|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
งานศิลปะในพระเมรุสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ

พระฉายาลักษณ์จากเวบ chaoprayanews
ดวงแก้วจากฟ้า - เจ้าฟ้าเพชรรัตน์
 | |  | |
เพลงดวงแก้วจากฟ้า
เนื้อร้อง : ไกวัล กุลวัฒโณทัย, ชัชพล ไชยพร ทำนอง - เรียบเรียง : ไกวัล กุลวัฒโณทัย ขับร้อง: ธีรนัย ณ หนองคาย
คือดวงแก้วแววฟ้า จรัสแสงงามตา ดาราแห่งฟ้ายามค่ำ ราตรีคงมิดมืดดำ หากดาวดวงนั้น ไม่พราวแสงพราย คือลมโบกโบยพลิ้ว ผ่านพฤกษ์ไพรลิ่ว บรรเทาที่ร้อนให้คลาย ที่ใดทุกข์ก็สลาย กลายเป็นชื่นเย็นทั่วแดน
งามเงาดุจดังเพชร งามเก็จแก้วยอดมณีพระมงกุฎ ผุดผาดบริสุทธิ์ มิ่งฟ้ามิ่งขวัญภูมี หลักธรรมของปวงไทย หลักใจของจักรี เอกองค์อัจฉริยะ ล้ำเลิศนารี เพียงเเสงรวีส่องฟ้า
ดั่งฝนชโลมจากสวรรค์ ดั่งแสงพระจันทร์ส่องหล้า ดั่งทอรุ้งประกาย พรายพริ้งเวหา ให้โลกาได้ชมชื่นชีวิน หยาดน้ำทิพย์โปรยละอองใส หยาดเย็นหัวใจหลั่งริน ให้ดอกไม้บาน บานทั้งแผ่นดิน ดั่งมาลัยบูชาเหนือเกล้า
โอ้ดวงแก้วแววขวัญ ส่องโสภาพัณณ์ ดาวบรรเจิดแสงแรงกล้า คือดาวสุดสูงยิ่งกว่า แก้วเพชรแห่งฟ้าทั้งปวง.
| |  | |  |
ต้องขออำภัยที่หายหน้าไปซะหลายวัน ใกล้สงกรานต์งานเข้าติด ๆ กันเลยค่ะ ห่างบล็อกไปหลายวัน คิดถึงบล็อกกับเพื่อน ๆ ชะมัด บล็อกเก่าชักจะดองนานเกิน ต้องหาเวลาเขียบล็อกใหม่ ครั้นจะอัพบล็อกฉลองสงกรานต์ก็คงไม่ค่อยเหมาะเท่าไหร่ เพราะอยู่ในช่วงไว้ทุกข์ถวายเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดินอยู่ นั่งชมถ่ายทอดสดงานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ ได้เห็นงานศิลปะอันงามวิจิตรและวัฒนธรรมอันสูงส่งของไทยแล้วขนลุก ตื่นตาตื่นใจ และภูมิใจเป็นที่สุด เขียนบล็อกนี้ด้วยสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของบูรพมหากษัตริย์ และในหลวงที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้จัดงานพระราชพิธีนี้ ทำให้ทั้งโลกได้รู้ว่าคนไทยมีวัฒนธรรมและประเพณีอันงดงามยากจะหาใครมาเทียบได้
ขอแสดงความชื่นชมและยกย่อง พล.อ.ต.อาวุธ เงินชูกลิ่น อดีตอธิบดีกรมศิลปากร ซึ่งเป็นผู้ออกแบบพระเมรุ และอาคารประกอบพิธีงานพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพ และ คุณสุกุมล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รวมไปถึงเจ้าหน้าที่ ช่างฝีมือ และคนทำงานอยู่เบื้องหลังทุกท่าน ที่ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างพระเมรุออกมาได้งดงามเหลือเกิน ไม่แค่องค์พระเมรุเท่านั้น แต่การออกแบบภูมิทัศน์โดยรอบก็งามไม่แพ้กัน  
ชมงานพระราชพิธีนี้แล้วอยากเขียนบล็อกมาก ลองไปหาข้อมูลในเวบดู มีเวบที่เขียนถึงงานศิลปกรรมในพระเมรุ ค่อนข้างยาวหน่อย แต่อ่านแล้วได้ความรู้ประดับสมองดีค่ะ ใครดูทีวีแล้วอยากชมของจริงก็แวะไปชมได้ เขาเปิดให้ชมถึงวันที่ ๑๗ นี้ เริ่มเวลาเก้าโมงถึงทุ่มนึง
ก่อนอื่น ขอยกส่วนหนึ่งจากข้อเขียนของ คุณเปลว สีเงิน จากคอลัมน์ คนปลายซอย มาให้อ่านกัน คุณเปลวเขียนถึงพระราชพิธีไว้ดีมาก ๆ 

