จับตาการปะทะครั้งล่าสุดระหว่างไทย-กัมพูชา เม.ย. 52
แย่ครับ ไม่คิดเลยว่าจะต้องขุดซีรี่ย์นี้มาเขียนอีก
ครั้งนี้เป็นครั้งที่สองที่เกิดการปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชาในบริเวณเขาพระวิหาร หลังจากเกิดการปะทะกันเมื่อเดือนตุลาคม 2551 ทำให้ปัญหานี้ ดูแล้ว
. ยังไม่จบ
แม้ว่าจะมีการเจรจาในกรอบการเจรจาหลาย ๆ กรอบ เช่นคณะกรรมการชายแดนไทยกัมพูชา ไปจนถึงการเจรจาในระดับรัฐมนตรีและระดับผู้นำ
นึกว่าความรุนแรงจะจบแล้ว ที่ไหนได้ กลับมีการปะทะกันอีก
ผมคงไม่ขอวิจารณ์กรณีรัฐมนตรีต่างประเทศของไทยกล่าวหาสมเด็จฮุนเซน จนฮุนเซนออกมาตอบโต้ครับ เนื่องจากผมไม่มีขอมูลเพียงพอ และก็ไม่ได้ฟังจากหู คงไม่อยากจะไปโทษท่านรัฐมนตรีต่างประเทศ นาย กษิต ภิรม ว่าเป็นต้นเหตุหรืออะไรครับ เพราะผมไม่อยากพูดอะไร ก่อนที่จะมีข้อมูลที่เชื่อถือได้และอ่านมากับตัว
และก็ไม่อยากให้มีใครเอาการเมืองไทย ซึ่งมีสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำสองสี (คือสีเหลืองและสีแดง) เข้ามายุ่งเกี่ยวกับบล็อกนี้
ดังนั้น ถ้าท่านรู้ตัวว่าจะมาพูดเรื่องการเมือง ไม่ว่าสีอะไร ขอจงรู้ว่าท่านกำลังกลายเป็นสิ่งมีชีวิตชั้นต่ำ กรุณาปิดบล็อกนี้ไปนะครับ
วันศุกร์ผมยังไปเชงเม้งอยู่เลยครับ ไม่รู้เรื่องอะไรเลย ตอนนี้พอจะปะติดปะต่อได้แล้ว เลยขอมาเขียนเสียหน่อยครับ
การปะทะเกิดขึ้นสามครั้ง ทหารไทยเสียชีวิตในพื้นที่การรบหนึ่งนาย เสียชีวิตขณนำส่งโรงพยาบาลหนึ่งนาย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาลอีกหนึ่งนาย รวมแล้วมีทหารไทยเสียชีวิตสามนาย บาดเจ็บสิบสองนาย ฝ่ายกัมพูชา ณ ตอนนี้ทราบว่าเสียชีวิตสองนาย บาดเจ็บหกนาย พื้นที่การรบเสียหาย โดยเฉพาะตลาดกัมพูชาบริเวณตีนเขาพระวิหารที่เสียหายทั้งหมด (ที่ตลาดเสียหายน่าเป็นเรื่องดี เพราะจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปไล่รื้ออีก)
มีรายงานว่างานนี้กัมพูชาใช้อาวุธหนักเข้าต่อสู้กับชุดลาดตระเวนของไทยที่มีแต่อาวุธเบาเลย ซึ่งรายงานตรงนี้ เป็นการแถลงการณ์ของโฆษกรัฐบาลกัมพูชาเองเลยครับ
ต่างจากครั้งที่แล้วที่มีแต่การปะทะขนาดเบา น่าจะเป็นเหตุผลที่ทำให้ฝ่ายไทยมีผู้เสียชีวิตถึงสามนาย
ดังนั้น ณ ที่นี้ ผมก็ขอแสดงความไว้อาลัยให้กับทหารไทยทั้งสามนายที่เสียชีวิตด้วยครับ ขอบคุณที่ท่านได้สละแม้แต่ชีวิตเพื่อปกป้องประเทศไทย
เมื่อมองในบริบทของสถานการณ์โดยรวม การปะทะครั้งล่าสุดในครั้งนี้ มีความแตกต่างจากการปะทะครั้งที่แล้วหลายอย่าง
เรื่องที่ว่ารัฐมนตรีต่างประเทศของไทยเป็นต้นเหตุหรือไม่นั้น ผมไม่แน่ใจ แต่การปะทะเกิดขึ้นหลังจากทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาด ซึ่งเหมือนกับเมื่อเดือนตุลาคม 2551 ที่ผ่านมา
