เวลาที่หายไป - บทที่ 20


คืนนั้นเคนไม่สามารถข่มตาให้หลับลงไปได้เลย เขามีเรื่องมากมายที่ต้องคิด เขาเดินไปตามทางเดินเล็กๆที่คดเคี้ยวไปมา แล้วในที่สุดก็มาหยุดอยู่ที่ริมลำธารข้างล่าง ชายหนุ่มมองไปรอบตัวที่ค่อนข้างมืด เงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าที่มีดวงจันทร์ในคืนข้างแรมสีเหลืองซีดๆ ลอยอยู่กลางท้องฟ้าสีดำที่ระยิบระยับแพรวพราวไปด้วยดาวดวงเล็กๆ อากาศยามดึกเย็นเฉียบ เขากระชับเสื้อหนาวตัวหนาเตอะที่ตาเฒ่าเป็งเมตตายกให้เข้ากับตัว


ชายหนุ่มกำลังรู้สึกสับสนวุ่นวายใจ มีเรื่องสำคัญหลายเรื่องเกิดขึ้นกับเขาในเวลาใกล้เคียงกัน หลังจากรอคอยมานานด้วยความหวังว่าจะมีใครสักคนมาตามหาเขา แล้วก็ต้องผิดหวังจนเลิกหวังไปแล้ว เริ่มตัดสินใจที่จะเป็นนายเคนที่ไม่มีอดีตอย่างจริงจังเสียที โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้ที่มีเรื่องสำคัญเกิดขึ้นระหว่างเขากับทิพย์สุรางค์ เขาไม่ควรจะไปไหน เขาควรจะอยู่ที่นี่เพื่อรอเธอ แม้ไม่บังอาจคิดว่าจะต้องรับผิดชอบต่อสิ่งที่เกิดขึ้น เพราะเขาไม่มีอะไรที่จะให้เธอได้อย่างสมเกียรติของเธอเลย แต่เขาก็ยังต้องการพบเธอ

เคนคิดมาตลอดสามสัปดาห์ที่ทิพย์สุรางค์หายตัวไปจากเวียงพุกาม ว่าถ้าเขายังไม่สามารถค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเขาพบ และเธอยอมรับเขาได้ตามสภาพที่เขาเป็นอยู่ในขณะนี้ เขาก็จะเลิกสนใจอดีตและพร้อมจะรับผิดชอบกับสิ่งที่ทำลงไป แม้จะรู้ดีถึงความไม่เหมาะสมคู่ควรระหว่างเขากับหญิงสาวคนนั้นเลยก็ตาม แต่แล้ววันนี้กลับมีคนมาพบเขาเพื่อนำเขากลับคืนไปสู่ครอบครัว เขาน่าจะตื่นเต้นดีใจจนรีบกล่าวคำอำลาเวียงพุกามแล้วกลับไปกับชายสองคนที่อ้างตัวว่าเป็นนักสืบ แต่ตอนนี้เกิดอะไรขึ้นกับเขา ทำไมใจของเขาจึงรอนๆ เมื่อคิดว่าจะต้องไปจากเวียงพุกาม

เคนถอนใจยาว ออกเดินต่อไปเรื่อยๆตามชายฝั่งลำธารโดยไม่มีจุดหมายปลายทาง ในที่สุดพบตัวเองมายืนอยู่บนโขดหินตรงที่มองขึ้นไปเห็นเงาตะคุ่มๆของตึกหลังใหญ่ ที่ซ่อนอยู่ในแมกไม้ไกลออกไป เขามองสูงขึ้นไปจนถึงระเบียงครึ่งวงกลมที่ยื่นออกมาจากตัวตึก เห็นได้เพียงลางๆ เพราะตวามมืดและระยะทาง กรเคยชี้ให้เขาดูห้องส่วนตัวของเขาเองและของทิพย์สุรางค์ซึ่งอยู่ห่างกันคนละมุมตึก เคนจ้องมองระเบียงนั้นอย่างเผลอไผล

