เปิดรายละเอียดการจัดหาอาวุธใหม่ของกองทัพบกและกองทัพเรือ
เมื่อวันอังคารที่ผ่านมาในการประชุมคณะรัฐมนตรีที่จังหวัดอุดรธานี มีมติคณะรัฐมนตรีที่เกี่ยวกับกองทัพออกมาหลายอย่างครับ
อย่างแรกก็คือคณะรัฐมนตรีอนุมัติให้กองทัพบกจัดหาปืนเล็กยาว TAR-21 Tavor จำนวน 15,037 กระบอก และปืนกลแบบ Negev จำนวน 553 กระบอกจากอิสราเอลครับ ซึ่งเป็นการจัดหาเพิ่มเติมจากการจัดหาในจำนวนที่เท่ากันเมื่อปีที่แล้ว โดยกองทัพบกจะนำไปทดแทนปืนรุ่นเก่าที่ใช้งานมานานและเริ่มเสื่อมสภาพลงไปเรื่อย ๆ อย่าง M16A1 และ HK33 ครับ ส่วนปืนกลแบบ Negev ก็จะเป็นปืนกลประจำหมู่ไว้ยิงสนับสนุนกำลังรบในหมู่
TAR-21 Tavor
ส่วนตัวแล้วยอมรับตรง ๆ ว่าไม่รู้เรื่องปืนเลยครับ จึงบอกไม่ได้ว่าดีหรือไม่ดี แต่เท่าที่นั่งฟังคนที่เชี่ยวชาญเรื่องปืนพูด ๆ กันมา Tavor ถือว่าเป็นปืนที่มีประสิทธิภาพสูงมากแบบหนึ่งของโลก แม้ว่าจะมีจุดอ่อนในบางส่วน เช่นในเรื่องของกล้องเล็งที่ยังไม่ทราบว่าจะทนทาน ทนไม้ทนมือทหารไทยหรือเปล่า ส่วน Negev นั้น คงช่วยเพิ่มอำนาจการยิงให้กับหมู่ปืนเล็กของทหารราบได้มากทีเดียวครับ เมื่อปืนมีจำนวนมากขึ้นและกำลังพลได้รับการฝึกจนชำนาญ เราอาจจะเห็นภาพข่าวที่มีปืนสองแบบนี้ประกอบอยู่จากภาคใต้ครับผม
อย่างไรก็ตาม ในเมื่อเราได้ปืนใหม่แล้ว โดยปกติปืนที่ใช้อยู่ในปัจจุบันก็จะผ่องถ่ายออกไปยังหน่วยสนับสนุนที่ไม่ได้เป็นหน่วยรบโดยตรง แต่ว่า ผมอยากให้กองทัพบกมอบปืนที่ปลดลงมาจากหน่วยกำลังรบแล้วให้กับกรมป่าไม้ด้วยครับ เพราะทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ป่าไม้ของเราใช้แต่ปืนลูกซองดวลกับปืนกลของพวกลักลอบค้าไม้เถื่อน แค่ HK33 สักพันสองพันกระบอก เจ้าหน้าที่ป่าไม้คงอุ่นใจมากขึ้นเยอะครับ .... ฝากท่านอนุพงษ์ ผบ.ทบ. ไว้ด้วยนะครับ
