ทบ. ลงนามจัดหา BTR-3E1 จากยูเครน: ข้อวิจารณ์และบทเรียนสำคัญต่อกองทัพไทย
BTR-3E1
มีข่าวออกมาตามหน้าหนังสือพิมพ์ครับว่านายกรัฐมนตรี นายสมัคร สุนทรเวช ได้ลงนามอนุมัติให้กองทัพบกจัดหารถหุ้มเกราะล้อยาง 8 ล้อแบบ BTR-3E1 จากยูเครน มูลค่า 3,800 ล้านบาทเมื่อวันที่ 11 ก.ค. ที่ผ่านมา
กองทัพบกมีความต้องการจัดหารถหุ้มเกราะล้อยางมาทดแทนรถหุ้มเกราะ V-150 จำนวนกว่าสองร้อยคันใน 3 กองพันมาตั้งแต่ปี 2540 ครับ แต่เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจทำให้โครงการต้องยกเลิก และเลื่อนออกมาเรื่อยมาถึงปี 2550 ซึ่งได้มีการคัดเลือกแบบรถเกราะ BTR-3E1 จากยูเครน ให้มีชัยชนะเหนือรถเกราะจากฟินแลนด์ รัสเซีย และสหรัฐ
เหตุผลหลักของการเลือกแบบเป็นรถ BTR-3E1 นั้น พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบกกล่าวว่า เนื่องจากยูเครนเสนอข้อเสนอที่มีราคาถูกเพียงพอที่กองทัพบกจะจัดหาได้เต็มจำนวน 96 คันหรือ 1 กองพัน แต่ในจำนวนเงินที่เท่ากันนั้นถ้าซื้อจากผู้ผลิตรายอีกจะซื้อได้เพียง 48 คันเท่านั้นครับ เหตุผลหนึ่งก็เป็นเพราะอาวุธจากยุโรปตะวันออกมักจะมีราคาถูกมาก อีกทั้งยูเครนยังเสนอที่จะถ่ายทอดเทคโนโลยีการซ่อมบำรุงและการผลิตกระสุนให้กับกองทัพบก โดยรถคันแรกจะได้รับมอบในราวกลางปีหน้า
ซึ่งก็ฟังแล้วดูจะเป็นเหตุผลที่ยอมรับได้ครับเนื่องจากภาวะเศรษฐกิจของเราในปัจจุบันนั้นไม่ดี ประกอบกับรถ V-150 ก็ใกล้ที่จะหมดอายุลง และผลจากการปฏิบัติการจริงในสามจังหวัดภาคใต้ก็หลายครั้งที่เห็นได้จัดว่ารถเกราะ V-150 ถูกแรงระเบิดจนพลิกงายท้อง แต่ข้อสงสัยต่าง ๆ ที่สังคมตั้งคำถามถึงนั้น กองทัพก็ยังไม่ได้ชี้แจงอย่างเพียงพอจนทำให้เกิดปัญหาอยู่ในทุกวันนั้นทั้งสามเหล่าทัพ ซึ่งกองทัพทั้งสามควรต้องปรับปรุงการประชาสัมพันธ์ให้มากกว่านี้ครับ เพราะข้อมูลที่ประชาชนอยากรู้นั้นไม่ใช่ความลับทางทหารที่ต้องปกปิดเลย แต่เป็นข้อมูลพื้นฐานที่ทุกคนทั่วโลกนั้นทราบดี แต่คนไทยที่ไม่ได้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูลเหล่านั้นกลับไม่ได้รับโอกาสให้รับรู้อย่างถูกต้องทั้ง ๆ ที่ประชาชนคือผู้เสียภาษีและเป็นเจ้านายของทหารทุกคน กองทัพกลับปล่อยให้กลุ่มนายหน้าและผู้เสียผลประโยชน์หลายฝ่ายออกมาโจมตีกันด้วยข้อมูลที่ผิดพลาด เช่น รถเกราะ BTR-3E1 ไม่สามารถเหยียบตะปูเรือใบได้ทั้ง ๆ ที่ยางของรถนั้นมีความสามารถทนระเบิดได้ในระดับหนึ่งด้วยซ้ำ
