เมื่อใดที่จีนและอินเดียกำลังทะยานความสำคัญบนเวทีโลกมากขึ้นเรื่อยๆ เอเชียอาคเนย์จะเป้นยุทธศาสตร์ในการจัดการที่สำคัญสำหรับมหาอำนาจหลายชาติ(ที่ไม่อยากตกศตวรรษ)

ผมว่าเรื่องการแบ่งแยกจะจัดตั้งรัฐอิสลามบริสุทธิ์นั้น น่าจะมีเบื้องหลังมากกว่านี้นะ

มัอนอาจเป็นแผนยุทธศาสตร์หนึ่งของมหาอำนาจบางพวกก็ว่า คุณว่าไงล่ะ

การทำการเคารพ ละหมาด พระเจ้าวันละห้าหน แต่ ไม่เคยที่จะยอมฟังเสียงคนอื่นๆ แม้แต่หนเดียว

หนทางสว่างคือการอยู่ร่วมกันโดยสันติ ตามวิถีทางแห่งความเชื่อของตนเอง

ถ้าวันนี้ ไม่มีพี่น้องประชาชนผู้บริสุทธิ์ ถูกฆ่าตาย

ทหารไทย ก็ไม่มีสิทธิที่จะอยู่ ต่อไป กฏอัยการศึก ก็ไม่จำเป็นต้องใช้อีกต่อไป

ความสงบสุขก็จะมาเยือน เริ่มหยุดที่เราก่อน ก่อนที่จะเรียกน้องให้คนอื่นหยุด..

หยุดเสียทีเถิด..ย่อยยับเกินกว่าจะเยียวยา แล้ว

การปะทะกันระหว่างทหารกับ... ไม่ใช่ว่าจะเกิดมาไม่นานนี้หากแต่มีการเกิดมาในทุกยุคทุกสมัยและทุกประเทศต่างกันที่รูปแบบของการปะทะ เมื่อที่ใดมีผู้ที่ได้ประโยชน์ที่นั่นก็ย่อมที่จะมีผู้ที่เสียประโยชน์ดังนั้นแล้วการที่จะมองว่าฝ่ายที่เสียประโยชน์แล้วพยายามที่จะรักษา พ่อ แม่ พี่ น้องและชีวิตของคนที่เขารักเป็นฝ่ายผิดก็คงจะเป็นการที่ไม่สมควร การที่มี...มาปล้นบ้านคุณแล้วคุณพยายามที่จะปกป้องรักษาผมไม่มองว่าเป็นการก่อการร้าย
มองจากอดีตของชาติมหาอำนาจอย่าง USA ประเทศถูกสร้างมาจากการ...ของประเทศอังกฤษที่เอาเปรียบผู้คนในประเทศตนเองจนทำให้เกิดสงครามหลายต่อหลายครั้งและสร้างวีรบุรุษหลายต่อหลายคนให้จดจำ อาจจะคิดได้ว่ามันเป็นเพียงรูปแบบสงครามที่เปลี่ยนไป

ผมไม่เชื่อว่าจะเป็นเรื่องของศาสนานะที่ทำให้คนลุกมาฆ่ากัน ( ยกเว้นแต่โดนบิดเบือน )

ผมว่าผู้ก่อการร้าย ตีความหลักศาสนาเพื่อใช้เป็นเครื่องปลุกระดมในการต่อสู้มากกว่า ส่วนจะด้วยเพื่อเหตุผลอะไรผมไม่ของออกความเห็นเพราะไม่มีความรู้จริง

ปัญหานี้จะจบลงทันที ถ้าประชาทิปัตย์เป็นรัฐบาล

ผมว่าทักษิณ จะทำให้เราสูสีกะสิงคโปร์ได้ เพราะเค้าเป็นนักธุรกิจที่เก่ง

ขอลบความเห็นของคุณ zzz ครับ ไม่ใช่ผมเชียร์ทักษิณแล้วลบ แต่ผมไม่อยากให้นำเรื่องการเมืองมาที่นี่น่ะครับ ผิดวัตถุประสงค์นิดหน่อย