ภาพจากเวบ oknation.net
"กราบส่งเสด็จ "สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี" และกราบด้วยรำลึกถึงบูรพกษัตราธิราชไทยทุกพระองค์ ด้วยจิตภักดีและซาบซึ้งในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงก่อร่างสร้าง "แผ่นดินสยาม" ไว้ให้ มิเพียงเท่านั้น ยังทรงสร้างสรร-จรรโลงระเบียบแบบแผน วัฒนธรรมประเพณี เป็นศรี-เป็นศักดิ์ทรงเอกลักษณ์แห่งสยามอารยะ ทุกอย่างในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพครั้งนี้ ประหนึ่งว่า ทวยราษฎร์ส่งเสด็จ ฟ้าก็ชะลอลงมา รับเสด็จ "เจ้าฟ้า" คืนสู่ฟ้า สูงส่ง-ทรงเอกลักษณ์...นามไทย ชนทั้งโลกยกย่องไว้
แลดังนี้ จะเป็นได้ไฉน ที่คนไทยจะไม่รักแผ่นดิน!? ผมเฝ้าหน้าจอโทรทัศน์ ใจจดจ่อ ตั้งแต่พระมหาพิชัยราชรถเคลื่อนไปยังหน้าวัดโพธิ์ ท่าเตียน (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม) ในเช้าตรู่ของวันที่ ๙ เมษายน ๒๕๕๕ ถึงเช้า ท้องฟ้าเคลียร์ใส แต่อากาศร้อนอบอ้าวแต่เช้า ขณะขบวนอัญเชิญพระโกศสู่พระเมรุ ณ ท้องสนามหลวง ตอนเที่ยงฝนก็เทลงมา ท่ามกลางประชาชนทั้งที่ร่วมในขบวนและที่เรียงรายตามฟากถนน แต่มวลมหาชนมีแต่ยินดี ฝนหยุดเม็ด อากาศที่ร้อนอ้าว แดดกระไอเปรี้ยง พลันมีแต่ความเย็นสบายเคลียคลุม พระอาทิตย์หรุบแสงสงบในม่านเมฆ แต่ฟ้าใสไร้พยับฝน บรรดาแขกเหรื่อ และประชาชนมากมายจึงอยู่ใต้เงาฟ้า ศิระร่มเย็นตลอด ไม่ร้อนอย่างที่หวั่นวิตกกันแต่แรก ๆ กระทั่ง "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ" เสด็จฯ โดยรถยนต์พระที่นั่งจากโรงพยาบาลศิริราชมายังราชวัติพระเมรุ ณ มณฑลพิธีท้องสนามหลวงตอนบ่าย ๔ โมงครึ่ง ท้องฟ้าก็ยังคงร่มเย็น สบาย อากาศใส โปร่ง และร่มเย็น-สบาย ทั่วปริมณฑลเช่นนั้นตลอดไป จนทิวาผ่าน ราตรีกาลเข้ามาแทน ไม่มีทั้งฝน ไม่มีทั้งแดด ทั้งแขกเหรื่อและมวลพสกล้วนเย็นกาย แต่ตื่นตา-ตื่นใจในพระเมรุมาศ ช่างงามกระไร งามด้วยศิลป์ไทย
แลโลกไหนจะเหมือน!

ขอถวายอาลัย น้อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย ดวงแก้วแห่งมงกุฎเกล้า สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม บล็อกเกอร์ ไฮกุ
  


พระเมรุสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี
หลังจากเสร็จสิ้นพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดา สิริโสภาพัณณวดี ณ บริเวณมณฑลพิธีท้องสนามหลวงแล้ว กรมศิลปากร กระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) จะเปิดให้ประชาชนได้เข้าชมความงามของพระเมรุ และอาคารประกอบพระเมรุในครั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ ๑๑ - ๑๗ เมษายน ๒๕๕๕ ระหว่างเวลา o๙.oo - ๑๙.oo น.

