Group Blog
 
<<
เมษายน 2552
 1234
567891011
12131415161718
19202122232425
2627282930 
 
15 เมษายน 2552
 
All Blogs
 
สตูว์หมู 8 สูตร (Pork Stew) +เทคนิคการทำ



สตูว์หมู

เครื่องปรุง
เนื้อหมู 1/2 กิโลกรัม
มันฝรั่ง 3 หัว
หอมหัวใหญ่ 2 หัว
แครอท 1 หัว
คึ่นฉ่ายหั่นท่อนยาว 1 ต้น
รากผักชีทุบ 1 ราก
พริกไทยเม็ด 1 ช้อนชา
พริกป่น 1 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 2 ช้อนชา
ซีอิ๊วขาว 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสมะเขือเทศ 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสปรุงรส 1 ช้อนชา
น้ำเปล่า 4 ถ้วยตวง

วิธีทำ

1. ล้างเนื้อหมู ผึ่งให้เนื้อหมูแห้ง หั่นชิ้นยาวพอประมาณ
เคล้ากับซีอิ๊วขาว น้ำปลา ซอสปรุงรส น้ำตาล หมักไว้ประมาณ ครึ่งชั่วโมง

2. ต้มน้ำไฟกลางพอเดือด ใส่หมูที่หมักลงไป
ใส่รากผักชีทุบ พริกไทยเม็ด คึ่นฉ่าย ซอสมะเขือเทศ เคี่ยวจนงวด เปื่อย

3. แล้วใส่พริกป่น มันฝรั่ง แครอท เคี่ยวต่อพอสุก จึงใส่หอมใหญ่ พอผักสุกนุ่ม ชิมรส ยกลง





สตูว์หมูเบียร์

เครื่องปรุง
เนื้อสันคอหมู(หั่นเป็นก้อน 1 x1 นิ้ว) 1 ก.ก.
แป้งสาลีสำหรับคลุก
เนย 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
หอมหัวใหญ่ (หั่นตามยาว)5 หัว
พริกปาปรีก้า 4-6 ช้อนโต๊ะ
เบียร์ 2 ขวด
ซุปก้อนหมู 2 ก้อน
น้ำต้มสุก 1 ถ้วยตวง
เกลือ,พริกไทย ตามต้องการ

วิธีทำ
1.ใส่น้ำมันและเนยในกระทะพอร้อนใส่ชิ้นหมูซึ่งคลุกแป้งเตรียมไว้ลงทอด
ให้ข้างนอกเหลืองแต่ข้างในยังไม่สุก
2.นำหอมที่หั่นแล้วผัดกับเนยให้สลด ใส่ปาปรีก้าผัดให้แตกมันและหอม
3.ใส่หมูที่ทอดแล้วและน้ำลงไปในหม้อและเติมเบียร์ลงไป
4.เติมซุปก้อนหมู เคี่ยวไปประมาณ 2 ชั่วโมง หรือเมื่อเนื้อหมูนุ่ม
5.ปรุงรสชาติด้วยเกลือและพริกไทย





สตูว์หมูกับผลไม้แห้ง

เครื่องปรุง
สันนอกหมูหั่นเป็นก้อนประมาณ 1 นิ้ว 1.3 กิโลกรัม
ลูกแอปปิคอสแห้ง 1/2 ลูก 24 ชิ้น
ลูกเกดดำ 1 ถ้วย
ไวน์แดง 1 ถ้วย
น้ำส้มสายชูที่ทำจากไวน์แดง 1 ถ้วย
ผักชีลาวสับ 3 ช้อนโต๊ะ
ใบสาระแหน่สับ 3 ช้อนโต๊ะ
ยี่หร่าป่น 1 ช้อนชา
พริกไทยป่นสด 1 ช้อนชา
ใบไทม์ 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือ พอประมาณ
น้ำมันมะกอก 1/3 ถ้วย
หอมแดงสับ 4 หัว
ไวน์ขาว 1 ถ้วย
น้ำซุปไก่ 1 ลิตร
ใบกระวาน 2 ใบ
น้ำผึ้ง 1/4 ถ้วย

วิธีทำ
1.ในชามผสมนำหมู แอปปิคอสแห้ง ลูกเกด ไวน์แดง น้ำส้มสายชู ผักชีลาวสับ ใบสะระแหน่ ยี่หร่าป่น
พริกไทย ใบไทม์ เกลือ มาคลุกให้เข้ากัน และหมักไว้ 24 ชั่วโมงในตู้เย็น

