ปฏิรูปการศึกษา IV : กิจกรรม และความสัมพันธ์
มาถึงตอนที่สี่แล้ว คราวนี้ว่าด้วยเรื่อง กิจกรรม และความสัมพันธ์ในสถานศึกษา โดยขอเน้นไปในส่วนของระดับ ประถม และมัธยมเป็นหลักเช่นเดียวกับคราวก่อนๆ แน่นอนว่าการเรียนรู้ด้วยการลงมือทำ หรือการร่วมกิจกรรมก็ถือเป็นช่องทางการเรียนรู้อีกรูปแบบหนึ่งที่จะทำให้เด็กได้เรียนรู้ แต่สิ่งที่น่าเบื่อคือ รูปแบบกิจกรรมที่บังคับ และไม่ตรงกับความสนใจของผู้ร่วม
กิจกรรมบังคับเรียน เป็นวิชาที่ต้องเข้าเรียน แม้จะไม่มีเกรดแต่มีผลต่อการเลื่อนชั้น ดังนั้นหากไม่สามารถเลือกกิจกรรมที่ตนเองสนใจได้จะถือว่าซวย เพราะอาจจะถูกบังคับ หรือที่ภาษาชาวบ้านเรียกจับยัดใส่กิจกรรมที่คนร่วมน้อย และไม่มีความสนใจ เนื่องจากนักเรียนก็คาดการณ์ว่ามันอาจจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น หลายคนจึงพยายามเลือกกิจกรรมโดยดูจากอาจารย์ที่ปรึกษากิจกรรมเป็นหลัก เพราะหากเป็นกิจกรรมที่น่าเบื่อ แต่ถ้าอาจารย์ไม่น่าเบื่อ มันก็ช่วยลดความน่าเบื่อไปได้
หากใครติดตามข่าวทางโซเชียลจะพบว่า มีโรงเรียนหนึ่งมีกิจกรรม ROV (มันก็คือเล่นเกม) สิ่งที่น่าสนใจคือ เขาบอกว่ามันเป็นการฝึกทำงานเป็นทีม ถามว่ามันเป็นไปตามนั้นจริงหรือไม่ มันก็เป็นไปตามนั้นนะ ไม่เถียงเลยถ้าทีมกาก โอกาสแพ้ก็สูง ไม่รู้ว่าเป็นแค่มุกหรือมีจริง ถ้าหากมีจริงต้องถือว่าเป็นความคิดที่ก้าวหน้ามากในการเปิดให้มีกิจกรรมลักษณะดังกล่าว
ผมลองเปรียบเทียบตอนเป็นนักศึกษาต่างชาติที่จีนกับประสบการณ์ที่เคยสัมผัสในไทย ที่จีนกิจกรรมแม้ว่าจะคนน้อย แต่ทุกคนอยากร่วม ครูก็เต็มที่กับกิจกรรม แบบนั้นมันดีกว่าเอาพวกไม่มีคุณภาพที่ถูกบังคับมาร่วม อะไรก็ตามถ้าถูกบังคับ ถูกเกณฑ์ไปทำมันไปได้ไม่ไกลหรอก มันจะจบลงที่รีบทำให้มันจบๆ จะได้รีบกลับเพราะมันไม่สนุก
มันจะมีเคสวิชาลูกเสือเมื่อต้นปีที่ผ่านมา เด็กจมน้ำเสียชีวิตโดยที่ครูก็พยายามปัดความรับผิดชอบ จะว่าไปวิชาลูกเสือก็อยู่ในหมวดนี้เช่นกัน บังคับเรียนไม่อยากเรียนก็ต้องเรียน เครื่องแบบราคาสูง มีโอกาสจะเขียนเกี่ยวกับวิชานี้อีกครั้ง ซึ่งนับวัน เนื้อหาของวิชานี้จะไม่ทันโลก
กิจกรรมพิธีกรรม อันนี้ถือเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อนเป็นอย่างมาก เช่น กิจกรรมวันพ่อ วันแม่ ซึ่งทางโรงเรียนมีการเชิญคุณพ่อคุณแม่ของนักเรียนบางคนมาที่โรงเรียนเพื่อนร่วมงาน ความจริงมันมองได้สองแง่ มันก็ดีในแง่ที่โรงเรียนมีกิจกรรมที่ส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างทางโรงเรียนและผู้ปกครอง แน่นอนเมื่อมีด้านดีก็ต้องมีด้านที่แย่ แล้วกรณีที่นักเรียนคุณพ่อคุณแม่เสียชีวิตไปแล้วล่ะ มันจะเป็นกิจกรรมที่ตอกย้ำความเศร้า และความแตกต่างที่จะต้องเจอทุกปี