ส่วนอีกรายการหนึ่งเป็นการจัดหาจรวดต่อสู้อากาศยานแบบประทับบ่า (Man-portable air-defense systems:MANPAD - หมายถึงแบกไปยิง ไม่ต้องใส่รถไปยิงหรือตั้งเป็นฐานยิง) จำนวน 36 หน่วยจากประเทศรัสเซียครับ ตามกระแสข่าวที่มีมาก่อนหน้านี้ก็น่าจะเป็น Igla ซึ่งมาทดแทนจรวดต่อสู้อากาศยานแบบประทับบ่ารุ่นเก่าเช่น HN-5 ซึ่งใช้งานมานานมากจนหมดอายุลง
ทั้งนี้ กองพลทหารปืนใหญ่ต่อสู้อากาศยานของกองทัพบกเคยมีโครงการจัดหาจรวดต่อสู้อากาศยาน (Surface-to-Air Missile:SAM) แบบ Jernas จากประเทศอังกฤษในปี 2548 ครับ แต่ขาดงบประมาณ โครงการจึงหยุดลง เมื่อรวมกับ MANPAD ที่ล้าสมัยและหมดอายุลงหลายแบบแล้ว ทำให้ปัจจุบันกองทัพบกมีความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศเพียงการใช้ปืนกลเท่านั้นครับ การจัดหา Igla เข้ามาประจำการจึงถือเป็นการยกระดับความสามารถในการป้องกันภัยทางอากาศให้เพิ่มขึ้นครับ โดย MANPAD นี่จะใช้ป้องกันภัยทางอากาศให้กับหน่วยทหารจากเครื่องบินหรือเฮลิคอปเตอร์โจมตีที่เข้ามาโจมตีหน่วยนั้น ๆ ครับ
Igla ถือเป็น MANPAD ที่ประสบความสำเร็จอย่างสูงของรัสเซียครับ ตัวจรวดมีประสิทธิภาพสูงและเชื่อถือได้ มีระยะยิงไกลราว 5 กม. ไม่ต้องการการดูแลรักษามากตามแบบฉบับอาวุธรัสเซีย โดยมีผู้ใช้งานมากกว่าสามสิบประเทศแม้แต่สิงคโปร์ที่ใช้อาวุธของสหรัฐและยุโรปเป็นหลัก นอกจากนี้ยังมีใช้ในกลุ่มกบฏทั่วโลกอีกด้วยครับ แถมมีผลงานหลายอย่าง เช่นเคยสอยเฮลิคอปเตอร์ Mi-26 ของกองทัพรัสเซียตกมาแล้วด้วยฝีมือของกลุ่มกบฏชาวเชเชน .... อย่างว่าล่ะอาวุธรัสเซียมักจะไปตกในมือของกลุ่มกองโจรหรือผู้ก่อการร้ายได้โดยง่ายอยู่แล้ว
ส่วนตัวแล้ว จากที่ผมเคยไปลองหิ้วมาที่มาเลเซียเมื่อครั้งที่ไปชมงาน LIMA 07 เมื่อเดือนธ.ค. 50 ที่ผ่านมา ในแง่ของคนหิ้ว ดูแล้วมันก็ OK ในระดับหนึ่งทีเดียวครับ ระบบมันไม่ค่อยเทอะทะจนเกินไปนัก น้ำหนักไม่หนักมากเท่าไหร่ครับ (ราว ๆ ปืน M60 ที่เรามีใช้กัน คือราว 10 กก.)
น่าเสียดายที่ไม่ได้ทดลองยิง Su-30MKM ของมาเลเซียดูครับ ไม่อย่างงั้นจะทราบประสิทธิภาพแน่นอนเลย
Igla (SA-18) และ Igla-1 (SA-16)
อีกรายการหนึ่งก็คือเครื่องบินทำแผนที่พร้อมอุปกรณ์ทำแผนที่ด้วยเลเซอร์จากแคนนาดาจำนวน 2 ลำครับ รายงานข่าวไม่ได้ระบุรุ่นของเครื่องบินเหมือนกัน จึงไม่ทราบว่าหน้าตาเป็นแบบไหน แต่ก็คงหนีไม่พ้นเครื่องบินของบริษัท Bombardier ที่กำลังมาติดตั้งระบบอาณัติสัญญาณให้กับรถไฟฟ้า BTS สายตากสินนี่แหละครับ ถ้าจะให้เดาเล่น ๆ ก็น่าจะเป็นเครื่องบินโดยสารใบพัดตระกูล Q Series หรือ Dash 8 ก็ได้ ซึ่งก็คงต้องรอดูต่อไปครับ (ทางฝั่งยุโรป-อเมริกานี่ เครื่องบินของ Bombardier นั้นขายดีครับ แต่ทางเอเชียจะไม่ค่อยมีคนใช้กันมากนัก)
จะว่าไป กองทัพบกมีเครื่องบินจากหลากหลายค่ายประจำการ ถ้านับเฉพาะเครื่องบินโดยสาร-ลำเลียง ก็มีทั้งเครื่องบินของ CASA (CASA 212-200 Avioncar), Beechcraft (1900C-1 และ King Air 200), BAe (Jetstram 41), และ Embraer (ERJ-145) ... ณ ตอนนี้ก็มีเครื่องบินของแคนนาดาเข้ามาอีก ส่วนตัวแล้วคิดว่ามันเยอะเกินไป มากแบบเกินไปครับ เพราะทั้งหมดที่ list มานี่มีอย่างละลำสองลำเท่านั้นเอง ช่างซ่อม อะไหล่ การฝึกก็ต้องแยกกัน ซึ่งค่อนข้างจะเปลืองโดยใช้เหตุ ความจริงกองทัพน่าจะลดแบบอากาศยานลง โดยเลือกแบบที่ใกล้เคียงกับเครื่องบินที่ตนเองมีอยู่เพื่อประหยัดงบประมาณมากกว่าครับ
Q200 Uni Air. Taiwan
อย่างไรก็ตาม เครื่องบินแคนนาดาสองลำนี้น่าจะมาประจำการที่กรมแผนที่ทหารครับ โดยมีหน้าที่สำรวจทำแผนที่ งานนี้ใช้เลเซอร์ยิง คงแม่นยำแน่นอน .... ยังไงได้รับมอบเมื่อไหร่ ลองไปซ้อมทำแผนที่แถว ๆ เขาพระวิหารบ้างก็ดีนะครับ
สุดท้าย รายการใหญ่และเป็นรายการที่รอคอยมานาน นั้นก็คือคณะรัฐมนตรีอนุมัติจัดหาเรือยกพลขึ้นบก 1 ลำจากบริษัท ST Marine ประเทศสิงคโปร์ครับ
จากที่เคยลงบทความเกี่ยวกับเรือยกพลขึ้นบกลำนี้ไว้ใน Blog นี้
"กองทัพเรือจัดหาเรือยกพลขึ้นบก (LPD) ชั้น Endurance มือสองจากสิงคโปร์ "
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=06-07-2008&group=3&gblog=108
ซึ่งข่าวที่ออกมาก็ยืนยันชัดเจนแล้วครับว่าเรือที่จะสั่งต่อนั้นเป็นเรือมือ 1 ไม่ใช่มือสองครับ
ปัจจุบันกองเรือยกพลขึ้นบกมีเรือยกพลขึ้นบกหลักประจำการจำนวน 4 ลำ ได้แก่เรือหลวงพงัน เรือหลวงพระทอง เรือหลวงสีชัง เรือหลวงสุรินทร์ (ลำนี้เคยไปปฏิบัติงานที่ติมอร์ด้วย) อีกไม่นานเรือหลวงพงัน เรือหลวงพระทองก็ต้องปลดประจำการลงครับเนื่องจากใช้งานมานานมาก เช่นเรือหลวงพงันนี้ได้รอบมอบจากสหรัฐเมื่อปี 2509 เคยมีประวัติไปช่วยทหารไทยในการปฏิบัติภารกิจที่เวียดนามในช่วงสงครามเวียดนามโน้นแหนะครับ