ก่อนที่จะเข้าชมพระเมรุ เรามาเรียนรู้เกี่ยวกับพระเมรุกันก่อนว่ามีความเป็นมาอย่างไร พระเมรุ ในพระราชพิธีพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ เป็นอาคารทรงสี่เหลี่ยมย่อมุมไม้สิบสอง ยอดทรงมณฑปแปลง มีมุขยื่นทั้ง ๔ ด้านสร้างขึ้นบนฐานชาลาใหญ่ ความสูงถึงยอดฉัตร ๓๕.๕๙ เมตร

มุขด้านทางทิศตะวันตกเป็นทางเสด็จพระราชดำเนิน มุขทางด้านทิศเหนือมีสะพานเกรินอัญเชิญพระโกศขึ้นประดิษฐานเหนือพระจิตกาธาน มุขหลังด้านทิศตะวันออกเป็นพื้นที่วางเตาเผาพระศพ บริเวณชานชาลาทุกด้านมีบันไดขึ้นลง รายล้อมด้วยรั้วราชวัติ ฉัตร โคม และเทวดาอัญเชิญฉัตรประกอบพระอิสริยยศ

ฉากบังเพลิงด้านหน้า
และ ที่งดงามไม่แพ้กัน เห็นจะเป็นฉากบังเพลิง ที่ใช้บังสายตาและบังลม มีลักษณะเป็นฉากพับติดไว้กับเสาพระเมรุทั้ง ๔ ด้าน ด้านหน้าเขียนรูปเทวดา ด้านหลังเป็นลายดอกกุหลาบ

ฉากบังเพลิงด้านหลัง
อีกชิ้นที่ต้องใช้ฝีมือชั้นสูง คือ พระโกศจันทน์ ซึ่งประชาชนจะได้เห็นเมื่อได้เข้าไปชมภายในพระเมรุ พระโกศจันทน์ ประกอบด้วยลวดลายทั้งหมด ๕๗ ลาย มีชิ้นส่วนทั้งสิ้น ๘,๓๒o ชิ้น การสร้างต้องใช้ความอดทน เนื่องจากต้องฉลุลายจากไม้จันทน์หอม กว่าจะได้แต่ละชิ้นก็ต้องใช้ระยะเวลา

พระโกศจันทน์
ศิลปกรรมที่เห็นได้เด่นชัดอีกชิ้นหนึ่ง คือ เทวดารอบพระเมรุ และสัตว์หิมพานต์ ซึ่งครั้งนี้มีเทวดาประดับรอบพระเมรุ ๓o องค์

เทวดารอบพระเมรุ
ส่วนสัตว์หิมพานต์นั้น ประดับบริเวณเขามอ เขาจำลองป่าหิมพานต์รอบพระเมรุ ประดับไว้ ๑๖o ตัว มีลักษณะแตกต่างกันออกไป อาทิ กินนร กินรี นรสิงห์ นรปักษาไกรสร นางโสมสุดา ลียะวณิช อธิบดีกรมศิลปากร อธิบายถึงการออกแบบพระเมรุตามคติไตรภูมิ มีเขาพระสุเมรุเป็นศูนย์กลางมณฑลจักรวาลบนยอดพระสุเมรุคือสรวงสวรรค์ทิพย วิมานที่สถิตย์ของเทพยดา เขาพระสุเมรุรายล้อมด้วยสัตตบริภัณฑ์ ที่เชิงเขา พระสุเมรุคือป่าหิมพานต์มีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์คือสระอโนดาต ที่อยู่ของสัตว์ในจินตนาการนานาชนิด

ฝีมือปูนปั้นโดยช่างผู้ชำนาญ งานปั้นปูนสด (ช่างสมชาย บุญประเสริฐ เป็นหัวหน้าคณะ แบ่งงานให้ช่างปั้นจากจังหวัดเพชรบุรีและสุพรรณบุรี ทั้งหมด 24 คน เป็นผู้ออกแบบและปั้นสัตว์หิมพานต์นานาชนิด มีสวนนงนุช จังหวัดชลบุรีเป็นผู้รับผิดชอบ ต้นไม้ประดับโดยรอบบริเวณพระเมรุและอาคารประกอบทั้งหมด

