15 โรคไลฟ์สไตล์ ป้องกันได้ โลกพัฒนาไปมากเท่าไร ก็ดูเหมือนว่าโรคใหม่ๆก็พัฒนามากขึ้นไปเท่านั้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคที่เกิดจากไลฟ์สไตล์ แต่ข่าวดีก็คือคุณสามารถป้องกันได้ หากรู้เท่าทัน
เทคโนโลยีทางการแพทย์ที่เจริญก้าวหน้าอย่างไม่หยุดยั้ง ทำให้มีการคาดการณ์กันว่าคนรุ่นนี้จะมีอายุยืนยาวกว่าคนรุ่นปู่ย่าตายาย หรือพ่อแม่ ซึ่งมักจะเจ็บป่วยและเสียชีวิตด้วยโรคติดเชื้อ แต่ข่าวร้ายก็คือ คนยุคปัจจุบันกลับกำลังเผชิญกับโรคใหม่ๆ ซึ่งเป็นโรคที่มีสาเหตุมาจากไลฟ์สไตล์ อันหมายถึงวิถีชีวิตที่มีความสะดวก รวดเร็ว ไฮเทค แต่เต็มไปด้วยความเร่งรีบ รวมถึงการใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่เหมาะสม แต่ข่าวดีก็คือ เราสามารถป้องกันและควบคุมการเกิดโรคจากไลฟ์สไตล์ได้ หากหันมาปรับเปลี่ยนรูปแบบการใช้ชีวิต การรับประทานอาหาร และสภาพแวดล้อมต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง 15 โรคอันเกิดจากไลฟ์สไตล์ ได้แก่ 1.โรคอ้วน โรคจากไลฟ์สไตล์ที่สามารถป้องกันได้ง่ายที่สุดคือ โรคอ้วน ซึ่งมีสาเหตุมาจากการใช้ชีวิตตามอย่างชาวตะวันตก โดยเฉพาะอย่างการรับประทานอาหารจานด่วน เพื่อความสะดวกและรวดเร็ว แทนการทำอาหารทานเองที่บ้าน หรือการนั่งเล่นเกมคอมพิวเตอร์ และท่องโลกอินเตอร์เน็ตเป็นชั่วโมงๆ แทนการเล่นกีฬากลางแจ้ง หรือการออกกำลังกายที่มีการเคลื่อนไหว ซึ่งไลฟ์สไตล์แบบนั่งๆนอนๆ และการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ เป็นสาเหตุสำคัญทำให้มีน้ำหนักมากกว่าส่วนสูง และความแข็งแรง คนอ้วนมีแนวโน้มที่จะพัฒนาไปเป็นเบาหวาน โรคหลอดเลือดหัวใจ ภาวะกระดูกพรุน และโรคจากไลฟ์สไตล์ชนิดอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพบว่ามีจำนวนเด็กอ้วนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จึงจำเป็นเร่งด่วนที่จะทำให้เด็กๆ และพ่อแม่รับรู้ถึงความสำคัญของการออกกำลังกาย และการรับประทานอาหารที่เหมาะสม ด้วยการปฏิบัติตามประโยคที่ทุกคนควรจดจำให้ได้ว่า กินให้น้อยลง เคลื่อนไหวให้มากขึ้น วิธีที่จะดูว่าคุณอ้วนหรือเปล่าคือ การดูค่าดัชนีมวลกาย (body mass index: BMI) ด้วยสูตรต่อไปนี้ น้ำหนัก(กิโลกรัม)หารด้วยส่วนสูงยกกำลังสอง (กก/ม2)ถ้า BMI ของคุณอยู่ระหว่าง 25-29.9 แสดงว่าคุณมีน้ำหนักตัวมากเกิน แต่ถ้า BMI ของคุณเกิน 30 แสดงว่าคุณเป็นโรคอ้วน BMI ปกติควรอยู่ระหว่าง 18.5-24.9 2. เบาหวาน คำกล่าวอ้างทางอินเตอร์เน็ตที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์บอกว่า หลังจากมีอุตสาหกรรมน้ำอัดลมเกิดขึ้น จำนวนคนที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 เพิ่มจำนวนขึ้น