ตอนสึนามิ เรือยกพลขึ้นบกเหล่านี้มีบทบาทสำคัญมาก เพราะสามารถแล่นไปเกยหาดและเปิดประตูด้านหน้าเพื่อรับผู้ประสบภัยได้ ทำให้เรือยกพลขึ้นบกมีความจำเป็นในยามสงบอย่างมากเช่นกัน
เรือหลวงพงัน ภาพขอขอบคุณคุณ zeroman
แต่การจัดหาเรือยกพลขึ้นยกลำใหม่ก็เป็นเรื่องที่ลำบากอยู่ครับเนื่องจากประเทศประสบภาวะเศรษฐกิจฝืดเคือง และถึงแม้ไม่ฝืดเคืองมันก็แพงอยู่ และเรือที่เรามีประจำการอยู่ในตอนนี้ส่วนใหญ่ก็ได้รับบริจาคจากสหรัฐเมื่อหลายสิบปีก่อน มีบางชั้นเท่านั้นที่ต่อเองในประเทศ แต่ละลำอายุอานามก็กว่า 20 ปีไปจนถึงวัยเกษียณ ดังนั้น การจัดหาจึงยังจัดหาได้เพียง 1 ลำจากจำนวนที่ต้องการ 2 ลำ
สำหรับแบบเรือที่ชนะการคัดเลือกนั้นมาจากบริษัท ST Marine ประเทศสิงคโปร์ครับ (กองทัพเรือเคยสั่งต่อเรือเร็วโจมตีอาวุธปล่อยนำวิถีชั้นปราบปรปักษ์จากอู่นี้ในปี 2520 เช่นกัน) สำหรับแบบเรือนั้นคาดว่าน่าจะเป็นแบบเรือชั้น Endurance ที่กองทัพสิงคโปร์มีใช้งานอยู่ 4 ลำ เพียงแต่เรือที่กองทัพเรือไทยสั่งต่ออาจจะมีขนาดใหญ่กว่าเรือที่กองทัพเรือสิงคโปร์มีใช้งานอยู่ในปัจจุบันครับ เนื่องจากเมื่อครั้งที่สั่งต่อนั้นกองทัพเรือสิงคโปร์ต้องการเรือที่มีขนาดเล็กก็เพียงพอ
เรือหลวงพงันในปัจจุบัน ภาพขอขอบคุณคุณ NyeNAVA
Endrance ได้เปรียบเรือจากจีนและอิตาลีตรงที่มีขนาดพอดีคำ ไม่ใหญ่เกินไป ราคาค่าใช้จ่ายในการปฏิบัติการไม่แพงจนเกินไป กองทัพเรือสามารถเอาออกวิ่งในทะเลบ่อย ๆ ได้โดยไม่ต้องเปลืองน้ำมันมากนัก อีกทั้งคนต่อกับคนใช้ยังซี๊ปึ๊กมากว่า 40 ปี คุยกันรู้เรื่อง ทำงานกันได้สบายครับ เพราะกองทัพเรือไทยก็ไปใช้ฐานทัพเรือที่สิงคโปร์บ่อยมาก บ่อยที่สุดในบรรดากองทัพเรือต่างชาติ นายทหารหลายคนก็เรียนในชั้นเรียนเดียวกันด้วยซ้ำ จึงคาดว่าไม่น่าจะมีปัญหาในการใช้งานแน่นอนครับ
ตามรายละเอียดความต้องการเดิมของกองทัพเรือนั้น เรือจะต้องสามารถรองรับเฮลิคอปเตอร์ขนาดกลางได้ 2 ลำขึ้นไป เรือจะสามารถเปิดท้ายได้โดยจะต้องรองรับยานระบายพลขนาดกลางได้ 3 ลำ หรือยานเบาะอากาศ (Hovercraft) ได้ 2 ลำ เรือจะต้องบรรทุกรถบรรทุกได้ 20 คัน บรรทุกรถถังได้ 30 คัน และกำลังพลนาวิกโยธินได้ 500 นายขึ้นไปครับ
ตัวเลือกทั้งสามของกองทัพเรือไทย
