กองทัพเรือไทยร่วมลาดตระเวนในช่องแคบมะละกา
เมื่อวันที่ 18 ก.ย. 51 ที่ผ่านมา ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พลเอกบุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ เป็นตัวแทนรัฐบาลไทยในการลงนามในข้อตกลงลาดตระเวนร่วมบริเวณช่องแคบมะละกากับประเทศมาเลเซีย สิงคโปร์ และอินโดนิเซียครับ ประเทศไทยโดยกองทัพเรือไทยจะเริ่มส่งกำลังทางอากาศเข้าลาดตระเวนในพื้นที่ในเดือนมกราคม 2552 และส่งกำลังทางเรือเข้าร่วมการลาดตระเวนในเดือนตุลาคมปี 2552 ครับ ซึ่งรัฐบาลอนุมัติงบประมาณให้การปฏิบัติการนี้จำนวน 110 ล้านบาท
ทำไมเราต้องไปลาดตระเวนไกลถึงช่องแคบมะละกา?
จากข้อมูลของสำนักงานการขนส่งทางทะเลนานาชาติ (International Maritime Bureau: IMB) รายงานว่าในหนึ่งปีมีเรือสินค้าผ่านช่องแคบมะละกาถึง 5 หมื่นลำ คิดเป็น 40% ของการขนส่งทางทะเลทั่วโลก และเป็นทางผ่านหลักของเรือสินค้าและเรือขนน้ำมันที่จะไปสู่จีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ ส่วนความสำคัญของช่องแคบมะละกาต่อไทยก็มีสูงครับ เพราะช่องแคบมะละกาเป็นเส้นทางที่เรือจะใช้เดินทางระหว่างอ่าวไทยถึงอันดามัน อีกทั้งการนำเข้าน้ำมันดิบของประเทศไทยกว่า 80% ก็ต้องผ่านช่องแคบนี้ ทั้งนี้โลกนี้มีช่องแคบหลายช่องแคบที่เป็นเส้นทางเดินเรือที่สำคัญของโลกครับ และส่วนใหญก็จะเจอปัญหาเดียวกันนั้นก็คือการพบการกระทำผิดกฏหมายทางทะเลและโจรสลัด ดังเช่นที่ผมเคยเขียนไว้ในบทความเรื่องการปราบโจรสลัดในโซมาเลียครับ สำหรับในช่องแคบมะละกานั้น ในปี 2004 ทาง IMB รายงานว่ามีอัตราการเกิดอาชญากรรมทางทะเลสูงถึง 40% ของอัตราทั่วโลก และส่วนใหญ่จะอยู่ในช่องแคบมะละกาที่เป็นน่านน้ำของอินโดนิเซียครับ
มีความพยายามจากหลายส่วนที่จะปราบปรามโจรสลัดในพื้นที่ครับทั้งจากมหาอำนาจและจากประเทศในแถบนั้น ในปี 2547 กองบัญชาการของทัพสหรัฐภาคพื้นแปซิฟิก (United State Pacific Command: PACOM) ได้เสนอความริเริ่มความมั่นคงทางทะเลในระดับภูมิภาค หรือ Regional Maritime Security Initiative (RMSI) ซึ่งเป็นการเชิญชวนประเทศต่าง ๆ ในภูมิภาคเข้าร่วมกับสหรัฐในการรักษาความมั่นคงทางทะเลในพื้นที่เพื่อป้องกันโจรสลัด การกระทำผิดกฏหมายในทะเล การก่อการร้าย และการขนส่งอาวุธที่มีอานุภาพทำลายล้างสูง
แม้ว่าสิงคโปร์จะแสดงท่าทีสนับสนุน แต่ข้อเสนอนี้ของสหรัฐกลับทำให้มาเลเซียและอินโดนิเซียไม่พอใจอย่างรุนแรงครับเนื่องจากว่าทั้งสองประเทศกลัวว่าการเข้ามามีบทบาทนำของสหรัฐในพื้นที่นี้จะทำให้กิจการความมั่นคงภายในของอาเซียนถูกแทรกแทรง และเป็นการเปิดโอกาสให้สหรัฐเข้ามามีอิทธิพลในพื้นที่มากเกินไปเพียงเพราะข้ออ้างสุดคลาสสิคที่ว่า "เพื่อป้องกันการก่อการร้าย" และอาจจะนำไปสู่การเข้าควบคุมช่องแคบมะละกาอย่างสมบูรณ์ของสหรัฐ ซึ่งอาจจะทำให้มหาอำนาจอีกด้านหนึ่งคือจีนเพิ่มแรงกดดันต่ออาเซียนเพราะสหรัฐมีจุดมุ่งหมายทางยุทธศาสตร์ที่จะปิดล้อมจีน ในที่สุดแล้วจะทำให้อาเซียนและช่องแคบมะละกากลายเป็นพื้นที่ที่สร้างความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจและจะส่งผลเสียต่ออาเซียนเอง
ดังนั้นเพื่อทดแทนการใช้กรอบความริเริ่มของ RMSI ในเดือนกรกฎาคมปี 2547 สิงคโปร์ มาเลเซีย และอิโดนิเซียก็ได้ร่วมกันประกาศโครงการลาดตระเวนร่วมทางทะเลในช่องแคบมะละกา (Malacca Strait Sea Patrol: MSSP) ซึ่งทั้งสามชาติจะส่งเรือรบเข้าร่วมลาดตระเวนในช่องแคบพร้อมทั้งแบ่งปันข้อมูลการลาดตระเวนนั้น นอกจากนั้นในเดือนกันยายนปี 2548 ทั้งสามชาติยังได้เริ่มโครงการ Eyes-in-the-Sky (EiS) หรือการลาดตระเวนทางอากาศร่วมของทั้งสามชาติ และยังได้จัดตั้งกลุ่มการแลกเปลี่ยนข่าวกรองในการลาดตระเวนในช่องแคบมะละกา (MSP Intelligence Exchange Group: IEG) ในปี 2549 ซึ่งเป็นการสร้างแบบแผนการแลกเปลี่ยนข้อมูลที่ได้จากการลาดตระเวนของทั้งสามชาติผ่านระบบเครือข่าย IT แบบ Malacca Strait Patrols Information System (MSP-IS) ที่สิงคโปร์พัฒนาขึ้น
