|
| 1 | 2 | 3 |
4 | 5 | 6 | 7 | 8 | 9 | 10 |
11 | 12 | 13 | 14 | 15 | 16 | 17 |
18 | 19 | 20 | 21 | 22 | 23 | 24 |
25 | 26 | 27 | 28 | 29 | 30 | 31 |
|
|
|
|
|
|
|
การฝึก PASSEX ของกองทัพเรือไทยและเรือดำน้ำนิวเคลียร์ของสหรัฐ
USS City of Corpus Christi ซึ่งเป็นเรือดำน้ำนิวเคลียร์โจมตีชั้น Los Angeles และ USS Decatur ซึ่งเป็นเรือพิฆาตชั้น Arleigh Burke ของกองทัพเรือสหรัฐได้ทำการจอดแวะพักในประเทศไทยที่บริเวณท่าเรือแหลมฉะบังตั้งแต่เช้ามืดของวันที่ 24 ตุลาคมที่ผ่านมาครับ หลังจากช่วงหนึ่งในประเทศไทย เรือทั้งสองลำมีกำหนดเดินทางออกจากประเทศไทยในวันที่ 28 ตุลาคมเพื่อกลับไปยังฐานทัพเรือกวมของกองทัพเรือสหรัฐในมหาสมุทรแปซิฟิก ก่อนที่จะเดินทางออกจากประเทศไทย เรือทั้งสองลำได้ทำการฝึก PASSEX ร่วมกับเรือหลวงคีรีรัฐของราชนาวีไทยที่บริเวณอ่าวไทย ทีมงาน ThaiArmedForce.com ทั้งสามคนคือ Skyman, Somsed, และ nemesis ได้มีโอกาสติดตามการฝึกและเก็บภาพการปฏิบัติการของเรือดำน้ำในอ่าวไทยซึ่งเป็นภาพที่หาชมได้ยากมากชุดหนึ่งมาฝากทุกท่านครับ 

ในการฝึกวันนี้นอกจากกำลังทางเรือของฝ่ายสหรัฐซึ่งประกอบไปด้วยเรือพิฆาต USS Decatur และเรือดำน้ำนิวเคลียร์ USS City of Corpus Christi แล้วทางฝ่ายไทยได้จัดเรือหลวงคีรีรัฐและทางกองบินทหารเรือได้ปรับโปรแกรมการฝึกบินปกติของเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ S-70B Sea Hawk จำนวนสองลำเข้าร่วมการฝึกด้วย ซึ่งถือว่าการฝึก PASSEX ครั้งนี้มีกำลังทางเรือทั้งสามมิติ (ใต้น้ำ ผิวน้ำ และบนอากาศ) เข้าร่วมการฝึกครับ
การฝึก PASSEX นั้นย่อมาจาก Passing Exercise ครับ การฝึกในลักษณะนี้โดยส่วนใหญ่แล้วจะกระทำเมื่อมีเรือของกองทัพเรือมิตรประเทศมาเข้าจอดในประเทศไทย โดยการฝึกในครั้งนี้แม้ไม่มีการฝึกใช้อาวุธจริงเหมือนการฝึกใหญ่ๆ แต่ก็เป็นการฝึกที่ช่วยสร้างความเข้าใจและความคุ้นเคยในการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างกองทัพเรือของทั้งสองชาติ โดยส่วนใหญ่แล้วจะเน้นไปที่เทคนิคการเดินเรือและการปฏิบัติการร่วมกันทั้งในยามสงบและในยามสงคราม
ในตอนเช้า เราออกจากฐานทัพเรือสัตหีบในเวลา 9.00 น. และเดินทางไปที่จุดนัดพบนอกชายฝั่งครับ