เฮลิคอปเตอร์ที่จะมาประจำการบนเรือ น่าจะเป็นเฮลิคอปเตอร์แบบ MH-60S ซึ่งกองทัพเรือสั่งซื้อไปในขั้นต้นจำนวน 2 ลำเมื่อราว 2 ปีที่แล้ว และมีข่าวว่ากำลังสั่งซื้ออีก 4 ลำครับ ... MH-60S ใช้พื้นฐานเดียวกับ ฮ. UH-60L Black Hawk และ SH-60B Sea Hawk ที่กองทัพบกและกองทัพเรือมีประจำการ นอกจากนั้นยังใกล้เคียงกับ ฮ. S-92 ซึ่งเป็น ฮ. พระที่นั่งลำใหม่ของกองทัพอากาศ โดยกองทัพเรือเป็นลูกค้าต่างชาติรายแรกถัดจากกองทัพเรือสหรัฐ โดยอาจจะใช้ในการค้นหาและกู้ภัย หรือขนส่งหน่วยปฏิบัติการพิเศษครับ อาวุธที่คาดว่าจะติดตั้งก็น่าจะเป็นปืนกลและจรวดไม่นำวิถี คาดว่าเฮลิคอปเตอร์ลำแรกน่าจะได้รับมอบในปีหน้าหรือปี 2553 ครับ
สำหรับเรือนั้น คาดว่าถ้าเป็นแบบเรือชั้น Endrance จริง ST Marine และกองทัพเรือก็อาจจะทำการปรับปรุงและออกแบบบางส่วนใหม่โดยใช้ประสบการณ์ในการใช้งานในกองทัพสิงคโปร์มาประเมินถึงข้อดีข้อเสียครับ
ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอู่ในประเทศไทยสามารถต่อเรือขนาดใหญ่ ๆ แบบนี้ได้ไหม เพราะเรือของกองทัพเรือที่ต่อไปแล้วและกำลังต่ออยู่นั้นมีขนาดราว ๆ 1,000 - 2,000 ตันเท่านั้น แต่เรือยกพลขึ้นบกลำนี้จะมีขนาดราว ๆ 6,000 - 9,000 ตันทีเดียว แต่ทั้งนี้ ถ้าอู่ในประเทศไทยมีความพร้อมและกองทัพเรือได้รับงบประมาณเพิ่มเติม อยากให้เรือลำที่สองนั้นมาต่อในเมืองไทยครับผม
RSS Endeavour. Republic of Singapore Navy
สำหรับวันนี้ก็คงมีข่าวมาฝากเพียงเท่านี้ครับ ไว้ถ้ามีอะไรเพิ่มเติม จะมา Update ให้ฟังกันเหมือนเดิมครับ
วันที่ 09 กันยายน พ.ศ. 2551 เวลา 21:25:36 น. มติชนออนไลน์ อ่านล่าสุด 742 คน
ครม.เอาใจ "กองทัพ" อนุมัติ 7 พันล้าน ซื้ออาวุธ-ยุทธโธปกรณ์ ปลุกผี "คลองด่าน" อ้างก่อสร้างเสร็จไปกว่า 98%
ครม.เอาใจกองทัพ เทกระจาดซื้ออาวุธ-ยุทธโธปกรณ์ทุกเหล่าทัพ 7 พันล้าน เว้น ทอ. โฆษกรบ.ยันซื้อตามความจำเป็น ไฟเขียวฟื้นบ่อบำบัดน้ำเสีย "คลองด่าน" อีกรอบ อ้างก่อสร้างแล้วกว่า 98% เบิกจ่ายเงินกว่า 1.7 หมื่นล้านควรทำให้เสร็จ
การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 9 กันยายน เริ่มขึ้นเมื่อเวลา 09.00 น. โดยที่ประชุมมีการอนุมัติโครงการต่าง ๆ หลายโครงการ ก่อนที่ช่วงบ่าย ศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยให้นายสมัคร สุนทรเวช สิ้นสุดความเป็นรัฐมนตรีของนายกรัฐมนตรี เนื่องจากมีการกระทำต้องห้ามตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 267