หลายครั้งเมื่อวิ่งออกกำลังกายในตอนเช้าตรู่ เขาเคยวิ่งเลียบลำธารมาถึงตรงนี้ เคยเห็นหญิงสาวแสนงามคนนั้นยืนชมวิวทิวทัศน์ยามเช้าตรู่ที่เต็มไปด้วยหมอกสีขาว แม้ไม่เห็นเธอชัดเจนแต่เขาก็รู้ว่าเป็นเธอ บางวันเขาเห็นเธอเหลียวมองมาทางที่เขายืนอยู่ ราวกับรู้ว่ามีคนกำลังแอบมองเธออยู่

แล้วอะไรบางอย่างก็สว่างแวบขึ้นมาในหัวใจ เขารู้แล้วว่าทำไมหัวใจของเขา จึงรู้สึกหมองเศร้ารุ่มร้อนและร้าวราน เมื่อคิดว่าจะต้องจากเวียงพุกามไป ไม่ใช่ตัวเวียงพุกามเอง ไม่ใช่ตาเฒ่าเป็งที่เอื้ออาทรต่อความเป็นอยู่ของเขา ไม่ใช่หนานคำที่ระยะหลังนี้ ให้การยอมรับในความสามารถของเขาและแสดงความจริงใจต่อเขามากขึ้น แล้วก็ไม่ใช่กร เด็กชายที่เขารักและเอ็นดูอย่างมาก แต่เป็นทิพย์สุรางค์นี่เอง !

ทิพย์สุรางค์ผู้มักจะเข้ามาอยู่ในความคิดคำนึงของเขา โดยไม่รู้ตัวและไม่เคยคิดอาจเอื้อม เขาเห็นว่าเธอเป็นคุณหนูแสนสวยแสนหยิ่งที่น่ารัก เขาไม่เคยคิดตำหนิความเย่อหยิ่งถือตัวของเธอเลย เธอเป็นผู้หญิงที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมเกือบทุกด้าน สมควรที่จะหยิ่งทรนงในตัวเอง ความเจ้าอารมณ์ ขี้โมโหหรือขี้หมั่นไส้ที่กรชอบค่อนขอดอยู่เป็นประจำ ก็เป็นเพียงข้อบกพร่องเล็กๆน้อยๆ เท่านั้นในสายตาของเคน ไม่มีใครในโลกนี้สมบูรณ์แบบ

คืนนั้นชายหนุ่มก็แทบไม่ได้นอนอีกทั้งคืน เขาใช้ความคิดอย่างหนัก ใจหนึ่งก็อยากอยู่ที่เวียงพุกามเพื่อรอพบทิพย์สุรางค์ แต่เธอก็เงียบหายไปสามสัปดาห์แล้ว ในขณะที่บิดาของเธอกลับมาแล้วเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา เมื่อวานนี้ระหว่างนั่งทำงานอยู่ด้วยกันหนานคำเล่าให้ฟังว่า คุณดนัยกลับมาแล้วแต่คุณหนูยังอยู่กับครอบครัวของคุณใหญ่ในกรุงเทพฯ และอาจจะไปเที่ยวพักผ่อนที่ต่างประเทศสักพักหนึ่งด้วย

เมื่อได้ยินเคนก็ใจหายวาบ หมายความว่าทิพย์สุรางค์หาเรื่องไปที่ไหนต่อไปเรื่อยๆ เพื่อหลบหน้าเขาอย่างนั้นหรือ เขาควรหรือไม่ที่จะช่วยให้เธอสบายใจขึ้น กลับมาอยู่เวียงพุกามที่เธอรักได้เหมือนเดิม โดยไม่มีเขาอยู่เกะกะเป็นเสี้ยนหนามที่คอยตำหัวใจของเธอให้ปวดแปลบ แต่ถ้าเธอกลับมาแล้วและพบว่าเขาไม่ได้อยู่ที่นี่อีกแล้ว ใจหนึ่งเธออาจจะพอใจแต่อีกใจหนึ่งเล่า เธออาจจะคิดว่าเขาไม่ใช่ลูกผู้ชาย เขาหนีหน้าไปเพื่อไม่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น