อีกทั้งกองทัพทั้งสามเหล่าทัพต้องปรับปรุงกระบวนการจัดหาอาวุธใหม่ครับ โดยควรแถลงต่อสาธารณะชนให้ทราบว่าปีนี้กองทัพจะดำเนินการจัดหาอาวุธแบบใด อะไรคือความจำเป็นของการจัดหานั้น เช่นต้องจัดหาเครื่องบินขับไล่แทนเครื่องบินเก่าอายุ 30 ปี ต้องจัดหาเรือตรวจการณ์ลำใหม่แทนเรือจากสงครามโลก ต้องจัดหารถเกราะแบบใหม่เพื่อแทดแทนรถเกราะเดิมที่ใกล้หมดอายุ การที่กองทัพปล่อยให้การจัดหาเป็นความลับเฉพาะตัว (ทั้ง ๆ ที่มันไม่ใช่ควาามลับเลย) โดยไม่ยอมบอกอะไรเลยกับประชาชน สุดท้ายผลเสียก็จะย้อนกลับมาหากองทัพเองหลังจากมีการเปิดโปงต่าง ๆ นานาทั้งจริงและไม่จริง ซึ่งหลายโครงการก็คือจะเป็นบทเรียนให้กองทัพทั้งสามได้ดีอยู่แล้ว
และการที่กองทัพทั้งสามพร่ำบอกให้ประชาชนมั่นใจในการตัดสินใจของตนนั้นก็ไม่สามารถสร้างความมั่นใจได้จริง เนื่องจากประชาชนยังไม่รู้แม้แต่ข้อมูลเบื้องต้น ทำให้ไม่ว่าอย่างไรแค่คำพูดว่าขอให้มั่นใจก็คงไม่เพียงพอ
ในต่างประเทศโดยเฉพาะประเทศเพื่อนบ้านที่ผมได้มีโอกาสไปเยือนอย่างมาเลเซียหรือสิงคโปร์นั้น ในหลายโอกาสผู้บัญชาการเหล่าทัพจะออกมาให้สัมภาษณ์ว่าเขามีโครงการจัดหาอะไรในอีก 5 ปี ทำให้ประชาชนทราบได้ถึงยุทธศาสตร์ของประเทศของตนพร้อมทั้งสามารถติดตามพัฒนาการของโครงการได้ หรืออย่างญี่ปุ่นที่มักจะมีการจัดงานการแสดงอาวุธและเชิญชวนประชาชนให้เข้ามาชมและถ่ายภาพเพื่อให้ประชาชนรู้ว่าเงินที่พวกเขาจ่ายไปนั้นได้เปลี่ยนไปเป็นอาวุธที่ช่วยป้องกันประเทศ แต่สำหรับกองทัพไทยนั้นส่วนมากแล้วเราจะทราบว่ามีการจัดหาก็ต่อเมื่อได้รับข่าวการเซ็นสัญญาจากสื่อต่างประเทศหรือเมื่อมีการเปิดโปงกันตามหน้าหนังสือพิมพ์
ผลจากการขาดประสิทธิภาพในการประชาสัมพันธ์นี้ทำให้หลายครั้งประชาชนได้รับข้อมูลผิด ๆ จนเป็นอุปสรรคสำคัญต่อการพัฒนากองทัพ เช่น ข้อกล่าวหาที่ว่าอ่าวไทยตื้นเกินกว่าที่เรือดำน้ำจะปฏิบัติการได้ทั้ง ๆ ที่เป็นข้อมูลที่เกิดจากการโจมตีกันทางการเมืองของผู้เสียผลประโยชน์เมื่อกว่าสิบปีก่อนซึ่งผู้พูดนั้นพูดโดยขาดหลักฐานทางวิชาการมารองรับ (และไทยเป็นประเทศเดียวที่มีข้อกล่าวหาเช่นนี้ในสังคม) หรืออย่างกรณีเครื่องบินขับไล่ลำใหม่ของกองทัพอากาศคือ Gripen จากสวีเดน ที่แม้จะมีการชี้แจงจนประชาชนเข้าใจและมั่นใจในการเลือกแบบ แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าถ้าไม่มีข้อกล่าวหาและการเปิดโปงกันในหน้าหนังสือพิมพ์ กองทัพก็ไม่เคยมีแนวคิดที่จะชี้แจงเช่นกัน
ซึ่งถ้ายังเป็นอย่างนี้ต่อไป แทนที่เราทุกคนจะได้ยินคำอธิบายจากกองทัพ กลับต้องรับฟังข้อกล่าวหาจากผู้เสียผลประโยชน์ทางการเมืองและการค้า และในเมื่อประชาชนไม่มีทางเลือกอื่นในการรับข้อมูล พวกเขาก็ต้องใช้ข้อมูลนั้นในการตัดสินใจที่จะเห็นด้วยหรือไม่กับโครงการ ซึ่งกว่ากองทัพจะอธิบายให้ประชาชนเข้าใจได้ก็อาจจะช้าไปหรือไม่ทันการ
ฉะนั้นกล่าวโดยสรุปคือกองทัพทั้งสามต้องปฏิวัติตนเอง หลีกหนีจากระเบียบประเพณีเก่า ๆ ที่ว่าการจัดหาอาวุธคือความลับที่แม้แต่ประชาชนยังไม่ได้รับโอกาสได้รู้ ให้กลายเป็นการจัดหาทุกครั้งต้องมีการบอกกล่าวถึงความจำเป็นและโปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งในที่สุดผลประโยชน์ทั้งหมดจะตกอยู่กับกองทัพเองครับ
วกกลับมาสู่เรื่องรถเกราะ BTR-3E1 นั้น ในขณะนี้รถเกราะจำนวน 96 คันนั้นสามารถทดแทนได้เพียง 1 กองทัพเท่านั้น ซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็คงต้องมีการจัดหารถเกราะเพิ่มเติมอีก 2 กองพันอีกจำนวน 192 คันครับ ซึ่งโดยหลักการแล้วกองทัพก็ควรจัดหารถเกราะ BTR-3E1 ต่อไปเมื่อได้รับงบประมาณจนครบความต้องการทั้ง 3 กองพันหรือ 288 คัน เพราะการใช้รถเกราะแบบเดียวจะทำให้กองทัพประหยัดคือใช้จ่ายในการซ่อมบำรุงและการฝึก และทำให้กำลังพลมีความคุ้นเคยและทำงานทดแทนกันได้ ตลอดจนเพิ่มความพร้อมรบโดยรวมของกองทัพครับ
รถเกราะ BTR-3E1 จะมีประสิทธิภาพเป็นอย่างไร ......... การปฏิบัติการในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้จะเป็นผู้ให้คำตอบครับ
อ่านเพิ่มเติม
"-+= เปิดประสิทธิภาพ BTR-3E1 รถเกราะล้อยางจากประเทศยูเครน =+-"
'หมัก' อุบอิบเซ็นซื้อรถหุ้มเกราะยูเครน 3.8 พันล. 96 คัน พร้อมตั้งจนท.'สตง.'ร่วมสอบ ข่าววันที่ 23 07 2551 - 22:09:04 น.