ศาสนาทุกศาสนาสอนให้ผู้คนทำความดีไม่ใช่กระทำกันในสิ่งที่ชั่วร้าย เพราะฉนั้นจงอย่าใช้ศาสนาในทางที่ผิด

แผนยึดประเทศไทย ให้ได้ 10 ปี
- เข้าครอบครองเศรษฐกิจ
- ออกกฏหมายให้เอื้อ M
- ซื้อที่ดิน แถวทะเล และให้ได้ที่ดินทุกจังหวัด
- ให้ทุน
- ยุให้คนไทยแตกความสามัคคีกัน
- ให้คนของตนให้ได้ทำงานทุกที่
- ยึด 3 จังหวัดภาคใต้ ให้เป็นศูนกลางบังคับบันชา
- ไปตั้งฐานใหม่ตามตะเข็บซายแดน ...ไทย- พม่า, ไทย-กัมพูชา,เพื่อเข้ายึด พม่าและกัมพูชาต่อไป
- ปลูกฝังชลกลุมน้อยนับถือลัษธิของเอง
- ให้ทำทุกวิถีทางเข้าครอบงำการเงิน การธนาคารของไทย
- เหตุการที่ภาคใต้ให้บอกข่าวว่าเจ่าหน้าที่ของรัฐทำรุนแรง
- ให้เด็กและผู้หญิงออกมาเดินประทวงว่าเจ้าหน้าที่ของรัฐไม่เป็นธรรม
- ปลูกฝังลูกหลานให้เกลียดรัฐสยาม
- เอาคนของเราให้ไปอยู่ทุกจังหวัด ทุกอำเภอ,ทุกเขต, นองจอก, รามคำแหง,
- ใครต่อต้านเราฆ่าให้หมด
- ซื้อนักวิชาการตามมหาวิทยาลัยตางๆๆที่เห็นแก่เงิน ให้เขียนประวัติศาสตร์ไทยใหม่ว่าเป็นของมาลายูมาก่อน
- ให้คนของเราไปอยู่ในกองทัพให้มาก( หาข่าว)
- ให้คนของเราไปทำงานที่ขนส่ง
- ให้คนของเราไปทำงานทีขนส่งอากาศ
- อย่าให้ศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำซาติ
- ให้ว่าคำสมานฉันมาถูกทางแล้ว
-


!!!!!!! อีกหลายข้อที่จำไม่ได้..ฯลฯ..

อยากให้คนไทยรู้จังว่ามีคนอยากได้ประเทศเรา เขาเปลียนศาสนา, เขาฆ่าพระที่นารันทายังไม่พอ..หมื่นกว่ารูปเอง ....เขาจะมาฆ่าพระที่ไทยด้วย
- คนไทยยังมัวทะเลาะกันอยู่
- บาปกรรมแท้ๆๆ

ทำไมต้องใช้ศาสนาอิสลามเป็นเครื่องมือต่อรองกับอำนาจรัฐ ?
จากการติดตามข่าวคราวเกี่ยวกับการฆ่า การสังหารชีวิตผู้คนที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ทำให้หลายคนรู้สึกสะทือนใจมากกว่าข่าวการฆ่า ที่มาจากแหล่งอื่น เพราะเหตุว่า ส่วนหนึ่งของสาเหตุการฆ่าที่เกิดขึ้นในพื้นที่แห่งนี้ เป็นเพียงพฤติกรรมยั่วยุอย่างต่อเนื่องของคนกลุ่มหนึ่งที่ต้องการก่อความไม่สงบให้เกิดขึ้น จนกระทั่งข่าว การฆ่าในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้ถูกเรียกขานว่า การฆ่ารายวัน

ที่น่าสลดหดหู่มากอีกอย่าง ก็คือว่า พวกเขามิได้ฆ่าชีวิตของผู้ใด เพราะเหตุผลจากความเคียดแค้น หรือชิงชังในความผิดพลาดบาดหมางอะไรระหว่างกันเลย เพียงแต่เพราะคนกลุ่มนี้เห็นว่า บรรยากาศที่สงบเงียบในสังคมและความอยู่เย็นเป็นสุข ความไว้วางใจต่อกันระหว่างคนในพื้นที่เป็นขวากหนามสำหรับอุดมการณ์ของพวกเขา เท่านั้นเอง พวกเขาก็จะหาทางลงมือฆ่าคน เพื่อให้เป็นข่าวฮือฮากันอีกเป็นระยะๆ ที่ร้ายหนักขึ้นไปอีกก็คือ การเสแสร้งนำหลักศาสนามาอ้าง เพื่อโน้มน้าวพี่น้องมุสลิมให้คิดเห็นคล้อยตามไปกับเหตุรุนแรงต่างๆที่พวกเขาก่อขึ้น

