ลดน้ำหนักปลอดภัยไม่ต้องพึ่งยา
*แนะออกกำลังกาย - คุมอาหารอย่างเหมาะสม
ยาลดความอ้วนจัดอยู่ในกลุ่มวัตถุที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาท เป็นยาที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ควบคุมการจำหน่าย แต่ก็ยังพบการลักลอบขาย โรคอ้วนเป็นอันตรายต่อสุขภาพก็จริง แต่โรคกลัวอ้วนหลายครั้งทำให้เกิดอันตรายยิ่งกว่า เพราะส่วนใหญ่บุคคลที่กลัวอ้วนไม่ได้เป็นโรคอ้วนจริงๆ เพียงแต่คิดไปเองว่าตัวเองอ้วน จนนำไปสู่การลดความอ้วนด้วยวิธีผิดๆ
การคำนวณหาค่าดัชนีมวลร่างกาย (Body Mass Index, BMI) ที่ชี้ว่าแต่ละคนอยู่ในเกณฑ์อ้วนหรือไม่ สามารถคำนวณได้เองง่ายๆ โดยนำน้ำหนักตัว (หน่วยกิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูงยกกำลังสอง (หน่วยเป็นเมตร) แต่ไม่สามารถใช้ได้ในเด็กที่กำลังเจริญเติบโต สตรีมีครรภ์ และนักกีฬา จากนั้นนำค่าดัชนีมวลร่างกาย (BMI) มาแปลผล ดังนี้ ถ้าได้ค่าต่ำกว่า 20 หมายความว่า น้ำหนักตัวต่ำกว่ามาตรฐาน 20.0 - 24.9 หมายความว่า น้ำหนักปกติ (เกณฑ์มาตรฐานเมืองไทยคือ 18.5-24.9) 25.0 - 29.9 หมายความว่า น้ำหนักเกิน 30.0 - 39.9 หมายความว่า เป็นโรคอ้วน มากกว่า 40 คือเป็นโรคอ้วนรุนแรง ต้องได้รับการรักษาและดูแลอย่างถูกต้อง เพราะทำให้เกิดความเสี่ยงหลายอย่างด้วยกัน ทั้งความดัน เบาหวาน โรคหัวใจ
การควบคุมน้ำหนักที่แพทย์แนะนำและปลอดภัยที่สุด ก็คือการออกกำลังกายควบคู่กับการควบคุมอาหารอย่างเหมาะสม โดยรับประทานให้ครบ 5 หมู่และครบ 3 มื้อ แต่เป็นวิธีที่ปฏิบัติได้ยาก หากไม่ตั้งใจจริง หลายคนจึงเลือกใช้ยาเป็นตัวช่วย
แต่สำหรับผู้ป่วยโรคอ้วน แพทย์จะพิจารณาให้ยาควบคู่กับการใช้วิธีอื่น เพราะยาลดความอ้วนจะมีฤทธิ์กระตุ้นระบบประสาทส่วนกลาง และยาส่วนใหญ่จัดเป็นอนุพันธ์ของ Amphetamine ซึ่งอยู่ในประเภทเดียวกับยาบ้า ผลข้างเคียงที่พบบ่อยคือไม่อยู่นิ่งเฉย นอนไม่หลับ เวียนศีรษะ วิตกกังวล เคลิ้มฝัน ปวดศีรษะ สั่น ตาพร่า หากใช้ติดต่อกันเป็นเวลานานอาจก่อให้เกิดการติดยาได้ และควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาในผู้ป่วยที่มีประวัติเคยใช้ยาในทางที่ผิด หรือมีภาวะซึมเศร้ามาก่อน แม้ใช้ยาในขนาดปกติเพื่อลดความอ้วน หากหยุดยาอย่างทันทีทันใดก็อาจเกิดภาวะถอนยาได้ อาการดังกล่าว ได้แก่การเกิดภาวะทางจิต (psychosis) อย่างเฉียบพลัน เช่น อาการสับสน หวาดระแวง และประสาทหลอน
หลักการในการใช้ยาลดน้ำหนัก มีคำแนะนำที่สำคัญ คือการใช้ยาลดน้ำหนักต้องใช้ร่วมกับการควบคุมอาหาร และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมเสมอ ยาไม่ทำให้หายจากโรคอ้วนอย่างเด็ดขาด มีโอกาสน้ำหนักขึ้นได้อีกเมื่อเลิกใช้ยา และการเลือกใช้ยาต้องชั่งข้อดีข้อเสีย ผลข้างเคียงด้วย
ก่อนที่จะเริ่มใช้ยาลดน้ำหนัก ควรจะให้การรักษาด้วยการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย และการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมอย่างน้อย 3 เดือน หากน้ำหนักลดก็ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ที่สำคัญคือไม่ควรใช้ในผู้เป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง ภาวะไขมันในเลือดสูง และควรหยุดสูบบุหรี่
ยาทุกชนิดมีผลข้างเคียง ฉะนั้นถ้าไม่อยากเสี่ยงก็สามารถเลือกใช้วิธีธรรมชาติ และการสร้างวินัยให้กับตนเอง
ข้อมูลจาก: //www.khaosod.co.th //www.thaihealth.or.th ภาพจาก: //www.fotosearch.com.au
สารบัญลดอ้วน ลดน้ำหนัก
Create Date : 28 กรกฎาคม 2552 |
|
2 comments |
Last Update : 3 กุมภาพันธ์ 2555 15:04:48 น. |
Counter : 1215 Pageviews. |
|
|
|