แต่เมื่อดูปฏิกิริยาของทางฝ่ายกัมพูชา จะพบว่ามีความแตกต่างจากที่ผ่าน ๆ มาก็คือ ภายหลังการปะทะ สมเด็จฮุนเซ็น นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ก็ให้สัมภาษณ์ว่า ทั้งสองประเทศเป็นเพื่อนบ้านกัน วันนี้ทะเลาะกัน พรุ่งนี้ก็ดีกันได้ และก็จะพยายามเจรจาให้เรื่องราวยุติ ไม่เหมือนเมื่อครั้งกรณีนี้เริ่มต้น และเมื่อการปะทะเกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว ที่ฝ่ายกัมพูชาออกมาขีดเส้นตายและประกาศจะเปิดการรบครับ นั่นก็คือว่า ท่าทีอ่อนลงไปพอสมควร
จำได้ไหมครับ การปะทะครั้งที่แล้ว ทางการไทยเก็บกู้กับระเบิดแบบ PMN-2 ได้ และไทยก็กล่าวหากัมพูชาว่า เป็นผู้ฝังกับระเบิดนี้ในบริเวณที่เกิดเหตุ ซึ่งไทยจัดแถลงข่าวชี้แจงกับต่างชาติ พร้อมกับนำเรื่องนี้เข้าหารือในที่ประชุมของประเทศที่เข้าร่วมในอนุสัญญาอ็อตตาว่าว่าด้วยระเบิดสังหารบุคคล ณ ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ ข่าวที่ออกมาระบุว่า เมื่อไทยเริ่มเสนอเรื่องนี้ ทางฝ่ายกัมพูชาก็ตอบโต้อย่างรุนแรง แต่เมื่อการประชุมดำเนินต่อไป ท่าทีของฝ่ายกัมพูชาก็ลดความรุนแรงลงไปมาก จนเกิดมีความพยายามร่วมกันที่จะเก็บกู้วัตถุระเบิดให้หมดจากพื้นที่ และหลังจากนั้นก็มีการเจรจาหลายกรอบเกี่ยวกับกรณีการวางกำลัง ซึ่งการเจรจาก็ไม่ได้รุนแรงมากเท่ากับเมื่อครั้งก่อน คือสามารถพูดคุยกันได้อย่างนุ่มนวลพอควร
ผมเคยเขียนไปแล้วว่า กับระเบิดลูกเล็ก ๆ ของกัมพูชานี่แหละ น่าจะเป็นอาวุธสำคัญของไทยที่จะใช้ในการฑูตเชิงรุกได้ หลังจากที่เราจำเป็นต้องใช้การฑูตเชิงรับมาเมื่อเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นใหม่ ๆ เนื่องจากเราไม่ต้องการให้เรื่องนี้เข้าสู่สหประชาชาติอันอาจนำมาซึ่งการแทรกแทรงของประเทศที่สามซึ่งเป็นสิ่งที่กัมพูชาต้องการ เมื่อการปะทะในเดือรตุลาคม มีหลายอย่างที่กัมพูชาเดินเกมส์ผิดพลาด และก็สามารถเป็นจังหวะของเราในการเดินเกมส์การฑูตเชิงรุกได้ และเราก็ทำสำเร็จไปค่อนข้างมาก
เห็นไหมครับ ผมเรียนทุกท่านไปแล้วว่า ไม่ว่ายังไงก็ตาม ห้ามเราทำสงครามเด็ดขาด แลต้องตั้งรับจนเมื่อเราได้เปรียบค่อยรุก ไม่ใช่รุกเลยเพื่อความสะใจ ซึ่งก็น่าดีใจที่รัฐบาลทุกรัฐบาลตั้งแต่รัฐบาลของนายสมัคร สุทรเวช นายสมชาย วงสวัสดิ์ จนถึงรัฐบาลของนายอภิสิทธิ์ เวชาชีวะ ได้ใช้ความอดทนมาตลอด และดำเนินเกมส์การฑูตได้อย่างน่าชื่นชมครับ ผมคนนอกที่จับตาอยู่ ขอชื่นชมด้วยจริง ๆ ครับ
ครั้งนี้ เท่าที่จับข่าวทั้งที่อ่านจากหนังสือพิมพ์ไทยและกัมพูชา ครั้งนี้กัมพูชาไม่ค่อยพูดซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ ว่าไทยรุกล้ำอธิปไตยเหมือนครั้งก่อน ๆ แล้วครับ ยังมีคำพูดอื่นที่ดูอ่อนลงไปอีก แล้วก็มีการแถลงว่ากับระเบิดนั้นเป็นกับระเบิดที่มาจากสมัยสงครามกลางเมือง เหมือนต้องการเลี่ยงประเด็นตั้งแต่ต้นไปเลยว่ากัมพูชาไม่ได้เป็นผู้ฝังกับระเบิด
ซึ่งถ้าครั้งนี้เราพิสูจน์ได้อีกว่า กับระเบิดที่วางใหม่เป็นของกัมพูชา เราก็ยิ่งจะได้เปรียบครับ
ยังไงก็ต้องรอดูกันต่อไปว่า กัมพูชาจะพยายามนำเรื่องนี้เข้าสู่ระดับนานาชาติเพื่อให้ประเทศที่สามเหมือนเดิมหรือไม่ แต่เท่าที่ดูแล้ว ณ เวลานี้ ยังไม่เห็นความพยายามนั้น