ผมเคยได้ยินผู้รู้บางท่านพูดให้ฟังว่า คนกลุ่มนี้มิได้ประสงค์อะไรจากการฆ่า หรือการล้างผลาญชีวิตเลือดเนื้อของเพื่อนมนุษย์ นอกจากต้องการเพียงยั่วยุ ให้มีการตอบโต้รุนแรงจากเจ้าหน้าที่รัฐ ซึ่งก็เหมือนอย่างความคิดของผู้กระหายสงคราม โดยถือเอาความเหี้ยมโหดเป็นการลงทุน เพราะต้องการจะเห็นภาวะสงครามเกิดขึ้นระหว่างฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐกับคนมุสลิม แล้ววาดฝันไปว่า จะยืมมือของสหประชาชาติมาบีบคั้นรัฐบาลไทยให้ยอมยกดินแดนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เป็นรัฐอิสระ

หลายท่านลงความเห็นว่า สาเหตุที่คนเหล่านั้นต้องทำตัวจนได้ชื่อว่า เป็นกลุ่มก่อความไม่สงบ ก็เพราะมีเป้าหมาย และความปรารถนาที่ลึกล้ำไปกว่า เสรีภาพทางศาสนา แน่นอน การที่พวกเขาตั้งตนขึ้นมาเป็นคู่กรณีกับอำนาจรัฐ ย่อมไม่ใช่เรื่องธรรมดา ทั้งๆที่รู้ดีอยู่เต็มอกว่า โดยลำพังการต่อกรกับอำนาจรัฐอย่างตรงไปตรงมาด้วยกำลังของคนทั้งหมดในกลุ่มนั้น ไม่มีวันจะประสบความสำเร็จได้เลยเป็นอันขาด

พวกเขารู้ดีว่า หากเมื่อใด เกิดการปะทะประมือกันจริงๆ ระหว่างกองกำลังติดอาวุธของตนกับทหารเพียงหน่วยหนึ่งของฝ่ายรัฐ ก็เป็นไปไม่ได้ที่พวกตนจะประสบชัยชนะ และนั่น ย่อมหมายถึงความเสียหายและความสูญเสียอย่างใหญ่หลวง และอาจเป็นความหายนะของตัวผู้ยิ่งใหญ่ในกลุ่มเสียเองด้วยซ้ำ

พวกเขาจึงคิดวางอุบายด้วยการยั่วยุฝ่ายรัฐด้วยการสร้างสถานการณ์ต่างๆให้ดูว่า รุมเร้ามากขึ้น รุนแรงมากขึ้น ขณะเดียวกับที่ ได้โอดครวญให้ได้ยินไปทั่วโลกด้วยความเท็จว่า รัฐบาลไทย ลิดรอนเสรีภาพของประชาชนในการนับถือศาสนาอิสลาม

แต่ผู้รู้หลายท่านให้เสียงสะท้อนมาว่า นี่คือ ความคิดที่ตื้นเขิน และเป็นความหวังในสิ่งที่ไม่สามารถเป็นจริงได้ เพราะอย่าว่า แต่กับดินแดนที่มีเพียงบรรยากาศความเดือดร้อนแค่นี้เลย ต่อให้เกิดบรรยากาศการต่อสู้ถึงขั้นกลียุค อย่างเช่นในดินแดนปาเลสไตน์ หรือในประเทศอิรัก สหประชาชาติเองก็ยังเข้าไปทำอะไรใครไม่ได้

