๓. การให้ทุกฝ่ายได้มีโอกาสนำเสนอความเห็นของตน ในประเด็นที่กำลังเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางนั้น คนมีประสบการณ์การทำทีวี จะตระหนักว่าบางครั้งเพียงแค่การให้แต่ละคนแต่ละฝ่ายได้พูดแล้ว แต่ออกอากาศคนละวัน ก็ทำให้เกิดเสียงวิจารณ์จากอีกฝ่ายหนึ่งได้เสมอ เพราะแม้ว่าจำนวนนาทีจะเท่ากัน แต่ออกอากาศต่างวาระกัน หรือคนละวัน ก็อาจจะยังทำให้เกิดข้อกล่าวหา “ความไม่เป็นธรรม” ได้...ดังนั้น ในหลาย ๆ โอกาสจึงจำเป็นต้องใช้วิธีการนำเสนอที่แตกต่างไปจากการสัมภาษณ์ “วันละคน” ...อย่างที่เป็นตัวอย่างที่ทำให้เกิดปฏิกิริยาจากคนบางกลุ่มในบางวัน การนำเสนอรูปแบบอื่น นอกเหนือจาก Talk Show ที่ให้หลายฝ่ายได้แสดงความเห็นแตกต่างกันในโอกาสเดียวกัน จึงเป็นวิธีการที่ได้ผลในการสื่อสาร และสร้างความเข้าใจให้กับสังคมมากกว่า

๔. คนทำทีวีต้องสำเหนียกว่า วาทะและวลี ที่ออกอากาศนั้น มีส่วนผสมของ “อารมณ์” และ “ความรู้สึก” มากกว่าการอ่านหนังสือ ซึ่งอ่านผ่านแล้วกลับมาอ่านย้อนได้ แต่ถ้อยวลี สีหน้า และลีลาบนจอทีวี ตอกย้ำคติ และความชอบไม่ชอบของคนได้มากกว่าหลายเท่า จึงต้องระมัดระวังในการนำเสนอกว่าการทำหนังสือพิมพ์อย่างยิ่ง

๕. ความเป็นอิสระของ ไทยพีบีเอส จะยั่งยืนสมดั่งความหวังของคนไทยได้ ก็ต่อเมื่อมีการบริหารผังรายการ และการนำเสนอข่าว และรายการที่เกี่ยวโยงกับข่าวไปในทิศทางเดียวกัน มีการฟังความเห็นจากประชาชนอย่างกว้างขวางตลอดเวลา และเปิดโอกาสให้มืออาชีพด้านสื่อมวลชนรุ่นใหม่ๆ ได้เข้ามาฝึกปรือทำหน้าที่อย่างเข้มข้น ภายใต้การฝึกซ้อมตามมาตรฐานสากล ไม่ถูกครอบงำโดยคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นนักการเมือง เอ็นจีโอ หรือกลุ่มคนที่ตั้งตนเป็น “ปัญญาชนหัวก้าวหน้า” ที่มักจะอ้างว่าเข้าใจ “รากหญ้า” มากกว่าคนอื่น ๆ ในสังคม

๖. แต่ท้ายที่สุดแล้ว การจะสร้างสถานีทีวีสาธารณะ ให้เป็นที่พึ่งพาของประชาชนคนไทยได้อย่างแท้จริงและยั่งยืน อยู่ที่การสร้างคนทำสื่อวิชาชีพให้ทำหน้าที่ของตนอย่างเสรี ซื่อสัตย์ รับผิดชอบ และปรับตัวทันกับความเปลี่ยนแปลงของสังคม และพร้อมจะยืนหยัดต่อสู้กับการข่มขู่คุกคามใดๆ ไม่ว่าจะในรูปแบบเก่าที่จับต้องได้ไม่ยาก หรือการแฝงตัวเข้ามาหยิบฉวยโอกาสให้กับตนหรือกลุ่มตน ในนามของผู้หวังดีแต่ประสงค์ร้าย แต่ไม่ใส่ใจ ที่จะเป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการ ที่เหนื่อยยากในการบ่มเพาะสร้างบ้านหลังนี้ ด้วยอิฐทีละก้อนสองก้อนเพื่อความมั่นคงระยะยาว

ผมขอคารวะต่อคนข่าว คนทำรายการ คนหน้าจอ และหลังจอของ ไทยพีบีเอส ทุกคนที่ถามตัวเองทุกวันกับทุกข่าวที่ทำว่า “พรุ่งนี้ของไทยพีบีเอสต้องดีกว่าวันนี้ได้อย่างไร?”