แต่ว่าก็มีความสงสัยจากหลายท่านว่า ทำไมแต่ละครั้ง กัมพูชามักจะออกข่าวก่อนเสมอ และดูเหมือนจะช่วงชิงความได้เปรียบในการใช้สื่อทุกครั้ง?
ในกรณีนี้ ต้องบอกว่าเป็นความสามารถในการใช้สื่อที่ต้องยอมรับของทางฝ่ายกัมพูชาด้วยครับ
แต่ในอีกแง่หนึ่ง มันก็สามารถอธิบายได้ด้วยการมองการเมืองของกัมพูชาเอง
ผมสังเกตุเอาเองส่วนตัวว่า ข่าวแทบทุกข่าวที่ออกมา จะออกมาจากฝั่งกัมพูชาตลอด เกิดโน่นเกิดนี่ ทหารล้ำแดน หรือยิงกัน อะไรก็ว่ากันไปครับ แล้วกัมพูชาจะออกมาขีดเส้นตายหรือกำหนดเวลาอะไรสักอย่าง ซึ่งสุดท้ายกัมพูชาจะแถลงก่อนเส้นตายจะมาถึงว่าทหารไทยยอมถอยแล้ว ยอมหยุดแล้ว ยอมถอนกำลังแล้ว ในเวลาไล่เลี่ยกันกับที่ทางการไทยออกมาแถลงว่า เราไม่รู้เรื่องอะไรเลย และปฏิเสธรายงานนั้น
ตรงนี้ ผมว่ามันเป็นสไตล์การเมืองภายในของกัมพูชาเองที่มาใช้กับการเมืองระดับประเทศและการเมืองระหว่างประเทศครับ การเล่นกับข่าวเพื่อสร้างกระแสในประเทศจะสร้างคะแนนนิยมให้กับรัฐบาลกัมพูชาของสมเด็จฮุนเซนได้ ลองคิดดูว่า ถ้าเขาออกข่าวว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วสามารถพูดว่ารัฐบาลทำให้ไทยถอยออกไปได้ รัฐบาลฮุนเซ็นก็ได้คะแนนนิยมเพิ่มมากขึ้นไปอีก ซึ่งคล้าย ๆ กับกรณีเผาสถานฑูตไทยที่เริ่มจากข่าวปล่อยเพื่อหาคะแนนนิยมกันจนเรื่องบานปลายครับ
ดังนั้น ถ้าเราจับจังหวะได้ดี แล้วแถลงแก้ได้ถูกจังหวะ ก็ไม่ต้องกังวลมากครับ อีกทั้งเราก็ไม่จำเป็นต้องไปเล่นข่าวก่อนแบบเขา ยกเว้นการเล่นข่าวสไตล์นางงาม คือรักสันติ พร้อมเจรจา อะไรก็ว่าไป
ฮุนเซ็นเสียรังวัดไปมากตอนปะทะกับไทยครั้งแรกเมื่อเดือนต.ค.ปีที่แล้ว เพราะฮุนเซ็นประกาศขีดเส้นตายให้ไทยถอนกำลัง พร้อมกับประกาศว่าถ้าไทยไม่ยอมจะเปิดสงครามกับไทย ทั้ง ๆ ที่ปกติแล้วฮุนเซ็นจะต้องให้กัมพูชาเล่นบทถูกรังแกโดยตลอด ยิ่งตอนนั้นมีเรื่องกับระเบิดที่เจอว่าวางใหม่อีก ยิ่งตอนนั้นฮุนเซ็นทำอะไรพลาดเยอะ ผมว่าฮุนเซนแย่เยอะเหมือนกันครับ เนื่องจากกัมพูชาใช้เวทีในระดับนานาชาติลำบากแล้ว
ซึ่งน่าจะทำให้หลัง ๆ ฮุนเซ็นปรับเกมส์ คือไม่เล่นบทถูกรังแกอย่างเดียว แต่เล่นบทโหดบ้าง เช่นบอกว่าอย่ามายุ่ง ถ้าเข้ามาเราจะต่อสู้ อะไรก็ว่าไปครับ คงจะพยายามเปลี่ยนแนวไปเป็นการสร้างอารมณ์ร่วมของชาวกัมพูชา และสร้างความชอบธรรมในการ "ปกป้อง" พื้นที่ทับซ้อนที่เขาอ้างสิทธิ์ด้วย
ไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ ในรอบนี้ผมก็หวังว่าเหตุการณ์จะไปบานปลายไปอีก และสุดท้ายทั้งสองฝ่ายจะหาทางออกร่วมกันได้ครับ
ณ ตอนนี้ยังไม่มีอะไรเพิ่มเติม และก็หวังว่าจะไม่มีอะไรร้ายแรงอีกครับ สงครามไม่เคยให้คุณกับใครครับ
อ่านเพิ่มเติม
"จับตาข่าวการเสริมกำลังประชิดชายแดนของไทยและกัมพูชา"
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=19-07-2008&group=2&gblog=84
"จับตากรณีข้อพิพาษพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชาหลังการประชุม GBC"
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=22-07-2008&group=2&gblog=85
"จับตากรณีการหาตัวกลางของกัมพูชาในพื้นที่พิพาทริมเขาพระวิหาร"
