มกราคม 2568

 
 
 
1
2
4
6
7
8
10
13
14
15
16
17
18
21
23
25
26
27
28
29
30
31
 
 
All Blog
The Kite Runner (2007) เด็กเก็บว่าว


''ฉันฝันว่าพระเป็นเจ้า จะทรงนำพาเราไปสู่วันที่ดีกว่า ฝันว่าลูกฉันจะเติบโตเป็นคนดี มีอิสรภาพ เป็นคนใหญ่คนโต ฉันฝันว่าสักวันดอกไม้จะเบ่งบานตามริมถนนในคาบุลอีกครั้ง อีกทั้งมีเสียงเพลงตามโรงดื่มชา และมีหมู่ว่าวโบยบินบนท้องฟ้า ฉันฝันว่าสักวันนายจะกลับมาคาบุล มาเยี่ยมแผ่นดินวัยเด็กของเรา ถ้ามาได้ นายจะเจอ เพื่อนเก่าผู้ซื่อสัตย์คนนี้รออยู่.....''

หนังเรื่อง The Kite Runner หรือชื่อไทย ''เด็กเก็บว่าว'' เป็นหนังที่ได้ยินชื่อเสียงเรียงนามมานาน และยังพอทราบอีกว่าเป็นหนังที่สร้างมาจากหนังสือขายดีเรื่องหนึ่ง เล่าเรื่องราวอันเจ็บปวดและหดหู่ ของคนที่ออกเดินทางไปหาอดีตของตัวเอง เพื่อจะไถ่บาปกับสิ่งที่ตัวเองเคยก่อกับเพื่อนของเขา ซึ่งเป็นหนังที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวนี้ออกมาได้ยอดเยี่ยม ผ่าน ''ว่าว'' ที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า

จึงตั้งใจว่าอยากจะหยิบหนังเรื่องนี้มาดูเป็นเรื่องแรกของปี 2025 เพราะว่าส่วนตัว เมื่อเปิดปีใหม่ในแต่ละปี ก็อยากให้หนังเรื่องแรกที่ได้ดูในปีนั้น ต้องเป็นหนังดีก่อนแล้ว ปีที่แล้วก็เลือกเรื่อง Minari (2020) มาดูก็ไม่ผิดหวัง

ปีนี้ก็บอกกับตัวเองว่า ''เอาดีๆ นะเว้ย เลือกหนังดีๆ สักเรื่อง'' จะเอาแนวไหนก็ได้ แต่ขอให้เป็นหนังดีก็พอ พอเลื่อนมาเจอหนังเรื่องนี้ใน Max ก็เลยตั้งใจหาเวลาดูหนังเรื่องนี้นี่แหละ

เป็นเรื่องราวการเดินทางกลับไปอัฟกานิสถานเพื่อไถ่บาปในอดีต ของ 'อาเมียร์' ที่เขาเคยทำกับเพื่อนของเขา 'ฮัสซัน'

เล่าย้อนไปเมื่อหลายปีก่อนเมื่อทั้งคู่ยังเป็นเด็ก 'อาเมียร์' เป็นลูกชายของผู้มีฐานะ ส่วน 'ฮัสซัน' เป็นลูกชายของชายผู้รับใช้ตระกูลนี้มาตั้งแต่รุ่นก่อน

ทั้งคู่จึงเป็นเหมือน ''เพื่อน'' เพราะวัยไล่เลี่ยกัน แต่ก็จะมีเส้นแบ่งคำว่า ''เจ้านาย'' กับ ''ลูกน้อง'' คั่นอยู่นิดๆ

'ฮัสซัน' จึงเป็นเหมือนลูกไล่ของผู้ซื่อสัตย์ของ 'อาเมียร์' เพราะไม่ว่า 'อาเมียร์' จะสั่งให้ทำอะไร 'ฮัสซัน' ก็ทำให้ได้เสมอ

