เกร็ดความรู้...ที่คุณอาจจะยังไม่รู้...เกี่ยวกับกองทัพอากาศไทย
เครื่องบินที่ทอ.สร้างเอง
 บริพัตร
เพียงราว ๆ 10 ปีนับจากพี่น้องตระกูลไรต์ประดิษฐ์เครื่องบินลำแรกเป็นผลสำเร็จ บรรพบุรุษของเราก็สามารถสร้างเครื่องบินเองได้ และนำเข้าประจำการ นั่นคือเครื่องบินที่ชื่อว่า บริพัตร นั้นเอง
แต่การสร้างเครื่องบินใช้เองก็เว้นช่วงมานานมาก เนื่องจากในช่วงสงครามเย็น ทอ.ได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐเป็นจำนวนมาก ครั้งต่อมาที่มีการสร้างเครื่องบินและนำเข้าประจำการคือเครื่องบินที่ชื่อว่า จันทรา หรือ บ.ฝ.๑๗ โดยประจำการประมาณ 12 เครื่อง รุ่นสุดท้ายที่ทอ.สร้างและนำเข้าประจำการคือ Fantrainer ซึ่งร่วมมือกับบริษัทของเยอรมันทำการผลิต แต่เครื่องบินประสบอุบัติเหตุค่อนข้างบ่อย จึงประจำการอยู่ได้ราว ๆ 10 ปี ครับ
นอกจากนั้น ก็ยังมีเครื่องบินที่ทอ.ทำการวิจัยและพัฒนาเองอยู่จำนวนหนึ่งครับ สามารถชมภาพได้ที่นี่
"ทำไมเราไม่ "ทำเครื่องบินเอง" ซักที "
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=03-04-2006&group=1&gblog=35
การรบทางอากาศครั้งแรก
 น.ต. ศานิต นวลมณี
จะว่าโชคดีก็ไม่ใช่ แต่จะว่าโชคร้ายก็ไม่เชิง เพราะทอ.ไทยเป็นหนึ่งในทอ.ไม่กี่แห่งในอาเซียนและเอเชียที่มีประวัติการสู้รบทางอากาศเป็นของตนเอง ยุทธเวหาครั้งแรกของไทยเกิดขึ้นในสงครามอินโดจีนระหว่างไทยและฝรั่งเศส เรื่องนี้เชิญอ่านประวัติได้จากบทความนี้ครับ (ผมก๊อปมาจากไหนก็ไม่ทราบ ขออภัยครับ)
"การรบทางอากาศครั้งแรงในประเทศไทย
ภายหลังจากการที่ประเทศไทย ต้องสูญเสียดินแดนไปมากกว่า ๕ ครั้ง ตั้งแต่พุทธศักราช ๒๔๑๐ ถึง ๒๔๔๙ รวมพื้นที่มากกว่า ๔๖๗,๐๐๐ ตารางกิโลเมตร และประชากรในพื้นที่มากกว่า ๓,๖๔๐,๐๐๐ คน ในพื้นที่ประเทศลาวและเขมรในปัจจุบัน ให้กับฝรั่งเศส พร้อมค่าปรับ ๔ ล้านบาท ในช่วงของการล่าอาณานิคม ความรู้สึกที่ทุกข์และขมขื่นของคนไทย หลายสิบปี ได้โอกาสเหมาะที่จะเรียกร้องขอความเป็นธรรม รวมถึงการขอปรับปรุงเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างไทยกับอินโดจีนฝรั่งเศส ให้เหมาะสมกับกฎหมายระหว่างประเทศในช่วงที่ฝรั่งเศสแพ้กองทัพเยอรมันในช่วงต้นของสงครามโลกครั้งที่ ๒ แม้ว่าก่อนหน้านั้นประเทศไทยจะขอเจรจาเกี่ยวกับเรื่องนี้มาหลายครั้ง ซึ่งครั้งนี้ฝรั่งเศสก็ไม่ยอมเช่นเดิม กลับยังมีการส่งกำลังทหารมาเพิ่มเติมในหลายจุดที่สำคัญตามแนวชายแดนไทย กองทัพอากาศจัดกองทัพเพื่อเตรียมรับสถานะการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นมีการจัดส่งเครื่องบินขับไล่จำนวนมากไปประจำที่อุดรธานี