แม้ว่าไทยยังไม่เคยแสดงท่าทีที่ชัดเจนในประเด็นนี้เนื่องจากทั้งสหรัฐและสามประเทศในช่องแคบต่างต้องการให้ไทยสนับสนุนความพยายามของตน ไทยจึงยังวางตัวแบ่งรับแบ่งสู้มาตลอด แต่ในที่สุดแล้วไทยก็เลือกที่จะร่วมมือกับทั้งสามชาติอาเซียนในการลาดตระเวนร่วมในช่องแคบมะละกาครับ โดยกองทัพเรือไทยได้ส่งนายทหารเข้าร่วมในการฝึก Malacca Strait Patrols Information Sharing Exercise ซึ่งครั้งล่าสุดทำการฝึกไปเมื่อเดือนเมษษยนที่ผ่านมา โดยไทยยังได้วางฐานทัพเรือภูเก็ตเป็นศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลร่วมในการลาดตระเวนร่วมกับฐานทัพเรือลูมุตของมาเลเซีย ฐานทัพเรือตูแอสของสิงคโปร์ และฐานทัพเรือบาตัมของอินโดนิเซีย เพื่อควบคุมและบริหารปฏิบัติการลาดตระเวนในพื้นที่ นอกจากนั้นคณะรัฐมนตรียังได้มีมติเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม 2551 ให้กองทัพเรือรับผิดชอบการปฏิบัติการร่วมในช่องแคบมะละกาและมีการลงนามข้อตกลงในวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมานั้นเองครับ
เป็นอีกบทบาทหนึ่งของกองทัพเรือไทยในการลาดตระเวนร่วมในภูมิภาค เมื่อการปฏิบัติการลาดตระเวนร่วมเริ่มขึ้นคงมีภาพให้ได้ชมกันครับ
อ่านเพิ่มเติม
"กองทัพเรือไทย ในการฝึก MSP Information Sharing Exercise"
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=30-04-2008&group=2&gblog=74
"ภารกิจปราบโจรสลัดในโซมาเลีย"
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=18-09-2008&group=7&gblog=8
"Piracy in the Strait of Malacca"
//en.wikipedia.org/wiki/Piracy_in_the_Strait_of_Malacca
"Regional Maritime Security Initiative"
//www.globalsecurity.org/military/ops/rmsi.htm
Thailand joins 4-nation joint patrol of straits of Malacca
BANGKOK, Sept 18 (TNA) - Thailand on Thursday signed an agreement with three partners in the Association of Southeast Asian Nations (ASEAN) -- Indonesia, Malaysia and Singapore to conduct joint sea and air patrols of the Straits of Malacca starting from 2009.
Thai Supreme Commander Gen. Boonsang Niempradit and his counterparts from the three ASEAN nations signed two accords in the Thai capital, the Terms of Reference (TOR) and the Standard Operation Procedures (SOP) agreements.
Gen. Boonsang said after signing the agreements that the combined cooperation would ensure safety for international shipping in and around the Straits, a vital conduit of much of the world trade, particularly of oil bound for Japan and Korea.
He said Thailand would begin its air patrols in January while sea surveillance would start in October 2009.
Hailing the coordinated patrol agreement, Malaysian military chief Tan Sri Abdul Aziz said coordination would be carried out in a centre in Kuala Lumpur, the Malaysian capital.
Since joint patrols began in the Straits of Malacca and their approaches by Indonesia, Singapore and Malaysia in April 2006, the number of piracy incidents in the area had declined sharply, he said. In 2007, only one incident was reported.
Thursday's signing by Thailand followed cabinet approval on August 19 authorising the Royal Thai Navy to be responsible, with the government providing some Bt110 million annually to conduct the programme. (TNA)
//enews.mcot.net/view.php?id=6330
Create Date : 24 กันยายน 2551 |
Last Update : 24 กันยายน 2551 18:36:27 น. |
|
20 comments
|
Counter : 4101 Pageviews. |
|
|
|