เรือหลวงคีรีรัฐ เป็นเรือฟริเกตซึ่งกองทัพเรือสั่งต่อจากประเทศสหรัฐอเมริกาและขึ้นระวางประจำการมาตั้งแต่ปี 2517 นับจนถึงวันนี้ก็เป็นเวลากว่า 35 ปีแล้วครับ เรือหลวงคีรีรัฐเข้าซ่อมปรับปรุงใหญ่เป็นเวลามากกว่าสองปีในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งภารกิจนี้เป็นภารกิจแรก ๆ ของเรือหลังจากปรับปรุงเสร็จครับ แม้ว่าตัวเรือจะมีอายุมากกว่า 35 ปีแล้ว แต่ระบบอาวุธและระบบอิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ได้รับการปรับปรุงใหม่ หลายระบบยังใช้ได้ดีมาตั้งแต่เรือถูกต่อขึ้น โดยตัวเรือติดตั้งเรดาร์ตรวจการณ์ LW-04 เรดาร์ควบคุมการยิง WM-22 ปืนเรือ Oto Melara 76/62 จำนวน 1 กระบอกที่บริเวณหัวเรือ ปืน 40/70 ที่บริเวณท้ายเรือจำนวน 1 กระบอก รางปล่อยระเบิดน้ำลึก 1 ราง แท่นปล่อยตอร์ปิโดว์แฝดสามจำนวน 2 แท่น ปืนรอง 20 มม. จำนวน 2 แท่น และปืน .50 นิ้วอีกจำนวน 2 กระบอกครับ

ในการปรับปรุงครั้งล่าสุดยังมีการติดแท่นปล่อยเป้าลวงเรดาร์จำนวน 2 แท่นบริเวณหัวเรือซึ่งก็คือแท่นยิงเป้าลวงเรดาร์ (Chaff) ครับ ในภาพนายทหารไฟฟ้าอาวุธของเรือกำลังทำการตรวจสอบระบบการทำงาน

เนื่องจากเรืออยู่ในอู่มานาน ลูกเรือจึงถือโอกาสทำการทดสอบระบบต่าง ๆ ของเรือครับ เช่นในภาพนี้คือการทดสอบการทำงานของปืนเรือ 76/62 ซึ่งทำการเล็งเป้าด้วยเรดาร์ควบคุมการยิง WM-22 ครับ ปืนรุ่นนี้แม้ไม่ใช่รุ่นยิงเร็วแบบปืน 76/62 Super Rapid บนเรือหลวงนราธิวาสที่ทำการยิงได้ 120 นัดต่อนาที แต่ก็มีอัตราการยิงถึงนาทีละ 80 นัด ได้ยิงเสียงโหลดกระสุนและทำการยิงโดยไม่มีลูกแล้ว น่ากลัวมากครับ มันโหลดเร็วมาก คิดง่ายๆ ว่าถ้ามีกระสุนขนาด 3 นิ้วตกใส่นาทีละ 80 นัดคงลำบากน่าดู ซึ่งเรือลำนี้มีข้อดีอยู่ตรงที่ว่าเรือมีระบบสำรองอยู่แทบทุกส่วนครับ เช่นในกรณีนี้ถ้าเรดาร์ควบคุมการยิงได้รับความเสียหาย ลูกเรือยังสามารถใช้กล้องเล็ง Optical ที่เห็นบริเวณด้านล่างของภาพทำการยิงปืน 76/62 ได้เช่นกัน

เรือทำการทดสอบระบบต่าง ๆ อยู่จนเกือบเที่ยงวัน ผลปรากฏว่าทุกระบบใช้งานได้ 100% ครับ ซึ่งปัจจุบันเรือหลวงคีรีรัฐรับบทบาทที่คล้าย ๆ กับเรือตรวจการณ์ไกลฝั่งครับ
หลังจากการทดสอบระบบต่าง ๆ เสร็จสิ้นลง ในช่วงเที่ยงกำลังพลก็พักรับประทานอาหารกันบนเรือครับ ทหารเรือบนเรือรบนั้นได้เบี้ยเลี้ยงค่าอาหารกันวันละ 38 บาท หารแล้วตกมื้อละ 12 บาทครับ ปกติแล้วกำลังพลจะใช้วิธีรวมเงินไปกันซื้อวัตถุดิบมาประกอบอาหารกันเองโดยมีจุมโภชหรือนายทหารพ่อครัวประจำเรือเป็นผู้ประกอบอาหารครับ
ในช่วงบ่ายซึ่งถึงเวลาที่นัดหมายกับเรือ USS City of Corpus Christi นั้น เรือของเราก็มาถึงบริเวณนอกท่าเรือแหลมฉะบังครับ โดยเรือหลวงคีรีรัฐจะนำทางเรือ USS City of Corpus Christi จากแหลมฉะบังออกไปกลางอ่าวไทย

