ปรับนโยบายสมานฉันท์....ถูกต้องนะคร้าบบบ
ได้ยินพล.อ.สนธิพูดแล้วก็ใจชื้นขึ้นมาหน่อยครับ.....
"ต่อจากนี้เราจะปรับเปลี่ยนนโยบายจากสมานฉันท์อย่างเดียว ไปเป็นสมานฉันท์ซึ่งยังจะสมานฉันท์กับชาวบ้านพร้อมทั้งเพิ่มความเข้มข้นกับการใช้กฏหมายและมาตราการเชิงรุก"
ผมสนับสนุนนโยบายนี้อย่างเต็มที่ครับ
ถ้าท่านได้อ่านข้อเขียนของผมมา จะพอจับจุดยืนได้ว่า ผมไม่เอาทั้งสองฝ่าย นั้นคือฝ่ายสมานฉันท์สุดโต่ง ยอมโจรอย่างเดียว กับฝ่ายความรุนแรงสุดขั้ว ฆ่าลูกเดียว
ผมเชื่อมั่นในคำสอนของพระพุทธองค์ที่ว่าด้วย "ทางสายกลาง" ผมเชื่อว่ามันไม่มีวิธีการอะไรเดี่ยว ๆ ที่จะแก้ปัญหา ๆ หนึ่งได้อย่างแท้จริง
มันต้องใช้หลายวิธีการผสมไป
ยิ่งปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งมีมากมายหลายมิติ ยิ่งจำเป็นต้องทำอย่างรอบคอบ และรอบด้าน
ผู้กอ่ความไม่สงบในปัจจุบันพัฒนาขึ้นจากมาก่อนมากครับ คนพวกนี้มีเป้าหมายและวิธีการที่ชัดเจนที่จะสร้างความแตกแยกทางศาสนา ทำลายอำนาจรัฐ ไปจนถึงการทำให้ปัญหานี้เป็นปัญหาในระดับนานาชาติ
การยิงไทยพุทธ 8 ศพในรถตู้ การชุมนุมกดดันเจ้าหน้าที่ รวมถึงการจัดตั้งกลุ่มบุคคลเข้าไปในมาเลเซียและให้สัมภาษณ์เรียกร้องให้มาเลเซียเข้ามาจัดการ
เหล่านี้แสดงเห็นว่า...โจรพวกนี้ ไม่ใช่โจรกระจอกอีกต่อไป แต่มีองค์ความรู้และวิธีการปฏิบัติงานในระดับสูง และเหมือนกับการก่อการร้ายในระดับโลก
ทำให้เห็นได้ชัดว่า การสมานฉันท์กับคนพวกนี้ "ไร้ประโยชน์"
หน่วยงานด้านความมั่นคงต้องจัดการกับคนพวกนี้อย่างเด็ดขาดและระมัดระวัง เด็ดขาดในแง่ของการบังคับใช้กฏหมาย การใช้วิธีการทางการฑูตต่อบางประเทศ ไปจนถึงการใช้กำลัง ระมัดระวังในแง่ที่อาจจะกระทบต่อภาคสังคม หรือทำให้กลุ่มคนร้ายนำไปสร้างข่าวปล่อย
การเจรจา.....แทบไม่มีความจำเป็นและไม่น่าจะมีผลในทางปฏิบัติในตอนนี้ เพราะโจรกำลังเชื่อว่าตนเองถือไพ่เหนือรัฐ (และก็เป็นเช่นนั้นจริง ๆ ) ใครละครับจะยอมแพ้ในเมื่อตนเองกำลังชนะ การเจรจาจะมีผลมากกว่า ถ้ากลุ่มโจรอ่อนแอลงตนต้องถูกบีบให้รับข้อเสนอของฝ่ายรัฐ
จัดการอย่างเด็ดขาดและชาญฉลาด คือคำตอบสุดท้าย
ในขณะเดียวกัน การสมานฉันท์ยังคงต้องดำเนินต่อไป
สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ อาจจะไม่ใช่การนำชาวบ้านที่หลงผิดกลับมาหาแสงสว่างเพียงอย่างเดียว
แต่น่าจะเป็นการสมานฉันท์ "ระหว่างไทยพุทธและมุสลิม" ในพื้นที่
หลายครั้งหลายหน ที่เราเกือบจะเห็นการเผชิญหน้ากันระหว่างไทยพุทธและมุสลิมในพื้นที่ ซึ่งมันก็มาจากการดำเนินการอย่างต่อเนื่องของฝ่ายผู้ก่อความไม่สงบ
เราคงไม่อยากให้ประเทศไทยเป็นเหมือน เลบานอน อิรัก อินโดนิเซีย หรือแมแต่มาเลเซีย ที่ความแตกต่างทางศาสนาถูกนำมาเป็นประเด็นจนทำให้เกิดความแตกแยก
ซึ่งมันก็นำมาสู่การทำลายบรรยากาศการสมานฉันท์นั้นเอง
สุดท้าย ผู้ใหญ่และผู้มีอำนาจ ต้องเลิกทะเลาะกันเสียบ้าง และตรระหนักได้แล้วว่า ปัญหาภาคใต้ รุนแรงกว่าการทุจริตคอร์รัปชั่น หรือคลื่นใต้น้ำมากนัก และให้ความสนใจกับปัญหานี้อย่างจริงใจ
ดีกว่าการไล่กำจัดกลุ่มอำนาจเก่าหรือศัตรูทางการเมืองของพวกคุณเอง.
Create Date : 21 มีนาคม 2550 |
Last Update : 21 มีนาคม 2550 17:42:50 น. |
|
5 comments
|
Counter : 1842 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ทหารแดง IP: 202.5.95.205 วันที่: 22 มีนาคม 2550 เวลา:15:54:09 น. |
|
|
|
โดย: potae IP: 203.153.171.17 วันที่: 27 มีนาคม 2550 เวลา:7:40:43 น. |
|
|
|
โดย: เน่าใน IP: 58.9.198.113 วันที่: 30 เมษายน 2550 เวลา:14:02:11 น. |
|
|
|
โดย: 1077 IP: 125.27.186.158 วันที่: 9 สิงหาคม 2552 เวลา:2:20:19 น. |
|
|
|
โดย: จีจ้า IP: 202.29.22.253 วันที่: 22 กันยายน 2552 เวลา:11:52:07 น. |
|
|
|
|
|
ผมรู้สึกว่ามันผิดสังเกตเล็กน้อยตรงนี้ครับ
เมื่อก่อนการก่อเหตุไม่บ่อยเช่นนี้ การก่อเหตุมักเป็นการลอบวางระเบิด ซึ่งเป้นระเบิดที่ชาวบ้านทำกันเองได้ ซึ่งการก่อเหตุที่จะปะทะกับทหารโดยตรงนั้นมักนานๆเกิดที อย่างกรือเซะ เป้นต้น
แต่ตอนนี้เหตุใดการก่อเหตุจึงปรากฏมาในรูปแบบใหม่ การลอบวางระเบิดผมแทบไม่ได้ข่าวเลย มีแต่การสาดกระสุนปะทะกันดุเดือดมาก ที่น่าสงสัยคือ
1. ปืน กระสุน เอามาจากไหน เพราะปืนที่ปล้นไปจากค่ายทหารก็ไม่น่าใช่ เพราะถ้าใช่มันก็คงเอามายิงกันนานแล้ว
เช่นนั้น ปืน ใครปล้น?
กระสุนชาวบ้านไม่น่าทำเองได้ แล้วเอามาจากไหน?
นำไปสู่คำถามที่ว่าใครกันที่สนับสนุน?
ยังมีอีกหลายประเด็น เอาแค่นี้ก่อนครับ ช่วยวิเคราะห์ก่อน