ชายหนุ่มคิดทบทวนอย่างหนักเพื่อหาทางออก แม้เขาไม่อยากจะไปจากเวียงพุกามในตอนนี้ แต่ก็เห็นแล้วว่าทิพย์สุรางค์คงไม่กลับมาง่ายๆ เธออาจจะหลบไปเพื่อให้เวลาเขาปลีกตัวไปเสียจากเวียงพุกาม ในที่สุดเคนก็นึกถึงนักสืบสองคนที่มาเสนอทางเลือกให้เขา เขาสัญญาไว้แล้วว่าจะติดต่อคนทั้งสองในวันพรุ่งนี้ ชายหนุ่มคิดทั้งคืนแล้วก่อนสว่างเขาก็ได้คำตอบ คำตอบที่จะตัดสินชีวิตและอนาคตของเขาในเรื่องที่เกี่ยวกับทิพย์สุรางค์

เขาจะต้องไปพบผู้หญิงที่ชื่อนวลละออไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร ไม่ว่าเขาจะได้พบครอบครัวที่แท้จริงของเขาหรือไม่เขาก็ต้องไป เขาจะต้องรู้อดีตของเขาให้ได้ จะต้องค้นหาตัวตนที่แท้จริงของเขาให้พบไม่ว่าด้วยวิธีใด ตอนนี้เป้าหมายของเขาได้เปลี่ยนไปแล้วจากเดิม เขาจะไม่พยายามค้นหาอดีตเพื่อตัวเองอีกต่อไป แต่จะทำเพื่อทิพย์สุรางค์ เขาจะกลับมาพบเธออีกครั้งเมื่อเขาพร้อมแล้ว

ก่อนเก้านาฬิกาวันนั้น เคนขออนุญาตหนานคำใช้โทรศัพท์ในสำนักงาน ต่อไปหาคุณนวลละออตามหมายเลขที่เขาจดจำไว้ เสียงกริ่งโทรศัพท์ดังเพียงครั้งเดียวก็มีเสียงผู้หญิงตอบรับอย่างกระตือรือร้น ทำให้ชายหนุ่มแน่ใจว่าสมศักดิ์หรือเวทย์ ได้ติดต่อไปที่หมายเลขนั้นเรียบร้อยแล้ว

“คริสหรือลูก” เธอผู้นั้นถามต่อหลังจากไม่ได้ยินอะไรจากเขา

เคนลังเล ไม่รู้จะตอบรับว่าชื่อนั้นเป็นชื่อของเขาหรือจะบอกชื่อเคนที่ใช้อยู่ในตอนนี้ เมื่อไม่ได้ยินเสียงตอบรับอีกเธอผู้นั้นก็พูดต่อว่า “ นั่นคริสใช่ไหม พูดอะไรกับป้าสักหน่อยสิ นี่ป้านวลนะลูก ”

แล้วเขาก็ได้ยินเสียงร้องไห้ของเธอที่ทำให้เขาใจหาย ชายหนุ่มตัดสินใจเดินไปข้างหน้าด้วยการถามอย่างรวบรัดว่า “ตกลงจะให้ผมทำยังไงครับ จะให้ผมไปพบ หรือว่าจะขึ้นมาพบผมที่นี่ ”

เสียงผู้หญิงที่อ้างตัวเองว่าเธอคือ 'ป้านวล' ตอบกลับมาอย่างกระตือรือร้นว่า “ใช่คริสจริงๆด้วย ป้าจำเสียงได้ คริสจะเอายังไงล่ะ ป้านวลขึ้นไปพบคริสก็ได้นะลูก ”

“อย่าเลยครับ ลำบากเปล่าๆ ผมจะไปพบคุณป้าเองครับ จะไปกับนักสืบของคุณป้า ”

“คริสมาพรุ่งนี้ได้ไหม ป้าจะให้คุณสมศักดิ์จัดการเรื่องการเดินทางให้ แต่ป้าเช็คแล้ว ช่วงนี้เครื่องบินจากแม่ฮ่องสอนเต็มเกือบทุกวัน เดี๋ยวป้าจะคุยกับคุณสมศักดิ์อีกที ”

“ ครับ ” ชายหนุ่มรับคำสั้นๆ
“ ป้าโทรไปบอกคุณพ่อคุณแม่แล้วตั้งแต่เมื่อคืน ท่านกำลังเดินทางมากรุงเทพฯ ”

