เก็บตัวเลขจากอินเดีย
สำหรับการแข่งขันที่อินเดีย ชัยชนะของเซบาสเตียน เวทเทล เป็นสนามที่ 4 ติดต่อกัน นับเป็นครั้งแรกที่เขาทำได้เช่นนี้หลังจากเคยทำได้จากการชนะในบราซิลปี 2010 จนถึงมาเลเซีย 2011 ซึ่งนอกจากขณะนี้จะทำให้เขายืดระยะห่างจากเฟอร์นันโด อลอนโซ่ เป็น 13 คะแนนแล้ว เขายังทำสถิติใหม่ในสนามแห่งนี้อีกด้วยค่ะ - ชัยชนะครั้งนี้ของเขาเป็นชัยชนะครั้งที่ 150 ของเครื่องยนต์เรโนลต์และเป็นชัยชนะครั้งที่ 130 ของนักขับสัญชาติเยอรมันในฟอร์มูล่าวัน
- นับตั้งแต่มีการแข่งขันรายการอินเดียน กรังด์ปรีซ์ ซึ่งจัดขึ้นครั้งแรกเมื่อปีที่แล้ว เขาเป็นนักขับเพียงคนเดียวที่ได้ทั้งตำแหน่งโพล ได้ยืนบนโพเดียมสูงสุด และนำการแข่งขันทุกรอบ
- ในสนามนี้ เขายังนำการแข่งขันทุกรอบตั้งแต่สัญญาณไฟดับลงจนถึงผ่านธงตราหมากรุกเป็นสนามที่ 3 ติดต่อกัน (ญี่ปุ่น-เกาหลี-อินเดีย) นับเป็นนักขับคนแรกที่ทำได้หลังจากไอร์ตัน เซนน่า ทำไว้เมื่อปี 1989 อย่างไรก็ตาม เวทเทลนำการแข่งขันติดต่อกันมาตั้งแต่รอบที่ 23 ของสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ ซึ่งด้วยจำนวนรอบการแข่งขันแตกต่างกันไปตามระยะทางของแต่ละสนาม การเก็บสถิตินักขับที่นำการแข่งขันได้ระยะทางติดต่อกันมากที่สุดอย่างชัดเจนที่สุดคือการคำนวณออกมาเป็นหน่วยกิโลเมตร โดยผลงานของเวทเทลอยู่ในอันดับที่ 5 ของสถิติดังกล่าว ตามรายละเอียดในตารางด้านล่างนี้
(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)
ด้านมาร์ก เว็บเบอร์ นักขับอีกคนของเร้ดบูลก็ทำสถิติใหม่จากสนามนี้ได้เช่นกันค่ะ แม้ในระหว่างแข่งขันเขาจะต้องสูญเสีย KERS ไปตั้งแต่ช่วงต้นและถูกอลอนโซ่แซงไปขณะเหลือการแข่งขันอีกไม่กี่รอบ แต่เขาก็ยังจบการแข่งขันเป็นสนามที่ 58 ติดต่อกันโดยไม่ออกจากการแข่งขันด้วยปัญหาทางเทคนิคของรถเลย นับเป็นสถิติสูงสุดเทียบเท่าที่มิชาเอล ชูมัคเกอร์ ทำไว้ระหว่างปี 2001-2005
จากตารางด้านล่าง นอกจากแสดงถึงสถิติของเว็บเบอร์ที่ทำได้เท่ากับแชมป์โลก 7 สมัยแล้ว ยังมีอลอนโซ่ที่กำลังทำสถิติอยู่ในอันดับที่ 3 โดยขณะนี้เขาจบการแข่งขันมา 52 รอบติดต่อกันโดยยังไม่ออกจากการแข่งขันเพราะเรื่องทางเทคนิค
(คลิกที่ภาพเพื่อขยาย)
อะไรจะเชือดเฉือนกันปานนั้น... นอกจากจะมีสิ่งใหม่ๆ เกิดขึ้นในอินเดีย แต่ก็มีบางสิ่งที่ไม่ได้เกิดขึ้นเช่นกัน
เมื่ออลอนโซ่แซงเว็บเบอร์ขึ้นมาในอันดับที่ 2 ทำให้เร้ดบูลพลาดจบการแข่งขันแบบ 1-2 สองสนามติดต่อกันครั้งแรกของทีม (น่าแปลกใจมากที่เร้ดบูลยังไม่เคยทำได้!) ทีมสุดท้ายที่ทำได้เช่นนี้คือ บรอว์น จีพี ในปี 2009 ระหว่างโมนาโคถึงสเปน
