Singapore Grand Prix 2010
มาถึงแล้วค่ะ รายการสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ "Night Race" เพียงรายการเดียวของฟอร์มูล่าวัน
รายละเอียดการแข่งขัน วันแข่งขัน : อาทิตย์ที่ 26 ก.ย. 53 (รอบจัดอันดับ เสาร์ที่ 25 เวลา 21.00 น.) เวลาแข่ง (ไทย) : 19.00 น. ชื่อสนาม : Marina Bay Street Circuit จำนวนรอบแข่งขัน : 61 รอบ ความยาวของสนาม : 5.073 กม. ระยะทางของการแข่งขันทั้งหมด : 309.316 กม. สถิติสนามต่อ 1 รอบ : 1:45.599 (คิมี่ ไรค์โคเน่น - 2008) พยากรณ์อากาศวันแข่ง : มีพายุฝน อุณหภูมิ 25-30 องศา
สำหรับใครที่เพิ่งดูฟอร์มูล่าวันปีนี้ปีแรก ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 3 ของสิงคโปร์ กรังด์ปรีซ์ค่ะ แรกเริ่มเดิมทีที่มีการเสนอโปรเจ็คนี้ขึ้นมาทุกคนก็เป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย เพราะนอกจากจะเป็นสตรีทเซอร์กิตแล้วยังต้องแข่งตอนกลางคืนอีกด้วย แต่เมื่อเริ่มจัดขึ้นครั้งแรกในปี 2008 ก็แสดงให้เห็นว่าไฟที่มีให้นั้นยิ่งกว่าพอ และยังประสบความสำเร็จมากทีเดียวจนถือเป็นผู้ท้าชิงสนามโมนาโค สตรีทเซอร์กิตที่เป็นสนามเก่าแก่ที่สุดในปฏิทินการแข่งขันของฟอร์มูล่าวันได้เลย
ลักษณะทั่วไปของสนามนี้ก็เหมือนที่โมนาโคค่ะ คือใช้ถนนสัญจรปกติเป็นแทร็ควิ่งทั้งหมด ในเรื่องความสว่างนั้นนักแข่งไม่เคยกังวล ที่พวกเขาประสบปัญหามากกว่าคือพื้นผิวไม่ราบเรียบซึ่งก็เป็นธรรมชาติของสนามแบบนี้ ทิศทางการวิ่งเป็นแบบทวนเข็มนาฬิกา ซึ่งในการแข่งขันทั้งฤดูกาลจะมีสนามประเภทนี้อยู่ 5 สนาม (ใน 5 สนามสุดท้ายนี้ก็เป็นสนามทวนเข็มนาฬิกาเสีย 4 สนาม) ตัวสนามประกอบด้วย 23 โค้ง ซึ่งปกติก็เรียกชื่อโค้งกันตามเลขลำดับนี่ล่ะค่ะ แต่ก็มีอยู่ 3 โค้งที่มีชื่อแล้ว โค้ง 1 ชื่อว่า "เชียเรอร์ส" ตั้งตามสะพานเบนจามิน เชียเรอร์ส ตรงจุดนั้น ซึ่งเป็นชื่อของอดีตประธานาธิบดีของสิงคโปร์ค่ะ ต่อมาเป็นโค้ง 7 ให้ชื่อว่า "เมมโมเรียล" เพราะโค้งนั้นใกล้กับอนุสาวรีย์ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นเกียรติแก่พลเมืองที่เสียชีวิตระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 และสุดท้ายโค้ง 10 มหัศจรรย์นั่นแหละค่ะ มีชื่อว่า "สิงคโปร์สลิง" ตั้งตามค็อกเทลเลื่องชื่อของประเทศที่เรารู้จักกันดี นอกจากนั้นสิ่งที่สนามนี้ไม่มีใครเหมือนคือเป็นสนามแห่งเดียวที่แทร็คลอดใต้แกรนด์สแตนค่ะ
ในด้านเทคนิค สนามนี้ต้องการไฮ-ดาวน์ฟอร์ซ (ลุงสตีฟประจำบล็อกช่วยเสริมตรงนี้ให้เพื่อนๆ หน่อยซิคะ) นอกจากนั้นนักขับต้องใช้เบรกอย่างหนัก เพราะฉะนั้นต้องรักษาเบรกอย่างดีจนถึงช่วงสุดท้ายของการแข่งขัน ใน 1 รอบพวกเขามีโอกาสใช้คันเร่งเต็มที่ได้เพียง 48% โดยมีอยู่ 6 โค้งที่ใช้ความเร็วต่ำกว่า 100 กม./ชม. ความเร็วเฉลี่ยต่อรอบจึงอยู่ที่ประมาณ 175 กม./ชม. ด้วยลักษณะการเข้า-ออกโค้งที่เหมือนจะเบรกจนหยุดนิ่งแล้วออกตัวใหม่จึงทำให้ต้องทำเกียร์บ็อกซ์ให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องของยาง บริดจ์สโตนเตรียมยางซูเปอร์ซอฟต์และมีเดียมมาให้ค่ะ
***************************************
อย่างที่ทุกคนทราบกันแล้ว สัปดาห์นี้ยังเป็นการกลับมาประจำการในตำแหน่งนักขับตัวจริงของนิค ไฮด์เฟลด์ ด้วยค่ะ
นิค ไฮด์เฟลด์ รีเทิร์นเซาเบอร์
นักขับชาวเยอรมันผู้นี้มีเส้นทางที่ผกผันทีเดียวในปีนี้ (อ่านเรื่องของเขาได้ที่นี่ค่ะ //www.bloggang.com/mainblog.php?id=f1star&month=15-09-2010&group=1&gblog=123 ) ถ้าจำไม่ผิด เขาเป็นคนที่ถือสถิตินักขับที่ลงแข่งมากที่สุดโดยยังไม่เคยชนะเลย ซึ่งถึงแม้จะไม่เคยได้รับถ้วยแชมป์แต่เขาก็เป็นนักขับคนหนึ่งที่มีชั่วโมงบินสูง ประสบการณ์ของเขามีค่ากับทีมอย่างเซาเบอร์จริงๆ ค่ะ
ยินดีกับนิคด้วยนะ^^
*ข้อมูลจาก formula1.com และ redbullracing.com ภาพจาก formel1.de
Create Date : 24 กันยายน 2553 |
|
12 comments |
Last Update : 24 กันยายน 2553 11:06:29 น. |
Counter : 1031 Pageviews. |
|
|
|
จนป่านนี้พวกเราก็ยังไม่มีใครได้ข่าวคืบหน้าที่ RBR มาสมุยเลยค่ะ สงสัยจะหมดหวัง :(