เคนนิ่งฟัง แสดงว่าที่นักสืบบอกว่ามารดาของเขาชื่อคุณธัญญา ไม่ใช่คุณนวลละอออย่างที่เขาเข้าใจในตอนแรกน่าจะเป็นความจริง

“ บอกป้าได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น คริสไปอยู่ที่ไหนตั้งเกือบปี รู้ไหมว่าทุกคนที่นี่คิดว่าคงจะไม่มีโอกาสได้พบคริสอีกแล้ว ” เสียงของคุณนวลละออสั่นเครือ

“ไว้พบกันแล้วผมจะเล่าให้ฟังนะครับ ” เขาตอบตัวเองไม่ได้ว่าทำไมจึงรู้สึกตื้นตันใจขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินประโยคท้าย

“ ป้านวลจะไปรับที่สนามบินนะลูก ” คุณนวลละออบอกกล่าว “ ป้านวลจะติดต่อกับคุณสมศักดิ์อีกที เรื่องเวลาที่เครื่องบินจะถึงกรุงเทพฯ ”

หลังจากนั้นเคนโทรศัพท์ไปหาสมศักดิ์ ตามหมายเลขมือถือที่ระบุไว้ในนามบัตร

สมศักดิ์ถามว่า “คุณพร้อมจะเดินทางเมื่อไหร่ ผมคุยกับคุณนวลละออแล้วเธออยากพบคุณเร็วที่สุด แต่ตั๋วเครื่องบินจากแม่ฮ่องสอนไปเชียงใหม่ ตอนนี้เต็มหมดจนถึงอาทิตย์หน้า ”

“ไม่มีเครื่องบินที่บินตรงถึงกรุงเทพฯหรือครับ”
“ไม่มีครับ ต้องไปต่อเครื่องที่เชียงใหม่เข้ากรุงเทพฯ “

เมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบไปสมศักดิ์ก็อธิบายเพิ่มเติม “ตอนนี้มีแค่สองสายการบิน ที่บินระหว่างแม่ฮ่องสอนกับเชียงใหม่ รวมกันแค่วันละ 3-4 เที่ยวเท่านั้น ”

“ผมอยากไปพบคุณนวลละออเร็วที่สุด อาทิตย์หน้านานเกินไป ” ตอนนี้เมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะทำเพื่อทิพย์สุรางค์เขาก็ไม่อยากรออีกต่อไป เขาต้องการรู้ความจริงเร็วที่สุด “ถ้าไปทางเครื่องบินไม่ได้ เราจะเดินทางด้วยวิธีใดได้บ้าง”

“ผมสอบถามโรงแรมที่ผมอยู่แล้วครับ เขามีรถตู้สภาพดีให้เช่าพร้อมคนขับ แล้วไปต่อเครื่องบินที่เชียงใหม่เข้ากรุงเทพฯได้เลย ” สมศักดิ์อธิบายแล้วเสริมว่า “ ถ้าเอาตามนี้ผมจะได้โทรไปจองตั๋วเครื่องบินเอาไว้ก่อน ”

“ แล้วจะไม่มีปัญหาเรื่องตั๋วหรือ”

“ อ๋อ คงไม่มีหรอกครับ จากเชียงใหม่ไปกรุงเทพฯ มีหลายเที่ยวบินและสายการบินหลายสาย ”
“ ถ้างั้นก็จัดการทุกอย่างได้เลย ” ชายหนุ่มตัดสินใจ

หลังจากพูดจานัดหมายกันอีกสองสามประโยค เคนก็วางโทรศัพท์แล้วเดินไปหาหนานคำ เล่าให้ฟังคร่าวๆ ถึงการจะเดินทางไปกรุงเทพฯในเช้าวันรุ่งขึ้น เพื่อพบกับคนที่อ้างตัวว่าเป็นคนในครอบครัวของเขา หนานคำพลอยตื่นเต้นดีใจไปกับเขาด้วย ระยะหลังๆนี่เขารู้สึกเป็นกันเองและเอ็นดูชายหนุ่มรุ่นลูก ที่มีบุคลิกโดดเด่น สุภาพอ่อนโยนและมารยาททั่วๆไปที่บ่งบอกถึงการอบรมที่ดีผู้นี้มากขึ้น ไม่เหมือนระยะแรกๆที่เขาสงสัยจนต้องคอยเฝ้าติดตามพฤติกรรมต่างๆด้วยความหวาดระแวง