วันหนึ่ง 'อาเมียร์' ถูกอันธพาลระแวกนั้นแกล้ง 'ฮัสซัน' ก็ช่วยไว้

'อาเมียร์' ได้เรียนหนังสืออ่านออกเขียนได้ เขาฝันอยากเป็นนักเขียน จึงเขียนนิทานและมาเล่าให้ 'ฮันซัน' ฟัง

'ฮัสซัน' ผู้ไม่ได้รับการศึกษา อ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ จึงเป็นผู้ฟังนิทานของอาเมียร์ เขาชอบนิทานของเพื่อนคนนี้มาก

รวมทั้งเรื่องราวของ ''ว่าว'' อาเมียร์จะเป็นคนนำว่าวไปแข่ง เมื่อแข่งชนะว่าวของคู่แข่งตก ถ้ารู้ว่าว่าวนั้นตกลงตรงไหน แล้วสมารถไปเก็บมาได้ ผู้นั้นจะได้ว่าวนั้นกลับไป

ซึ่งเมื่ออาเมียร์ไปแข่ง ฮัสซันจะรับหน้าที่เป็นคนเก็บว่าวมาให้อาเมียร์

แต่แล้ววันหนึ่ง...

อาเมียร์แข่งว่าวชนะ ฮัสซันก็เป็นคนไปเก็บว่าวให้อาเมียร์เหมือนเคย แต่คราวนี้เขาถูกเด็กอันธพาลทำร้ายระหว่างทางไปเก็บว่าว เขาถูกทำร้ายอย่าง
หนัก และถูกขืนใจ....

เมื่ออาเมียร์เห็นว่าเพื่อนคนนี้หายไปนานผิดปกติ จึงตามหา เขาไปเจอเพื่อนของเขากำลังถูกข่มขืนด้วยความเจ็บปวด แต่ตัวเขานั้นไม่กล้าเข้าไปช่วย ได้แต่แอบมองด้วยความกลัว และหนีจากไป....

เวลาผ่านไป ฮัสซันก็เอาว่าวนั้นกลับมาให้เพื่อนของเขา และหลังจากนั้น

''ความเจ็บปวดในวันนั้นก็กัดกินข้างในจิตใจลึกๆ ของทั้งสอง''

ทั้งคู่เล่นด้วยกันน้อยลง จนพ่อของอาเมียร์สังเกตได้ เขาบอกลูกของเขาว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ให้ดีกันไว้ ให้เล่นด้วยกัน

อาเมียร์อยากให้พ่อของเขาหาคนงานใหม่มาแทน พ่อของฮัสซัน แต่พ่อของเขาบอกว่า ''พ่อของฮัสซันรับใช้ครอบครัวเราอย่างซื่อสัตย์มาตั้งแต่รุ่นก่อน ไม่ว่ายังไงพ่อก็จะไม่ไล่เขาออกแน่นอน''

และนั่นทำให้อาเมียร์เริ่มสร้างเรื่องให้ฮัสซันได้เเยกจากเขา ไม่นานก็เกิดสงครามกลางเมือง ระหว่างรัสเซียกับอัฟกานิสถานขึ้น

อาเมียร์ได้อพยพไปอยู่ดินแดนใหม่ และเติบโตขึ้นที่อเมริกา ส่วนฮัสซันก็หายไปจากชีวิตของเขา

จนเขาได้การติดต่อมาจากลุงที่ดูเเลบ้านเกิดให้เขา เรื่องราวของเพื่อนในอดีต ''ฮัสซัน''

ที่ทำให้อาเมียร์ต้องเดินทางกลับไปแดนบ้านเกิด กลับไปชดเชยเรื่องราวที่ติดค้างไว้ในใจของเขามานานหลายปี

ตัวหนังโดยเล่าเรื่องได้ดี เล่าแบบหนังดราม่า ไม่เร่งมาก ค่อยๆ เล่า ค่อยๆ ผูกปม ค่อยๆ คลายปม

เน้นกระเทาะจิตใจของตัวละครไปเรื่อยๆ ถ้าวันนั้น..... เราตัดสินใจอีกแบบ....