ถัดมาจากองค์พระเมรุ จะเจอกับซ่าง คือ อาคารที่สร้างบนฐานชาลาพระเมรุทั้ง ๔ มุม เป็นที่สำหรับพระพิธีธรรม ๔ ชุด สลับกันสวดพระอภิธรรมตลอดงานพระราชพิธี ตั้งแต่เชิญพระโกศพระศพประดิษฐานบนพระจิตกาธานจนเสร็จการพระราชทานเพลิง

ซ่าง
ลงมาทางด้านทิศตะวันออกของพระเมรุหลังเตาเผาพระศพ จะพบกับหอเปลื้อง เป็นอาคารขนาดเล็กชั้นเดียวหลังคาจั่ว ยกคอสอง มีหลังคาปีกนกโดยรอบ มีผนังโดยรอบ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระเมรุ เป็นที่เก็บพระโกศและเครื่องประกอบ หลังจากที่เปลื้องออกจากพระลองแล้ว และสำหรับเก็บเครื่องใช้เบ็ดเตล็ดในช่วงการพระราชทานเพลิงพระศพ

หอเปลื้อง
กลับมาทางด้านทิศตะวันตกของพระเมรุ เป็นพระที่นั่งทรงธรรม สำหรับพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวประทับขณะบำเพ็ญพระราชกุศล มีบริเวณสำหรับพระบรมวงศานุวงศ์ ข้าราชบริพาร ทูตานุทูต นายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีเฝ้าฯ รับเสด็จ

พระที่นั่งทรงธรรม
นอกจากนี้ยังมีศาลาลูกขุน ทับเกษตร อาคารขอบเขตมณฑลพิธี ทิม ที่พักพระสงฆ์ รั้วราชวัติและเสาโคม ซึ่งความงดงามของสถาปัตยกรรมไทยเหล่านี้หาชมไม่ง่ายนัก

ศาลาลูกขุน

ทับเกษตร
"ทิม" คือที่พักของพระสงฆ์ แพทย์หลวง และเจ้าพนักงาน และเป็นที่ประโคมปี่พาทย์ประกอบพิธี สร้างติดแนวรั้วราชวัติ มีลักษณะเป็นอาคารชั้นเดียว หลังคาใช้เต็นท์ผ้าใบกันน้ำทรงจั่ว ตกแต่งปลายจั่วเป็นหน้าเหรา ยอดจั่วเป็นหน้ากาล

ทิม
"รั้วราชวัติและเสาโคม" เป็นแนวกำหนดขอบเขตปริมณฑลพระเมรุ สร้างต่อเนื่องไปกับทิมและทับเกษตร รั้วเป็นเหล็ก โปร่งสูง ๙o เซนติเมตร ประดับดอกประจำยามหล่อด้วยไฟเบอร์กลาส ตกแต่งเสารั้วด้วยโคมไฟแก้วขนาดเล็ก ส่วนเสาโคมส่องสว่าง ตั้งอยู่ที่ทางเข้าทั้งสี่ด้าน และเรียงรายอยู่ในเขตมณฑลพิธี ยอดเสาเป็นโคมแก้วลักษณะเดียวกับที่รั้วราชวัติ แต่มีขนาดใหญ่กว่า ยอดโคมเป็นยอดมงกุฎสีทอง เพื่อแทนความหมายของการเป็นดวงแก้วแห่งพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว

รั้วราชวัติและเสาโคม
ชมความงดงามของพระเมรุกันจนเพลินแล้ว รู้หรือไม่ว่า สิ่งที่ได้ชมนั้นมีที่มาที่ไปทั้งหมด มีคติความเชื่อและคติธรรมที่น่าสนใจอยู่ โดย พล.อ.ต.อาวุธ เงินชูกลิ่น ผู้ออกแบบพระเมรุ อธิบายความเชื่อเรื่องเขาพระสุเมรุไว้ว่า เขาพระสุเมรุเป็นที่สถิตของเทพยดาทั้งหลาย เมื่อเรามีคติความเชื่อว่า คนที่ตายแล้วจะกลับไปสู่สวรรค์

พลับพลายกหน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท
พลับพลายกหน้าพระที่นั่งสุทไธสวรรย์ปราสาท เป็นที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน ขณะทอดพระเนตรริ้วขบวน มีลักษณะเป็นอาคารสี่เหลี่ยมผืนผ้า หลังคาทรงปะรำ (หลังคาเรียบ) ประดับด้วยกระจัง เชิงชายแบบลูกฟักตกแต่งด้วยลายเฟื่อง ลูกฟักผนังอาคารเป็นลายโค้ง มีความนุ่มนวลเหมาะกับการเป็นอาคารที่ประทับของเจ้านายผู้หญิง