คืนนั้นเมื่อกลับไปที่บ้านพักของตาเป็ง เคนเก็บของใช้ส่วนตัวเท่าที่จำเป็นใส่ถุงเตรียมเอาไว้ สองจิตสองใจอยู่ครู่หนึ่งก็หยิบกระดาษเปล่าและซองจดหมาย ที่ถือติดมือมาด้วยจากสำนักงานออกมา แล้วลงมือเขียนจดหมายถึงทิพย์สุรางค์และกรแยกกันคนละฉบับ เขียนเสร็จก็ใส่จดหมายลงในซอง ปิดปากซองจนสนิท ใส่ลงไปในกระเป๋าเสื้อตัวที่เตรียมจะใส่ในวันพรุ่งนี้

เช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อเดินลงมาข้างล่างเขาพบตาเป็ง ซึ่งเพิ่งกลับเข้าบ้านมาหลังจากกวาดลานหน้าบ้านเสร็จ เคนยื่นเสื้อกันหนาวตัวหนาที่แกใจดีมอบให้เขาเก็บไว้ใช้ ซึ่งเขาก็ได้ใช้มันอย่างคุ้มค่าน้ำใจของแกตลอดเวลาหลายเดือนที่ผ่านมา คืนให้ตาเป็ง

“ลุงครับ ผมกำลังจะกลับบ้าน ขอบคุณลุงมากสำหรับเสื้อตัวนี้ ผมขอคืนให้ลุงนะครับ ผมคงไม่ต้องใช้มันอีกแล้ว ผมขอบคุณลุงมากที่ใจดีให้ผมพักอยู่ด้วยอย่างมีความสุข ผมจะไม่ลืมลุงเลย"

ตาเป็งซึ่งรู้เรื่องของเคนจากหนานคำแล้ว มองเสื้อกันหนาวสีดำหนาเตอะที่ชายหนุ่มยื่นมาให้ มองแล้วก็คิดไปถึงผ้าห่มเนื้อนุ่มสีเหลืองอ่อนเกือบขาว ที่น่าจะมีราคาแพงพอสมควรที่พบในห้องนอนของเคน ในบ่ายวันที่กลับจากไปร่วมงานศพญาติสนิทที่อำเภอห่างไกล แกกลับเร็วกว่ากำหนดหนึ่งวัน ตามปกติตั้งแต่เคนมาพักอยู่ด้วย ตาเป็งไม่เคยล่วงล้ำเข้าไปในห้องของเขา แต่มันมีสาเหตุที่ทำให้แกต้องเข้าไป

ตอนที่กลับมาถึงบ้าน ตาเป็งวางเข้าของที่หอบมาด้วยไว้หน้าประตูห้องนอน ขณะที่กำลังสอดลูกกุญแจเข้าไปในแม่กุญแจเพื่อเปิดห้อง กุญแจดอกนั้นก็หลุดจากมือ กระเด็นเข้าไปใต้เก้าอี้ยาวหน้าห้องที่แกนั่งอยู่เป็นประจำ เมื่อก้มตัวลงมองเข้าไปใต้เก้าอี้เพื่อหากุญแจดอกนั้น แกก็เหลือบไปเห็นรองเท้าแตะคู่สวยวางแอบอยู่ ชายชราหยิบรองเท้าคู่นั้นมาดูอย่างพินิจพิจารณา มันเป็นรองเท้าแตะคู่กระทัดรัดของผู้หญิง ถึงจะเป็นแค่รองเท้าแตะแต่รูปร่างหน้าตาของมันบ่งบอกถึงสนนราคาที่สูงลิบ ซึ่งแกแน่ใจว่าไม่ใช่ของศรีวรรณหรือคำหล้า ที่ชอบมาป้วนเปี้ยนถามหาเคนกับแกอยู่บ่อยๆ