2.แยกหมูที่หมักไว้ออกจากผลไม้ เก็บผลไม้ไว้ในถ้วยต่างหาก และเก็บน้ำหมักไว้ด้วย ซับน้ำ ออกจากหมูให้หมด

3.ในกระทะใหญ่ ๆ ตั้งไฟใส่น้ำมันมะกอกลงไปผัดเนื้อหมูทีละน้อยจะได้สุกเร็ว และเหลือง เร็ว
แล้วนำเนื้อหมูที่ทอดแล้วไปใส่ในหม้ออบทำเช่นนี้กับเนื้อหมูทั้งหมด

4.เทน้ำมันออกจากกระทะที่ทอดหมูให้หมด เติมหอมแดงสับลงไปผัดจนกระทั่งนุ่ม ราว ๆ 5 นาที
เติมน้ำหมักหมูลงไปต้มให้เดือดขูดก้นกระทะเอาตะกอนจากการทอดหมูออกมาให้หมด
ต้มไปเรื่อยๆ จนกระทั่งน้ำในกระทะลดไปนิดหน่อย แล้วเทน้ำนี้ใส่ลงไปในหม้ออบ

5.เตรียมเตาอบไว้ในอุณหภูมิ 190 องศาเซลเซียส

6.ในหม้ออบหรือถาดอบนั้น เติมผลไม้แห้งที่เก็บไว้ ไวน์ขาว 1/2 ถ้วย น้ำซุปไก่ 1/2 ลิตร น้ำผึ้ง
ใบกระวาน คนให้เข้ากัน ต้มบนเตาให้เดือด เมื่อเดือดปิดฝานำเข้าเตาอบ ๆ 1 ชั่วโมง 15 นาที
หลังจากนั้นเติมไวน์กับน้ำซุปที่เหลือลงไป อบต่ออีก 35 - 40 นาที โดยไม่ปิดฝา
อบจนกระทั่ง เนื้อนุ่มและซอสข้น เมื่อได้ซอสที่เข้มข้นและเนื้อนุ่มแล้วนำสตูนี้มาเสิร์ฟกับข้าวเหลือง





สตูว์ลิ้นหมู (วัว)

เครื่องปรุง
ลิ้นหมู 1 ลิ้น
มะเขือเทศผลเล็กๆ 5-7 ผล
มันฝรั่งและหอมใหญ่อย่างละ 1 หัว
เมล็ดถั่วลันเตากระป๋อง 3 ช้อนคาว
ซอสมะเขือเทศเข้มข้น (Tomato Paste) 2 ช้อนคาว
พริกไทยเม็ด 10 เม็ด
กานพลู 1 ดอก
อบเชยชิ้นยาวเท่า 2 ข้อนิ้ว 1 ชิ้น
ใบกระวาน 2-3 ใบ
ซอสถั่วเหลือง พริกไทยป่น เกลือป่น เนยสด น้ำมันพืช

วิธีทำ
1. ล้างลิ้นหมูให้สะอาด ตั้งหม้อใส่น้ำสะอาดพอควร บุบพริกไทย 7-10 เม็ด พอแตก
ใส่ลงไปพร้อมกับเกลือป่น 1 ช้อนคาว ต้มน้ำให้เดือดจึงใส่ลิ้นหมูลงลวกประมาณ 3-5 นาที

2. เทน้ำทิ้งใช้ปลายมีดขูดเยื่อขาวๆที่หุ้มลิ้นอยู่ออกให้หมดล้างให้สะอาดผึ่งลมให้แห้ง
ตั้งกระทะใส่น้ำมันพืชทอดลิ้นหมูให้เหลืองทั้งอัน ตักใส่หม้อเติมน้ำสะอาดลงไปให้ท่วม
3. ใส่เนยสดลงไปในหม้อ 2 ช้อนคาว พร้อมกับมันฝรั่งที่ปอกเปลือกหั่นเป็นชิ้นลูกเต๋าขนาด 1 นิ้ว
ซอสมะเขือเทศและเครื่องเทศทั้ง 3 ชนิด ใช้ไฟกลางต้มจนเดือดแล้วจึงลดไฟลงเคี่ยวด้วยไฟค่อนข้างอ่อน
หากน้ำแห้งจนเหลือน้อยเกินไปให้เติมน้ำสะอาดลงไปทีละน้อย

4. เมื่อลิ้นหมูเปื่อยได้ที่ตักขึ้นมาซอยตามขวางเป็นชิ้นหนาประมาณครึ่งเซนติเมตร
ใส่มะเขือเทศ ถั่วลันเตาและหอมหัวใหญ่หั่นชิ้นสี่เหลี่ยมเท่ามันฝรั่ง เคี่ยวต่อสักพักปรุงรสด้วยซอสถั่วเหลือง