กรณี “ตอบโจทย์” เป็นเพียงอุบัติเหตุเล็กน้อย บนเส้นทางของการสร้างสื่อสาธารณะ ที่จะเป็นสมบัติของสังคมที่ยั่งยืน น่าเชื่อถือ และพึ่งพาได้ในทุกสถานการณ์


จากนสพ.กรุงเทพธุรกิจ ๒o มี.ค. ๒๕๕๖








"มีอยู่ใบเดียว"
สันต์ สะตอแมน


ท่ามกลางผู้คนที่ชุลมุนชุลเกส่งเสียงโหวกเหวกในการช่วยกันสาดน้ำดับไฟ และขณะที่ฝ่ายหนึ่งพยายามที่จะสกัดเปลวเพลิงไม่ให้ลุกลามเผาไหม้ประเทศ อีกฝ่ายทั้งหัวหงอกหัวล้านก็คล้ายจะยิ่งสุมไฟ ทั้งๆ ที่ไม่รู้จะตายวันตายพรุ่ง ยังทำเป็นปากเก่งอวดดี ยกหาง.. "นักวิชาการฉลาดกว่าทหารทุกคน" โถ..ไอ้แก่!

ก็คงสมใจ สมเจตนารมณ์คุณภิญโญ ผู้จุดไม้ขีดแล้วสินะ ส่วนจะมีการตกรางวัลจากใครหรือไม่นั้น อย่าไปดูถูกดูแคลนเกียรติ-ศักดิ์ศรีพิธีกรราย การ "ตอบโจทย์ประเทศไทย" ท่านเลย

คนอย่างคุณภิญโญไม่มีหรอกที่จะยอมเสียเกียรติภูมิ ทำรายการเพื่อที่จะ "แบมือ" รับเงินใคร

แต่เกียรติภูมิในความเป็นสื่อ ผมชักไม่แน่ใจแล้วล่ะ คุณภิญโญจะยังภูมิอกภูมิใจอยู่สักแค่ไหน เพราะวาระซ่อนเร้นที่แฝงอยู่ภายในใจ เริ่มที่จะไม่อาจปิดบังสายตาประชาชนได้อีกต่อไปแล้ว

ทางที่ดี ที่ควร คุณภิญโญลาออกจากรายการตอบโจทย์ฯ ไปให้พ้นช่องไทยพีบีเอสเถอะครับ แล้วโน่น..ไปอยู่กับ "วอยซ์ทีวี" ที่นั่นน่ะ เหมาะและลงตัวกับท่าน จะเปิดเผยธาตุแท้และความต้องการอะไร อย่างไร ก็ทำให้สุดกำลัง ไม่มีใครเขาด่าว่าท่านได้

ที่สำคัญได้โปรดเห็นใจ สงสารคนทำงานในไทยพีบีเอสทุกตำแหน่งทุกแผนกที่ได้ทุ่มเทพลังวังชาทั้งร่างกาย-สมอง สร้างองค์กรแห่งนี้ให้เป็น "ทีวีสาธารณะ" เพื่อประโยชน์ของคนทั้งประเทศอย่างมุ่งมั่นมาแต่แรกเปิดจอ

แล้ววันนี้..คุณภิญโญอยากเห็นองค์กรทรุดพังคลืนด้วย "วาระแฝง" ที่ซ่อนอยู่ในใจของตัวเองเพียงคนเดียวกระนั้นหรือ?

