|
จับตาการขีดเส้นตายต่อไทยของกัมพูชา
ข่าวด่วน ๆ ตอนนี้ที่เพิ่งออกมา ซึ่งอ่านแล้วดูแล้วน่าตกอกตกใจเหมือนกันครับ เพราะสมเด็จฮุนเซนนายกรัฐมนตรีกัมพูชาออกมาขีดเส้นตายให้ไทยถอนทหารพ้นพื้นที่พิพาทภายในวันที่ 14 ต.ค. นี้ และกล่าวว่ากัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ทหารเหล่านั้นเข้ามาครอบครองดินแดนของกัมพูชา ส่วนโฆษกกองทัพบกของไทยปฏิเสธรายงานที่ว่า ทหารไทยล่วงละเมิดพรมแดนดังกล่าว
ผมยังยืนยันคำเดิมนะครับว่า ..... จุดมุ่งหมายสูงสุดของกัมพูชา คือการครอบครองแห่งน้ำมันดิบในพื้นที่ทับซ้อน "แต่เพียงผู้เดียวโดยชอบธรรม" .... ซึ่งการจะทำแบบนั้นได้ "จำเป็นจำต้องเปลี่ยนเส้นเขตแดนบนพื้นดิน" เพื่อให้การลาดเส้นเขตแดนในอ่าวไทยผิดเพี้ยนไป ซึ่งการอ้างสิทธิ์เหนือปราสาทต่าง ๆ นั้นง่ายที่สุด "เพราะกัมพูชาสามารถปลุกระดมได้ง่ายว่าปราสาทเหล่านั้นคือศิลปะกัมพูชาและควรจะเป็นของกัมพูชา"
ผมยอมรับว่าเรื่องนี้ผิดความคาดหมายไปบ้าง เพราะตอนแรกผมคาดว่าการแถลงข่าวจากการประชุมจะเป็นในแนวทางคล้ายกับที่นายฮอง นัม ฮงและนายเตช บุญนาคเคยแถลงร่วมกันว่าทั้งสองประเทศจะร่วมมือกันในการปรับลดกำลังและปักปันเขตแดนโดยเร็ว .... แต่จากการให้สัมภาษณ์สื่อ นายกรัฐมนตรีฮุนเซนกลับมีท่าทีแข็งกร้าวผิดปกติ .... ผิดปกติจนน่าสงสัยครับ
ผมคิดว่ามีอยู่สองสามประเด็นที่ทำให้ฮุนเซ็นออกมาพูดเช่นนี้
1. ฮุนเซนฉวยโอกาสจากความวุ่นวายทางการเมืองของไทยเพื่อเข้ายึดครองพื้นที่ทับซ้อนในเขาพระวิหารทั้งหมด เพราะฮุนเซนคาดว่าไทยคงจะวุ่นวายจนไม่สามารถมาจัดการปัญหาพื้นที่ทับซ้อนได้
2. ฮุนเซนคิดว่าตนเองได้เดินเกมส์มาพอสมควรแล้ว โดยการพยายามสร้างความชอบธรรมต่อนานาชาติว่าไทยรุกรานกัมพูชา
3. ฮุนเซนอาจจะคิดว่าตอนนี้คือเวลาเหมาะที่จะทำให้เกิดสงครามจนสามารถดึงสหประชาชาติเข้ามาแทรกแทรงและยืมมือสหประชาชาติยึดพื้นที่ทับซ้อนเหล่านั้นได้
ดังนั้นอย่าเพิ่งตกใจครับ .... การที่ฮุนเซนให้สัมภาษณ์อย่างรุนแรงแต่ละครั้ง ด้านหนึ่งล้วนเป็นสไตล์ของการเมืองกัมพูชา แต่อีกด้านหนึ่งก็ต้องการเล่นเกมส์จิตวิทยากับคนไทย
ในเมื่อเขารุกมาอย่างนี้ ทางแก้ปัญหาเรามีนะครับ .... ซึ่งแม้ผมยังประเมินว่ากัมพูชายังไม่กล้าที่จะเปิดสงครามกับไทย แต่เพื่อสร้างความชอบธรรมและป้องกันสงครามให้ถึงที่สุด ไทยควรจะปฏิบัติดังนี้
1. ปรับท่าทีในเจรจาการปรับลดกำลังทหารในพื้นที่พิพาททั้งหมด เพราะการดำรงค์อยู่ของทหารไทยคือการแสดงถึงการอ้างสิทธิอธิปไตยเหนือดินแดนนั้น
2. กองทัพต้องเตรียมพร้อมทันที แผนการอพยพคนไทยออกจากกัมพูชาจะต้องถูกเตรียมการเพื่อที่จะสามารถดำเนินแผนได้ทันที และการจัดวางกำลังในการที่จะสนับสนุนกองกำลังของไทยได้ทุกเวลาถ้าเกิดการสู้รบขึ้น ทั้งนี้ตรงนี้เชื่อว่าทางรัฐบาลและกองทัพมีระดับการเตรียมพร้อม (DEFCON) ไว้อยู่แล้ว
3. การ Show of Force หรือการแสดงแสนนายุภาพทางทหาร .... ซึ่งห้ามทำแบบโจ่งแจ้งออกสื่อเด็ดขาด เพราะกัมพูชาจะสามารถเอาไปอ้างได้ว่าไทยเตรียมรุกราน แต่เราต้องทำอย่างเงียบ ๆ ให้กองทัพและรัฐบาลกัมพูชารู้ว่าเขาแย่แน่ถ้าเกิดสงคราม กองทัพมีวิธีการอยู่แล้ว คงไม่ต้องพูดอะไรมากครับ
4. ทางด้านการฑูต ไทยควรดำเนินการทางการฑูตทันที โดยออกแถลงการณ์แสดงจุดยืนที่จะคลี่คลายปัญหานี้ด้วยสันติเหมือนที่ยืนยันเสมอมา นี่ก็จะเป็นเงื่อนปมหนึ่งที่จะช่วยเราให้พ้นจากการแทรกแทรงจากต่างชาติได้ถ้ามีสงครามเพราะเราแสดงท่าทีมาตลอดว่าเราต้องการการเจรจาแบบทวีภาคีเท่านั้น (ผมถึงย้ำแล้วย้ำอีกว่าให้เรายึดสันติเป็นที่ตั้ง เพราะมันจะเป็นประโยชน์ในอนาคต)
5. ไทยควรส่งหนังสือแสดงจุดยืนของเราไปหาพันธมิตรที่ช่วยเหลือเราเมื่อครั้งเรื่องนี้เข้าสู่ที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ทั้งสหรัฐและจีน รวมถึงชาติสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคง และสมาชิกอาเซียนอีก 8 ประเทศ เพราะชาติเหล่านั้นส่วนใหญ่แสดงจุดยืนไปแล้วว่าต้องการเห็นการเจรจาแบบทวีภาคีมากกว่าการนำเรื่องนี้ไปสู่เวทีนานาชาติ นอกจากนั้นต้องย้ำถึงความตั้งใจและขอการสนับสนุนในเวทีนานาชาติเมื่อเราต้องการ