5. รสชาติออกเค็มนำหน้าเปรี้ยวเล็กน้อย เวลาตักใส่จานเสิร์ฟโรยหน้าด้วยพริกไทยป่นและผักชีเด็ดเป็นช่อ
กินแกล้มกับผักดอง



ข้าวสตูว์ลิ้นหมู


เครื่องปรุง
ลิ้นหมู 1/2 กิโลกรัม
มันฝรั่ง 2 หัว
แครอท 2 หัว
ถั่วแขก 3 ขีด
ซอสมะเขือเทศ 5 ช้อนโต๊ะ
พริกไทย 1 ช้อนโตีะ
น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ
ซุปรสหมู 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
ซอสถั่วเหลือง2ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1.นำลิ้นหมูมาหั่นเป็นท่อนๆ กว้างประมาณ 1/2 นิ้ว
แล้วนำมาคลุกพริกไทย ซอสถั่วเหลือง น้ำปลา มาหมักทิ้งไว้ประมาณ 30 นาที

2.ตั้งกระทะใส่น้ำมัน ซอสมะเขือเทศใส่ลิ้นหมูที่หมัก ผัดพอสุก
เคี่ยวให้เปื่อยใส่ซุปหมูเติมน้ำ 3 ถ้วยตวง เคี่ยวไปจนเปื่อย

3.เอาแครอท มันฝรั่ง มาเกาเป็นท่อนๆ ถั่วแขก นำมาต้มแล้วเอามาตกแต่งในจาน





สตูว์ตับหมู นุ่มลิ้น มากคุณค่า

ทุกวันนี้ข้าวของต่างก็ราคาแพงขึ้น จะเลือกใช้เลือกกินสักทีก็ต้องดูให้ดีให้คุ้มค่า มื้อนี้ “กุ๊กเล็ก”
จึงอยากจะแนะนำเมนู “สตูว์ตับหมู” ให้มิตรรักนักกินได้ลองทำกัน โดยเฉพาะคุณผู้หญิงอย่างเราๆ
เพราะในตับอุดมด้วยธาตุเหล็กที่จำเป็นในการสร้างเม็ดเลือดที่เราต้องเสียไป ในทุกๆเดือน
ฟักทองและแครอทผักที่มากด้วยเบต้าแคโรทีน สารต้านอนุมูลอิสระยังมีส่วนช่วยลดโอกาสการเกิดมะเร็งได้
ถั่วลันเตา อุดมไปด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามิน เกลือแร่ ส่วนมันฝรั่ง ก็ช่วยควบคุมความดันโลหิตให้ลดต่ำลง

เครื่องปรุง
ตับอ่อนหมู 2 ขีด
ฟักทองหั่นสี่เหลี่ยม 1 ถ้วย
แครอทหั่นเป็นแว่น 1/2 หัว
ถั่วลันเตา 10 ฝัก
มันฝรั่งหั่นสี่เหลี่ยม 1 ถ้วย
น้ำซุป 3 ถ้วย
แป้งข้าวโพด 2 ช้อนชา
ซีอิ้วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันหอย 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียม,น้ำมัน,เกลือ

วิธีทำ
โดยเคล้าเกลือกับตับให้เข้ากัน แล้วนำไปผัดในกระทะใส่น้ำมันใช้ไฟอ่อน ผัดพอให้ตับตึงตัวสุขเล็กน้อย
จากนั้นนำฟักทองหั่นสี่เหลี่ยม แครอทหั่นเป็นแว่น ถั่วลันเตา มันฝรั่งหั่นสี่เหลี่ยม ลงต้มในหม้อจนสุกนุ่ม พักไว้
จากนั้นนำน้ำซุปใส่เกลือเล็กน้อยและใส่แป้งข้าวโพด ซีอิ้วขาว คนให้เข้ากัน
แล้วหันมาตั้งกระทะใส่น้ำมันเล็กน้อยผัดกระเทียมกับน้ำมันหอยให้พอหอม แล้วเทน้ำซุปที่ผสมแล้วเมื่อสักครู่และ
ผักต้มลงไปผัดคลุกเคล้าให้เข้ากัน จากนั้นก็นำมาราดบนชิ้นตับ เป็นอันเสร็จขั้นตอน แล้วเสิร์ฟกินแบบร้อนๆกันได้