แต่อาหารที่รับประทานมีบทบาทสำคัญที่ทำให้เกิดเบาหวาน และจากสาเหตุของพันธุกรรม หากไม่สามารถคุมเบาหวานได้จะนำไปสู่การสูญเสียการมองเห็น ที่เรียกว่า เบาหวานขึ้นตา หรืออาจจะเกิดอาการแทรกซ้อนที่ส่งผลเสียต่อไต เกิดภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท และอาจจะเกิดผื่นที่ผิวหนังด้วย วิธีการรับมือกับเบาหวาน คือ ของการปรับเปลี่ยนในเรื่องโภชนาการ โดยหันไปรับประทานอาหารที่ทำให้ค่าดัชนีน้ำตาลในเลือดต่ำ และออกกำลังกายมากขึ้น เพื่อจะได้เพิ่มการนำน้ำตาลเข้าไปในเซลล์ 3. โรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดหัวใจ ไขมันในอาหารที่รับประทานเข้าไปจะไปอยู่ไหนถ้าไม่ได้ถูกนำมาใช้เป็นพลังงาน คำตอบคือไขมันจะไปเกาะอยู่ตามส่วนต่างๆของร่างกาย โดยบางส่วนก็ไปพอกอยู่ที่พุง ทำให้รูปร่างไม่สวย ส่วนที่เหลือ เช่น คอเลสเตอรอลจะไปเกาะอยู่ตามหลอดเลือด ทำให้หลอดเลือดอุดตัน เป็นสาเหตุที่นำไปสู่ความดันโลหิตสูง และทำให้ออกซิเจนเข้าเลี้ยงอวัยวะต่างๆของร่างกายได้น้อย จึงมีโอกาสที่จะเกิดอาการหัวใจวาย หรือทำให้หัวใจขาดเลือด ถ้าคราบพลักที่เกาะอยู่เกิดหลุดออก และไปอุดกั้นทางเดินหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงหัวใจ โรคหลอดเลือดเสื่อมจะเกิดขึ้นจากการที่ไขมันที่บริโภคไปจับตัวเป็นแผ่น อยู่ที่ด้านในของผนังหลอดเลือด โดยค่อยๆก่อตัวขึ้น ก่อนที่จะแสดงอาการของโรคเกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดหัวใจออกมาในที่สุด 4. ความดันโลหิตสูง
ไม่ทราบแน่ชัดว่าอะไรเป็นสาเหตุหลัก หรือสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง แต่ปัจจัยเสี่ยงจากการใช้ชีวิตไม่ถูกต้อง ความอ้วน วิถีชีวิตแบบนั่งๆ นอนๆ ความเครียด การดื่มแอลกอฮอล์จนเป็นนิสัย ล้วนแล้วแต่เพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดความดันโลหิตสูงทั้งสิ้น โดยเฉพาะคนที่มีอายุมากขึ้น ความดันโลหิตที่เพิ่มสูงขึ้น จะทำให้หัวใจเกิดความเครียด อันนำไปสู่อาการกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง และถ้าเป็นที่ไตก็จะทำให้ไตถูกทำลาย 5. ภาวะอ้วนลงพุง เพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดเบาหวาน ความดัน โรคหัวใจและหลอดเลือด ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะอ้วนลงพุง คือ ความอ้วน ภาวะต้านอินซูลิน ไขมันในเลือดผิดปกติ วิถีชีวิตแบบนั่งๆ นอนๆ ความเครียด และความสูงวัย องค์การอนามัยโลกให้ข้อมูลว่า การวินิจฉัยความผิดปกติของภาวะอ้วนลงพุงให้ดูที่การปรากฏตัวของโรคเบาหวาน หรือภาวะเสี่ยงก่อนการเป็นเบาหวาน อย่างภาวะน้ำตาลในเลือดสูงกว่าปกติ รวมถึงอาการอย่างใดอย่างหนึ่งใน 2 อาการดังต่อไปนี้