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=23-07-2008&group=2&gblog=86
"จับตาการเลื่อนเสนอญัตติของกัมพูชาเข้าสู่คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ"
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=24-07-2008&group=2&gblog=87
"จับตาการขีดเส้นตายต่อไทยของกัมพูชา"
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=13-10-2008&group=2&gblog=101
"จับตาแผนจักรีภูวดลและแผนสุรนารี กองทัพไทยเตรียมรับมือกัมพูชา!"
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=15-10-2008&group=2&gblog=103
"จับตาเกมส์การฑูตวันนี้+กัมพูชาอาจซื้อเครื่องบินขับไล่ใหม่"
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=17-10-2008&group=2&gblog=104
"แสนยานุภาพกองทัพกัมพูชา"
//www.bloggang.com/mainblog.php?id=skyman&month=11-07-2008&group=3&gblog=109
อ้างอิง
ไทย-เขมรระอุ!เสียงปืนดังขึ้น 3 นัด
วันเสาร์ที่ 4 เมษายน พ.ศ. 2552 13:09
ไทย-กัมพูชาระอุอีก หลังพบลูกปืนค.ตกถูกยิงจากพระวิหารตกกลางไร่มัน จากนั้นเกิดเสียงปืนดังขึ้นอีก 3 นัด ทางการเตรียมพร้อมอพยพชาวบ้าน
เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา พ.ต.ต.เปรียว ทองแก้ว สารวัตรป้องกันปราบปราม สภ.บึงมะลู อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่า มีลูกปืน ค.ถูกยิงมาจากเขาพระวิหาร ตกลงที่ทางทิศใต้ของบ้านโนนเจริญ ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จึงได้รายงานให้ พ.ต.ท.ทิพย์พงษ์ ทิพเกษร สวญ.สภ.บึงมะลูทราบ และประสานงานให้ ร.อ.ธวัช บุญเหมาะ ผู้บังคับหมวดหน่วยตรวจค้นและทำลายทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมที่ 3 ไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ
พบนายปิยะวิทย์ บัวจันทร์ อายุ 26 ปี อยู่บ้านเลขที่ 121/1 หมู่ 3 ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ยืนรอเจ้าหน้าที่อยู่ และได้พาไปบริเวณที่ลูกปืนตกอยู่กลางไร่มัน ห่างจากภูมะเขือ ประมาณ 3 กิโลเมตร ฝังอยู่ในดินลึกประมาณ 50 เซนติเมตร นอกจากนี้ ยังพบเศษระเบิดความยาวประมาณ 8 นิ้ว และบางส่วนก็เป็นแผ่นโค้งแยกจำนวนมาก จากการตรวจสอบเบื้องต้นทราบว่า เป็นลูกปืน ค.82 จึงเก็บเศษระเบิดไป เพื่อเป็นหลักฐานและตรวจสอบต่อไป
ร.อ.ธวัช กล่าวว่า คาดว่าเป็นลูกปืน ค. 82 ถูกยิงจากเขาพระวิหาร ที่กำลังมีการสู้รบระหว่างทหารไทยและกัมพูชา
เมื่อเวลา 11.30 น.ได้มีเสียงระเบิดดังขึ้นจำนวน 3 นัดโดยถูกยิงมาจากช่องบันไดหัก บริเวณปราสาทเขาพระวิหาร ฝั่งกัมพูชา ซึ่งขณะนี้ทางทหารไทยได้ปิดบริเวณทางขึ้นเขาพระวิหาร เพื่อไม่ให้สื่อมวลชนเข้าไปรายงานสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะเกรงว่าจะได้รับอันตราย
กองกำลังสุรนารีปัดข่าว 10 ทหารไทย ถูกเขมรควบคุมตัว