"ไม่มีพ่อ" "ไม่มีแม่" ครูบังคับเด็ก หรือตามกวดขันเด็กไม่ให้ล้อเพื่อนไม่ได้หรอก ซ้ำร้ายครูนี่แหละที่จะล้อเสียเอง และต้องยอมรับว่าพวกเด็กเรื้อนๆ ที่ผู้ปกครองไม่มีเวลาสั่งสอน หรือความจำสั้น ไม่จำสิ่งที่ผู้ปกครองสอน มีอยู่ในสังคม ทำให้เกิดปัญหากระทบกระทั่งกันได้ จะดีกว่าหรือไม่ถ้าเราจะคิดหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดเหตุการณ์ลักษณะดังกล่าว หรือทำให้เกิดน้อยลง
ผู้ปกครองต้องเข้าร่วม ถือเป็นเรื่องที่ดีที่ผู้ปกครองจะได้มาดูชีวิตความเป็นอยู่ของลูกในโรงเรียน แต่ต้องไม่ลืมว่าประเทศเราไม่ค่อยเอื้ออำนวยในจุดนี้ บางครั้งการที่ผู้ปกครองมาโรงเรียนอาจหมายถึง การขาดรายได้ หากสถานประกอบการที่เจ้าของมีความเห็นอกเห็นใจ อาจจะยอมให้ลากิจโดยไม่คิดมากเรื่องเงิน แต่ใช่ว่าเจ้าของสถานประกอบการจะดีทุกแห่ง บางแห่งอาจบังคับให้ใช้วันลาพักร้อน หรือแม้แต่อนุญาตให้ลาแต่หักเงิน ในจุดนี้เป็นประเด็นที่น่านำไปคิดเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมของผู้ปกครอง นี่ยังไม่รวมกรณีที่เป็นเจ้าของกิจการ หรือพนักงานรายวัน กรณีเลวร้ายสุดๆ อาจจะเป็นไม่สามารถลามาร่วมงานของลูก
จะแปลกอะไรถ้าเราจะเห็นผู้ปกครองบางส่วนไม่ค่อยให้ความร่วมมือกับทางโรงเรียน มันมีปัญหาเรื่องรายได้ซึ่งต้องยอมรับว่า การที่เงินหายไปเดือนละหลายร้อย อาจส่งผลกระทบที่ยิ่งใหญ่กว่าที่หลายคนคิด คนส่วนใหญ่ไม่ได้มีรายได้แบบพวกผู้มีอำนาจ แค่เข้าประชุมก็มีเบี้ยประชุมเป็นหมื่น โดดงาน 300 กว่าวันยังมีรายได้เป็นแสน เป็นล้าน หรือรับเงินหลายทาง ทั้งที่การประชุมมันก็เป็นหน้าที่ของพวกเขา แต่ที่มันเลวร้ายยิ่งกว่า คือทางโรงเรียนบังคับให้ผู้ปกครองต้องเข้าร่วม หากไม่เข้าร่วมจะมีผลกระทบต่อการผ่านวิชากิจกรรมเด็ก
ปัญหาใต้พรม เวลามีเรื่องราวที่ไม่ค่อยดีเกี่ยวข้องกับสถานศึกษา เช่น การทำร้ายร่างกาย นักเรียนโดนครูข่มขืน หลังจากที่นักเรียนถูกผู้ปกครองคาดคั้นจนยอมบอกความจริงแล้วนั้น คนเป็นผู้ปกครองย่อมต้องการเอาเรื่องครูที่ก่อปัญหา แต่สิ่งที่เรามักจะเห็นจากกรณีเหล่านี้คือ นักเรียนที่เป็นผู้เสียหายคนดังกล่าวไม่สามารถอยู่ในโรงเรียนนั้นได้อีกต่อไป มันเกิดอะไรขึ้นล่ะ เรามาดูกรณีที่เกิดขึ้นนี้ว่าผลมันเป็นอย่างไร ก่อนที่จะตัดสินว่าใครถูกหรือผิด
- โรงเรียนเสียชื่อเสียงจากการกระทำของครู - เด็ก คือผู้เสียหาย - ครู ได้ละเมิดทางเพศเด็ก แต่ได้รับการปกป้องเต็มที่ โดยยอมรับผิดชอบ และชดใช้ค่าเสียหายด้วยเงิน!? ดีชิบหายได้เปิดซิงเด็ก โอกาสติดโรคก็ต่ำ แถมโดนจับได้ก็จ่ายเงินนิดหน่อย ดีกว่าไปตีกระหรี่เยอะ