6. ไทยต้องมองหาลู่ในการจ้างทนายเพื่อเตรียมการต่อสู้ทางกฏหมายที่อาจจะเกิดขึ้น ทั้งนี้แม้ว่าผมจะย้ำว่าไม่มีใครสามารถลากคอเราขึ้นศาลโลกได้ถ้าเราไม่ยินยอม เพราะการพิจารณาคดีในศาลโลกนั้นคู่กรณีต้องยอมให้นำเรื่องขึ้นสู่ศาลโลกทั้งคู่ ถ้ากัมพูชาฟ้องศาลโลก แต่เราไม่ยอมให้ศาลโลกตัดสิน ศาลโลกก็ไม่สามารถดำเนินคดีได้ .... แต่ที่บอกให้เตรียมไว้ คือการเตรียมในกรณีที่อาจจะมีแรงกดดันให้ไทยและกัมพูชาให้สิทธิตีความคำตัดสินของศาลโลกที่ยกเขาพระวิหารให้กัมพูชาเมื่อกว่า 50 ปีก่อนว่า พื้นที่พิพาทโดยรอบเป็นของประเทศไทยหรือกัมพูชา (เพราะในคำตัดสินในเวลานั้นไม่ได้ระบุ) ซึ่งกรณีนี้มีความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นได้มากกว่า .... แต่ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นไทยต้องดำเนินการทุกวิถีทางที่จะไม่ให้ข้อขัดแย้งใด ๆ ต้องขึ้นสู่ศาลโลก
7. เจ้าหน้าที่ของไทยและของกัมพูชาต้องสื่อสารกันทันที อาจจะอยู่ในรูปของการคุยโทรศัพท์เพิ่มเติม ไปจนถึงการเรียกฑูตกัมพูชามารับทราบจุดยืนของไทย เพื่อป้องกันสงครามซึ่งผมยังยืนยันว่าเราจะได้เปรียบมากกว่าถ้าไม่มีสงคราม
8. สุดท้าย ไม่ว่าอย่างไร ห้ามมีการปฏิวัติรัฐประหารเด็ดขาด มิฉะนั้นทุกอย่างจะยุ่งยากเป็นอย่างมาก
ขอให้ทุกท่านทำใจเย็น ๆ และทำใจร่ม ๆ ก่อนครับ ผมยังเชื่อว่าไม่น่าจะมีสงคราม รอดูสถานการณ์พรุ่งนี้และวันถัดไป เราจะเห็นภาพต่อของเกมส์นี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นครับ
เขมรกร้าวขีดเส้นตายไทย ถอนทหารพ้นพท.พิพาท [13 ต.ค. 51 - 21:00]
สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานวันนี้ (13 ต.ค.) ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน เซนของกัมพูชาขีดเส้นตายให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่ที่กำลังเป็นกรณีพิพาทภายใน 24 ชั่วโมง โดยนายกรัฐมนตรีฮุน เซนแถลงต่อสื่อมวลชนภายหลังการพบปะกับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่กรุงพนมเปญว่า ทหารไทยจะต้องถอนกำลังออกจากพื้นที่ของกัมพูชาภายในวันพรุ่งนี้ (14 ต.ค.) เป็นอย่างช้า และว่า กัมพูชาจะไม่ปล่อยให้ทหารเหล่านั้นเข้ามาครอบครองดินแดนของกัมพูชา
นายกรัฐมนตรีกัมพูชา กล่าวว่า ทหารไทย 84 นายเข้ามาตั้งค่ายในดินแดนของกัมพูชาห่างจากกองกำลังของกัมพูชาเพียง 30 เมตร ด้านพลเอกเนียง พาด รัฐมนตรีช่วยกลาโหมกัมพูชา กล่าวว่า กัมพูชาได้ส่งทหารไปประจำการที่บริเวณพรมแดน ซึ่งมีทหารไทย 500 นายล่วงล้ำเข้ามา อย่างไรก็ตาม โฆษกกองทัพบกของไทยปฏิเสธรายงานที่ว่า ทหารไทยล่วงละเมิดพรมแดนดังกล่าว
//www.thairath.co.th/onlineheadnews.html?id=107567
มทภ.2 ย้ำชายแดนไทย-กัมพูชา ไม่มีปัญหาแล้ว [13 ต.ค. 51 - 19:10]
วันนี้ (13 ต.ค.) พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทเขาพระวิหาร อ.กันทรลักษณ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า หลังมีเหตุปะทะกันระหว่างทหารไทยกับกัมพูชา เมื่อวันที่ 3 ต.ค.ที่ผ่านมา ล่าสุด ความสัมพันธ์ทหารทั้งสองฝ่ายดีขึ้นและคืนสู่ปกติแล้ว มีการพูดคุยเข้าใจกันดี มั่นใจว่าไม่มีปัญหาแล้ว ที่ผ่านมา ทั้ง 2 ประเทศ เจรจาพูดคุยกันตลอด ผลการเจรจาเป็นไปในแนวทางที่ดี ทั้งสองฝ่ายเตรียมปรับลดกำลังทหาร ตามที่ได้ตกลงกันไว้ จากก่อนหน้านี้ปรับลดกำลังไปแล้วบางส่วน
แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ทหารไทยทุกนายมีขวัญกำลังใจดี ทำหน้าที่รักษาอธิปไตยอย่างเต็มที่ สำหรับสถานการณ์บ้านเมืองเวลานี้ยังมีปัญหาวุ่นวาย ขอให้ประชาชนร่วมมือกันทำให้ประเทศชาติอยู่ในความสงบเรียบร้อย เพื่อคืนสู่ภาวะปกติโดยเร็ว
//www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=107556