เฒ่าเป็งถือรองเท้าไว้ในมือ เพ่งมองมันอย่างใช้ความคิดจนลืมไขกุญแจห้อง ต่อจากนั้นก็ขึ้นบันไดเปิดประตูเข้าไปในห้องของเคน และก็เป็นตอนนั้นเองที่ชายชราเห็นผ้าห่มสีเหลืองอมขาวเนื้อหนาราคาแพง พับวางอยู่บนฟูกเล็กๆที่เคนใช้ปูนอน ส่วนผ้าห่มเนื้อหยาบสีดำที่คำปันจัดมาให้ตั้งแต่วันแรก ที่ชายหนุ่มผู้นั้นเข้ามาพักอาศัยในเวียงพุกาม ถูกพับวางเอาไว้ใกล้กับตู้พลาสติกใบเล็กที่เคนใช้เก็บเสื้อผ้า

หลังจากนั้นชายชราก็มองไปทั่วห้อง และโดยบังเอิญตาของแกไปสะดุดอยู่ที่อะไรอย่างหนึ่งบนพื้นห้อง ตรงที่ติดกับชายเสื่อด้านหัวนอน ตาเป็งลงนั่งยองๆ หยิบของสิ่งนั้นขึ้นมาดูและพบว่ามันคือกระดุมเม็ดเล็กๆสีดำลายทอง ที่ไม่สังเกตเห็นตั้งแต่แรกก็เพราะสีของมันกลมกลืนกับเสื่อผืนนั้น ซึ่งพื้นของมันเป็นสีดำมีลายเป็นขีดยาวๆสีเหลืองประปรายอยู่ทั่วผืน

หลังจากนั้นชายชรากลับลงมาข้างล่าง ไขกุญแจเปิดห้องแล้วนำรองเท้าแตะคู่สวยใส่ลงในถุงกระดาษใบหนึ่ง ตามด้วยกระดุมปริศนาเม็ดนั้น ซึ่งตอนนี้แกนำไปใส่ไว้ในถุงพลาสติกใสใบเล็กที่เผอิญมีติดบ้านอยู่ แล้วเอาถุงกระดาษใบนั้นไปซุกไว้ในซอกตู้เล็กๆในห้อง แล้วก็ตั้งแต่วันนั้นเองที่แกลอบสังเกตเคน และเห็นความผิดปกติของเขาได้ชัดเจน เขาดูเศร้าและครุ่นคิด บางครั้งเขาไม่พูดไม่จากับแกเหมือนเคย เอาแต่นั่งเหม่อเหมือนหัวใจลอยไปไกลลิบ บางครั้งก็ถอนใจอยู่เฮือกๆ

เคนยังไปทำงานที่สำนักงานในบริเวณโรงบ่มตามปกติ แต่สีหน้าท่าทางของเขาไม่ปกติ บางคืนตอนดึกๆแกได้ยินเสียงเขาเปิดประตูห้องลงบันไดมา แต่เมื่อแกย่องออกมาดูเขาไม่อยู่ตรงนั้นแล้ว เฒ่าเป็งคิดว่าเขาคงมีปัญหาบางอย่างที่ทำให้นอนไม่หลับ จนต้องออกไปเดินเล่นอยู่แถวนั้น

ที่ผิดปกติอีกอย่างคือแกเห็นเคนสูบบุหรี่ ถึงเขาจะออกไปสูบนอกบ้านก็ตาม ชายชราคิดว่าคงมีเรื่องอะไรบางอย่างที่ทำให้เขากลุ้มใจ เกิดขึ้นในช่วงเวลาสองวันที่แกไม่อยู่ เพราะตั้งแต่เขามาพักอยู่ด้วยแกไม่เคยเห็นเขาสูบบุหรี่ ตาเป็งเก็บเรื่องเหล่านี้ไว้ในสมองแล้วเฝ้าสังเกตเขาต่อไป แกเห็นว่าอาการของเคนไม่ได้ดีขึ้น มีแต่จะแย่ลงเรื่อยๆ