เพราะมีความจริงที่คนทั้งหลายปฏิเสธไม่ได้อย่างหนึ่ง คือ ประชาชนทั้งหมดในสามจังหวักชายแดนภาคใต้ทุกคน ไม่มีข้อบาดหมางอันใดในเรื่องศาสนาอิสลามที่ยังตกลงกันไม่ได้กับรัฐบาลไทย คนทั้งหมดที่นับถือศาสนาอิสลาม มีสิทธิ มีเสรีภาพในการนำเอาหลักศาสนาทุกข้อมาปฏิบัติใช้ในครอบครัวของตัวเองได้อย่างเต็มที่ และทุกคนมีเสรีภาพที่จะดำเนินชีวิตตามหลักธรรมคำสอนของศาสนาอิสลาม จนสาธารณชนทั่วโลกนับล้านๆคนย่อมเป็นสักขีพยานในความจริงข้อนี้ได้เป็นอย่างดี

ทั้งๆที่คนนับถือศาสนาอิสลามทั่วทั้งประเทศไทยสามารถเป็นพยานได้ว่า คนมุสลิมในประเทศไทยทุกจังหวัดสามารถประกอบกิจศาสนา และดำรงตนเป็นผู้ภักดีต่อหลักการศาสนาอิสลามได้อย่างเต็มที่ และมีสิทธิเสรีในการนับถือศาสนาได้อยู่อย่างบริบูรณ์

นับตั้งแต่เหนือจดใต้ ทุกจังหวัด คนมุสลิมสามารถสร้างมัสยิด สร้างโรงเรียนสอนศาสนา และปฏิบัติกิจต่างๆได้อย่างครบครันเสมอเหมือนกัน ไม่ว่าในเมือง หรือชนบท เสียงอะซานจากทุกมัสยิดจะก้องดังกังวานอยู่ทุกแห่ง หน ขอให้ท่านครู ผู้รู้ และบรรดาผู้นำศาสนาอิสลามทั่วโลก ช่วยให้คำตอบอย่างชัดเจนสักทีเถิดว่า กับประเทศที่คน มุสลิมมีความสามารถในการปฏิบัติตามคติธรรมคำสอนจากศาสนาของตัวเองได้ถึงเพียงนี้ ยังจำเป็นต้องประณาม หยามหมิ่นด้วยคำว่า “กาเฟรหัรบีย์”(ผู้ปฏิเสธศาสนาที่ตั้งตัวเป็นคู่สงคราม) อยู่อีกหรือ ? และขอถามต่อไปว่า ประเทศที่คนมุสลิมมีสิทธิเสรีภาพในการแสวงหาวิชาความรู้ทางศาสนาเช่นนี้ และสามารถดำเนินวิถีชีวิตให้เป็นไปตามคติธรรมคำสอนจากศาสนาของตัวเองได้ถึงเพียงนี้ ยังมีบทบัญญัติทางศาสนาข้อใดอีกหรือ ที่อนุมัติให้คนมุสลิมในประเทศเช่นนี้ ลุกขึ้นจับอาวุธแล้วประกาศญิฮาดเพื่อต่อสู้

หรือว่า ในมุมกลับ ตามหลักการที่แท้จริงจากศาสนาอิสลาม คนมุสลิมในชาติบ้านเมืองที่ให้สิทธิอย่างชอบธรรมเช่นนี้ต่างหาก ที่กลับจำเป็นต้องมีหน้าที่พิทักษ์ปกป้องและสงวนไว้ซึ่งบรรยากาศอันดีงามและความสงบสุขร่มเย็นของชาติบ้านเมือง ด้วยเลือดเนื้อและชีวิต ?

คนในกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบคงต้องการจะสมมติให้พื้นที่ในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ของประเทศไทยให้เป็นเฉกเช่นประเทศอิรัก ที่กำลังถูกยึดครองและแทรกแซงด้วยกองกำลังจากต่างชาติ อาทิเช่น สหรัฐอเมริกา และอังกฤษ อยู่ในขณะนี้ แล้วสมมติตัวเองขึ้นมาทำหน้าที่ต่อสู้ เช่นเดียวกับทหารมะฮ์ดีย์ของท่านมุกตะดา อัศศ็อดร์

แต่ถึงกระนั้นก็ตาม การต่อสู้ของทหารมะฮ์ดีย์ ของท่านมุกตะดา อัศศ็อดร์ ก็ยังไม่ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์จากบรรดาผู้นำศาสนาอิสลามระดับอาวุโส อีกจำนวนมากในประเทศอิรัก และยังเป็นเรื่องที่ถกเถียงกันไม่จบว่า การต่อสู้ของท่านมุกตะดาเป็นญิฮาดหรือไม่ ? การล้มตายของทหารมะฮ์ดีย์จากเหตุการปะทะในแต่ละครั้ง เป็นชะฮีดหรือไม่ ?