กัมพูชาเตือนไทยถอนกำลังพ้นชายแดน วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2551 20:36 รมว.ตปท.กัมพูชาเตือนไทยไม่ยอมถอนทหารจากชายแดนอาจจุดชนวนความขัดแย้ง นายนอร์ นัมฮอง รัฐมนตรีต่างประเทศกัมพูชาเตือนว่า อาจเกิดความขัดแย้งด้านการทหารหากไทยไม่ยอมถอนทหารออกจากพื้นที่ที่มีความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาโดยด่วน นายนัมฮองกล่าวกับผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวเกียวโดว่า ในระหว่างการประชุมร่วมกับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ต่างประเทศของไทยที่กรุงพนมเปญ เขาก็ได้รับการยืนยันว่ากองกำลังทหารของไทยยังคงประจำการอยู่ในเขตแดนกัมพูชา สถานการณ์ดังกล่าวอาจนำไปสู่ความขัดแย้งทางการทหารระหว่างสองประเทศ ตราบใดที่ไทยยังไม่ถอนทหารออกจากชายแดนกัมพูชา เจ้าหน้าที่ระดับสูงของหนึ่งของกัมพูชากล่าวกับเกียวโดว่า กองกำลังทหารของไทย 80-100 นายตั้งฐานอยู่ในพื้นที่ของกัมพูชาประมาณ 1 กิโลเมตร
//www.posttoday.com/breakingnews.php?id=12045
"สมพงษ์"ถกปัญหาชายแดนกัมพูชายันไม่ถอนทหาร 22:00 น.
นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกฯและรว.กระทรวงการต่างประเทศให้สัมภาษณ์ภายหลัง การเยือนประเทศกัมพูชาอย่างเป็นทางการเพื่อแนะนำตัวในโอกาสรับตำแหน่งใหม่ โดยได้มีการหารือ กับนายฮงนัมฮง รองนายกนและรมว.ต่างประเทศกัมพูชา เกี่ยวกับปัญหาข้อพิพาท ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งทั้งสองประเทศมีความเป็นห่วงเรื่องนี้ โดยไทยขอความร่วมมือกับกัมพูชาซึ่งจะแก้ปัญหาแบบทวิภาคี อย่างเช่นที่มีมาและคาดว่า จะมีการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ในเร็ว ๆ นี้ ส่วนข่าวที่กัมพูชาต้องการให้ถอนทหารไทยออกจากพื้นที่บริเวณวัดแก้วสิขาคีรีสวาลานั้นนายสมพงษ์ กล่าวว่า ไทยเห็นว่าการถอนทหารต้องคำนึกว่าทหารไปไทยเองก็ลาดตะเวนในพื้นที่นาน 20-30 ปี ขณะที่กัมพูชามีความเห็นว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นของกัมพูชาเช่นกัน ถามว่า มีรายงารนว่ารมต.ต่างประเทศกัมพูชาให้สัมภาษณ์ว่าขอให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่ดังกล่าวให้เร็วที่สุดในคืนนี้หรือเช้าพรุ่งนี้มิฉะนั้นจะกลายเป็นพื้นที่นองเลือดได้ นายสมพงษ์กล่าวว่า ขอตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน การหารือทั้งหมด จะนำไปรายงานนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯและรมว.กลาโหมในคืนนี้ ส่วนทีมีข่าวว่าหากไทยและกัมพูชาหาทางออกไม่ได้กัมพูชาจะนำเรื่องไปสู่ศาลโลกนายสมพงษ์กล่าวว่า เราคงไม่สามารถทัดทานได้ แต่ตนวิตกกังวลและต้องใช้ความอดทนในการเจรจา โดยไม่อยากให้เกิดการปะทะระหว่างกันเกิดขึ้นก็ยังเชื่อว่าพื้นที่ส่วนนั้นยังเป็นของไทยและต้องใช้ความระมัดระวังในการพิจารณาถอนทหารออกจากดินแดนของเรา ซึ่งตรงนี้จะหมายความว่าอะไร
//breakingnews.nationchannel.com/read.php?lang=th&newsid=344114
UPDATE สถานการณ์
อนุพงษ์เรียกเสธ.ถกเครียด! วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551
ผบ.ทบ.เรียกเสนาธิการถกเครียดรับมือฮุนเซนขีดเส้นตายให้ถอนทหารเที่ยงวันนี้ สื่อนอกตีข่าวเขมรพร้อมทำสงครามกับไทยเต็มรูปแบบ
ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองทัพบกว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ได้เรียกประชุมด่วนฝ่ายเสนาธิการ เมื่อช่วงเช้าวันนี้(14ตุลาคม) เพื่อหารือรับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังจากที่วานนี้ สมเด็จ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ได้สั่งขีดเส้นตายให้ทหารไทยที่ตรึงกำลังอยู่บริเวณพื้นที่พิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ได้แก่ พื้นที่โดยรอบปราสาทพระวิหาร นำกำลังออกจากพื้นที่ ภายในเวลา 12.00 น.นี้