ปัญหาลักษณะนี้โรงเรียนจะพยายามปิดข่าว เนื่องจากกลัวจะทำให้โรงเรียนเสียชื่อเสียง ทั้งที่คนที่ทำเสียชื่อเสียงจากกรณีดังกล่าวคือ ครู แต่ถามว่าเรื่องนี้ในประเทศอื่นมีหรือไม่? "มี" แม้แต่ประเทศพัฒนาแล้วอย่างประเทศญี่ปุ่นที่มีปัญหาการกลั่นแกล้งในโรงเรียน ทางโรงเรียนก็พยายามปกปิดซ่อนปัญหาไว้ใต้พรม ทั้งที่แค่จับคนผิดมาลงโทษเรื่องก็จบ แต่พวกเขากลับทำตรงข้ามด้วยการปกป้องคนร้าย เนื่องจากกลัวจะส่งผลกระทบต่อเก้าอี้ของตัวเอง
ความสัมพันธ์ครู-ศิษย์ ครู - ศิษย์นั้นครูควรเป็นผู้ที่ช่วยเหลือแนะนำศิษย์ ไม่ใช่พยายามทุกวิถีทางเพื่อหาผลประโยชน์จากศิษย์ มีเคสน่าสนใจคือ นักเรียนดินสอกุด เขียนไม่ได้แล้ว ครูคิดเงินเด็กค่าเหลาดินสอ ทั้งที่ในเมื่อครูมีกบเหลาดินสอ ควรให้นักเรียนใช้ แต่เขากลับเก็บเงินซึ่งก็เรียกรับไม่ใช่น้อยๆ แบบนี้ควรจะถือได้ว่าหาประโยชน์ในทางมิชอบได้หรือไม่?
นี่ยังไม่รวมไปถึงการแก้ปัญหาที่ไร้จิตวิทยา นักเรียนบางคนไม่ได้นำสีไม้มา แล้วไม่สามารถยืมเพื่อนใช้ได้ ครูเห็นนักเรียนคนหนึ่งมีสีไม้กล่องใหญ่ แต่นักเรียนคนนั้นให้เพื่อนยืมแค่ไม่กี่คน ครูก็ดันไปพูดจาแดกดันแกมบังคับให้เด็กคนนั้นให้เพื่อนยืมสีไม้ ซึ่งในจุดนี้ครูไม่ควรแก้ปัญหาแบบนี้ ในเมื่อเพื่อนคนนี้ไม่ให้ยืมก็ควรจะให้ไปยืมคนอื่น ถ้าคนอื่นไม่ยอมให้ยืมกันหมดก็แสดงว่าเด็กคนนี้มีปัญหาบางอย่างแล้ว มันเป็นหน้าที่ครูแล้วที่จะต้องรายงานปัญหาที่พบให้ผู้ปกครองทราบ
จะดีกว่าหรือไม่ถ้าครูท่านนี้มีจิตวิทยาสักนิด เขาจะสามารถสืบทราบได้ว่าปัญหามันเกิดจากอะไร แค่ถามเด็กที่ไม่ให้ยืมว่า "เพราะอะไรถึงไม่ให้เพื่อนยืม?" แค่นี้ก็จะพอทราบคำตอบคร่าวๆ แล้ว แต่มักง่ายไง แค่หาทางบังคับเด็กสักคนให้เด็กคนนั้นให้เพื่อนที่ไม่มีสียืม แค่นี้ก็ผ่อนแรงไปได้เยอะแล้ว
ผมไม่ได้ต่อต้านหรือต้องการประณามครู เพียงแต่ครูควรมีจิตวิทยา และความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ไขปัญหาให้สมกับที่ชาวบ้านให้ความเคารพว่าเป็น พ่อพิมพ์แม่พิมพ์ของชาติ
ผมอ่านหนังสือของ ซาลมาน คาน ที่พูดเรื่องการศึกษา เรื่องพวกนี้ที่ผมกล่าวมันอาจดูเล็กน้อย เหมือนเบี้ยหัวแตก แต่มันก็มีผลนะ จากแนวคิดของเขามันทำให้ได้เปิดมุมมองด้านการศึกษาขึ้นเยอะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วย หรือการเปลี่ยนรูปแบบการศึกษา มีโอกาสจะมาพูดกันอีกครั้ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นปัญหาหลายๆ อย่างมันสามารถแก้ได้ที่บุคลากรทางการศึกษา ปัญหามันก็อยู่ตรงนี้แหละว่าเราจะแก้ที่บุคลากรทางการศึกษาอย่างไรในสภาพสังคมปัจจุบัน เด็กคนหนึ่งเป็นอัจฉริยะหรือหมดอนาคตก็ขึ้นอยู่ครู นี่เป็นสิ่งที่ครูทุกคนควรตระหนักถึงมิใช่หรือ?