เพราะในมุมมองของนักการศาสนาส่วนใหญ่ในอิรัก เห็นว่า สถานการณ์ในประเทศอิรักตกอยู่ในเหตุสุดวิสัย และมีความจำเป็นอย่างเร่งด่วนบางประการที่ต้องอาศัยกำลังจากต่างชาติเข้ามาช่วยแก้ปัญหา และประคับประคองรัฐบาลให้มีความมั่นคง ซึ่งผลประโยชน์ในอนาคตก็จะได้แก่ประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศ ฉะนั้น ในขณะนี้ประชาชนชาวอิรักยังไม่ถึงเวลา และไม่จำเป็นต้องขับไล่กองกำลังจากต่างชาติ เพราะยังมีสนธิสัญญาและความเอื้ออาทรกันอยู่ระหว่างกัน โดยนัยยะของนักการศาสนาส่วนใหญ่ ถือว่า ยังไม่วาญิบให้ทำญิฮาดกับกองกำลังสหรัฐอเมริกาและอังกฤษ เท่าที่สถานการณ์กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้ และไม่ถือว่าการตายของทุกคนที่ต่อสู้กับกองกำลังของต่างชาติในภาวะเช่นนี้ จะเป็นชะฮีดเสมอไป

เมื่อเราหันมาพิจารณาดูสภาพการณ์ของสังคมในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ถึงแม้จะมีกำลังตำรวจทหารที่ตั้งเพ่นพ่านอยู่บ้าง แต่เขาเหล่านั้น ก็คือ ตำรวจ ทหารของแผ่นดินนี้ด้วยกันเอง และใครๆก็สามารถยืนยันได้ว่า สภาพการดำรงอยู่ของเจ้าหน้าที่รัฐในพื้นที่สามจังหวัดภาคใต้ แตกต่างอย่างสิ้นเชิงจากสภาพการดำรงอยู่ของทหารต่างชาติในประเทศอิรัก เหนือข้ออ้างอื่นใด เรายังมีคำตอบอย่างชัดเจนได้ว่า สืบเนื่องจากมีคนกลุ่มหนึ่งพยายามจุดไฟสงคราม แล้วโหมโฆษณาชวนเชื่อว่า คนมุสลิมไม่สามารถดำเนินชีวิตตามหลักการศาสนาอิสลามได้อย่างเต็มที่ภายใต้กรอบของความเป็นพลเมืองของไทย ซึ่งเป็นการโกหก หลอกลวง และฉวยเอาศาสนาเป็นเครื่องมือต่อรองกับอำนาจรัฐอย่างไร้ยางอาย...

ต่อมา ก็สืบเนื่องจากได้มีคนกลุ่มหนึ่งพยายามสร้างสถานการณ์อันเลวร้ายขึ้นมาในพื้นที่ เช่น ปล้นอาวุธทหาร ซุ่มยิง และวางระเบิดเจ้าหน้าที่ทหาร ตำรวจ บุกยิงข้าราชการ ครู และชาวบ้านผู้บริสุทธิ์เป็นจำนวนมาก เพื่อสร้างกระแสความหวาดกลัว และความแตกแยกให้เกิดขึ้นในหมู่ชาวพุทธและมุสลิม บางครั้งสถานการณ์ที่รุนแรงก็เป็นชนวนเหตุให้เจ้าหน้าที่ของรัฐต้องทำผิดพลาด สับสน วิตกกังวล จนตัดสินใจใช้ความรุนแรงเกินในการตอบโต้ ซึ่งแน่นอน เจ้าหน้าที่รัฐก็จะถูกประณาม ถูกประโคมข่าวแพร่ไปทั่วโลก ยังผลให้กลุ่มก่อความไม่สงบได้รับความสนใจ และความเห็นอกเห็นใจ