ต่อมาชายชรารู้จากหนานคำว่าคุณหนูไปกรุงเทพฯตั้งแต่วันรุ่งขึ้น ถัดจากวันที่แกเดินทางไปร่วมงานศพญาติ และจะอยู่ที่นั่นโดยไม่มีกำหนดกลับ หนานคำยังบ่นต่อให้แกฟังว่า “ คุณหนูใจฮ้อน ไปสนามบินตั้งแต่มืด จู่ๆเปิ้นก็ไปเสียเฉยๆงั้นแหละ แล้วยังทำเหมือนจะไม่กลับมาอีก ”

สมองที่ยังทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพของเฒ่าเป็ง ประมวลข้อมูลทั้งหมดเข้าด้วยกันอย่างรวดเร็ว แล้วก็ทอดถอนใจอย่างหนักอึ้งในหัวอกไม่กล้าคิดอีกต่อไป

ตาเป็งเอื้อมมือไปรับเสื้อกันหนาวจากเคน มองเขาอย่างพิจารณา

“ คุณจะไปวันนี้เลยหรือ ”
“ ครับ ” เคนตอบ

ชายชราสังเกตเห็นว่าวันนี้หน้าตาท่าทางของเขา ดูดีกว่าหลายวันที่ผ่านมา เขามีท่าทางกระตือรือร้น ดวงตาคู่ที่กำลังมองแกอยู่ก็เต็มไปด้วยความหวัง ที่แกไม่เคยเห็นมาก่อน

ตาเป็งพูดต่อไปด้วยเสียงเรื่อยๆเหมือนไม่ได้ตั้งใจว่า “ คุณหนูก็ไม่อยู่ แต่ก็คงจะกลับมาเร็วๆนี้แหละ คุณน่าจะอยู่รอร่ำลาเธอเสียหน่อย ไหนๆเธอก็เป็นเจ้านายที่ดีมีเมตตากับพวกเราทุกคน ”

แล้วชายชราก็ได้เห็นพิรุธในสีหน้าแววตาของชายหนุ่ม หน้าของเขาแดงขึ้น เขาไม่สบสายตาแกขณะที่ตอบอย่างตะกุกตะกักว่า “ ผมต้องรีบไป คนที่มาตามผมเขารออยู่ที่ตัวจังหวัดแล้ว ”

เคนนึกขึ้นมาได้ถึงจดหมายในกระเป๋าเสื้อ “ ลุงครับ ผมคงไม่มีโอกาสได้ลาเธอด้วยตัวเอง ” เขาหยิบจดหมายออกมายื่นส่งให้ตาเป็ง “ ผมฝากจดหมายนี่ให้คุณหนู กรุณามอบให้เธอด้วย ผมอธิบายทุกอย่างไว้ในนี้หมดแล้ว ส่วนฉบับนี้ผมฝากให้คุณกร ”

เมื่อรู้ว่าเคนกำลังจะไปจากเวียงพุกามและคงไม่กลับมาอีกแล้ว ชายวัยใกล้เจ็ดสิบก็รู้สึกทั้งโล่งใจและกังวลลึกๆไปพร้อมกัน ชายหนุ่มยกมือไหว้อำลาและขอบคุณในความเมตตาอารีของแกที่มีต่อเขาตลอดมา เฒ่าเป็งอวยชัยให้พรให้เขาได้พบครอบครัว มีชีวิตที่ดีงามมีความสุขความเจริญต่อไป 

เคนรู้สึกเสียใจเหมือนกันที่ต้องจากแกไป เพราะตลอดเวลาหลายเดือนที่อยู่ร่วมบ้านกับชายวัยเกือบเจ็ดสิบปีผู้นี้ แกปฏิบัติต่อเขาอย่างดี คอยห่วงใยดูแลทุกข์สุขของเขาเหมือนลูกหลาน ส่วนเขาเองก็รู้สึกนับถือแกเหมือนญาติผู้ใหญ่คนหนึ่ง