ความเชื่อเรื่องเขาพระสุเมรุมีพูดถึงในไตรภูมิ เป็นเรื่องของภูมิจักรวาล ซึ่งเป็นความเชื่อในพุทธศาสนามีลักษณะเป็นที่อยู่ของเทวดา ตีนเขาเป็นป่าหิมพานต์ จากความคิดเรื่องนี้จึงได้จำลองพระเมรุมาศ พระเมรุ เป็นเสมือนเขาพระสุเมรุและสัตบริภัณฑ์ เพื่อส่งเสด็จสู่ทิพยพิมาน โดยสถานที่ประกอบพิธีเดิมนั้นมักเรียกกันว่า ทุ่งพระเมรุ ซึ่งปัจจุบันคือ ท้องสนามหลวง

บริเวณหน้าบันประดับด้วยอักษรพระนามย่อ "พร"
ขณะที่ นายสาคร โสภา รองผอ.ฝ่ายบริหาร วิทยาลัยช่างศิลป์ สถาบันบัณฑิตพัฒนศิลป์ ในฐานะผู้เชี่ยวชาญศิลปกรรมไทยผู้เขียนลวดลายฉากบังเพลิง เล่าถึงคติธรรมที่แฝงไว้ในฉากบังเพลิงว่า ฉากบังเพลิงมีความงดงาม ด้านหน้าเป็นรูปเทวดา ด้านหลังเป็นรูปดอกกุหลาบ ซึ่งการเขียนรูปดอกกุหลาบ เนื่องจาก สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอ เจ้าฟ้าเพชรรัตนฯ ทรงโปรดดอกกุหลาบเป็นอย่างมาก การออกแบบจึงได้นำลวดลายดอกกุหลาบมาเขียนไว้ที่ฉากบังเพลิง ส่วนฉากบังเตานั้น ได้ออกแบบเป็นรูปดอกบัว ๔ เหล่า เพื่อแฝงคติธรรมตามหลักพระพุทธศาสนาไว้ เพื่อให้ประชาชนได้เรียนรู้ ซึ่งนับตั้งแต่โบราณมาจะมีการเขียนลวดลายต่าง ๆ ที่แฝงคติธรรมในพระเมรุมาโดยตลอด

ฉากบังเตา
ความหมายของบัวสี่เหล่า เริ่มจาก อุคคฏิตัญญู (บัวพ้นน้ำ) พวกที่มีสติปัญญาฉลาดเฉลียว เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมก็สามารถรู้ และเข้าใจในเวลาอันรวดเร็ว เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่พ้นน้ำ เมื่อต้องแสงอาทิตย์ก็เบ่งบานทันที วิปจิตัญญู (บัวปริ่มน้ำ)พวกที่มีสติปัญญาปานกลาง เป็นสัมมาทิฏฐิเมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มเติม จะสามารถรู้และเข้าใจได้ในเวลาอันไม่ช้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ปริ่มน้ำซึ่งจะบานในวันถัดไป เนยยะ (บัวใต้น้ำ) พวกที่มีสติปัญญาน้อย แต่เป็นสัมมาทิฏฐิ เมื่อได้ฟังธรรมแล้วพิจารณาตามและได้รับการอบรมฝึกฝนเพิ่มอยู่เสมอ มีความขยันหมั่นเพียรไม่ย่อท้อ มีสติมั่นประกอบด้วยศรัทธาในที่สุดก็สามารถรู้และเข้าใจได้ในวันหนึ่งข้างหน้า เปรียบเสมือนดอกบัวที่อยู่ใต้น้ำ ซึ่งจะค่อย ๆ โผล่ขึ้นเบ่งบานได้ในวันหนึ่ง ส่วนปทปรมะ (บัวในโคลนตม) พวกที่ไร้สติปัญญา และยังเป็นมิจฉาทิฏฐิ แม้ได้ฟังธรรมก็ไม่อาจเข้าใจความหมายหรือรู้ตามได้ ทั้งยังขาดศรัทธา ไร้ซึ่งความเพียร เปรียบเสมือนดอกบัวที่จมอยู่กับโคลนตม ยังแต่จะตกเป็นอาหารของเต่า ปลา ไม่มีโอกาสโผล่ขึ้นพ้นน้ำเพื่อเบ่งบาน นายสาคร กล่าว