- ความดันโลหิตสูง - ไขมันในเลือดผิดปกติ - มีไขมันพอกรอบๆ เอว - มีโปรตีนอัลบูมินในปัสสาวะ 6. โรคหลอดเลือดสมอง
เป็นโรคทางสมองที่เกี่ยวข้องกับการลดลงของออกซิเจน และปริมาณเลือดที่ไปเลี้ยงสมอง เนื่องจากเส้นเลือดอาจถูกขวางกั้น เช่นเดียวกับอาการหัวใจวาย หรือการฉีกขาดของเส้นเลือด ปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองก็คือ ความดันโลหิตสูง เบาหวาน คอเลสเตอรอลสูง และการสูบบุหรี่ โดยมีโอกาสที่จะเกิดขึ้นกับคนที่มีอายุมากสูงกว่าคนที่มีอายุน้อย 7.โรคไตวายเรื้อรัง การบาดเจ็บเรื้อรังของไตส่งผลให้ประสิทธิภาพการทำงานของไตลดลง มักมีสาเหตุมาจากเบาหวานและความดันโลหิตสูง หากว่าไตทำงานไม่ดี จะเกิดสารพิษที่เกิดจากกระบวนการเผาผลาญอาหารตกค้างสะสมอยู่ภายในร่างกาย โดยอาจจะต้องมีการล้างไต หรือเปลี่ยนไต หากว่าเกิดไตวายระยะสุดท้าย คนที่มีความเสี่ยงสูงที่จะเป็นโรคไตวายเรื้อรัง จึงควรรักษาอาการเจ็บป่วยไม่ให้แย่ลง 8. โรคตับอักเสบเรื้อรัง การดื่มแอลกอฮอล์เป็นระยะเวลานานๆ เป็นสาเหตุให้ตับถูกทำลายอย่างต่อเนื่อง และนำไปสู่การเป็นโรคตับแข็ง ซึ่งเป็นโรคที่อันตรายมากสำหรับตับ และอาจจะทำให้เกิดอาการตับวายในที่สุด 9. โรคมะเร็ง มีการพิสูจน์แล้วว่าการสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์เรื้อรัง เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งประเภทต่างๆ ตั้งแต่กล่องเสียง ทางเดินหายใจ ไปจนถึงหลอดอาหาร และกระเพาะปัสสาวะ ขณะที่โรคอ้วนจะเพิ่มปัจจัยเสี่ยงการเกิดมะเร็งเต้านม และมะเร็งรังไข่ในผู้หญิง ฉะนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญที่จะลดการสูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์ และการรับประทานอาหารที่ไม่ดีต่อสุขภาพ หากคุณต้องการลดความเสี่ยงของโรคมะเร็ง ควรหันไปรับประทานอาหาร หรืออาหารเสริมที่ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี วิตามินอี เบต้าแคโรทีน ไลโคปีน และกูลตาไทโอน จะดีกว่า 10. ภาวะปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) การลุกลามของภาวะปอดอุดกั้นเรื้อรัง ซึ่งรวมถึงโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังและโรคถุงลมโป่งพอง เกิดจากการตีบตันของทางเดินอากาศที่เข้าสู่ปอด ส่งผลให้การหายใจเป็นไปอย่างยากลำบาก โดยการตีบตันนี้มักจะมาจากการอักเสบ เพราะได้รับควันที่มีสารอันตราย โดยเฉพาะอย่างยิ่งควันบุหรี่ ฉะนั้นสิ่งแรกที่ต้องทำก็ คือการหยุดสูบบุหรี่ รวมถึงเข้ารับการบำบัด เพื่อให้เลิกสูบบุหรี่ได้อย่างถาวร 11. โรคหอบหืด ปัจจัยจากสภาวะแวดล้อมทำให้โรคหอบหืดมีอาการแย่ลง ไม่ว่าจะเป็นสารที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้ การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างรวดเร็ว การติดเชื้อ ความเครียด การสูบบุหรี่ และมลพิษทางอากาศ วิธีการรับมือกับโรคหอบหืดก็คือ พยายามหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่ทำให้เกิดอาการหอบหืด และการเปลี่ยนวิถีชีวิตใหม่นั่นเอง 12. ภูมิแพ้และโรคผิวหนัง ในยุคที่ผู้คนหมกมุ่นอยู่กับเรื่องความสวยความงามทางร่างกายมากขึ้น ทำให้คนชอบทดลองใช้ผลิตภัณฑ์ เพื่อความงามประเภทต่างๆอยู่เสมอ เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ต้องเข้ารับการรักษาอาการแพ้ที่เกิดขึ้นกับผิวหนังแบบต่างๆ ฉะนั้นเราจึงควรเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ เพื่อความงามกันอย่างระมัดระวัง เพื่อป้องกันสารที่ก่อให้เกิดภูมิแพ้ หากไม่มั่นใจควรปรึกษาแพทย์ก่อนที่จะใช้ผลิตภัณฑ์เพื่อความงามที่เห็นตามสื่อโฆษณา นอกจากนี้ความเครียด และนิสัยเสียอื่นๆ เช่น การนอนดึก ก็อาจจะทำให้เกิดสิวอย่างรุนแรง หรือทำให้ผิวหนังเกิดปัญหาอื่นๆได้ ขณะที่การปล่อยให้ผิวหนังถูกแสงแดดโดยไม่ปกป้องก็อาจจะทำให้มีโอกาสเป็นโรคมะเร็งผิวหนัง 13. ภาวะโภชนาการต่ำ เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ตั้งแต่ความยากจนไปจนถึงการรับประทานอาหารที่ไม่ถูกต้อง ภาวะโภชนาการที่ไม่ดีโดยเฉพาะในวัยเด็ก จะนำไปสู่ปัญหาการพัฒนาทั้งทางด้านร่างกายและจิตใจ ทำให้เกิดสภาวะเซื่องซึม หรือมีอาการแสดงออกทางผิวหนังและเส้นผม รวมถึงทำให้เกิดภาวะกระดูกพรุน นอกจากนี้การดื่มสุราเรื้อรัง ยังเป็นสาเหตุทำให้เกิดภาวะทุพโภชนาการ เนื่องจากทำให้ระบบทางเดินอาหารเกิดความบกพร่องในการดูดซึมอาหาร และการนำเอาสารอาหารออกมาใช้ 14. โรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ เป็นโรคที่เกิดจากความเสื่อมของสมอง แสดงออกด้วยอาการหลงลืม หรือการสูญเสียความทรงจำ ปัจจุบันยังไม่ทราบถึงสาเหตุหลักที่ทำให้เกิดโรคนี้ แต่เชื่อว่าการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและสภาวะแวดล้อม รวมถึงการทำกิจกรรมที่ต้องใช้สมองเป็นประจำ ไม่ว่าจะเป็นการอ่านหนังสือ การเล่นเกมส์ต่างๆ การเล่นเกมครอสเวิร์ด จะช่วยลดปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ อีกกิจกรรมที่จะช่วยให้สมองแหลมคม และลดการเกิดโรคอัลไซเมอร์ได้ คือ การมีปฏิสัมพันธ์กับคนอื่น 15. การใช้ยาเสพติด การสูบบุหรี่เป็นสาเหตุความตายที่สามารถป้องกันได้ ด้วยเหตุนี้คนที่มีหน้าที่เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพ จึงพยายามต่อต้านการสูบบุหรี่ และการดื่มแอลกอฮอล์ อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคมะเร็ง โรคหัวใจและหลอดเลือด