สำหรับอีกเรื่องหนึ่งคือการเฉือนทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุดในช่วงเวลา 27 วินาทีของการแข่งขันรอบสุดท้าย ในเวลา 16:34:30 ตามเวลาท้องถิ่น เวทเทลเข้าเส้นชัยด้วยการออกตัวจากโพล นำการแข่งขันทุกรอบ และขณะนั้นเขาเป็นผู้ทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุด นั่นหมายถึงเป็น "แกรนด์สแลม" ครั้งที่ 3 ในชีวิตของเขา แต่อีก 10 วินาทีต่อมา อลอนโซ่ทำเวลาต่อรอบเร็วที่สุดขึ้นมาใหม่ เร็วกว่าเวลาของเวทเทล 0.1 วินาที เท่ากับปฏิเสธแกรนด์สแลมของเวทเทลเป็นที่เรียบร้อยและยังเป็นเวลาต่อรอบเร็วที่สุดครั้งแรกของเฟอร์รารี่นับตั้งแต่บริติช กรังด์ปรีซ์ ปี 2011
อย่างไรก็ตาม อีก 17 วินาทีต่อมา กลายเป็นเจนสัน บัตตัน ที่ทำเวลาเร็วที่สุดในการแข่งขัน ซึ่งนี่เป็นเวลาต่อรอบเร็วที่สุดครั้งที่ 150 ของแม็คลาเรนในการแข่งขันฟอร์มูล่าวัน โดยสถิติสูงสุดยังเป็นของเฟอร์รารี่ด้วยจำนวน 227 ครั้ง
นอกจากหลากหลายเรื่องราวข้างต้น ยังมีตัวเลขที่น่าสนใจอื่นๆ อีกดังนี้ค่ะ
รอบควอลิฟาย
- เซบาสเตียน เวทเทล ได้ตำแหน่งโพลเป็นครั้งที่ 35 ในสนามนี้ ซึ่งเป็นโพลครั้งที่ 45 ของเร้ดบูลและครั้งที่ 115 สำหรับนักขับชาวเยอรมัน นอกจากนี้ยังเป็นการออกตัวจากแถวหน้าครั้งที่ 48 ของเขา เทียบเท่ากับผลงานของจิม คลาร์ก
- มาร์ก เว็บเบอร์ ทำสถิติออกตัวจากแถวหน้าเป็นสนามที่ 2 ติดต่อกันครั้งแรกหลังจากที่เขาเคยทำได้ในการแข่งขันที่บาเลนเซียและนัวร์บวร์กริงปีที่แล้ว
- ขณะนี้เว็บเบอร์และเวทเทลออกตัวจากแถวหน้าด้วยกัน 18 ครั้งแล้ว เท่ากับผลงานของคู่นักขับแม็คลาเรนผู้โด่งดังในทศวรรษที่แล้ว มิก้า ฮัคคิเน่น กับเดวิด คูลธาร์ด และเท่ากับคู่ของฮวน มานูเอล ฟานจิโอ กับอัลแบร์โต้ อัสคารี่ ในยุคต้นของฟอร์มูล่าวัน อย่างไรก็ตาม ในช่วงแรกๆ ของการแข่งขัน แถวหน้าของการสตาร์ทจะมีรถถึง 4 คันด้วยกัน - สนามนี้เป็นครั้งที่ 2 ในประวัติศาสตร์ที่เร้ดบูล 2 คัน แม็คลาเรน 2 คัน และเฟอร์รารี่ 2 คันเรียงกันในสามแถวแรกของกริด สำหรับครั้งแรกนั้นเกิดขึ้นที่สิงคโปร์ปีที่แล้ว
- โรแมง โกรส์ฌอง ออกตัวนอกกริด 10 อันดับแรกเป็นเพียงครั้งที่ 3 ในฤดูกาล ต่อจากการแข่งขันที่เยอรมันและอิตาลี ซึ่งเป็นสนามที่เขาถูกทำโทษไม่ให้ลงแข่งขัน - ก่อนหน้าที่จะถึงการแข่งขันในบ้านของตนเอง ฟอร์ซอินเดียจะต้องมีรถอย่างน้อย 1 คันที่จบการแข่งขันในท็อป 10 มา 11 สนาม แต่เมื่อถึงบ้านแล้วสถิติต้องสะดุดลงเมื่อนิโค ฮูลเคนเบิร์ก กับพอล ดิ เรสต้า จบการแข่งขันในอันดับที่ 12 และ 16 ตามลำดับ