Create Date : 31 พฤษภาคม 2564 |
Last Update : 31 พฤษภาคม 2564 14:43:22 น. |
|
42 comments
|
Counter : 1345 Pageviews. |
 |
|
|
ผู้โหวตบล็อกนี้... |
คุณnonnoiGiwGiw, คุณhaiku, คุณcomicclubs, คุณThe Kop Civil, คุณเนินน้ำ, คุณซองขาวเบอร์ 9, คุณกะว่าก๋า, คุณmcayenne94, คุณmariabamboo, คุณSweet_pills, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณหอมกร, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณInsignia_Museum, คุณPooh Station TH, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณkae+aoe, คุณทุเรียนกวน ป่วนรัก, คุณสองแผ่นดิน, คุณคนผ่านทางมาเจอ, คุณทนายอ้วน, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณ**mp5**, คุณzungzaa, คุณtuk-tuk@korat, คุณชีริว, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณnewyorknurse |
โดย: คุณต่อขอชี้แจง (toor36 ) วันที่: 31 พฤษภาคม 2564 เวลา:14:33:55 น. |
|
|
|
โดย: comicclubs วันที่: 31 พฤษภาคม 2564 เวลา:17:06:13 น. |
|
|
|
โดย: เนินน้ำ วันที่: 31 พฤษภาคม 2564 เวลา:18:00:43 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 31 พฤษภาคม 2564 เวลา:18:41:39 น. |
|
|
|
โดย: mcayenne94 วันที่: 31 พฤษภาคม 2564 เวลา:19:23:41 น. |
|
|
|
โดย: Sweet_pills วันที่: 31 พฤษภาคม 2564 เวลา:23:38:01 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 1 มิถุนายน 2564 เวลา:0:44:36 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 มิถุนายน 2564 เวลา:6:45:44 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 1 มิถุนายน 2564 เวลา:7:17:29 น. |
|
|
|
โดย: อุ้มสี วันที่: 1 มิถุนายน 2564 เวลา:15:19:25 น. |
|
|
|
โดย: kae+aoe วันที่: 1 มิถุนายน 2564 เวลา:17:01:27 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 มิถุนายน 2564 เวลา:23:00:17 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 1 มิถุนายน 2564 เวลา:23:06:43 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 มิถุนายน 2564 เวลา:6:34:26 น. |
|
|
|
โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 2 มิถุนายน 2564 เวลา:10:36:44 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 2 มิถุนายน 2564 เวลา:14:46:30 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 มิถุนายน 2564 เวลา:18:03:09 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 2 มิถุนายน 2564 เวลา:18:06:31 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 มิถุนายน 2564 เวลา:5:36:12 น. |
|
|
|
โดย: **mp5** วันที่: 3 มิถุนายน 2564 เวลา:9:18:47 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 3 มิถุนายน 2564 เวลา:9:24:18 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 3 มิถุนายน 2564 เวลา:16:57:39 น. |
|
|
|
โดย: หอมกร วันที่: 3 มิถุนายน 2564 เวลา:20:04:29 น. |
|
|
|
โดย: ชีริว วันที่: 3 มิถุนายน 2564 เวลา:22:48:57 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 มิถุนายน 2564 เวลา:6:19:12 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 4 มิถุนายน 2564 เวลา:16:19:01 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 5 มิถุนายน 2564 เวลา:0:33:01 น. |
|
|
|
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 5 มิถุนายน 2564 เวลา:0:33:33 น. |
|
|
|
|
|
บล็อกนี้อยู่ในหมวด Education Blog ยินดีเปิดรับทุกความคิดเห็นของเพื่อนๆ ที่มีล็อคอิน เพื่อพูดคุยอย่างสร้างสรรค์
แม้ท่านจะใช้ตรรกะวิบัติมาพูดคุย แต่เราจะไม่ใช้ตรรกะวิบัติกับท่านแน่นอน