วันนี้มันจะเปลี่ยนไปไหม....

หรือถ้าเราทำวันนี้เพื่อแก้ไขสิ่งที่เราเคยทำในอดีต มันจะพอชดเชยกันได้มั้ย?

หนังตั้งคำถามเรื่องราวแบบนี้ได้อย่างดี เพราะเชื่อว่าหลายคนย่อมเคยตัดสินใจแบบผิดๆ เหมือนตอนวัยเด็ก แต่มันไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เเล้ว

ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็ก หรือเรื่องใหญ่แค่ไหน มันก็จะติดอยู่ในจิตใจของเรา เราอาจจะคิดว่าเราจะแก้มันได้ หรือเรากำลังเยียวยาสิ่งที่มันเกิดขึ้น

หนังยังใช้ความเทาๆ ของดลกใบนี้มาเล่าเรื่องได้ดี

ทั้งตอนที่อาเมียร์ไปว่าคนเลี้ยงเด็กที่ขายเด็กให้กับพวกอัฟกันว่า ''คุณขายเด็กกินเหรอ คุณน่าจะปกป้องเขา คุณทำแบบนั้นได้ไง''

คนเลี้ยงเด็กก็ตอบกลับมาว่า ''เขายังต้องดูเเลเด็กอีกหลายสิบชีวิต ถ้าเราไม่ยอมขายเด็กหนึ่งคนกับพวกมันไป มันจะเอาเด็กไปสิบคน เเละเงินที่ได้มาเขาก็เอาไปซื้ออาหารเพื่อมาดูเเลเด็กเหล่านี้นี่แหละ จริงๆ ไม่ต้องทำแบบนี้ก็ได้ เขาจะใช้ชีวิตอย่างสบาย หนีไป ไม่ต้องมาข้องเกี่ยวกับเรื่องแบบนี้ก็ได้ แต่เขาก็ยังทำ แล้วนายล่ะเป็นใคร อยู่ดีๆ โผล่มาจากที่อื่น จะมาพาตัวเด็กคนเดียวไป เพื่อไปจากที่นี่ ไปใช้ชีวิตอยู่สบาย ก็คิดว่าตัวเองเป็นวีรบุรุษแล้วเหรอ แล้วเด็กที่เหลือล่ะจะเป็นยังไง?''

มันเป็นความจริงที่กระแทกเข้ามา บางครั้งเราก็คิดว่าตัวเองเป็นฮีโร่ แต่อีกบางมุม ยังมีอีกหลายๆ คน ที่ทำสิ่งที่เลือกไม่ได้ เพื่อให้อีกหลายคนได้อยู่รอด

หนังเล่นกับความเทาๆ ความซื่อสัตย์ ความเจ็บปวด บนแผ่นดินอัฟกานิสถานที่ครั้งหนึ่งมันเคยสงบสงุข

ถือเป็นหนังที่ดีมากๆ เรื่องหนึ่งเลยนะ ถ้าใครเป็นคอหนังดราม่าก็อยากให้เก็บเรื่องนี้ลิสต์สักเรื่องนะครับ

คะแนนความชอบส่วนตัว 8/10



Create Date : 03 มกราคม 2568
Last Update : 3 มกราคม 2568 13:56:45 น.
Counter : 148 Pageviews.

1 comments
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณหอมกร

  
เรื่องนี้ไม่เคยดูจ้า
สวัสดีปีใหม่ 2568

โดย: หอมกร วันที่: 8 มกราคม 2568 เวลา:6:52:44 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ไมเคิล คอร์เลโอเน
Location :
กำแพงเพชร  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 3 คน [?]



สวัสดีชาวบล็อคทุกคนนะครับ

''ชีวิตก็เหมือนกับกล่องช็อตโกแล็ต เราไม่รู้ว่าเปิดจะเจออะไร''