Bloggang.com : toor36 : เปลี่ยนม้ากลางศึก

เปลี่ยนม้ากลางศึก

มีคำกล่าวโบราณบอกไว้ว่า "นักรบไม่ควรเปลี่ยนม้ากลางศึก" เพราะจะทำให้พ่ายแพ้ต่อสงคราม และทำให้กลยุทธ์ที่วางไว้เกิดความเสียหาย แต่ทว่าหากการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปโดยไม่มีท่าทีว่าจะกลับขึ้นมาดีขึ้นได้เลยเราควรทำอย่างไร? ที่สำคัญเราแน่ใจหรือไม่ว่าสิ่งที่เรากำลังขี่อยู่คือ "ม้า" บางครั้งการเปลี่ยนม้ากลางศึกก็อาจไม่ใช่เรื่องเลวร้ายเสมอไป

อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์เคยกล่าวไว้ว่า

"มีแต่คนบ้าเท่านั้น ที่จะทำสิ่งเดิมซ้ำ ๆ แต่กลับหวังผลลัพธ์ที่แตกต่าง"

"The definition of insanity is doing the same thing over and over again, but expecting different results."

ในเมื่อวิธีการเดิมมันไม่ได้ผล ซ้ำสถานการณ์มีแต่จะเลวร้ายลง ทำไมเราไม่ลองวิธีการใหม่ดู นี่เป็นวิธีคิดที่พื้นฐานมาก อยากเปลี่ยนแปลงอะไรก็เปลี่ยนวิธีดำเนินการ ผลลัพท์ที่ได้มันย่อมเปลี่ยนแปลงแน่นอน เพียงแต่เราเลือกที่จะเปลี่ยนแปลงมันหรือไม่?

ทีมเชลซี ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการเปลี่ยนม้ากลางศึก

"แชมป์ฤดูกาล ปี 2011–12"

ในฤดูกาล ปี2011–12
อังเดร วิลลาส-โบอาส ทำผลงานได้ไม่ดีนักจนถูกบอร์ดบริหารปลดออกจากตำแหน่งโค้ช จากนั้นก็ได้แต่งตั้ง โรแบร์โต ดิ มัตเตโอ ขึ้นมาเป็นผู้จักการทีม แต่ผลจากการเปลี่ยนแปลงในครั้งนั้น ส่งผลให้เชลซีได้ครอง ถ้วยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกปี 2011–12 เฟร์นานโด ตอร์เรสที่หลายคนแซวว่าเป็นตอไม้ สามารถทำประตูสำคัญได้ ประตูนั้นหลายคนกล่าวว่า 50 ล้านปอนด์สำหรับค่าตัวนั้น คุ้มค่าแล้ว

"แชมป์ฤดูกาล ปี 2020–21"

กลับมาที่ฤดูกาลล่าสุด ปี 2020–21
แฟร้งค์ แลมพาร์ด ก็ทำผลงานได้ไม่ดีนัก จนโดนจนถูกบอร์ดบริหารปลดออกจากตำแหน่งโค้ช และได้มีการแต่งตั้ง โทมัส ทูเคิล เข้ามาทำหน้าที่แทน ผลกระทบจากความเปลี่ยนแปลงนั้นส่งผลให้เชลซีได้ครอง ถ้วยยูฟ่าแชมเปียนส์ลีกปี 2020–21 ซึ่งถือเป็นแชมป์ถ้วยใหญ่อีกครั้ง

การเปลี่ยนม้ากลางศึกไม่ถือเป็นเรื่องเสียหายอะไร ในเมื่อไม่มีอะไรจะเลวร้ายไปมากกว่านี้แล้ว ทำไมเราไม่เสี่ยง ไม่ลองดูล่ะ ในวันที่ผลการแข่งขันไม่เป็นใจโดนยิงประตูนำไป 1 ลูก เหลือเวลาแค่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บ แต่ได้เตะมุม ไม่ต้องแปลกใจที่จะเห็นผู้รักษาประตูเติมเกมขึ้นมาช่วย และหลายครั้งผลลัพท์ที่ได้ก็ทำให้หลายคนประหลาดใจ

โรมัน อับราโมวิช หรือที่หลายคนรู้จักในนามของเสี่ยหมี ถือว่าเป็นผู้นำที่ตัดสินใจได้ดี การเป็นผู้นำเมื่อถึงคราวต้องเลือกตัดสินใจ ถ้ามันจะช่วยทำให้สถานการณ์ที่เป็นอยู่เกิดความเปลี่ยนแปลงก็ต้องทำ แม้จะรู้สึกเจ็บปวดแค่ไหนก็ตาม ทีมต้องมาก่อนความสัมพันธ์ส่วนตัว หากวันนั้นเสี่ยหมีไม่ตัดสินใจปลดโค้ช เชลซีอาจไม่ได้แตะแชมป์ถ้วยใหญ่ก็เป็นได้ เช่นกันผู้นำทุกคนเมื่อถึงเวลาที่ต้องตัดสินใจเลือกอะไรบางอย่างก็ต้องทำ เพราะถ้าไม่ตัดสินใจแล้วปล่อยให้เวลาเลือกให้ อาจไม่มีโอกาสได้ตัดสินใจเพราะสถานการณ์มันอาจจะไปถึงจุดที่ไม่สามารถหวนกลับได้ (The point of no return)

Create Date : 28 สิงหาคม 2564

Last Update : 28 สิงหาคม 2564 0:02:13 น.

57 comments

Counter : 3534 Pageviews.

ผู้โหวตบล็อกนี้...

คุณnewyorknurse, คุณกะว่าก๋า, คุณหอมกร, คุณไวน์กับสายน้ำ, คุณเริงฤดีนะ, คุณจันทราน็อคเทิร์น, คุณThe Kop Civil, คุณtuk-tuk@korat, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณนายแว่นขยันเที่ยว, คุณSweet_pills, คุณเซียน_กีตาร์, คุณเนินน้ำ, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา, คุณmultiple, คุณkae+aoe, คุณnonnoiGiwGiw, คุณตะลีกีปัส, คุณlovereason, คุณภาวิดา คนบ้านป่า, คุณชีริว, คุณ**mp5**, คุณInsignia_Museum, คุณอุ้มสี

อรุณสวัสดิ์ครับน้องต่อ

พี่ก๋านึกถึงเชลซีแล้วก็เลสเตอร์ครับ
ที่ชอบใช้วิธีเปลี่ยนผู้นำทีม
แล้วก็ได้ผลทันที
เป็นการยกระดับทีมได้เลย
ไม่ต้องรอนาน
เพราะโลกวันนี้หมุนเร็ว
มองไกลเกิน วางแผนระยะยาวเกินไป
ก็ไม่ทันการณ์

ไม่ใช่แค่วงการกีฬา
การเมือง การทำธุรกิจ
เดี๋ยวนี้เขาก็ใช้วิธีนี้กันทั้งนั้น

ไม่เสี่ยง ก็รอรับความเสี่ยง
เสี่ยงที่จะเสียหายไปเรื่อยๆหากผู้นำไร้ความสามารถ
แถมยังทำลายโอกาสในการพัฒนาก้าวหน้าของคนอื่นด้วย