สตูว์ซี่โครงหมูอ่อน

เครื่องปรุง
ซี่โครงหมูอ่อน 1000 กรัม
เกลือป่น 1 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
ลีแอนด์เพอร์รินส์วูสเตอร์ซอส 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันมะกอกผ่านกรรมวิธี สำหรับทอด
น้ำ 3 ถ้วยตวง
หอมหัวใหญ่หั่นชิ้นสี่เหลี่ยม 200 กรัม
มันฝรั่งหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม 200 กรัม
มันฝรั่งหั่นเป็นชิ้น 200 กรัม
แครอทหั่นเป็นชิ้น
ใบกระวาน 3 ใบ
อบเชยยาว 2 นิ้ว 1 แท่ง
เกลือป่น 2 ช้อนชา
เนื้อมะเขือเทศบดละเอียดเข้มข้น 1 ขวด
เพนเน่ ริกาเต้ เบอร์ 19 500 กรัม
ผักอบ (แครอท,ถั่วแขก,บร็อกโคลี่)น้ำหนักรวม 200 กรัม

วิธีทำ
- หมักซี่โครงหมูกับเกลือป่น พริกไทยป่นและลีแอนด์เพอร์รินส์วูสเตอร์เข้าด้วยกัน หมักพักไว้ 5 นาที
นำลงทอดในน้ำมันมะกอกผ่านกรรมวิธี พอเหลือง ตักใส่ภาชนะสำหรับต้ม

- เติมน้ำลงในหม้อซี่โครงหมู ตามด้วยหอมหัวใหญ่ มันฝรั่ง แครอท ใบกระวาน อบเชย
เกลือป่นและเนื้อมะเขือเทศบดละเอียดเข้มข้น นำขึ้นตั้งไฟ เคี่ยวใช้ไฟต่ำ
ต้มจนส่วนผสมซี่โครงหมูสุกนุ่ม จึงยกลง รับประทานคู่กับแพนเน่ ริกาเต้ เบอร์ 19 ต้มสุกและผักอบ



สตูว์หมูไวน์แดง

เครื่องปรุง
สันนอกหมู 300 กรัม
เบคอน 4 ริ้ว
หอมใหญ่หัวเล็ก 5-6 หัว
มันฝรั่งหัวเล็ก 3-4 หัว
เนื้อมะเขือเทศหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ 2 ลูก
ใบ Parsley สับ 2 ช้อนชา
เห็ดหอมแช่น้ำจนนิ่ม 3 ดอก
หอมแดงสับ 1/2 ถ้วย
กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
พริกไทยดำบดหยาบ ๆ 1 ช้อนชา
ใบกระวาน (Bay Leaf) 1 ใบ
แป้งสาลี 1 ช้อนโต๊ะ
ไวน์แดง 1/4 ถ้วย
ซอสมะเขือเทศ 1/4 ถ้วย
น้ำสต๊อกหมู 3 ถ้วย
เนยจืด 3 ช้อนโต๊ะ
น้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ

วิธีทำ
1. ล้างเนื้อหมู แล้วหั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมหนา 1 นิ้ว

2. ทอดเบคอนด้วยไฟอ่อน ๆ ให้กรอบ ตักขึ้นวางบนกระดาษซับน้ำมัน แล้วหักเป็นชิ้นเล็ก ๆ

3. ใส่น้ำมันลงในกระทะที่เราทอดเบคอน ยกขึ้นตั้งไฟกลาง ใส่เบคอน เนื้อหมูลงทอด
หมั่นคน ทอดจนเนื้อเป็นสีน้ำตาล ตักขึ้นใส่จาน พักไว้

4. ใส่เนย 2 ช้อนโต๊ะ ลงในกระทะใบเดิม ใส่หอมแดง ผัดจนสุกนุ่ม ใส่กระเทียมผัดพอทั่ว
แล้วหันไปปรุงรสเนื้อหมูที่สุกแล้วด้วยเกลือ พริกไทย โรยด้วยแป้งสาลี ผสมเข้าด้วยกัน
แล้วใส่ลงในกระทะ ผัดเร็ว ๆ ด้วยไฟแรง จนส่วนผสมมีสีน้ำตาลอ่อน เทไวน์และน้ำซุปใส่ลงไป เคี่ยวไฟอ่อน ๆ

5. ต้มหอมใหญ่ในหม้อน้ำเดือด 5 นาทีให้สุกใส
ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ ผ่านน้ำเย็น ทิ้งให้สะเด็ดน้ำ ปอกเปลือกออก พักไว้