ที่ห้องแถลงข่าว ศาลากลางจังหวัดอุดรธานี พล.ต.ท.วิเชียรโชติ สุขโชติรัตน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัญจร ที่จ.อุดรธานี เมื่อวันที่ 9 กันยายน ว่า ที่ประชุมมีมติให้กรมควบคุมมลพิษดำเนินการก่อสร้างโครงการระบบรวบรวมและ บำบัดน้ำเสีย เขตควบคุมมลพิษ จ.สมุทรปราการ ต่อไป ซึ่งขณะนี้ก่อสร้างไปแล้วกว่า 98% เพื่อให้โครงการสำเร็จลุล่วงไปได้ เพราะที่ผ่านมาใช้เงินลงทุนไปแล้วกว่า 2.2 หมื่นล้านบาท เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์จากโครงการนี้ ส่วนปัญหาเรื่องการฟ้องร้องที่เกิดขึ้นก็ให้ดำเนินการแยกส่วนกันไป พล. ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวว่า สืบเนื่องจากรายงานของกรมควบคุมมลพิษระบุว่า บริษัท นอร์ธเวสต์วอเตอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด ซึ่งเป็นหนึ่งในกิจการร่วมค้า NVPSKG ได้ถอนตัวออกไป ซึ่งกรมควบคุมมลพิษเห็นว่าเป็นสาระสำคัญของการจ้างงานครั้งนี้ เพราะบริษัท นอร์ธเวสต์ฯเป็นผู้มีความเชี่ยวชาญในการจัดทำระบบบำบัดน้ำเสีย ขณะที่บริษัทอื่นๆ ในกิจการร่วมค้าไม่มีประสบการณ์ กรมควบคุมมลพิษ จึงอ้างสัญญาเป็นโมฆะไปยังกิจการร่วมค้า เพื่อให้หยุดดำเนินการก่อสร้าง และระงับการเบิกจ่าย ขณะที่มีการก่อสร้างไปแล้วกว่า 98% เบิกจ่ายเงินค่าจ้างไปแล้วกว่า 90% รวมเป็นเงินประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท แต่กิจการร่วมค้าคัดค้าน และแจ้งว่าสัญญายังมีผลบังคับใช้ ทำให้มีการฟ้องร้อง อย่างไรก็ตาม ภายหลังครม.มีมติข้างต้นแล้ว กรมควบคุมมลพิษแจ้งว่าสามารถดำเนินการก่อสร้างต่อไปได้ และในส่วนของกิจการร่วมค้า แจ้งว่าจะมีบริษัทเอกชนที่มีความเชี่ยวชาญเข้ามาร่วมดำเนินการต่อ รายงาน ข่าวแจ้งว่า การประชุมครม.ครั้งนี้ พล.ท. (หญิง) พูนภิรมย์ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย ท่ามกลางกระแสข่าวว่า พล.ท.(หญิง) พูนภิรมย์ รู้ว่าจะมีการพิจารณาวาระข้างต้น ซึ่งเกี่ยวข้องกับนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ซึ่งเป็นสามี จึงไม่เข้าร่วมประชุมครม.ด้วย เพื่อป้องกันข้อครหา
เอาใจกองทัพอนุมัติ7พันล.ซื้ออาวุธ พล. ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวว่า ครม.ยังอนุมัติตามที่กระทรวงกลาโหมขอเสนอจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์หลายรายการ ดังนี้ โดยกองทัพเรือ ขอก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการจัดหาเรือยกพลขึ้นบก โดยเป็นการจ้างให้สร้างจำนวน 1 ลำ ราคา 4,943,854,120 บาท ในราคายกเว้นศุลกากร เพื่อใช้สำหรับปฏิบัติการทางทะเล การบรรเทาสาธารณภัย และช่วยเหลือผู้ประสบภัย รวมทั้งเพื่อการฝึกให้กับทหารเรือ