ภาพนี้คือ USS City of Corpus Christi ครับ สาเหตุที่เราต้องนำทางเรือรบต่างชาติเข้าออกอ่าวไทยเสมอ ๆ นั้นก็เป็นเพราะว่าอ่าวไทยเรามีเรืออยู่เยอะมากครับ และลำพังเรือสินค้าก็ยังไม่เยอะเท่ากับเรือประมงเป็นหมื่น ๆ ลำ

และยิ่งเรือประมงไทยนั้นไม่ค่อยปฏิบัติตามกฏการเดินเรือด้วย ยิ่งต้องระวังมากครับ ซึ่งความจริงที่ว่าระวังนี่ก็คือต้องระวังเรือประมงพวกนี้ไม่ให้ไปชนเรือรบเอา เพราะมันไม่ใช่เรือรบจะเป็นอะไรมากมายหรอกครับ เรือประมงนั้นแหละจะถูกบี้ไม่เหลือ
ถ้านึกภาพไม่ออกว่าเรือประมงนั้นวิ่งกันยังไง ขอให้นึกภาพเราขับรถเก๋งนำขบวนรถสิบล้อวิ่งผ่านอนุเสาวรีย์ชัยฯ โดยมีมอเตอร์ไซต์เมืองหลวงจำนวนสิบ ๆ คันบาดไปบาดมาและหลายครั้งก็เกือบหลุดเข้าไปใต้ท้องรถ ฉันใดก็ฉันนั้น เรือหลวงคีรีรัฐในฐานะเรือนำก็ต้องคอยวิทยุเตือนเรือประมง แต่หลาย ๆ ครั้งพี่ท่านก็ไม่ฟังหรือไม่ตอบ หนัก ๆ เข้าก็อาจจะปิดวิทยุนอน (เพราะเรือประมงพวกนี้มีระบบขับอัตโนมัติครับ คือไต้ก๋งใช้ผ้าขาวม้าผูกพังงาหรือพวงมาลัยของเรือเอาไว้แล้วไปนอน ) ถ้าวิทยุไม่ตอบ เรือก็ต้องเปิดหวูดยาวไล่ ถ้าไล่แล้วไปไม่ ....... เราก็ต้องหลบเองครับ ทำไงได้

ดังนั้นการเดินเรือในอ่าวไทยต้องพลาดไม่ได้ครับ ก็คือนายทหารทุกคนจะประจำที่สะพานเดินเรือตลอดและต้องคอยดูเรือประมงและเรือสินค้าข้างหน้าไว้ตลอดเวลาเพื่อเดาว่าพี่ท่านจะไปทางไหน แล้วเราจะหลบยังไงหรือจะกันออกไปยังไง ดังนั้นเราจะได้ยินเสียงนายยามร้องตะโกนตลอดครับเช่น "พบเรือประมงทางขวา ระยะใกล้" แล้วผู้การเรือก็จะให้นายทหารสื่อสารวิทยุไปบอก หรือไม่ก็ให้เปิดหวูดยาวไล่ออกไป แล้วก็ส่วนมากถ้าได้คุยกันทางวิทยุเราก็จะไม่ค่อยบอกว่าเรานำทางเรือดำน้ำอยู่ เพราะไม่งั้นพี่ท่านจะแห่กันมาดูใกล้ ๆ อารมณ์ว่าเป็นเรือประมงไทยมุงมาดูของแปลก ระหว่างทางที่เราเดินทางไปพื้นที่การฝึก เจอเรือประมงลำนึงเห็นเรือดำน้ำแล้วก็เบนเข็มวิ่งเข้าใส่ทันทีพร้อมปาดหน้าเรือดำน้ำซึ่งก็คือตัดกลางขบวนของเรานั้นเอง ลองจิตนาการภาพว่าเราขับรถเก๋งนำหน้ารถสิบล้อแล้วจู่ ๆ มีมอเตอร์ไซต์มาปาดหน้ารถสิบล้อแบบนี้เราก็คงมึนเหมือนกัน เล่นเอาผบ.เรือ USS City of Corpus Christi ต้องเบนเข็มหลบอย่างรวดเร็ว และขอเพิ่มความเร็วของขบวนเรือเพื่อไปถึงพื้นที่การฝึกให้เร็วขึ้นครับ
ในวันที่ทางทีมงานได้ลงไปเยี่ยมชมเรือ USS City of Corpus Christi นั้น ผบ.เรือก็บ่นเหมือนกันครับว่าเรือประมงเยอะมากกกกกกก