พล.ต.กนก เนตระคเวสนะ ผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี กล่าวถึงสถานการณ์บนเขาพระวิหารว่า ขณะนี้คลี่คลายลงแล้ว หลังจากพล.ต.ธวัชชัย สมุทรสาคร รองแม่ทัพภาค 2 ไปเจรจากับทางกัมพูชา โดยทั้งสองฝ่ายเห็นสอดคล้องกันว่า หากต้องมีการลาดตระเวนในพื้นที่ ก็ขอให้กระทำร่วมกัน และเพิ่มความระมัดระวังไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงขึ้นอีก
พล.ต.กนก กล่าวว่า ข่าวที่ระบุว่า ทหารไทย 10 นายถูกทหารกัมพูชาควบคุมตัว หลังปะทะกันนั้น ไม่เป็นความจริง ทั้งนี้ จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า กับระเบิดที่มีการนำมาวางไว้ในพื้นที่และทำให้ทหารไทยขาขาด 1 นายนั้น เป็นระเบิดชนิดแสวงเครื่อง เข้าใจว่าฝ่ายกัมพูชานำมาวางไว้ ตลอดจนกล่าวถึงเหตุปะทะ มาจากการที่ทหารไทยต้องการเข้าไปตรวจสอบกับระเบิดในพื้นที่ และได้รับการขัดขวางจากทหารกัมพูชา จนเกิดการยิงต่อสู้กัน
ฮุนเซน ชี้ปะทะชายแดนไม่ใช่สงคราม
สมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา กล่าวว่า เหตุการณ์ปะทะกันบริเวณชายแดนไทย - กัมพูชา บริเวณเขาพระวิหาร จะไม่บานปลายไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงมากกว่านี้ และมองว่าเหตุการณ์ดังกล่าวไม่ใช่สงคราม
สมเด็จฯ ฮุน เซน กล่าวต่อว่า ตนไม่ต้องการเห็นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรือเห็นการสู้รบขยายไปยังพื้นที่อื่นๆ อย่างไรก็ตาม ไทยและกัมพูชาต่างกล่าวหาว่า อีกฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายลงมือก่อนในการปะทะกัน 2 ครั้งเมื่อวันที่ 3 เมษายนที่ผ่านทา ซึ่งเป็นต้นเหตุของความตึงเครียดมานานหลายทศวรรษ
สุเทพ เตรียมลงพื้นที่ดูสถานการณ์-ร่วมงานศพทหาร
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เหตุยิงปะทะกันระหว่างทหารไทยและกัมพูชา จนส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บทั้งสองฝ่าย บริเวณชายแดนไทยกัมพูชานั้น ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องใด ๆ ทั้งสิ้นกับการสมเด็จฯ ฮุน เซน นายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ออกมาแสดงความไม่พอใจกรณีนายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เพราะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นเรื่องการทำหน้าที่รักษาชายแดน ในเมื่อยังมีการลาดตระเวนของกำลังทหารทั้งสองฝ่าย ก็มีโอกาสล่วงล้ำเข้าไปในพื้นที่ของกันและกัน อย่างไรก็ตาม รัฐบาลพร้อมเปิดการเจรจากับทางฝ่ายกัมพูชา เพื่อหาข้อสรุปเรื่องปัญหาชายแดนต่อไป
นายสุเทพ กล่าวต่อว่า ตนจะเดินทางไปยัง จ.ศรีสะเกษ เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปสถานการณ์ที่เกิดขึ้น จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง รวมทั้ง ไปร่วมทำพิธีรดน้ำศพทหารที่เสียชีวิตด้วย
ทหารตายเพิ่มอีก 1 รวมเป็น 3 ศพ