ผมไม่ได้หมายว่าคุณภิญโญเป็น "แกะดำ" และไม่ได้โทษคุณภิญโญเป็นผู้สาดโคลนใส่ไทยพีบีเอสให้เปรอะเปื้อน เพียงแค่จะบอก..อย่าทำให้องค์กรของพวกเขาเสื่อมศรัทธาให้มากไปกว่านี้เลย

คุณสมชัย สุวรรณบรรณ นั่นก็ด้วย ตำแหน่งผู้อำนวยการไทยพีบีเอส ก็เพิ่งจะมารับช่วงต่อจากคุณเทพชัย หย่อง ผลงานยังไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันให้พอได้เห็นได้จับต้อง ก็น่าจะลองใช้ความกล้า ตัดสินแก้ไขปัญหากรณีตอบโจทย์ฯ ดูสักเรื่อง

และที่พูดว่า.. "ปัญหาเฉพาะหน้าคือ จะทำอย่างไรให้รายการตอบโจทย์ฯ ดำเนินต่อไป" นั้น ถามจริงยังมีความคิดและกะจิตกะใจจะให้มีการวิพากษ์วิจารณ์สถาบันต่อไปกระนั้นหรือ?

อีกนิด..ที่ว่า "ขณะที่สื่อสาธารณะในประ เทศที่เป็นสังคมประชาธิปไตย จะมีความเสรีภาพจากการแทรกแซงจากทุกกลุ่ม" ผมเชื่อและเห็นด้วย แต่ถามคุณสมชัยสิว่า มีกลุ่มคนกลุ่มไหนไปแทรกแซงการทำหน้าที่สื่อของไทยพีบีเอสล่ะ

ผมเห็นก็แต่ การแสดงออกของคนไทยจากทุกสาขาอาชีพที่รักในหลวง เชิดชูสถาบัน ด้วยการเดินไปถามถึงสถานีบ้าง ถามในโลกอินเทอร์เน็ตบ้าง ถามผ่านสื่อบ้าง และทั้งถามตรง ๆ เอากับคุณภิญโญอย่างผม ที่ว่า..

คุณภิญโญต้องการจะตอบโจทย์อะไรให้กับสังคมไทยหรือ?

ผม-เขาไม่ได้แทรกแซง แค่ต้องการจะรู้เหตุผล ทำไมถึงต้องเอาเวลาของทีวีที่ใช้เงินจากภา ษีประชาชน เปิดเวทีให้คนฉลาดพูดจาทำร้ายจิตใจคนไทย แต่แทนที่คุณสมชัยจะตอบ กลับไปพูดถึงการเลือกฝ่าย..

ไม่ต้องเลือกหมวกใบไหนหรอก อย่างคุณมีอยู่ใบเดียว..ต้องปกป้องสถาบัน!


จากคอลัมน์ "วิสามัญบันเทิง"
นสพ. Xcite ไทยโพสต์ ๒๒ มี.ค. ๒๕๕๖









ชม ฟัง ตอบโจทย์ตอนที่ ๕ จบแล้ว ข้าพเจ้ามีความเห็นดังนี้

ธรรมศาสตร์จ้างคนอย่างสมศักดิ์เป็นอาจารย์ได้ไง?

สมศักดิ์พร่ำพูดแต่เรื่องประชาธิปไตย ความเปลี่ยนแปลงของโลก แต่ความคิดสมศักดิ์ไม่เคยเปลี่ยนเกี่ยวกับแนวคิดต่อสถาบันกษัตริย์

การเปิดโอกาสให้คน ๒ คนพูด ๓ - ๔ รอบ ไม่สะท้อนให้เห็นความหลากหลายของความคิด เพราะทั้งคู่มี mindset เกี่ยวกับสถาบัน เหมื่อนแผ่นเสียงตกร่องเอามาเปิดในที่แจ้ง

ไม่ก่อประโยชน์อะไรเลยนอกจากเป็นนาทีทองของสมศักดิ์ จากนี้ไปจะเดินถนน ไปไหนมาไหนสบายใจหรือ?

ขอท้าอีกครั้ง!!