นอกจากนี้ ยังอนุมติ ให้กองทัพบก 1.ก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณ โครงการจัดหาปืนเล็กยาว ขนาด 5.56 มิลลิเมตร ระยะที่ 3 จำนวน 15,037 กระบอก วงเงิน 1,012,604,512 บาท จากรัฐบาลประเทศอิสราเอล 2.อนุมัติลงนามในเอกสารข้อตกลงการซื้อขายในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย สำหรับการจัดหาอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระดับต่ำ ชนิดประทับไหล่ยิง แบบนำไปด้วยบุคคล จำนวน 36 หน่วยยิง แบบรัฐบาลต่อรัฐบาล (จีทูจี) ยกเว้นอากรทุกประเภท จากรัฐบาลรัสเซีย วงเงิน 132,402,102 บาท 3.อนุมัติลงนามในเอกสารข้อตกลงการซื้อขายในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทยในการจัดซื้อ ปืนเล็กกลขนาด 5.56 มิลลิเมตร แบบ NEGEV โดย วิธีจีทูจี จากรัฐบาลอิสราเอล จำนวน 531 กระบอก วงเงิน 140,276,691 บาท ยกเว้นภาษีอากรทุกประเภท
รวมทั้ง ครม.ยังอนุมัติ ตามที่กองบัญชาการกองทัพไทย เสนอจัดซื้อระบบจัดทำแผนที่ด้วยระบบเลเซอร์ พร้อมเครื่องบิน 2 รายการหลัก 13 รายการย่อย โดยวิธีจีทูจี จากรัฐบาลประเทศแคนนาดา วงเงิน 552,449,580 บาท พล. ต.ท.วิเชียรโชติ กล่าวว่า สำหรับเหตุผลประกอบการจัดซื้อ ทางกองทัพได้รายงานมาทุกประเภท แต่ไม่สามารถเปิดเผยได้ เพราะเป็นเรื่องลับ แต่ยืนยันว่า การดำเนินการทุกอย่าง ได้ผ่านกระบวนการเป็นลำดับชั้นมาจากแต่ละเหล่าทัพ ตลอดจนผ่านการตรวจสอบโดยผู้บัญชาการเหล่าทัพแล้ว จนมาถึงครม. และถือเป็นเหตุผลความจำเป็นของกระทรวงกลาโหม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วงเงินการดำเนินการจัดซื้ออาวุธยุทธโธปกรณ์ที่ครม.อนุมัติให้กระทรวงกลาโหม ครั้งนี้ ทั้งหมดมีวงเงินรวมทั้งสิ้นถึง 6,781,587,005 บาท
รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณโครงการจัดหาเรือยกพลขึ้นบก โดยเป็นการจ้างให้สร้างจำนวน 1 ลำ ราคา 4,943,854,120 บาท ของกองทัพเรือนั้น เป็นโครงการจัดหาเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่สำหรับใช้ในปฏิบัติการสะเทินน้ำ สะเทินบก การขนส่งลำเลียงทางทะเล การช่วยเหลือประชาชน บรรเทาสาธารณภัยต่างๆ และสนับสนุนการฝึกภาคปฏิบัติในทะเลของกองทัพเรือและใช้เป็นฐานปฏิบัติการใน ทะเล โดยปัจจุบันกองทัพเรือมีเรือยกพลขึ้นบกขนาดใหญ่ จำนวน 4 ลำ และในปี 2551 มีแผนที่จะปลดระวางประจำการจำนวน 2 ลำ เนื่องจากมีสภาพชำรุดไม่คุ้มค่ากับการซ่อมแซม ทำให้เรือยกพลขนาดใหญ่ไม่เพียงพอ จำเป็นต้องหาทดแทน สำหรับการจัดหาเรือยกพลลำใหม่นี้ เป็นการก่อหนี้ผูกพัน ต่อเนื่อง 4 ปี แบ่งเป็น ปี 2551 จำนวน 1 พันล้านบาท ปี 2552 จำนวน 1.4 