อุบลราชธานี และนครพนม แม้ว่าเครื่องบินของฝ่ายไทยจะออกลาดตระเวณรักษาเขตทุกวัน แต่ข้าศึกก็ยังเล็ดรอดบินข้ามเขตมาลาดตระเวณถ่ายภาพเหนือดินแดนฝ่ายเราหลายครั้ง โดยทุกครั้งฝ่ายเราได้รับแจ้งแต่ขึ้นบินสกัดกั้นไม่ทัน ๒๒ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๘๓ เครื่องบินปีกชั้นเดียวของฝรั่งเศสบินข้ามแม่น้ำโขง เข้ามาเหนือ อ.ท่าบ่อ จ.หนองคาย ในช่วงเช้า ครั้นช่วงบ่ายมีการส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดจำนวน ๔ เครื่องบินเข้ามาทาง บ้านห้วยทราย บ้านพร้าว และศรีเชียงใหม่และทั้งหมดบินกลับไปลงที่เวียงจันทร์ ๒๓ ตุลาคม พุทธศักราช ๒๔๘๓ เครื่องบินทิ้งระเบิดของฝรั่งเศสบินเข้ามาเหนือ อ.โพนพิสัย จ.หนองคาย เครื่องบินของไทยขึ้นสกัดกั้น ๓ เครื่อง แต่มาไม่ทันเครื่องบินฝรั่งเศสบินหนีไปลงเวียงจันทร์ก่อน ๒๗ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๘๓ เครื่องบินแบบ Potez 25 ๑ เครื่องของฝรั่งเศสบินเข้ามาถ่ายภาพที่นครพนม เครื่องบินขับไล่แบบฮอว์ค-๓ ของ พ.อ.อ.ทองใบ พันธ์สบาย ขึ้นสกัดกั้นและทำการยิงปืนกลอากาศไป ๒๓ นัด แต่เครื่องบินข้าศึกไม่ทำการต่อสู้ด้วยกลับบินหนีไปได้สำเร็จ
และแล้ว การรบทางอากาศ ที่ถือว่า เป็นการรบทางอากาศหรือการทำยุทธเวหา ครั้งแรกของประเทศไทย จึงอุบัติขึ้นเมื่อ ๒๘ พฤศจิกายน พุทธศักราช ๒๔๘๓ เวลา ๐๘๐๐ เครื่องบินโปเตส๒๕ ของฝรั่งเศส บินมาด้วยความสูง ๖๐๐ เมตร ทางทิศใต้ของนครพนม ร.ต.ศานิต นวลมณี (ชาวจังหวัดอุดรธานี) ผู้บังคับหมวดบินที่ ๑ ฝูงบินตรวจการณ์ที่ ๔๒ ของกองบินน้อยผสมจังหวัดอุดร ประจำการอยู่ที่สนามบินอุดรธานี (สมัยนั้นเรียก สนามบินหนองขอนกว้าง) ซึ่งได้รับมอบหน้าที่ให้เป็นผู้บังคับหมู่ยามอากาศประจำจังหวัดนครพนม ได้นำเครื่องบินโจมตีแบบ คอร์แซร์ ขึ้นสกัดกั้น โดยมี จ.ท.ประยูร สุกุมลจันทร์ นักบินประจำหมวดบิน ๑ ฝูงบินตรวจการณ์ที่ ๔๒ ของกองบินน้อยผสมจังหวัดอุดร ทำหน้าที่พลปืนหลัง ขณะเดียวกันเครื่องบินขับไล่แบบ ฮอว์ค-๓ จำนวน ๒ เครื่อง โดยมี พ.อ.อ.ทองใบ พันธุ์สบาย นักบินประจำหมวดบิน ๒ ฝูงบินขับไล่ของกองบินน้อยผสมจังหวัดอุดร และ จ.อ.