การแข่งขัน
- หลังจาก เฟอร์นันโด อลอนโซ่ จบการแข่งขันในอันดับที่ 2 ที่อินเดีย เขาได้ทำสถิติจบการแข่งขันอับดับที่ 1 และ 2 ในทุกสนามที่เขาจบการแข่งขันในฟอร์มูล่าวัน อย่างไรก็ตาม เขาไม่เคยจบการแข่งขันรายการออสเตรียน กรังด์ปรีซ์ ที่สนามเอวันริง ทั้ง 2 ครั้งที่เขาเคยลงแข่งในปี 2001 และ 2003 ด้วยปัญหาทางเทคนิค - ในบรรดานักขับ 7 คนแรกที่จบการแข่งขันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา อลอนโซ่เป็นเพียงนักขับคนเดียวที่จบการแข่งขันในอันดับที่สูงกว่ากริดสตาร์ท โดยเขาออกตัวจากอันดับที่ 5
- อลอนโซ่จบการแข่งขันในสนามนี้เป็นการจบแบบมีคะแนนเป็นสนามที่ 140 เทียบเท่ากับผลงานของรูเบนส์ บาร์ริเคลโล่ สำหรับสถิติสูงสุดเป็นของมิชาเอล ชูมัคเกอร์ ซึ่งทำไว้จำนวน 220 สนาม ด้านเจนสัน บัตตัน จบการแข่งขันแบบมีคะแนนครั้งที่ 121 เท่ากับเดวิด คูลธาร์ด และคิมี่ ไรค์โคเน่น ก็จบการแข่งขันแบบมีคะแนนเป็นครั้งที่ 110
- มาร์ก เว็บเบอร์ ขึ้นโพเดียมสองสนามติดต่อกันเป็นครั้งแรกหลังจากแคนาดาและเยอรมันปีที่แล้ว ขณะนี้เขาได้ขึ้นโพเดียมรวม 34 ครั้งเท่ากับเฟลิเป้ มาสซ่า โดยทั้งคู่ทำผลงานร่วมกันในอันดับที่ 23 ของสถิติผู้ที่ได้จำนวนโพเดียมมากที่สุด
- แม็คลาเรนทำสถิติแข่งขันจบแบบมีคะแนนเป็นสนามที่ 55 ติดต่อกันเท่ากับเฟอร์รารี่ แต่สถิติที่เฟอร์รารี่เคยทำได้ คือระหว่างมาเลเซีย 1999 ถึงมาเลเซีย 2003 เป็นช่วงที่คะแนนของการแข่งขันจัดสรรให้กับผู้ที่จบใน 6 หรือ 8 อันดับแรก ในขณะที่ผลงานของแม็คลาเรนรวมถึงการได้คะแนนจากการจบ 10 อันดับแรก ยกตัวอย่างเช่น อันดับที่ 10 ของลูอิส แฮมิลตัน ในสนามเกาหลี - นิโค ฮูลเคนเบิร์ก จบการแข่งขันแบบมีคะแนนติดต่อกัน 3 สนามเป็นครั้งแรกของเขาในฟอร์มูล่าวัน ส่วนพอล ดิ เรสต้า เพื่อนร่วมทีมจบการแข่งขันในอันดับที่ 12 เป็นครั้งที่ 5 ในฤดูกาลนี้ ซึ่งไม่เคยมีใครทำสถิติจบในอันดับนี้มากเท่านี้มาก่อนในปีเดียวกัน! - มิชาเอล ชูมัคเกอร์ เป็นเจ้าของสถิติจบแบบมีคะแนนติดต่อกันมากที่สุดด้วยจำนวน 24 สนาม แต่หลังจากสนามอินเดีย เขาจบการแข่งขันแบบไม่มีคะแนนมา 4 สนามติดต่อกันแล้ว ซึ่งถือเป็นครั้งแรกในอาชีพนักขับฟอร์มูล่าวันของเขา
*ข้อมูลและภาพจาก autosport.com/f1
Create Date : 31 ตุลาคม 2555 |
|
6 comments |
Last Update : 31 ตุลาคม 2555 17:11:41 น. |
Counter : 2105 Pageviews. |
|
|
|
ขณะนี้เซาเบอร์ประกาศยืนยัน นิโค ฮูลเคนเบิร์ก เป็นนักขับของทีมคนใหม่ในปีหน้าแล้วค่ะ
//www.autosport.com/news/report.php/id/103888