ชายสูงวัยมองตามร่างสูงตรงผึ่งผายที่เดินจากไปจนลับตา แล้วยกจดหมายฉบับที่จ่าหน้าถึงทิพย์สุรางค์ขึ้นดู ยังตัดสินใจไม่ตกว่าควรจะส่งต่อให้คุณหนู เมื่อเธอกลับมาเวียงพุกามหรือไม่ แกไม่รู้ว่าในจดหมายฉบับนี้มีข้อความว่าอย่างไร แต่ถึงอยากรู้ตาเป็งก็ไม่คิดที่จะเปิดออกอ่าน ถ้าเรื่องราวระหว่างหนุ่มสาวทั้งสองเป็นไปในแบบที่แกสงสัยและตอนนี้เคนก็จะไปจากที่นี่แล้ว แกก็ไม่ต้องการให้มันยืดเยื้อ แม้จะชอบเคนมากและมองเห็นคุณสมบัติที่ดีหลายอย่างในตัวเขา แต่แกก็เห็นความไม่เหมาะสมคู่ควรระหว่างคนทั้งสอง

คุณหนูของแกเป็นดอกฟ้าที่มีคุณค่าสูงลิบทั้งรูปร่างหน้าตา ชาติตระกูล ฐานะความเป็นอยู่และการศึกษา ตลอดจนนิสัยใจคอที่แกชื่นชม ในขณะที่เคนเป็นใครมาจากไหนก็ไม่รู้ เขาไม่มีอะไรที่จะเทียบเคียงกับเธอได้เลย ผู้หญิงอย่างคุณหนูของแก เหมาะสมคู่ควรกับชายผู้ดีผู้มีฐานะสูงส่งพอๆกับเธอหรือสูงกว่าเธอเท่านั้น คิดแล้วชายชราก็เอาจดหมายฉบับนั้นไปเก็บไว้ ในถุงกระดาษใบเดียวกับที่ใส่กระดุมและรองเท้าแตะคู่สวยนั้นเอาไว้ ส่วนจดหมายที่จ่าหน้าถึงกร แกนำไปวางไว้บนโต๊ะที่ใช้เป็นที่รับประทานอาหาร


 




Create Date : 09 มีนาคม 2567
Last Update : 9 มีนาคม 2567 12:52:03 น.
Counter : 363 Pageviews.

5 comments
(โหวต blog นี้) 

ผู้โหวตบล็อกนี้...
คุณฟ้าใสวันใหม่, คุณโฮมสเตย์ริมน้ำ, คุณtanjira, คุณแมวเซาผู้น่าสงสาร, คุณสายหมอกและก้อนเมฆ, คุณSleepless Sea, คุณปรศุราม, คุณหอมกร, คุณสองแผ่นดิน, คุณhaiku, คุณkatoy, คุณอาจารย์สุวิมล, คุณดาวริมทะเล, คุณปัญญา Dh, คุณโอน่าจอมซ่าส์, คุณSweet_pills, คุณnewyorknurse, คุณร่มไม้เย็น, คุณมาช้ายังดีกว่าไม่มา

  
กำลังสนุกเชียวค่ะคุณตุ้ย

โดย: หอมกร วันที่: 9 มีนาคม 2567 เวลา:21:45:03 น.
  
มาอ่านจนจบ จดหมายส่งไม่ถึงนางเอก
โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 9 มีนาคม 2567 เวลา:22:00:26 น.
  
สวัสดี จ้ะ น้องดอยสะเก็ด

อ่านเพลิน ๆ เอ้า หมดแล้ว เนื้อหากำลังน่าลุ่นเลยจ้ะ ว่า เคน
จะจำพ่อแม่และป้านวลได้ไหม อิอิ เคนจะได้พบกับนางเอกไหม
รออ่านติดตามต่อไป จ้ะ

โหวดหมวด งานเขียน ฯ
โดย: อาจารย์สุวิมล วันที่: 10 มีนาคม 2567 เวลา:18:43:23 น.
  
สวัสดีครับ
โดย: ปัญญา Dh วันที่: 11 มีนาคม 2567 เวลา:22:20:48 น.
  
อ่านเพลินเลยค่ะ
โดย: Emmy Journey พากิน พาเที่ยว วันที่: 15 มีนาคม 2567 เวลา:14:03:17 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ดอยสะเก็ด
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]



New Comments
Group Blog
มีนาคม 2567

 
 
 
 
 
1
2
3
5
6
7
8
10
11
12
13
15
16
17
18
19
21
22
23
24
26
27
28
29
30
 
 
All Blog
Friends Blog
[Add ดอยสะเก็ด's blog to your weblog]
  •  Bloggang.com