ขณะนี้บรรยากาศที่บริเวณอุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ค่อนข้างตึงเครียด เนื่องจากได้มีกำลังทหารกัมพูชาจำนวนหนึ่ง พร้อมด้วยอาวุธปืนครบมือ เข้ามาตรึงกำลังที่บริเวณปราสาทกัมพูชา บริเวณทางขึ้นปราสาทพระวิหาร ซึ่งทหารเหล่านี้ส่วนมากเป็นอดีตทหารเขมรแดงที่เคยประจำการอยู่ที่บริเวณเขาพระวิหารมานานแล้ว และมีความเคยชินกับสภาพพื้นที่บริเวณแห่งนี้เป็นอย่างมาก ทำให้ทหารไทยต้องจัดกำลังทหารเข้าไปตรึงกำลังบริเวณประตูเหล็กใกล้กับตลาดกัมพูชาเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิม ขณะเดียวกัน ฝ่ายกำลังทหารของไทยก็ได้มีการตรึงกำลังเข้ม รอบเขาพระวิหาร โดยแต่ละจุดห่างกันประมาณ 30 เมตรเท่านั้น แต่ว่าทหารไทยยังไม่ได้มีการเสริมกำลังเพิ่มเติมแต่อย่างใด
สำนักข่าวเอบีซีนิวส์ของออสเตรเลีย รายงานว่า สมเด็จฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ได้เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า เขาได้ขู่นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีต่างประเทศของไทย ที่เดินทางมาเยือนกัมพูชาไปว่า หากไทยไม่รีบถอนกำลังทหารออกจากบริเวณพรมแดนที่เป็นข้อพิพาทกันอยู่โดยด่วน ทหารไทยจะได้รับการปฏิบัติเยี่ยงศัตรู และจะไม่ได้รับความปราณีใดๆ จากทหารกัมพูชา และย้ำว่า กัมพูชาพร้อมแล้วที่จะเปิดฉากทำสงครามเต็มรูปแบบกับไทย การออกมาเปิดเผยของสมเด็จฮุน เซน ในครั้งนี้มีขึ้นหลังจากการเข้าพบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยที่กรุงพนมเปญ เมื่อวานนี้ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม เอบีซีนิวส์ ระบุว่า รัฐมนตรีต่างประเทศของไทยได้เปิดเผยหลังจากเดินทางกลับมายังกรุงเทพมหานคร โดยระบุว่า ตนขอหารือกับ นายกรัฐมนตรีของไทยก่อนที่จะตัดสินใจดำเนินการใดๆ ทั้งนี้ ความตึงเครียดระหว่างกัมพูชาและไทยเริ่มปะทุขึ้นเมื่อเดือนกรกฎาคม หลังจากที่องค์การยูเนสโกมีมติให้ปราสาทพระวิหารของกัมพูชาได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลก ซึ่งสร้างความโกรธแค้นอย่างมากในหมู่นักชาตินิยมของไทย ซึ่งยังคงอ้างสิทธิ์ของไทยเหนือปราสาทแห่งนี้ แม้ว่าศาลยุติธรรมระหว่างประเทศจะได้พิพากษาตั้งแต่ปี 1962 ให้ปราสาทดังกล่าวเป็นของกัมพูชาก็ตาม.
//www.posttoday.com/news.php?id=12216
10.25 ทั้งผู้บัญชาการทหารบกและนายกรัฐมนตรีเรียกประชุมผู้เกี่ยวข้องด่วนแล้วครับ ทั้งนี้ยังคงยืนยันว่าไทยจะยังคงไม่ถอนทหารออกจากพื้นที่ครับ
Anupong, PM call urgent meetings on border row
posttoday.com
(BangkokPost.com) - The Commander-in-Chief of the Royal Thai Army, Gen Anupong Paochinda, on Tuesday morning held an urgent meeting with relevant army officials to discuss the deepening border row between Thailand and Cambodia. The meeting was held at the Royal Thai Army Headquarters.
Prime Minister and Defence Minister Somchai Wongsawat, meanwhile, called another urgent meeting with armed force commanders and officials from the Ministry of Foreign Affairs to assess the situation after Cambodia told Thailand to withdraw troops from the disputed border area before noon Tuesday.
On Monday, the Cambodian authority said a "large-scale" armed conflict may happen, if the Thai troops fail to be withdrawn from the border area near the ancient temple of Preah Vihear immediately.
In the meantime at Khao Phra Wihan (Preah Vihear) National Park, many Cambodian soldiers with full arms were dispatched near the temple and most of them were former troops of Khmer Rouge who were very familiar with the border surroundings and environment.
Thai armed forces consequently had tightened security around the national park.
However, the Commander of the Second Army Region, Lt-Gen Wiboonsak Neeparn, on Tuesday morning claimed that the situation at Preah Vihear had returned to normal, as troops from both sides engaged in more talks and shared a better understanding.