พล.ต.ธวัชชัย สมุทรสาคร รองแม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึงความคืบหน้าสถานการณ์การปะทะกันระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านปราสาทพระวิหาร อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ว่า ล่าสุดทหารไทยเสียชีวิตเพิ่มอีก 1 นาย ส่งผลให้ยอดรวมทั้งหมด ทหารไทยเสียชีวิตทั้งสิ้น 3 นาย บาดเจ็บ 12 นาย ส่วนทางฝ่ายกัมพูชาเท่าที่ได้รับรายงาน มีทหารเสียชีวิต 2 นาย บาดเจ็บ 6 นาย
เมื่อถามว่า จะมีการเสริมกำลังพลเข้าไปพื้นที่หรือไม่ พล.ต.ธวัชชัย กล่าวว่า ต้องขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของผู้บังคับบัญชา แต่เท่าที่ได้รับรายงานทราบว่า ฝ่ายกัมพูชาได้เสริมกำลังตลอดเวลา อีกทั้งในการปะทะเมื่อวันที่ 3 มีนาคมที่ผ่านมา เป็นที่น่าสังเกตุว่า ทหารกัมพูชาใช้อาวุธหนักยิงปะทะกับฝ่ายทหารไทย ซึ่งผิดกับในการปะทะกันก่อนหน้านี้
"วันนี้ ทางตัวแทนฝ่ายทหารไทยและกัมพูชาจะเปิดการเจรจากันในจุดที่เกิดการปะทะวานนี้ เพื่อหาข้อสรุปเรื่องการปรับกำลังในจุดที่มีปัญหา เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะกันของกองกำลังทั้งสองฝ่ายรวมทั้งฝ่ายทหารไทย จะมีการทำหนังสือประท้วงทหารกัมพูชา ถึงเรื่องที่เกิดขึ้นด้วย" พล.ต.ธวัชชัย กล่าว
เมื่อช่วงเช้าที่หมู่บ้านภูมิซรอล ต.เขาธงชัย อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ซึ่งเป็นหมู่บ้าน ที่อยู่ใกล้เขาพระวิหาร ชาวบ้านยังคงดำเนินชีวิตตามปกติ ไม่ได้มีอาการขวัญเสียจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นขณะเดียวที่ตัวแทนทหารฝ่ายไทย พ.อ.วุฒิ แสงจักร รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี ได้ขึ้นไปบริเวณฐานของหน่วยทหารไทยแล้ว เพื่อเจรจากับทหารฝ่ายกัมพูชาเพิ่มเติม ภายหลังที่วานนี้ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 (มทภ.) ได้ขึ้นไปเจรจา แต่ล่าสุดยังไม่มีผลอะไรออกมา แต่สถานการณ์ยังปกติ ยังไม่มีเหตุความรุนแรงเกิดขึ้นอีก
ในเวลา เวลา 09.00 น. พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ จะลงมาตรวจพื้นที่ บริเวณมีการปะทะกันเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงที่เกิดอีกครั้ง และในช่วงบ่าย พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ จะเดินทางไปยังจังหวัดอุบลราชธานี เพื่อรอตอนรับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) และ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ซึ่งจะเดินทางมาร่วมรับศพทหารที่เสียชีวิต และเยี่ยมกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะที่เกิดขึ้น
//www.posttoday.com/breakingnews.php?id=41000
PREAH VIHEAR
Thailand shuts tourist spots after fatal clashes
By: WASSANA NANUAM, THANIDA TANSUBHAPOL and PRASIT TANGPRASERT
Published: 4/04/2009 at 12:00 AM
Newspaper section: News
Thai authorities have closed indefinitely tourist spots near the Preah Vihear temple as Thai and Cambodian soldiers clashed twice in the vicinity on Friday, leaving two Thai and two Cambodian soldiers dead, and several injured.