เราเดินทางมาราวชั่วโมงกว่า ๆ ก็ใกล้ถึงพื้นที่การฝึกแล้วครับ ซึ่ง USS Decatur ก็เข้ามาร่วมในขบวนพอดี ในการฝึกวันนี้เรือหลวงคีรีรัฐที่มีระวางขับน้ำแค่พันกว่าตันจะนำขบวนเรือดำน้ำนิวเคลียร์ระวางขับน้ำ 7 พันตัน และเรือพิฆาตเอจิสระวางขับน้ำ 8,800 ตันครับ สุดยอดเลย

การฝึก PASSEX นั้นจะเป็นการสร้างความคุ้นเคยในการปฏิบัติการร่วมกันครับ ซึ่งมันก็เป็นเครื่องหมายอันหนึ่งที่ชี้ให้เห็นถึงความสัมพันธ์ของทั้งสองประเทศอีกด้วยครับ เห็นภาพแบบนี้แล้วน่าตื่นเต้นมากเลยครับ เรือดำน้ำนิวเคลียร์ในอ่าวไทย

ตามกำหนดการเดิมแล้วจะมีเพียงเรือหลวงคีรีรัฐเท่านั้นที่เข้าร่วมการฝึก แต่ภายหลังเมื่อมีการประสานงานกับทางกองบินทหารเรือแล้วนั้นปรากฎว่ากองบินทหารเรือมีกำหนดการฝึกของเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ S-70B Sea Hawk อยู่แล้วในบริเวณนั้นจำนวน 2 ลำ กองบินทหารเรือเลยขอปรับโปรแกรมการฝึกจากการฝึกบินเดินทางปกติมาเข้าร่วมฝึกในครั้งนี้ครับ โดยส่งเฮลิคอปเตอร์ S-70B Sea Hawk ซึ่งเป็นเฮลิคอปเตอร์ใช้งานทางทะเลและปราบเรือดำน้ำเข้าร่วมด้วยจำนวน 2 ลำครับ เพราะโอกาสที่จะได้ฝึกกับเรือดำน้ำจริง ๆ นั้นหาได้ยากมากสำหรับกองทัพเรือไทย
ซึ่ง Sea Hawk ของกองทัพเรือไทยก็กำลังดำเนินการปรับปรุงระบบปราบเรือดำน้ำของตัวเฮลิคอปเตอร์โดยการติดตั้ง Dipping Sonar หรือระบบโซนชักหย่อนซึ่งด้วยครับ คาดว่าจะดำเนินการแล้วเสร็จในอีกราว 1 - 2 ปีข้างหน้านี้

