bloggang.com mainmenu search
















มาภูเก็ตที่เป็นจังหวัดบนเกาะทั้งที อาหารทะเลก็เป็นมื้อที่พลาดไม่ได้เลยทีเดียวค่ะ ความอร่อยของอาหารทะเล 90% มาจากความสดของวัตถุดิบ ส่วนปัจจัยที่เหลือคือ เทคนิคการปรุง และการกำหนดความสุกของอาหาร เช่น ถ้าเราได้กุ้งสดๆ มาแต่ทำให้สุกเกินไป ตรงนี้พูดได้เลยว่า เสียของค่ะ

ทริปภูเก็ตครั้งนี้ หลังจากที่หลบฝนบางวัน อากาศก็เป็นใจในวันรุ่งขึ้นให้มาดามตวงได้ไปชิมที่แพครูวิทย์ เป็นกระชังปลาอยู่กลางทะเล เดินทางไปทางรถถึงที่ท่าเทียบเรือแหลมหิน เขามีที่จอดรถให้พร้อม

 จากนั้นลงเรือที่จอดรออยู่บอกเขาว่าไปแพครูวิทย์ใช้เวลานั่งเรือแค่ 5 นาที พอไปถึงก็เดินดูกระชังที่เขาใส่ปลา ปู กุ้งหอยเอาไว้ ถ้าเด็กๆ มาด้วยคงตื่นเต้นไม่แพ้กับผู้ใหญ่ โดยเฉพาะปลาปักเป้า ที่พอเอาขึ้นมาจากน้ำก็ตัวพองเป็นลูกบอลหนามบานเลย แล้วพอปล่อยลงน้ำก็คายลมออกตัวหมุนเป็นลูกข่าง

หลังจากตื่นตาตื่นใจไปกับบรรยากาศร้านแล้ว เราก็ถึงเวลาเลือกเมนูแล้วค่ะ เมนูที่ขึ้นชื่อขอภูเก็ตและพลาดไม่ได้คือ กุ้งมังกร ตามที่เคยทานกันเราอาจไม่ได้สังเกตว่ากุ้งมังกรนั้นมีหลายสายพันธุ์ ซึ่งกุ้งมังกรที่ขายนี้มีอยู่ 3 สายพันธุ์

กุ้งมังกรเจ็ดสีเป็นชนิดที่อร่อยที่สุด สวยที่สุด (ราคาแพงที่สุด ราคากิโลกรัมละ 3,800 บาท ราคานี้อาจมีขึ้นลงตามราคาตลาด) นอกจากนี้ ยังมีกุ้งมังกรเขียว และกุ้งมังกรสีน้ำตาล หรือกุ้งมังกรเลน ราคาลดหลั่นลงมาตามลำดับ

แต่ชนิดที่ถูกที่สุดก็กิโลกรัมละ 1,000 กว่าขึ้นไป สำหรับเมนูกุ้งมังกรสดๆ แบบนี้ เขาเอาทำซาซิมิเลยค่ะ โดยหั่นเนื้อกุ้งเป็นชิ้นเล็กๆ วางลงบนน้ำแข็งเพื่อให้ได้ความเย็น เนื้อกุ้งทั้งหวานและเด้ง เพียงแค่มีน้ำจิ้มโชยุกับวาซาบิก็อร่อยมากแล้ว ช่วงระหว่างตอนเดินชมกระชัง เห็นปลาอีกชนิด ซึ่งปกติโดยทั่วไปหาทานไม่ง่าย

นั่นคือ ปลาไหลมอร์เร่ย์ เป็นปลาไหลทะเลตัวโตหนักประมาณ 1 กิโลกรัม ลำตัวสีเหลืองลายจุดดำ เมื่อสั่งปลาไหล 1 ตัว (ตัวละ 1,200 บาท) ทางร้านจะนำมาปรุงให้ 2 แบบ มาดามตวงเลือกนึ่งซีอิ๊วกับผัดฉ่า ซึ่งบอกเลยว่ามันอร่อยมาก

โดยเฉพาะจานนึ่งซีอิ๊ว ที่เนื้อปลาทั้งนุ่มทั้งหวาน ส่วนหนังปลาหนึบๆ คล้ายปลาบึก เราจะรับรู้สัมผัสความหนึบๆ ของหนังปลาและความหวานนี้ได้มากกว่าผัดฉ่า ตามความชอบส่วนตัวแนะนำว่าเนื้อปลาสดๆ ควรกินแบบปรุงน้อยๆ จะเหมาะกว่าค่ะ แต่ถ้าใครชอบอาหารรสจัดก็ต้องลองผัดฉ่า ทั้งนี้ ปลาไหลมอเร่ย์นั้นอาจจะไม่มีตลอดเวลานะคะ












เป็นนิยมมากสำหรับชาวญี่ปุ่นและฮ่องกง นอกจากนี้ยังมีปูม้านึ่ง ปูตัวโตๆ สดๆ นึ่งมาเนื้อหวาน ไม่ง้อน้ำจิ้มก็ได้ แค่ได้แกะปูไป ชมบรรยากาศไป รับลมทะเลไป มีความสุขแล้วค่ะ อีกหนึ่งเมนูที่อร่อยและแปลก สำหรับเมนูนี้ เจ้าของร้าน คุณโอ๋ อำภา ชูอักษร ภูมิใจนำเสนอ

คือ ปลาเก๋าต้มเต้าเจี้ยว ปกติปลาจะเข้ากับรสของเต้าเจี้ยวมากๆ อยู่แล้ว เมนูนี้เขาเอาปลาเก๋าทั้งตัว มาแล่เนื้อ ส่วนหัวสับเป็นชิ้น แล้วต้มกับน้ำต้มยำน้ำใส ใส่เต้าเจี้ยวลงไปหอมเลย คนชอบทานปลาจะรู้ว่าหัวปลาเวลาเอามาต้มยำแล้วส่วนนี้จะอร่อยสุดสุด เพราะมีทั้งเนื้อและหนัง

ยิ่งเสิร์ฟมาร้อนๆ ให้ซดกันโฮกๆ ทั้งเปรี้ยว เค็ม เผ็ดครบ บอกได้เลยว่าเวิร์กมาก ใครชอบกินเนื้อปลาก็เลือกได้ตามชอบ แต่มาดามตวงขออาสาแทะหัวปลาอย่างไม่ขอแย่งเนื้อกับใคร

ช่วงปีใหม่มีวันหยุดยาว ใครไปภูเก็ตลองหาวันไปชิมดูนะคะ วันพ่อไม่ได้มีแค่วันเดียวในหนึ่งปี พาพ่อไปให้ได้มีความสุขด้วยกัน ท่านผู้อ่านเขียนมาเล่าสู่กันฟังได้เลยค่ะที่ www.facebook.com/madametuang

แพครูวิทย์ หน้าเกาะมะพร้าว หมู่ 6 ตำบลเกาะแก้ว อำเภอเมือง จังหวัดภูเก็ต 

ที่มา : คอลัมน์ มาดามตวงFood Work มติชนรายวัน


ขอบคุณ มติชนออนไลน์ - มติชนรายวัน

คอลัมน์ มาดามตวง Food Work 

อาทิตยวารสิริสวัสดิ์ค่ะ

 

Create Date :14 ธันวาคม 2557 Last Update :14 ธันวาคม 2557 8:51:02 น. Counter : 2998 Pageviews. Comments :0