สิ่งที่ทรงคุณค่าด้านสถาปัตยกรรมเช่นนี้ ไม่เพียงแต่ความสวยงามเท่านั้น ยังคงแฝงไว้ซึ่งคติความเชื่อ คติธรรมต่าง ๆ ที่จะทำให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้ โดยเฉพาะเรื่องของการสร้างความดี ลดละความชั่ว เพื่อนำไปปรับใช้กับชีวิต ไม่เพียงเท่านั้นเรื่องของการเกิด แก่ เจ็บ ตาย ว่าเป็นเรื่องที่ต้องเกิดขึ้นกับทุกคนด้วย
ภาพและข้อมูลจากเวบ oknation.net prachachat.net chaoprayanews.com กระทู้ของคุณ baokalasin

หาภาพงาม ๆ ของพระเมรุมาให้ชม กลางวันก็ว่าสวยมากแล้วนะ พอเข้าไต้เข้าไฟ ยิ่งท้องฟ้าเป็นใจด้วย ดูแล้วงดงามจับตาจับใจ เหมือนชะลอสวรรค์มาไว้บนดิน ภาพสองชุดแรกมาจากกระทู้ในพันทิพ ส่วนชุดสุดท้ายป็นของเวบกระทรวงวัฒนธรรม กดที่ภาพดูความงามแบบเต็มตาได้ค่ะ
ภาพของคุณ HazmaT จากกระทู้ พระเมรุสมเด็จเจ้าฟ้าเพชรรัตนราชสุดาฯ ๙/๔/๕๕







ท้องฟ้าเป็นใจจริง ๆ ค่ะ ภาพออกมางามขนาด ชุดนี้เป็นฝีมือถ่ายภาพของคุณฟูบิ จากกระทู้ พระเมรุพระศพเจ้าฟ้าเพชรรัตน์ฯ ที่ท้องสนามหลวง สวยงามมากครับ







ภาพจากเวบ กระทรวงวัฒนธรรม






อยากชมภาพพระเมรุงงาม ๆ อีก ตามไปชมได้ที่บล็อกคุณหนู (สายหมอกและก้อนเมฆ) คลิกลิงค์นี้ข้างล่างเลยค่ะ
งานพระเมรุ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ (๑) งานพระเมรุ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ (๒) งานพระเมรุ สมเด็จพระเจ้าภคินีเธอฯ ตอนจบ