The Thai soldiers will do their best to protect the countrys sovereignty, Lt-Gen Wiboonsak added.
//www.bangkokpost.com/breaking_news/breakingnews.php?id=131405
11.05 หลังจากการประชุมของฝ่ายทหารและฝ่ายการเมือง วันนี้เวลา 14.00 ทั้งสองฝ่ายจะประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดท่าทีครับ
นายกฯถกผบ.เหล่าทัพบ่ายนี้ เขมรยื่นคำขาดถอนทหาร [14 ต.ค. 51 - 10:36]
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าววันนี้ (14 ต.ค.) กรณีรัฐบาลกัมพูชายื่นคำขาดให้ไทยถอนทหารออกจากพื้นที่ทับซ้อนภายในเที่ยงวันนี้ ว่า ยังไม่ทราบรายละเอียดในส่วนของรัฐบาลกัมพูชา แต่เท่าที่รับทราบจาก นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เมื่อคืนที่ผ่านมา ยืนยันว่าไม่มีปัญหาอะไร
"ส่วนของไทยได้เสนอไปว่า ไม่ขัดข้อง หากมีการถอนกำลังทั้งสองฝ่าย เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดบรรยากาศของการเผชิญหน้า แต่ในรายละเอียดคณะกรรมการทั้งสองฝ่ายต้องหารือร่วมกันอีกครั้ง" นายกรัฐมนตรี กล่าวและว่า เวลา 14.00 น.วันเดียวกันนี้ จะเชิญผู้บัญชาการเหล่าทัพ และผู้เกี่ยวข้องเข้าหารือ เพื่อหาแนวทางแก้ปัญหานี้ ขณะนี้เหตุการณ์ตามแนวชายแดนยังเป็นปกติ
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ก่อนหน้านี้ เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก เรียกประชุมด่วนนายทหารฝ่ายเสนาธิการ ที่กองบัญชาการกองทัพบก เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว //www.thairath.co.th/online.php?section=newsthairathonline&content=107644
11.30 นายกรัฐมนตรียืนยันที่จะไม่ถอนทหารตามคำขู่ของกัมพูชาครับ คำพูดที่ว่า ถ้าถอนต้องถอนด้วยกัน ไทยจะไม่ถอนอยู่ฝ่ายเดียว ไม่งั้นก็ไม่ต้องถอนเลย ถือเป็นการพูดทางการฑูตที่ดีครับ
Somchai says Thailand cannot pull out troops now
Prime Minister Somchai Wongsawat said Tuesday that Thailand could not pull out troops from the disputed border area near Preah Vihear temple as demanded by Cambodian Prime Minister Hunsen now.
Somchai said the joint committee of the two countries needed to reach an agreement on how to carry out the pullout first before it could be done.
Hunsen threatened to go for a full war if Thailand did not pull out the troops from the disputed border by noon Tuesday.
Somchai said the armed forces' commanders were discussing the issue and he would summon all agencies concerned to consult on the matter at 2 pm.
//www.nationmultimedia.com/breakingnews/read.php?newsid=30085994
12.30 ปาหี่ครับ อย่างที่บอกไปตั้งแต่เมื่อวานครับ ผมสังหรใจว่ามันเป็นแค่เกมส์เท่านั้น .... ซึ่งถ้าข่าวนี้เป็นจริงก็อาจจะเป็นไปได้ว่า
1. ฮุนเซนคิดผิด .... เพราะฮุนเซนคาดว่าไทยคงจะวุ่นวายจนไม่สามารถมาจัดการปัญหาได้ แต่กลับกลายเป็นว่าไทยสามารถเสริมกำลังประชิดชายแดนได้ ทำให้ต้องถอนตัว
2. ฮุนเซนตั้งใจไว้อยู่แล้ว .... โดยออกข่าวว่าทหารไทยรุกล้ำดินแดน (ทั้ง ๆ ที่ทหารไทยก็ยังอยู่ที่เดิม) และพอใกล้ถึงเวลาก็ออกมาพูดว่าทหารไทยออกไปแล้วและสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ (ทั้ง ๆ ที่ไทยเสริมกำลังประชิดชายแดนเพื่อตอบโต้คำขู่) เล่นเกมส์จิตวิทยาให้ปั่นป่วนเข้าทางกัมพูชา
เพราะอย่างที่ผมบอกไปตั้งแต่เมื่อวานครับ ฮุนเซนมีท่าทีแข็งกร้าวจนผิดปกติหลังจากการประชุมเมื่อวาน ซึ่งแตกต่างจากท่าทีของฝ่ายการเมืองและทหารของไทยที่ออกมาบอกว่าสถานการณ์ดีขึ้นเป็นลำดับ ........ นี่อาจจะเป็นเพียงแค่เกมส์เกมส์หนึ่งก็ได้
ซึ่งไม่ว่าอย่างไรก็ตามทั้งข้อ 1 และข้อ 2 .... ครั้งนี้ไทยต้องตอบโต้แล้วครับ เพราะการเล่นเกมส์ตามอำเภอใจเพื่อหวังผลทางการเมืองในประเทศของตนโดยไม่สนว่าคนอื่นจะเป็นอย่างไรนั้นเป็นสิ่งที่ขัดขวางสันติภาพของภูมิภาค .... ซึ่งคงต้องรอผลการประชุมที่จะมีขึ้นตอน 14.00 น. วันนี้ก่อนว่าไทยจะมีท่าทีหรือการตอบโต้อย่างไร แต่ว่าอย่างน้อยที่สุดท้ายควรออกแถลงการณ์แสดงความไม่สบายใจและเตือนพฤติกรรมของกัมพูชาที่ผ่านมาว่าไม่เป็นผลดีต่อการแก้ปัญหาใด ๆ รวมถึงอาจจะต้องคงกำลังทหารในพื้นที่ไว้ก่อนเพื่อสร้างแรงกดดันเพิ่มขึ้นครับ
ตอนนี้ update แค่นี้ครับ รอฟังผลการประชุมของไทยครับ
กัมพูชาเผยทหารไทยถอนกำลังจากพื้นที่พิพาทบริเวณชายแดนแล้ว 12:17 น.