โดยพยายามให้ความรู้กับคนรุ่นใหม่ถึงผลเสียต่อสุขภาพของการสูบบุหรี่ และดื่มแอลกอฮอล์ทุกวิถีทาง เด็กๆมักจะทำอะไรตามต้นแบบ โดยเฉพาะพ่อแม่ ถ้าเด็กๆเติบโตในครอบครัวที่มีสภาพแวดล้อม และวิถีชีวิตที่ไม่ดีต่อสุขภาพ รวมถึงมีพ่อแม่ที่ดื่มเหล้าและสูบบุหรี่ เด็กๆก็จะได้รับอิทธิพลเหล่านั้นไปด้วย พ่อแม่จึงควรปรับเปลี่ยนวิถีการดำเนินชีวิตเสียใหม่ให้เป็นมิตรกับสุขภาพ เพื่อตัวคุณเองและลูกหลาน 6 นิสัยที่ต้องสร้างตั้งแต่เดี๋ยวนี้ ขณะที่นักวิทยาศาสตร์กำลังเร่งรีบหาวิธีการรักษาโรคจากไลฟ์สไตล์ที่เป็นโรคเรื้อรังหรือเป็นสาเหตุที่ทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต เราก็สามารถป้องกันตัวเองจากโรคยุคใหม่เหล่านี้ได้ด้วยวิธีการง่ายๆ 6 อย่างดังต่อไปนี้ 1. รับประทานอาหารอย่างสมดุล เลือกรับประทานอาหารหลากหลาย อาหารทุกมื้อ ควรมีทั้งไขมันชนิดดี โปรตีน วิตามิน เกลือแร่ต่างๆ และใยอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งผักและผลไม้ ซึ่งเป็นแหล่งของสารอาหารที่ดี ควรหลีกเลี่ยงอาหารขยะ อย่างเช่น มันฝรั่งทอด ผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปที่ทำจากเนื้อ และเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง 2. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ทำให้ร่างกายเคลื่อนไหวช่วยให้ระบบการไหลเวียนของเลือด และปอดทำงานได้ดีขึ้น รวมถึงทำให้กล้ามเนื้อแข็งแรงขึ้นด้วย ร่างกายที่แข็งแรงหมายถึงระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง ฉะนั้นหากไม่อยากจ่ายเงินค่าฟิตเนสแพงๆ ก็อาจจะใช้วิธีการเดินเร็วหรือเล่นกับลูกๆก็ได้ 3. นอนหลับให้เพียงพอ การนอนหลับได้ดีในช่วงกลางคืนทำให้ร่างกายผ่อนคลาย ได้ซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ และได้ชาร์จพลังหลังจากการตรากตรำทำงานมาตลอดทั้งวัน ฉะนั้นควรนอนอย่างน้อยวันละ 7 ชั่วโมง เพื่อให้ร่างกายได้พักผ่อนอย่างเพียงพอ 4. เลิกดื่มแอลกอฮอล์ และหยุดสูบบุหรี่ การสูบบุหรี่ทำให้เกิดโรคเรื้อรังหลายชนิด เช่น มะเร็ง โรคหลอดเลือดสมอง และโรคหัวใจ ขณะที่การดื่มแอลกอฮอล์ โดยเฉพาะหากดื่มมากเกินไป จะส่งผลเสียต่ออวัยวะภายในอย่างตับและไต 5. ดื่มน้ำให้เพียงพอ เนื่องจากร้อยละ 70 ของร่างกายคือน้ำ การดื่มน้ำให้เพียงพอจึงเป็นสิ่งสำคัญ และทำให้ร่างกายทำงานได้ตามหน้าที่ 6. ตรวจสุขภาพสม่ำเสมอ บางครั้งร่างกายของเราก็ไม่ได้ส่งสัญญาณว่ากำลังมีอะไรบางอย่างผิดปกติ แม้ว่าเราจะเริ่มมีอาการแล้วก็ตาม ฉะนั้นจึงควรขอคำปรึกษาจากแพทย์ให้เป็นนิสัย ตรวจสุขภาพอย่างน้อยปีละครั้ง ขอให้ทุกท่านมีสุขภาพที่แข็งแรง มั่นดูแลสุขภาพและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ถ้าชอบโหวตหมวดสุขภาพนะคะ
|