พรุ่งนี้ก็จะสงกรานต์แล้ว ขอให้เพื่อนบล็อกทุกท่านและครอบครัวมีความสุขมาก ๆ โชคดีมีชัย เย็นกายเย็นใจไปตลอดทั้งปี ถ้าใครได้ไปเที่ยว ก็ขอให้เดินทางโดยสวัสดิภาพ สุขสันต์วันปีใหม่ไทยค่า 
บล็อกนี้อยู่ในหมวดศิลปะนะจ๊ะ 
บีจีจากคุณเนยสีฟ้า ไลน์จากคุณญามี่ กรอบจากคุณ thattron
Free TextEditor
Create Date : 12 เมษายน 2555 |
Last Update : 22 กรกฎาคม 2556 0:19:15 น. |
|
84 comments
|
Counter : 14836 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: tui/Laksi วันที่: 12 เมษายน 2555 เวลา:22:31:57 น. |
|
|
|
โดย: tui/Laksi วันที่: 12 เมษายน 2555 เวลา:22:41:15 น. |
|
|
|
โดย: tui/Laksi วันที่: 12 เมษายน 2555 เวลา:22:44:02 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 12 เมษายน 2555 เวลา:23:22:11 น. |
|
|
|
โดย: nart (sirivinit ) วันที่: 12 เมษายน 2555 เวลา:23:36:54 น. |
|
|
|
โดย: เป็ดสวรรค์ วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:1:01:49 น. |
|
|
|
โดย: เป็ดสวรรค์ วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:1:02:12 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:5:38:03 น. |
|
|
|
โดย: หมุยจุ๋ย วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:5:50:16 น. |
|
|
|
โดย: Dingtech วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:7:12:14 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:7:23:28 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:10:40:39 น. |
|
|
|
โดย: yyswim วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:11:02:17 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:11:05:49 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:11:57:35 น. |
|
|
|
โดย: A IP: 119.46.151.21 วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:12:29:05 น. |
|
|
|
โดย: ณ มน วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:14:24:04 น. |
|
|
|
โดย: find me pr วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:15:05:05 น. |
|
|
|
โดย: ดาวริมทะเล วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:16:04:53 น. |
|
|
|
โดย: jamaica วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:16:55:58 น. |
|
|
|
โดย: pantawan วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:17:57:28 น. |
|
|
|
โดย: AppleWi วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:18:53:58 น. |
|
|
|
โดย: yzai วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:19:28:48 น. |
|
|
|
โดย: กิ่งฟ้า วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:19:45:58 น. |
|
|
|
โดย: ปรียนิตย์ วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:20:35:46 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 13 เมษายน 2555 เวลา:21:40:47 น. |
|
|
|
โดย: diamondsky วันที่: 14 เมษายน 2555 เวลา:0:05:05 น. |
|
|
|
โดย: Suessapple วันที่: 14 เมษายน 2555 เวลา:1:18:26 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 เมษายน 2555 เวลา:5:46:30 น. |
|
|
|
โดย: ถปรร วันที่: 14 เมษายน 2555 เวลา:6:50:41 น. |
|
|
|
โดย: chinging วันที่: 14 เมษายน 2555 เวลา:8:41:52 น. |
|
|
|
โดย: panwat วันที่: 14 เมษายน 2555 เวลา:9:55:33 น. |
|
|
|
โดย: บูรพากรณ์ วันที่: 14 เมษายน 2555 เวลา:14:25:05 น. |
|
|
|
โดย: ญามี่ วันที่: 14 เมษายน 2555 เวลา:18:58:59 น. |
|
|
|
โดย: pantawan วันที่: 14 เมษายน 2555 เวลา:20:33:45 น. |
|
|
|
โดย: ichaboo วันที่: 14 เมษายน 2555 เวลา:22:39:38 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 15 เมษายน 2555 เวลา:23:24:03 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 15 เมษายน 2555 เวลา:23:26:07 น. |
|
|
|
โดย: Tui_Laksi IP: 58.8.140.70 วันที่: 16 เมษายน 2555 เวลา:1:24:05 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 เมษายน 2555 เวลา:5:49:50 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 17 เมษายน 2555 เวลา:17:03:34 น. |
|
|
|
โดย: กลิ่นดอย วันที่: 17 เมษายน 2555 เวลา:19:13:33 น. |
|
|
|
โดย: cengorn วันที่: 17 เมษายน 2555 เวลา:23:34:28 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 18 เมษายน 2555 เวลา:6:37:41 น. |
|
|
|
โดย: ดาวริมทะเล วันที่: 18 เมษายน 2555 เวลา:15:30:37 น. |
|
|
|
โดย: YUCCA วันที่: 18 เมษายน 2555 เวลา:17:19:55 น. |
|
|
|
โดย: สาวสะตอใต้ วันที่: 18 เมษายน 2555 เวลา:19:01:09 น. |
|
|
|
โดย: sawkitty วันที่: 18 เมษายน 2555 เวลา:19:54:45 น. |
|
|
|
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 18 เมษายน 2555 เวลา:21:03:55 น. |
|
|
|
โดย: AppleWi วันที่: 18 เมษายน 2555 เวลา:23:39:54 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 19 เมษายน 2555 เวลา:5:37:26 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 19 เมษายน 2555 เวลา:10:28:11 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:5:30:32 น. |
|
|
|
โดย: เกศสุริยง วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:10:22:15 น. |
|
|
|
โดย: ร่มไม้เย็น วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:10:37:09 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:10:42:47 น. |
|
|
|
โดย: mastana วันที่: 21 เมษายน 2555 เวลา:23:12:12 น. |
|
|
|
โดย: find me pr วันที่: 21 เมษายน 2555 เวลา:23:30:27 น. |
|
|
|
โดย: diamondsky วันที่: 22 เมษายน 2555 เวลา:2:55:58 น. |
|
|
|
โดย: d__d (มัชชาร ) วันที่: 22 เมษายน 2555 เวลา:20:28:27 น. |
|
|
|
โดย: พรหมญาณี วันที่: 23 เมษายน 2555 เวลา:12:24:19 น. |
|
|
|
โดย: haiku วันที่: 24 เมษายน 2555 เวลา:22:39:33 น. |
|
|
|
|
|
|
|