6. ใส่เนยที่เหลือลงในกระทะอีกใบ ตั้งไฟกลาง พอเนยละลายใส่เห็ดหอม ผัดจนสุกนุ่ม พักไว้

7. ใส่เนื้อมะเขือเทศ ซอสมะเขือเทศ หอมใหญ่ ใส่ใบกระวาน ลงไปในส่วนผสมข้อ 6 พอเดือดทั่ว
ตักใส่ส่วนผสมข้อ 4 เคี่ยวด้วยไฟกลางค่อนข้างอ่อน จนเนื้อหมูสุกนุ่ม ตักใส่จาน โรยด้วยผักชีฝรั่ง เสิร์ฟ

เทคนิคการทำสตูว์ไม่ว่าจะเป็น สตูว์ไก่ สตูว์หมู หรือว่าสตูว์เนื้อ ให้อร่อยนั้น
เราจะต้องนำเนื้อสัตว์ที่จะใช้ทำสตูมาทอดพอเหลืองเสียก่อน (จะหมักก่อนทอดหรือไม่หมักก็ได้)
ที่ต้องทอดก่อนก็เพื่อให้เนื้อเก็บความชุ่มชื้นเอาไว้ เนื่องจากสตูเป็นอาหารที่จะต้องเคี่ยวด้วยเวลานาน
ถ้าไม่ทอดเนื้อเสียก่อนกว่าเราจะเคี่ยวเสร็จ มีหวังเนื้อจะแห้งผากและหลุดเละออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
แถมเวลาทาน แทนที่จะได้อร่อยกับความหวานของเนื้อ กลับจะรู้สึกเหมือนกำลังเคี้ยวกระดาษแทน

ผักที่จะใช้ใส่ในสตูนั้น หลัก ๆ แล้วก็มีเพียงแค่ มันฝรั่งและหัวหอมหัวใหญ่
ทั้งสองอย่างนี้ควรเลือกใช้แบบหัวเล็กที่ใช้สำหรับต้มซุปหรือทำสตูโดยเฉพาะจะดีกว่า
นอกจากนั้นถ้าเราชอบ เราอาจใส่ แครอท (เลือกใช้เบบี้แครอทหรือแครอทออสเตรเลียก็ได้)
พริกหวานและเม็ดถั่วลันเตา เพิ่มลงไปในสตูของเราก็ได้คะ

ที่มา เว็บหมึกแดง,หนานคำ,กุ๊กเล็ก,Guzzie Kitchen,
//www.pinkywomen.com
//www.thaiparents.com
//www.yingsakfood.com


เนื้อหาอื่นที่เกี่ยวข้อง
สตูว์น่องไก่ 3 สูตร




Create Date : 15 เมษายน 2552
Last Update : 15 เมษายน 2552 9:54:10 น. 8 comments
Counter : 47693 Pageviews.

 
ขอบคุณมาก


โดย: kordang วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:11:20:12 น.  

 
ขอบคุณนะคะที่แบ่งปัน สูตรน่าทำทั้งนั้นเลย ขอนำไปประยุกต์กับสูตรประจำบ้านนะคะ


โดย: pinklilac วันที่: 15 เมษายน 2552 เวลา:12:28:10 น.  

 
อยากกินมาก ๆๆๆๆๆ ทำให้กินหน่อยดิ 5555555


โดย: nuorn IP: 210.213.38.178 วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:16:33:52 น.  

 

ร้อนกายพอทนได้
แต่ร้อนใจเพราะคิดถุง
มันดับมะได้ อิๆๆๆๆ


โดย: พลังชีวิต วันที่: 16 เมษายน 2552 เวลา:22:11:54 น.  

 
อยากทานมานานแล้ว


โดย: kordang วันที่: 18 เมษายน 2552 เวลา:19:21:36 น.  

 
ขอบคุณมากนะคะที่ posted สูตรสตูว์ต่างๆ ไว้เป็นวิทยาทาน มีประโยชน์มากค่ะ การนำเสอนทำให้เข้าใจง่ายด้วยค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ


โดย: พราว IP: 79.129.160.201 วันที่: 2 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:18:15 น.  

 
ขอบคุณคะ สำหรับความรู้


โดย: nuorn IP: 210.213.38.178 วันที่: 4 พฤษภาคม 2552 เวลา:16:52:26 น.  

 
ขอบคุณที่รวบรวมมาให้ค่ะ


โดย: แนนแนน IP: 58.8.70.135 วันที่: 20 เมษายน 2555 เวลา:9:14:07 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.