พวกที่ยกตัวเองว่าเป็นนักวิชาการอย่าง สมศักดิ์เจียม เกษียร สุดา แก็งค์ วรนุช นิติราษฎร์ และพวกนัีกวิชาการมหาวิทยาลัยเที่ยงคืน และพวกนักวิชาการไม่ต้องการสถาบันเจ้าทั้งหลาย

ถ้าคิดว่าตัวเองมีความรู้ ความสามารถ หากินเองได้ มีคนยอมรับในสังคม ขอให้ลาออกจากมหาวิทยาลัยของรัฐ เลิกทำตัวเป็นกาฝากแอบเกาะกินเงินเดือนจากสถาบันการศึกษาภาครัฐ

สิ้นสภาพความเป็นครู อาจารย์ไปแล้ว ออกแนวเป็นขบวนการขี้ข้าเหลี่ยม

ให้ไปหากินในภาคเอกชน ดูซิว่าจะมีองค์กรไหนว่าจ้าง

ถ้าอยากด่าพ่อของแผ่นดิน เชิญด่าพ่อแม่ของตัวเองก่อน

เลิกใช้ธนบัตรไทย ถ้าไม่ชอบพระมหากษัตริย์

ถ้าอึดอัดกับสถาบันกษัตริย์ ควรอพยพโคตรเหง้าไปอยู่แผ่นดินอื่น

ถ้าไม่รับคำท้า ถือว่าพวกเอ็งกระจอกฟ่ะ!! บ่องตง!!


จาก เฟซบุคโสภณ องค์การณ์






กรณีรายการตอบโจทย์

จะแบนตัวเอง หรือถูกแบน จะเป็นการวางแผนหรือโดยบริสุทธิ์ใจ มาถึงตรงนี้ผมว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญ

เรามามองอนาคตกันดีกว่าครับ

สำหรับผม ไทยพีบีเอสคือตัวเลือกที่ดีที่สุดในการดูข่าวจากช่องฟรีทีวี ที่มีอยู่ทั้งหมดหกช่องตอนนี้บนหน้าจอทีวีของไทย

ตอบโจทย์ก็ถือเป็นรายการ Hard Talk ที่ผมชอบดูที่สุดเช่นกัน

ไม่ขอพูดถึงเรื่องเนื้อหาที่เป็นประเด็นอยู่ตอนนี้แล้วกันนะครับ

สิ่งที่ผมอยากนำเสนอต่อจากนี้คือ ในฐานะที่ไทยพีบีเอสเป็นทีวีสาธารณะ สถานีนี้ควรจัดเวลาให้แต่ละฟากฝั่งทางการเมืองได้มีพื้นที่สื่อบนฟรีทีวีเป็นของตัวเอง

หลังข่าวภาคค่ำจบ ตามด้วยรายการของรัฐบาล จบปุ๊บต่อด้วยรายการของฝ่ายค้าน จบปุ๊ปต่อด้วยรายการภาคประชาชน หรือจะมีอีกกี่ฝ่ายก็ลองคิดกันดู โดยเนื้อหาที่นำเสนอบางเทปอาจเป็นเรื่องเดียวกัน แต่มุมมองที่ผู้ชมได้จะแตกต่างกัน เอาแบบนี้เลยผมว่าน่าจะดี

เช่นเรื่องเงินกู้ จำนำข้าว หรือสถาบันพระมหากษัตริย์ ฯลฯ รัฐบาลมองอย่างไร ฝ่ายค้านมองอย่างไร ประชาชนมองอย่างไร ก็ว่ากันไปโดยใช้เวลาที่ตนเองมีจากที่สถานีจัดให้

ซัดกันตรง ๆ จัดกันหนัก ๆ เอาความจริงที่แต่ละกลุ่มคิดเห็นมานำเสนอ

บางทีการแก้ปัญหารายการอคติเอียงข้างอาจหมดไป จากการจัดให้รายการเหล่านั้นมาอยู่ติดกัน บนสถานี "ฟรีทีวี" ช่องเดียวกัน

และท้ายสุดประชาชนจะเป็นผู้ตัดสินเอง


จาก เฟซบุค JudgeJudd


บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่


Free TextEditor





Create Date : 22 มีนาคม 2556
Last Update : 30 มีนาคม 2556 3:59:00 น. 0 comments
Counter : 2501 Pageviews.

haiku
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 161 คน [?]




New Comments
Friends' blogs
[Add haiku's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.