ภาพนี้ Sea Hawk กำลังบินอยู่หน้าเรือดำน้ำครับ แม้ว่าเรือหลวงคีรีรัฐจะมีระบบโซนาร์ประจำเรือซึ่งเป็นโดมบริเวณใต้ท้องเรือและได้รับการปรับปรุงจนใช้งานได้ดีก็ตามก็ตาม แต่ระบบโซนาร์แบบติดอยู่กับเรือนั้นก็ยังมีข้อจำกัดในการใช้งานซึ่งเป็นข้อจำกัดที่หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่บางประการครับเช่น ข้อจำกัดทางยุทธวิธีซึ่งการเปิดใช้โซนาร์ของเรือผิวน้ำตลอดเวลานั้นเท่ากับเป็นการเปิดเผยตำแหน่งของเรือผิวน้ำอย่างชัดเจนเพราะเรือดำน้ำนั้นสามารถใช้เซนเซอร์ภาครับ (Passive Sensor) ในการตรวจจับสัญญาณโซนาร์และระบุตำแหน่งของเรือผิวน้ำได้ ในการค้าหาเรือดำน้ำของเรือผิวน้ำนั้นการใช้ระบบโซนาร์ลากท้าย (Towed Sonar) แบบที่ติดตั้งในเรือชั้นพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกจะได้ประสิทธิภาพมากกว่า ส่วนมากแล้วโซนาร์ใต้ท้องเรือแบบนี้จะใช้ในบางลักษณะเช่นการยืนยันเป้าหมาย และอีกข้อจำกัดหนึ่งก็คือ คลื่นโซนาร์นั้นจะวิ่งผ่านน้ำไม่ได้ในทุกชั้นความลึกครับ หลักการนี้มันก็คือหลักการการเคลื่อนเีสียงในตัวกลางที่เป็นของไหลนั้นเอง ในกรณีนี้ก็เช่นกันครับ คลื่นโซนาร์ก็คือคลื่นเสียงซึ่งคล้ายกับเสียงเครื่องบินที่บินสูง ๆ โดยแม้ว่าในเงื่อนไขและสภาวะแบบอุดมคติแล้วคลื่นโซนาร์ จะวิ่งลงไปตรง ๆ ใต้ท้องทะเลเลย แต่ในความเป็นจริงนั้นคลื่นมักจะถูกหักเหจนเบนออกและเสียทิศทางไปด้วยผลของอุหภูมิที่ต่างกันระหว่างผิวน้ำและใต้น้ำหรือสิ่งปลอมปนของน้ำทะเลที่ต่างระดับชั้นกัน เหมือนกับที่เรามักไม่ได้ยินเสียงเครื่องบินทั้ง ๆ ที่เห็นมันบินผ่านในระดับสูง ท้องทะเลจึงมีพื้นที่ ๆ เป็น Shadow Zone หรือพื้นที่ที่คลื่นไม่โซนาร์ไม่สามารถวิ่งผ่านได้ ซึ่งเรือดำน้ำก็จะใช้พื้นที่นี้ในการปฏิบัติการเพื่อหลีกเลี่ยงการถูกตรวจจับของเรือรบผิวน้ำซึ่งหลายครั้งก็ใช้ได้ผลเช่นในช่วงสงครามโลกครั้งที่สองที่เรือดำน้ำสหรัฐยิงตอร์ปิโดว์ใส่เรือหลวงสมุยจนจมบริเวณนอกชายฝั่งของเกาะสมุย

ในระหว่างที่กองทัพเรือไทยยังไม่มีเรือดำน้ำเข้าประจำการนั้น การใช้โซนาร์ชักหย่อน (Dipping Sonar) ที่จะติดตั้งกับเฮลิคอปเตอร์ปราบเรือดำน้ำ Sea Hawk ก็จะเข้ามาแก้ปัญหานี้ได้ในระดับหนึ่งครับเพราะเฮลิคอปเตอร์จะหย่อนโซน่าร์ลงไปจนถึงชั้น Shadow Zone ที่สายสัญญาณของ Dipping Sonar ยาวถึงเพื่อหลีกเลี่ยงการหักเหของคลื่นโซน่าร์ครับ