นักการเมืองบางคน ที่ต้องการคะแนนเสียงโดยไม่เลือกกาละเทศะ ก็ได้กลายเป็นอีกตัวจักรหนึ่งในการขับเคลื่อนให้กลุ่มผู้ก่อความไม่สงบมีสถานะได้รับความชอบธรรมและมีความหมายมากขึ้นในสายตาของสาธารณชน ความสมประโยชน์ของนักการเมืองเหล่านี้กับกลุ่มก่อความไม่สงบ ก็คือ ได้พยายามสะท้อนให้สังคมเห็นว่า เพราะรัฐไม่เคยจริงใจในการเหลียวแล และไม่มีความเป็นธรรมในการส่งเสริมและพัฒนาคนในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ว่าด้านการศึกษา เศรษฐกิจ หรือสภาพแวดล้อมต่างๆทางวัฒนธรรมและสังคมของคนในพื้นที่

แม้ผู้นำศาสนาบางคนเอง ก็พูดผสมโรงเป็นเสียงเดียวกับนักการเมืองเหล่านั้น โดยลืมนึกไปว่า ตนได้สอดแทรก และปลูกฝังอะไรเข้าไปในความรู้ ความเข้าใจของประชาชนบางส่วน จนทำให้พวกเขาเกิดความรู้สึกอคติ และชิงชังคำว่า คนไทย และไม่อยากร่ำเรียนภาษาไทย จนทำให้พวกเขาไขว้เขวและเบี่ยงเบนไปจากคำสอนของศาสนาอิสลามที่แท้จริง หลายประเด็น โดยเฉพาะความคิด และความเชื่อในเรื่องชาติพันธุ์

สภาพสังคมของพี่น้องมุสลิมในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้เท่าที่เห็น ถึงแม้ว่าจะมีการรบราฆ่าฟันกันอยู่ แต่เป็นเรื่องความขัดแย้งที่ต้องหาทางแก้ไข และเยียวยาทางความคิดกันต่อไป ซึ่งไม่น่าที่จะมีใครฉวยจังหวะนำเอาคำว่า ศาสนาอิสลาม ไปเป็นเครื่องมือต่อรองผลประโยชน์ใดๆกับอำนาจรัฐ ในยามที่กลุ่มก่อความไม่สงบสร้างสถานการณ์ใดๆขึ้นมา เพราะการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง การพัฒนาทุกรูปแบบเท่าที่ดำเนินกันอย่างขะมักเขม้นในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เวลานี้ นับว่าดีเลิศกว่าจังหวัดอื่นหลายเท่าตัวอยู่แล้ว

ทำไม่พุทธต้องยอมมันหมดซะทุกอย่างละในเมื่อมันฆ่าพวกเราแล้วเราฆ่าพวกมันไม่ได้รึไงเราต้องตาต่อตาฟันต่อฟันดิเหมอนที่อินเดียไงชาวมุสลิมฆ่าชาวซิกแล้วชาวซิกก็ฆ่าชาวมุสลิมโต้กลับในเมื่อมันไม่หยุดเราก็ไม่หยุดเช่นกันดิผมเองก็นับศาสนาพุทธและจะไม่มีวันเปลี่ยนศาสนาเด็ดขาด

มีสุนัขบางตัวมันอยากได้น้ำมันในอ่าวไทย ตรงน่านน้ำ ปัตตานี
มันทำทุกวิถิทางที่จะได้สัมปทานจากรัฐปัตตานี(ถ้าแยกสำเร็จ)และมันต้องการให้สำเร็จ แต่ขอย้ำ แยกเพื่อเอาน้ำมันเท่านั้น แต่ใช้วิธีการ เรื่องรัฐอิสลาม บริษัทแห่งนั้นคือ che..... ของไอ้ บุช....