นาม พุ่มรุ่งเรือง นักบินประจำหมวดบิน ๑ ฝูงบินขับไล่ของกองบินน้อยผสมจังหวัดอุดร ทำการบินลาดตระเวณอยู่ไม่ไกลนักเข้าทำการช่วยเหลือ ในขณะที่เครื่องบินขับไล่แบบโมราณ ของฝรั่งเศส ๕ เครื่องเข้ายิงเครื่องบินคอร์แซร์ด้วยปืนกลอากาศโดยเกิดการต่อสู้ทางอากาศขึ้น เครื่องบินคอร์แซร์ใช้ปืนกลอากาศทั้งที่ปีกยิงไปด้านหน้าและปืนกลหลัง และสามารถยิงเครื่องบินขับไล่ข้าศึกได้ ๑ เครื่องร่อนลงได้รับความเสียหาย (ภายหลังมีข้อมูลยืนยันว่าเครื่องบินข้าศึกเครื่องดังกล่าวถูกยิงตก )ขณะเดียวกันเครื่องบินขับไล่ ฮอว์ค-๓ ทั้งสองเครื่องเข้าทำการต่อสู้ช่วยเหลือจนกระทั่งฝ่ายข้าศึกบินข้ามแม่น้ำโขงไปฝั่งตรงข้าม และทำการบินเหนือดินแดนข้าศึกเพื่อดูเชิงอีกราว ๒๐ นาที ก่อนบินกลับไปสนามบินของตน ผลการปฏิบัติ ในการยุทธเวหาครั้งแรก ที่นานกว่า ๒๐ นาที เหนือนครพนม ในวันนั้นเครื่องบินฝ่ายเราปลอดภัย ฝ่ายตรงข้างเสียเครื่องบิน ๑ เครื่อง "
สงครามครั้งแรกที่เข้าร่วม
 การโจมตีทางอากาศของ ทอ.ไทย ที่เมืองศรีโสภณของน.ต.ศานิต นวลมณี
แม้ว่าหลักฐานอย่างเป็นทางการแล้ว กองการบินทหารบกสยามซึ่งต่อมากลายเป็นกองทัพอากาศไทยนั้นได้เคยเข้าร่วมสงครามโลกครั้งที่หนึ่งมาแล้ว แต่กระนั้นก็ยังไม่ได้ออกปฏิบัติการจริงแต่อย่างใดครับ เพราะสงครามสงบเสียก่อนที่จะฝึกสำเร็จ
สงครามครั้งแรกจริง ๆ ที่กองทัพอากาศไทยได้แสดงศักยภาพเหนือขอบฟ้าก็คือกรณีพิพาษอินโดจีนระหว่างไทยและฝรั่งเศสครับ ในสงครามนี้มีนักบินไทยหลายท่านที่ "เก็บแต้ม" หรือสามารถยิงเครื่องบินของข้าศึกตกได้ นอกจากนั้นกองทัพอากาศยังทำการโจมตีเข้าไปในดินแดนยึดครองของฝรั่งเศสในกัมพูชาเพื่อสนับสนุนแผนการรุกของกองทัพไทย โดยมีวีรกรรมที่เด่น ๆ เช่น การโจมตีทางอากาศของ ทอ.ไทย ที่เมืองศรีโสภณของน.ต.ศานิต นวลมณีครับ
ในครั้งนี้กองทัพอากาศไทยสามารถครองอากาศได้ และปฏิบัติการเป็นประโยชน์ต่อกำลังพลฝ่ายเรามากมายมหาศาล จนฝรั่งเศสเพลี้ยงพล้ำ และมีการเจรจาหยุดยิงกับเราโดยมีญี่ปุ่นเป็นคนกลางในที่สุด
ยิง B-29 ตกเป็นคนแรกของโลก
 ภาพจำลองการยิงเครื่องบิน B-29 ตกของเรืออากาศเอก เทอดศักดิ์ วรทรัพย์
B-29 คือป้อมบินยักษ์ที่ทุกคนรู้จักกันดี เพราะมันคือเครื่องบินที่นำระเบิดปรมานูไปโจมตีเมืองฮิโรชิมาและนางาซากิของญี่ปุ่น
แต่เกร็ดประวัติศาสตร์ที่คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยทราบก็คือ B-29 ออกปฏิบัติการครั้งแรกในการโจมตีเป้าหมายในประเทศไทย โดย B-29 จำนวน 77 ลำได้เข้าทำการทิ้งระเบิดโรงงานซ่อมรถไฟของญี่ปุ่นในกรุงเทพเมื่อวันที่ 5 มิถุนายน 2487 และต่อมาก็ถูกรับน้องด้วยการถูกเสืออากาศไทย เรืออากาศเอก เทอดศักดิ์ วรทรัพย์ ยิงตกในวันที่ วันที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ.2487
แม้ว่า B-29 จะออกปฏิบัติการในเมืองไทยเป็นครั้งแรก แต่นับว่าเราโชคดีมาก ที่ไม่ถูกปรมานูเป็นเจ้าแรกของโลก!!!!