ก่อน Sea Hawk จะจากไปก็มาโฉบผ่านเรือของเราเป็นครั้งสุดท้ายครับ

ในช่วงเย็นการฝึกก็จบลงครับ แม้ว่าในปัจจุบันเราจะสามารถสื่อสารกันผ่านวิทยุได้แล้ว แต่การสื่อสารด้วยวิธีโบราณแบบนี้ก็ยังมีใช้อยู่ในกรณีอื่น ๆ เช่นที่วิทยุเสียหรือเราไม่ต้องการส่งข่าวกันทางวิทยุเพื่อป้องกันการถูกดักฟัง ในเรือแต่ละลำจะมีโคมไฟติดตั้งอยู่ซึ่งจะใช้การเปิดปิดเป็นรหัสมอสเพื่อส่งข้อความครับ และเราก็สามารถรับข่าวได้ด้วยการอ่านสัญญาณไฟจากเรือรบอีกลำ (ซึ่งในกรณีนี้คือเรือ USS Decatur) แล้วแปลรหัสเป็นข้อความ ตรงนี้เป็นการส่งข่าวกันว่าการฝึกจบแล้วและให้แยกขบวนเรือออกจากกันครับ

ส่วนนอกนั้นเราใช้ธงสีต่าง ๆ ชักขึ้นเป็นข้อความบอกว่า Bon Voyage ครับ ธงสีต่าง ๆ นี้คือสัญลักษณ์สากลซึ่งแทนตัวอักษรและข้อความต่าง ๆ ไว้สำหรับใช้ส่งข้อความหากันระหว่างเรือ ทหารเรือทุกคนที่ทำงานบนเรือไม่ว่าชาติไหนมีหน้าที่ต้องจำความหมายของธงแต่ละผืนให้ได้ครับ

USS Decatur เบนเข็มออกไปจากอ่าวไทยมุ่งหน้าสู่เกาะกวมครับ จะเห็นว่าเขาก็ชักธงเช่นกัน

เรือหลวงคีรีรัฐชะลอความเร็วลงและเรือ USS City of Corpus Christi เร่งเครื่องผ่านไปครับ เรือดำน้ำนิวเคลียร์ลำนี้คือหนึ่งในนาวิกานุภาพที่สำคัญที่สุดของสหรัฐซึ่งช่วยให้สหรัฐสามารถดำเนินนโยบายทางการฑูตใด ๆ ก็ได้ตามที่ตนต้องการ

กำลังพลของเรือหลวงคีรีรัฐยืนเข้าแถวรายกราบหรือยืนเข้าแถวเรียงกันบริเวณกราบเรือและโบกหมวกลาครับ

หลังจากนั้นเราก็เบนเข็มกลับสู่ฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นการเสร็จสิ้นการฝึกในวันนี้ครับ หาโอกาสได้ยากจริง ๆ ที่จะได้เห็นทั้งเรือพิฆาตเอจิสและเรือดำน้ำนิวเคลียร์ทำการฝึกในอ่าวไทยด้วยตาตนเองครับ

ทีมงาน ThaiArmedForce.com ขอขอบคุณ
- ทัพเรือภาคที่ 1 กองทัพเรือ - นาวาโท วรุณ วีระกุล ผู้บังคับการเรือหลวงคีรีรัฐ - กำลังพลของเรือหลวงคีรีรัฐทุกคน - สถานฑูตสหรัฐอเมริกาประจำประเทศไทย
Create Date : 29 ตุลาคม 2552 |
Last Update : 2 พฤศจิกายน 2552 11:21:22 น. |
|
6 comments
|
Counter : 4199 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: patthanid วันที่: 29 ตุลาคม 2552 เวลา:19:14:52 น. |
|
|
|
โดย: น้ำเค็ม วันที่: 29 ตุลาคม 2552 เวลา:20:17:10 น. |
|
|
|
โดย: กะว่าก๋า วันที่: 1 พฤศจิกายน 2552 เวลา:6:53:42 น. |
|
|
|
โดย: น้องโนอาห์ (Noahdaddyboy ) วันที่: 2 พฤศจิกายน 2552 เวลา:23:17:06 น. |
|
|
|
|
|
|
@ จ่อยน้องลิง @
@ จ่อยหัวหอม @

|
|
|
|
|
|
|