Closed are Pha Mor E-Daeng cliff, the Khao Phra Viharn National Park and its gate to the Preah Vihear temple in Si Sa Ket province.
According to Maj Gen Thawatchai Samutsakhon, deputy chief of the Second Army, the clashes followed a landmine explosion that blew off a Thai soldier's leg in Phu Ma Khua area a few kilometres west of Preah Vihear temple.
It lies in an area which both Cambodia and Thailand claims to be its own.
After the explosion, 30 Thai soldiers visited the area Friday morning to clear landmines.
Twenty-three Cambodian soldiers showed up and told the Thais to retreat, claiming it was Cambodian soil.
The Thais resisted, and both sides started to fight about 7am.
The clash lasted five minutes, and killed two Cambodian soldiers and injured nine.
A second round of shooting erupted about 2pm, in an area about two kilometres away.
Maj Gen Thawatchai says he assumes Cambodian troops came in search of revenge.
The second round of the gun battle lasted about half an hour, killed two Thai soldiers, injured seven, and also set ablaze a Cambodian market near the entrance to Preah Vihear temple.
Cambodia has deployed more than 3,000 soldiers at the ancient temple ruins and Thailand had slightly over 2,000 troops on Pha Mor E-Daeng cliff, according to some reports.
At the site of the deadly shooting, Phu Ma Khua, both sides left about 300 soldiers each to confront each other late on Friday.
Defence Minister Gen Prawit Wongsuwon said the morning clash was an accident which could normally result from misunderstandings by low-ranking officers as the forces of both sides were located close to each other.
Army chief Gen Anupong Paojinda said the morning clash resulted from a misunderstanding and officers at the scene would have to work out measures to prevent it from recurring.
Initially, the Foreign Affairs Ministry said it was preparing to take serious action over the clashes but changed its mind in the evening when it acknowledged the incidents were caused by misunderstandings.
Spokesman Tharit Charungvat said army leaders of both sides have arranged to meet and the ministry would wait for the result.
The government will lodge a protest over the incident with Cambodia, according to the ministry.
The government reaffirmed Thailand's sovereignty over the area where the clashes took place. It called on the Cambodian side to avoid any use of force and to continue with negotiations under bilateral mechanisms.
//www.bangkokpost.com/news/local/14506/thailand-shuts-tourist-spots-after-fatal-clashes
A Thai commander (C) talks to a Cambodian commander (L) at the front line of the border where Thai and Cambodian soldiers exchanged rifle and rocket fire near an ancient Hindu temple in Preah Vihear province, 543 km (337 miles) north of Phnom Penh April 4, 2009. Cambodian Prime Minister Hun Sen said on Saturday a border clash with Thailand around a 900-year-old Hindu temple would not escalate into a more serious conflict.
A Thai soldier looks at a Cambodian solider (R) at the front line of the border where Thai and Cambodian soldiers exchanged rifle and rocket fire near an ancient Hindu temple in Preah Vihear province, 543 km (337 miles) north of Phnom Penh April 4, 2009. Cambodian Prime Minister Hun Sen said on Saturday a border clash with Thailand around a 900-year-old Hindu temple would not escalate into a more serious conflict.
A Cambodian soldier obtains water to drink at a burnt market near an ancient Hindu temple where Thai and Cambodian soldiers exchanged rifle and rocket fire in Preah Vihear province, 543 km (337 miles) north of Phnom Penh April 4, 2009. Cambodian Prime Minister Hun Sen said on Saturday a border clash with Thailand around a 900-year-old Hindu temple would not escalate into a more serious conflict.
| Create Date : 04 เมษายน 2552 |
| Last Update : 4 เมษายน 2552 19:23:39 น. |
|
22 comments
|
| Counter : 2368 Pageviews. |
 |
|
|
ใช่ ทำงาน ซวยมาก
วันนี้กินตับและลบล๊อคอินหนึ่งที่ TFC ด้วย
หนู๋เหม่งบทโหด
แม่น้องขวัญไม่ต้องย้ายหนีค่ะ จัดการดองประเทศกันเลย
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 56 คน [