สงครามเวีดยนามรบกัน6ปีกว่าเวียดจะชนะเวียดไม่มีอะไรทีทันสมัยแต่ประเทศเป็นเจ้าอำนาจก็แพ้เวียดนามได้

ติดตามข่าววสารสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ได้ที่ //www.paktainews.com

ไม่รู้สิครับ บอกตามตรงที่ดูๆมา ความรุนแรงที่เกิด

ทำไม่ต้องเป็นคนชาวที่นับถือศาสนา(ในภาคใต้)เป็นส่วนใหญ่

ยอมรับนะครับว่าทุกศาสนามีความรุนแรง แต่ก็ไม่ถึงขั้นแบ่งแยกดินแดน(จริงไหม?)

แล้วเป็นที่รู้ๆกันว่า ถ้าไม่มีความรุนแรงรัฐบาลคงไม่ต้องส่ง ทหาร ออกกฎอัยการศึก ที่ภาคใต้ ภาคอื่นๆเค้าก็อยู่กันดีมีความสุข ชาวมุสสลิมที่อยู่ภาคกลางก็เยอะนะ ก็ไม่เห็นจะต้องมีความรุนแรงอะไร

สรุปแล้วก็ไปคิดๆกันนะครับ คิดดูดีๆว่า เรื่องร้ายๆในโลก(ในโลกจริงนะ)ส่วนมากเกิดขึ้นเพราะ ? คนเชื้อชาติ ? ศาสนา ?

พี่ชายผมรับใช้ชาติที่สนามบินปัตตานี อ.บ่อทอง กลับมาพี่จะพูดให้ฟังบ่อยๆครับ มันกดดันจริงๆครับ เดินไปไหนมีคนด่าก็ต้องยิ้ม เพราะเป็นนโยบายของรัฐ คุณลองคิดดูสิ ต้องโดนยิงก่อนถึงจะตอบโต้ได้ คิดดูว่าเป็นเป้านิ่งขนาดไหน คนธรรมดาอย่างพวกเรา 100 ทั้ง 100 ไม่อยากลงไปประจำการที่นั้นหรอกครับ(จริงไหม?)

อีกเหตุการหนึ่งเกิดกับน้องผมครับ น้องผมเป็นทหารประจำการที่ นราธิวาส มีเหตุที่ต้องออกลาดตระเวน เดินผ่านชายชาวมุสสลิมกลุ่มหนึ่งปรัมาน 5 คน พวกเค้าก็ตะโกนด่ามาว่า(ทหารไทย มึ..? เจ๋งหรอ) งานเข้าสิครับ ด้วยความว่าเป็นทหารอาชีพจึงยิ้มกลับไป แต่เพื่อนทหารอีกคนทนไม่ได้ครับ บอกจ่าว่า ..จ่าครับผมขอชกกับพวกนั้นครับ..ยังไม่ทันที่จ่าอนุญาติ เค้าถอดเครื่องแบบครับ ..ตอนนี้จ่ายิ้ม.. แล้วบอกว่า 1-1 นะ พลฯทหาร หลังจากวางอาวุธก็วิ่งตะลุมบอนเลย ผล?หรอครับ น่วมทั้งคู่ ทหารตัวเล็กกว่าครับแต่ด้วยการฝึกมาหนักเลยทำให้อีกฝ่ายก็โดนหนักครับ ...หลังจากนั้นก็สวมเครื่องแบบแล้วลาดตระเวนต่อครับ ..แต่ดีนะครับ น้องบอก หายข้องใจกันเลย ลูกผู้ชาย

นี้เป็นเหตุการเล็กๆครับคนนอกอาจไม่รู้ แต่ผมดันมีคนในครอบครัวประจำการที่นั้น(เพื่อชาติครับ) พอเห็นภาพกันไหมครับว่าเหตุการเกิดจาก ? ที่หลังอย่าคิดว่าทหารรุนแรงเสมอไปครับ ทหารเค้าก็คน คนหนึ่ง มีชีวิตจิตใจ มีอารมกับเหตุที่เกิด ...จบแล้วครับ ผมจะไม่ขออวยพรให้ทหารที่ภาคใต้กลับมาปลอดภัยทุกนาย(เพราะปัญหามันแก้ยากมากจริงๆครับ) แต่ขอให้ทหารไทยพึงคิดว่า ....เพื่อชาติ ศาส กษัตย์ ครับ ขาดตกบกพร่องยังไงขออภัย ณ ที่นี่ด้วยครับ