พันล้านบาท ปี 2553 จำนวน 1.4 พันล้านบาท และปี 2554 จำนวน 1,143,854,120 บาท พร้อมอุปกรณ์ อะไหล่ เครื่องมือ ส่วนสนับสนุน และอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง จากบริษัท Singapore Technologies Marine LTD. จากสาธารณรัฐสิงคโปร์ กำหนดส่งมอบ ณ อู่เรือของผู้รับจ้าง ภายใน 48 เดือน นับถัดจากวันลงนามในสัญญา ข่าวแจ้งอีกว่า สำหรับการอนุมัติก่อหนี้ผูกพันข้ามปีงบประมาณของกองทัพบก โครงการจัดหาปืนเล็กยาว ขนาด 5.56 มิลลิเมตร ระยะที่ 3 จำนวน 15,037 กระบอก วงเงิน 1,012,604,512 บาท จากรัฐบาลประเทศอิสราเอล นั้น เป็นการก่อหนี้ผูกพันระหว่างปี 2551-2553 โดยเป็นปืน แบบ TAVOR TAR-21 เพื่อแจกจ่ายให้แก่หน่วยเป้าหมาย ทดแทนของเดิมที่มีสภาพเก่า ล้าสมัย และชำรุด เนื่องจากมีการใช้งานมานาน ทำให้ขาดความแม่นยำในการยิง การจัดหาตามโครงการ จะเป็นการเพิ่มขีดความสามารถความพร้อมรบด้านยุทธโธปกรณ์ให้กับหน่วยกำลังรบ หลัก ให้สามารถต่อต้านภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ ให้ผบ.ทบ. หรือผู้แทน เป็นผู้ลงนามในความตกลงซื้อขายระหว่างรับบาลไทยกับรัฐบาลอิสราเอล โดยให้รวมถึงการลงนามในเอกสารแก้ไขความตกลงที่อาจเกิดขึ้นในภายหลัง ข่าว แจ้งว่า สำหรับการอนุมัติลงนามในเอกสารข้อตกลงการซื้อขายในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทย สำหรับการจัดหาอาวุธนำวิถีต่อสู้อากาศยานระดับต่ำ ชนิดประทับไหล่ยิง แบบนำไปด้วยบุคคล จำนวน 36 หน่วยยิง จากรัฐบาลรัสเซีย วงเงิน 132,402,102 บาท และการอนุมัติลงนามในเอกสารข้อตกลงการซื้อขายในฐานะผู้แทนรัฐบาลไทยในการจัด ซื้อปืนเล็กกลขนาด 5.56 มิลลิเมตร แบบ NEGEV จากรัฐบาลอิสราเอล 531 กระบอก วงเงิน 140,276,691, บาท กระทรวงการต่างประเทศรายงานว่า สามารถดำเนินการได้โดยไม่เข้าข่ายหนังสือสัญญาตามมาตรา 190 วรรค 2 แห่งรัฐธรรมนูญ 2550
//www.matichon.co.th/news_detail.php?newsid=1220969004
Create Date : 11 กันยายน 2551 |
Last Update : 12 กันยายน 2551 0:10:30 น. |
|
12 comments
|
Counter : 14024 Pageviews. |
|
|
|
เห็นเรือกะเครื่องบินค่อยยังชั่วหน่อย เฮ้อ
....
น้องขนฟูที่ไปหวัดดีที่บล็อกน่ารักอ่ะ เลี้ยงยากป่ะ? อุนจิกลิ่นแรงมากป่ะ?
....
แบบว่าน้องแมวแถวพรานนกสงสัยนิ
อิอิ
....
ป.ล. บัดดี้คิดได้ใจมาก หลังจากเห็นตั๋วพอวันรุ่งขึ้นก็มาบอกว่าคิดทั้งคืนแล้วตัดสินใจว่าถ้าไม่ได้ตั๋วฟรี ไม่ไปดู นี่แอบเอ็มฯไปหาพี่สาวมานที่ทำงานอยู่ MTV จะให้หาบัตรให้ นายแน่มากกกกกก (ไม่อยากเชื่อว่าจะคิดได้งี้)