พลเอกเชีย มอน ของกัมพูชาเปิดเผย ทหารไทยได้ถอนกำลังออกจากพื้นที่พิพาทบริเวณชายแดนติดกับกัมพูชาแล้วในวันนี้ ก่อนถึงกำหนดเส้นตาย 12.00 น.ที่กัมพูชากำหนดไว้
"พวกเขาได้ถอนกำลังออกไปจากดินแดนของเราแล้ว" พลเอกเชีย มอนกล่าวกับ"รอยเตอร์"ทางโทรศัพท์จากบริเวณปราสาทเขาพระวิหาร
"ดูเหมือนว่าสถานการณ์ได้กลับคืนสู่ภาวะปกติแล้ว" เขากล่าว //breakingnews.nationchannel.com/read.php?newsid=344174&lang=T&cat=
14.45 สรุปในเบื้องต้น
- กองทัพไม่ถอนทหาร - พร้อมรับมือหากัมพูชาโจมตี - แต่จะไม่เปิดฉากเริ่มการสู้รบก่อน - รัฐบาลยืนยันไม่ถอนทหาร ยืนยันว่าไทยลาดตระเวนมาแล้ว 30 ปี - ส่งหนังสือชี้แจงฑูตประจำประเทศไทยและสหประชาชาติ - กระทรวงต่างประเทศอ้างสิทธิของไทยในการป้องกันตนเอง - ประหลาดใจกับท่าทีของกัมพูชา
โหย ........ อยากกอดผู้เกี่ยวข้องจริง ๆ ครับ ^ ^
แหม เฮงจริง เราแทงหวยถูกหลายตัว เอิ๊ก ๆ ๆ ๆ
กองทัพไม่ถอนทหาร-พร้อมรบ
วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551 โฆษกทบ.แถลงไม่ถอนทหารพ้นชายแดนไทย-กัมพูชาในพื้นที่พิพาท และพร้อมรบหากถูกรุกราน
พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเหนิด โฆษกกองทัพบก แถลงหลังการประชุมผบ.เหล่าทัพ กรณีสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ออกมายื่นคำขาดให้ทหารไทยถอนกำลังออกจากพื้นที่ลาดตระเวนใกล้ปราสาทพระวิหาร ว่า กองทัพมีมติไม่ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่พิพาท และพร้อมเผชิญหน้ากับกองทัพของกัมพูชา หากถูกรุกรานพื้นที่ก่อน วันนี้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ( ผบ.ทบ. ) ได้เชิญผู้บัญชาการเหล่าทัพต่าง ๆ เข้าร่วมประชุมหารือ ณ กองบัญชาการกองทัพบก ประกอบด้วย พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เพื่อหารือเรื่องดังกล่าว
ด้าน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ยืนยันทหารไทยไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในเขตแดนของกัมพูชา และจะไม่ให้ฝ่ายใดรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ แต่ก็จะไม่เป็นฝ่ายเปิดฉากใช้กำลังโจมตีใครก่อน ตนรู้สึกตกใจต่อท่าทีของนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวทหารไทยได้เข้าไปดูแลเป็นเวลา 20-30 ปีแล้ว แม้ตัวปราสาทเขาพระวิหารจะเป็นของกัมพูชา แต่พื้นที่โดยรอบยังเป็นดินแดนของไทย และกระทรวงการต่างประเทศได้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะทูตานุทูตที่ประจำประเทศไทย และสหประชาชาติแล้ว
พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ปัญหาชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ในขณะนี้ยังไม่มีปัญหาอะไรรุนแรง ยังคงมีความสัมพันธ์อันดีตามแนวนโยบาย โดยเฉพาะในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 ในกองกำลังบูรพา ที่ดูแลเขตจังหวัดสระแก้ว ซึ่งหากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ทหารก็มีความพร้อมเตรียมการเรื่องของกองกำลังไว้ป้องกันอยู่แล้ว
นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า รู้สึกประหลาดใจกับถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพราะขัดต่อท่าทีกับการแก้ไขปัญหา ในดับทวิภาคี โดยใช้แนวทางสันติ ซึ่งมีการระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ หากฝ่ายกัมพูชาใช้กำลังในการแก้ปัญหาตามที่ได้มีการยื่นคำขาดไว้ ฝ่ายไทยก็จำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิ์ในการป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติเพื่อปกป้องอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย
//www.posttoday.com/pantamit.php?id=12232
18.45 แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศและผลการประชุมร่วมระหว่างรัฐบาลและผู้นำเหล่าทัพครับ ถ้าลองสังเกตุจากแถลงการณ์จะเห็นได้ว่าไทยกล่าวแสดงจุดยืนอย่างระมัดระวังมากทีเดียว เช่นไทยยึดหลักสันติวิธี สงวนสิทธิที่จะป้องกันตนเอง และจะไม่รุนรานกัมพูชาก่อน เพื่อที่ว่าถ้าเกิดสงครามไทยจะได้ความชอบธรรมในเวทีนานาชาติครับ เพราะกัมพูชาจะถูกมองในฐานะผู้รุนรานเนื่องจากออกมาประกาศก่อนแล้วว่าอาจจะทำสงครามกับไทย
งานนี้ผู้เกี่ยวข้องตอบโต้อย่างรวดเร็ว ขอแสดงความชื่นชมครับ ^ ^
แถลงการณ์ของกระทรวงการต่างประเทศ
มื่อวันที่ 14 ตุลาคม 51 นายธฤต จรุงวัฒน์ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศตอบคำถามสื่อมวลชนเกี่ยวกับถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา
October 14, 2008
นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ได้ตอบคำถามของผู้สื่อข่าวต่อถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2551 ว่า ประเทศไทยรู้สึกประหลาดใจที่นายกรัฐมนตรีกัมพูชาได้ยื่นคำขาดต่อประเทศไทยให้ถอนกำลังทหารของไทยออกจากดินแดนที่ติดกับปราสาทพระวิหารและขู่จะใช้กำลังหากไม่ดำเนินการ ซึ่งสิ่งนี้ถือว่าสวนทางกับการอยู่ร่วมกันฉันเพื่อนบ้านที่ดี และขัดต่อสนธิสัญญาไมตรีและความร่วมมือในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งระหว่างประเทศสมาชิกอาเซียนด้วยกัน นอกจากนี้ ยังขัดกับแนวทางสากลในการแก้ปัญหาในระดับทวิภาคีโดยใช้แนวทางสันติ ซึ่งระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ
ประเทศไทยได้พยายามอย่างต่อเนื่องที่จะแก้ไขปัญหาเขตแดนกับกัมพูชาโดยสันติวิธี ผ่านกลไกการเจรจาทวิภาคี ซึ่งที่ผ่านมาก็มีความคืบหน้าที่น่าพอใจ ในการนี้ ทหารของทั้งสองฝ่ายยังได้ตกลงที่จะจัดการประชุมสมัยพิเศษของคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคในวันที่ 21 ตุลาคม 2551 โดยก่อนหน้านั้น จะมีการประชุม ฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาคในวันที่ 15 ตุลาคม 2551 ด้วย
ในระหว่างนี้ ประเทศไทยมีความจำเป็นต้องดำเนินการเก็บกู้กับระเบิดตามพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิด (อนุสัญญาออตตาวา) ในพื้นที่ที่ติดกับปราสาทพระวิหาร ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายจะสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนโดยคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา ซึ่งตั้งขึ้นตามบันทึกความเข้าใจที่ลงนามกันระหว่างสองประเทศเมื่อปี 2543 การเก็บกู้กับระเบิดในบริเวณดังกล่าวเป็นเรื่องจำเป็นและมีความเร่งด่วนเพื่อที่จะประกันความปลอดภัยให้กับประชาชนและเจ้าหน้าที่ทหารที่สัญจรในพื้นที่ดังกล่าว และความจำเป็นเร่งด่วนของเรื่องนี้ยิ่งเห็นได้ชัดหลังจากที่ทหารพรานของไทยสองนายได้รับบาดเจ็บขาขาดจากการเหยียบกับระเบิดในบริเวณนั้นเมื่อวันที่ 6 ตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา ซึ่งอยู่ในดินแดนของไทยตามสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1904 ฝ่ายไทยกำลังตรวจสอบและพิสูจน์ข้อเท็จจริงว่า กับระเบิดในพื้นที่ดังกล่าวเป็นกับระเบิดที่มีอยู่เดิมหรือวางขึ้นใหม่เมื่อเร็วๆ นี้ซึ่งขัดต่ออนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิด
หากฝ่ายกัมพูชาหันไปใช้กำลังในการแก้ปัญหาตามที่ได้มีการยื่นคำขาด ฝ่ายไทยก็จำเป็นที่จะต้องใช้ สิทธิในการป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติ เพื่อปกป้องบุคลากรที่ทำการเก็บกู้กับระเบิดและอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย
ประเทศไทยได้เรียกร้องมาโดยตลอดและยังคงยืนยันที่จะแก้ปัญหาเขตแดนกับกัมพูชาโดยสันติวิธีผ่านช่องทางการหารือในระดับทวิภาคีภายใต้กรอบและกลไกต่างๆ ที่มีอยู่แล้ว ทั้งนี้ ตามที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของไทยและกัมพูชาได้ตกลงกันในการประชุมที่เมืองเสียมราฐและ อ.ชะอำ เ มื่อวันที่ 28 กรกฎาคม และ 19 สิงหาคม ตามลำดับ ทั้งสองฝ่ายได้ยืนยันความมุ่งมั่นที่จะใช้ความยับยั้งชั่งใจอย่างถึงที่สุด เพื่อหลีกเลี่ยงโอกาสที่จะมีการเผชิญหน้าด้วยกำลังอาวุธ ซึ่งเรื่องนี้ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ย้ำกับฝ่ายกัมพูชาในระหว่างการเยือนกัมพูชา เมื่อวันที่ 13 ตุลาคม 2551 ด้วย ไทยได้ยึดตามความมุ่งมั่นดังกล่าวนี้อย่างเคร่งครัดและหวังว่า กัมพูชาจะทำเช่นเดียวกัน //www.mfa.go.th/web/2662.php?id=26869
ยึดสันติ-ไม่รุกราน วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2551 16:39
นายกฯ แถลงหลังประชุมร่วมผบ.เหล่าทัพ ยันไทยไม่รุกรานกัมพูชา ยึดหลักการเจรจา สันติวิธีแก้ปัญหาชายแดน
นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม แถลงหลังการประชุมร่วมกับ ผบ.เหล่าทัพ ที่ท่าอากายานดอนเมืองว่า ประเทศไทยยืนยันจะไม่บุกรุกหรือรุกรานชายแดนของประเทศกัมพูชาเพื่อนบ้าน แต่จะอยู่ในที่ตั้งภายในเขตพื้นที่ประเทศ เพื่อรักษาดินแดนของตัวเอง ส่วนปัญหากระทบกระทั่งตามแนวชายแดน จะยึดหลักการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งด้วยสันติวิธี โดยจะไม่เป็นฝ่ายเปิดฉากใช้กำลังหรืออาวุธก่อนโดยเด็ดขาด พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเหนิด โฆษกกองทัพบก แถลงหลังการประชุมผบ.เหล่าทัพ กรณีสมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ออกมายื่นคำขาดให้ทหารไทยถอนกำลังออกจากพื้นที่ลาดตระเวนใกล้ปราสาทพระวิหาร ว่า กองทัพมีมติไม่ถอนกำลังทหารออกจากพื้นที่พิพาท และพร้อมเผชิญหน้ากับกองทัพของกัมพูชา หากถูกรุกรานพื้นที่ก่อน วันนี้พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก ( ผบ.ทบ. ) ได้เชิญผู้บัญชาการเหล่าทัพต่าง ๆ เข้าร่วมประชุมหารือ ณ กองบัญชาการกองทัพบก ประกอบด้วย พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ.อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ เพื่อหารือเรื่องดังกล่าว ด้าน นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ต่างประเทศ ยืนยันทหารไทยไม่ได้รุกล้ำเข้าไปในเขตแดนของกัมพูชา และจะไม่ให้ฝ่ายใดรุกล้ำเข้ามาในพื้นที่ แต่ก็จะไม่เป็นฝ่ายเปิดฉากใช้กำลังโจมตีใครก่อน ตนรู้สึกตกใจต่อท่าทีของนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา เนื่องจากพื้นที่ดังกล่าวทหารไทยได้เข้าไปดูแลเป็นเวลา 20-30 ปีแล้ว แม้ตัวปราสาทเขาพระวิหารจะเป็นของกัมพูชา แต่พื้นที่โดยรอบยังเป็นดินแดนของไทย และกระทรวงการต่างประเทศได้ทำหนังสือชี้แจงข้อเท็จจริงต่อคณะทูตานุทูตที่ประจำประเทศไทย และสหประชาชาติแล้ว
พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 กล่าวว่า ปัญหาชายแดนระหว่างไทย-กัมพูชา ในขณะนี้ยังไม่มีปัญหาอะไรรุนแรง ยังคงมีความสัมพันธ์อันดีตามแนวนโยบาย โดยเฉพาะในพื้นที่ของกองทัพภาคที่ 1 ในกองกำลังบูรพา ที่ดูแลเขตจังหวัดสระแก้ว ซึ่งหากมีเหตุการณ์รุนแรงเกิดขึ้น ทหารก็มีความพร้อมเตรียมการเรื่องของกองกำลังไว้ป้องกันอยู่แล้ว
นายธฤต จรุงวัฒน์ อธิบดีกรมสารนิเทศ ในฐานะโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ระบุว่า รู้สึกประหลาดใจกับถ้อยแถลงของนายกรัฐมนตรีกัมพูชา เพราะขัดต่อท่าทีกับการแก้ไขปัญหา ในดับทวิภาคี โดยใช้แนวทางสันติ ซึ่งมีการระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ หากฝ่ายกัมพูชาใช้กำลังในการแก้ปัญหาตามที่ได้มีการยื่นคำขาดไว้ ฝ่ายไทยก็จำเป็นที่จะต้องใช้สิทธิ์ในการป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติเพื่อปกป้องอธิปไตย และบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย
//www.posttoday.com/news.php?id=12232
Create Date : 13 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 14 ตุลาคม 2551 18:50:54 น. |
|
41 comments
|
Counter : 1982 Pageviews. |
|
|
|
โดย: picmee วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:23:24:29 น. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:23:41:35 น. |
|
|
|
โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:23:46:12 น. |
|
|
|
โดย: A49 GTR34 วันที่: 13 ตุลาคม 2551 เวลา:23:57:06 น. |
|
|
|
โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:7:24:14 น. |
|
|
|
โดย: น้องผิง วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:10:39:13 น. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:10:47:03 น. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:12:09:29 น. |
|
|
|
โดย: ซอมพอแสด วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:12:12:41 น. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:12:18:50 น. |
|
|
|
โดย: ซอมพอแสด วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:12:32:03 น. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:12:40:49 น. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:12:56:44 น. |
|
|
|
โดย: ซอมพอแสด วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:13:17:58 น. |
|
|
|
โดย: A49 GTR34 วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:14:12:14 น. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:14:18:52 น. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:14:21:59 น. |
|
|
|
โดย: AiArmTu วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:14:30:26 น. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:14:50:45 น. |
|
|
|
โดย: น้องผิง วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:14:54:04 น. |
|
|
|
โดย: A49 GTR34 วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:15:15:21 น. |
|
|
|
โดย: kickaflow วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:15:54:57 น. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:20:36:15 น. |
|
|
|
โดย: AiArmTu วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:20:43:10 น. |
|
|
|
โดย: AiArmTu วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:20:44:43 น. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:22:04:35 น. |
|
|
|
โดย: Jump.Jr วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:3:07:20 น. |
|
|
|
โดย: Skyman (Analayo ) วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:8:04:13 น. |
|
|
|
โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:8:27:18 น. |
|
|
|
โดย: ก๋าคุง (กะว่าก๋า ) วันที่: 15 ตุลาคม 2551 เวลา:9:09:06 น. |
|
|
|
|
|
|
@ จ่อยน้องลิง @
@ จ่อยหัวหอม @
|
|
|
|
|
|
|