เครื่องบินที่เข้าประจำการจำนวนมากที่สุด
 F8F Bearcat
คงหนีไม่พ้น F8F Bearcat ซึ่งไทยได้รับความช่วยเหลือจากสหรัฐมากว่า 200 ลำ ปัจจุบันเหลืออยู่ในไทยเพียง 3 ลำ และบินได้ 1 ลำโดยมูลนิธิอนุรักษ์และพัฒนาอากาศยานไทยปรับปรุงจนสามารถทำการบินได้
เครื่องบินไอพ่นเครื่องแรก
 T-33
เครื่องบินไอพ่นเครื่องแรกของไทยคือ บ.ฝ.11 หรือ T-33 โดยประจำการในปี 2498 และหลังจากนั้นอีก 1 ปี ทอ.ไทยก็ได้รับมอบ F-84G Thunderjet เป็นเครื่องบินขับไล่ไอพ่นเครื่องแรก
เครื่องบินขับไล่ความเร็วเหนือเสียงแบบแรก
 F-5A
จะเป็นใครไปไม่ได้ นอกจาก F-5A ครับ ซึ่งเราได้รับมาในปี 2510
F-16 ไทย ไม่เคยตกเลยสักลำ!!!
 F-16A
เรื่องนี้เรื่องจริงครับ กว่า 20 ปีของการปฏิบัติงานด้วย F-16 จำนวน 59 ลำนั้น F-16 ไทยไม่เคยมีประวัติตกเลยแม้แต่ลำเดียว จนฝรั่งงง (คนไทยก็งง) Lockheed Martin ยังต้องให้เกียรติบัตรด้านนิรภัยการบินเลยครับ
ชื่อของเครื่องบินและกองบิน
 เหตุการณ์การบุกของญี่ปุ่นที่กองบินน้อยที่ 5
ชื่อของเครื่องบินตามการกำหนดของทอ.มีหลักเกณฑ์การกำหนดตามลำดับของการประจำการของเครื่องบินครับ ยกตัวอย่างเช่น บ.ข. 18 หรือเครื่องบินขับไล่แบบที่ 18 ซึ่งก็คือ F-5 หรือ บ.ฝ. 19 หรือเครื่องบินฝึกแบบที่ 19 ซึ่งก็คือ PC-9 นั้นเอง
ส่วนเลขของกองบิน จะบอกถึงขนาดของกองบิน โดยกองบินเลยตัวเดียว อย่างกองบิน 1, กองบิน 2,กองบิน 4, กองบิน 6, กองบิน 7 นั้นหมายความว่าสามารถรองรับฝูงบินได้ 3 ฝูงขึ้นไป ส่วนกองบินเลขสองตัวคือ กองบิน 21, กองบิน 23, กองบิน 41, กองบิน 46, กองบิน 56 มีความสามารถรอบรับฝูงบินได้ 1 ฝูงบิน ทั้งนี้ กฏข้อนี้ยกเว้นกับกองบิน 5 ซึ่งสามารถรองรับฝูงบินได้ 1 ฝุงเท่านั้น แต่ทอ.เลือกที่จะเปลี่ยนจากชื่อกองบิน 53 กลับไปใช้ชื่อกองบิน 5 ตามชื่อที่เคยใช้เมื่อตอนญี่ปุ่นปฏิบัติการยกพลขึ้นบกนั้นเอง
Create Date : 15 มิถุนายน 2550 |
Last Update : 26 มกราคม 2552 13:31:21 น. |
|
7 comments
|
Counter : 8232 Pageviews. |
 |
|
|
ผมอยากรู้ว่าจาก204ลำ ทำไมปัจจุบันเหลือแค่3ลำเองละครับ