'สมัคร' เซ็นเงียบอนุมัติกองทัพบกซื้อรถยานเกราะล้อยาง 'ยูเครน' 96 คันแล้ว มูลค่า 3.8 พันล้านบาท พร้อมแต่งตั้งผู้แทน'สตง.'ร่วมตรวจรับเพื่อความโปร่งใส หลังถูกร้องเรียนให้สอบจนต้องซุกเรื่องไว้นานร่วม 2 เดือน
ผู้สื่อข่าวรายงานเมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม ว่านายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เซ็นอนุมัติให้กองทัพบกจัดซื้อยานเกราะล้อยางชนิด 8x8 ยี่ห้อบีทีอาร์ 3 อี 1 (BTR 3 E 1) ผลิตโดยผลิตบริษัท คาร์คีฟ โมโรซอฟ ดีไซน์ บูโร ยูเครน แห่งประเทศยูเครน จำนวน 96 คัน มูลค่า 3.8 พันล้านบาท พร้อมระบบการฝึกศึกษา การอบรม การถ่ายทอดเทคโนโลยีและระบบการซ่อมบำรุง ทั้งนี้ นายสมัครเซ็นอนุมัติเมื่อวันที่ 11 กรกฎาคมที่ผ่านมา แต่ได้ระบุให้แต่งตั้งผู้แทนจากสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ร่วมตรวจรับเพื่อความโปร่งใส
สำหรับโครงการจัดซื้อยานเกราะล้อยางดังกล่าว รัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อนุมัติให้กองทัพบกจัดซื้อเมื่อวันที่ 23 กันยายน 2550 ต่อมา พล.ร.อ.บรรณวิทย์ เก่งเรียน อดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ขอให้คณะกรรมาธิการวิสามัญศึกษาและส่งเสริมการสร้างคุณธรรมและจริยธรรมแก่นักการเมือง ข้าราชการและประชาชน สนช. ตรวจสอบคุณธรรมและจริยธรรมของ พล.อ.บุญรอด สมทัศน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เกี่ยวกับการจัดซื้อยานเกราะล้อยาง และยังระบุว่า สตง.กำลังตรวจสอบเรื่องนี้ด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โครงการจัดซื้อยานเกราะล้อยางชนิด 8x8 ยี่ห้อบีทีอาร์ 3 อี 1 ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวางถึงความไม่โปร่งใส อีกทั้งมีบริษัทคู่แข่งยื่นร้องให้กองทัพและ สตง.ตรวจสอบข้อพิรุธในการจัดซื้อเนื่องจากคุณสมบัติของยานเกราะล้อยางบีทีอาร์ 3 อี 1 ไม่ตรงกับวัตถุประสงค์ที่กองทัพบกระบุไว้ เช่น ขีดความสามารถในการบรรทุกพลรบพร้อมอุปกรณ์ได้อย่างน้อย 11 นาย แต่บีทีอาร์ 3 อี 1 บรรทุกได้แค่ 9 นาย หรือประตูรถที่เปิดด้านข้าง สำหรับขึ้นลงของกำลังพลซึ่งทำให้กำลังพลมีความเสี่ยงสูง รวมถึงประสิทธิภาพการป้องกันระเบิดใต้ท้องรถหุ้มเกราะ
จากนั้นเมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2550 สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม มีหนังสือถึงผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินขอทราบผลการตรวจสอบโครงการจัดซื้อยานเกราะล้อยางจากยูเครน ซึ่งได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่ สตง.ว่า ทาง สตง.ยังไม่มีข้อสังเกต ดังนั้นจึงสมควรให้ดำเนินกรรมวิธีจัดซื้อต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการเลือกตั้ง นายสมัคร สุนทรเวช ได้รับแต่งตั้งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมแทน พล.อ.บุญรอด นายสมัครสั่งการเมื่อวันที่ 21 มกราคม 2551 ให้กองทัพบกนำโครงการจัดซื้อยานเกราะล้อยางยูเครน กลับไปทบทวนในประเด็นที่มีผู้ร้องเรียนว่าการจัดซื้อไม่โปร่งใส
กองทัพบกแจ้งกลับไปยังสำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหมเมื่อวันที่ 7 มีนาคม 2551 ว่ากองทัพยืนยันต้องการซื้อยานเกราะล้อยางจากยูเครน และในวันที่ 23 เมษายน พล.อ.รังสรรค์ แช่มเชื้อ ผู้อำนวยการสำนักงานงบประมาณ กระทรวงกลาโหม ทำหนังสือเวียนไปยังผู้บังคับบัญชาระดับสูง อาทิ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล ปลัดกระทรวงกลาโหม เพื่อพิจารณาอนุมัติ ซึ่ง พล.อ.วินัยเซ็นเห็นชอบเมื่อวันที่ 25 เมษายน จนกระทั่งทิ้งระยะเวลาไว้ 2 เดือน นายสมัครจึงเซ็นอนุมัติให้กองทัพบกจัดซื้อยานเกราะล้อยางจากยูเครน //matichon.co.th/news_review.php?id=42288
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=11-08-2007&group=1&gblog=58
BTR-3E1
Create Date : 06 สิงหาคม 2551 |
|
22 comments |
Last Update : 6 สิงหาคม 2551 10:56:00 น. |
Counter : 4376 Pageviews. |
|
|
|