|
1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 | 7 |
8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 | 14 |
15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 | 21 |
22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 | 28 |
29 | 30 | |
|
|
|
|
|
|
|
◕‿◕ Banana เริงร่า กล้วยปิ้ง(ทับ)มะพร้าวอ่อน◕‿◕✿
สวัสดีมิตรรักแฟนรายการและแฟนคลับ(ช้อยช่างชิม) สวัสดีแฟนคลับแม่ครัวบี๊(บ่งบ๊ง)ด้วยนะคะ พบกันเป็นประจำทุกเดือนกับเมนูสุดพิเศษที่แม่ครัวบี๊รังสรรค์ความอร่อยมาฝากเพื่อน ๆ ให้ไปลองทำ จะคัดเลือกอาหาร/ขนมที่ตัวเองชอบและถูกใจสมาชิกในครอบครัว เรียกว่าเมนูประจำซ้ำซากก็ว่าได้ ครั้งก่อนอาหารคาวที่ทำเสร็จไม่ต้องไปร้องเรียกเร่หาผู้คนมาชิม พ่อหลานชายตัวแสบจัดการสิ้นซาก
ครั้งนี้ทำของกินเล่นที่มีความเป็นไทยแท้แต่ดั้งเดิม เป็นของหากินง่าย มีขายตามข้างทางมากมาย แล้วยังพากันติดยี่ห้อแล้วพากันขึ้นไปขายบนห้าง ขายแพงเพราะต้องบวกค่าเช่าสถานที่เข้าไปด้วย มายุคสมัยนี้มีตัวช่วยอำนวยความสะดวกสารพัน เตาอบไร้น้ำมัน ฝาอบลมร้อน เตาติ๊ง(อบ)ปิ้งย่าง เครื่องทุนแรงต่าง ๆ ช่วยให้ทุกอย่างรวดเร็ว สะดวก และง่ายขึ้น ทำให้เกิดความขี้เกียจในเรื่องยุ่งยาก เรียกว่ารวดเร็วทันใจไปทุกสิ่งจนทำให้เด็กรุ่นใหม่ลืมภาพและวิธีการทำของกินที่ยุ่งยากในอดีตกันไปแล้ว
ถ้าถามว่าขนมไทยอะไรที่แม่ครัวบี๊ชอบกิน อย่างแรก บรรดาขนมแกงบวดต่าง ๆ ที่ใส่กะทิเข้มข้น ชอบแกงบวดฟักทอง บวดมันสัมปะหลัง บวดเผือก และชอบสุดมากที่สุด ขนมบัวลอย(ไม่ใส่ไข่) รองลงมาขนมทำจากกล้วย ขนมกล้วย กล้วยเชื่อม กล้วยฉาบ ที่ชอบมากคือกล้วยห่าม ๆ ปิ้งย่าง หนึ่งในนั้นคือกล้วยปิ้งที่นำมาทับให้แบน ๆ ราดน้ำน้ำตาลเชื่อมที่มีหัวกะทิหอมหวานผสมใส่ไปด้วย
วันนี้ขอนำสูตรกล้วยปิ้งและน้ำกะทิราดกล้วยสูตรที่ชอบส่วนตัว หากใครสนใจจะลองไปทำทานก็ได้ ช่วงนี้ทำบ่อยแทบทุกวัน เพราะบ้านเรามีกล้วยน้ำว้าติดบ้านตลอดและสมาชิกทุกคนก็ชอบทานด้วยคะ





นอกจากความหอมของหัวกะทิที่ผสมในน้ำเชื่อมแล้ว ยังได้ความอร่อยกรุบกรอบจากเนื้อมะพร้าวน้ำหอม


มาดูสูตรกล้วยปิ้งของบ้านเรากันหน่อยนะคะ
✿ กล้วยปิ้ง / กล้วยทับ ✿
ส่วนประกอบ
- กล้วยน้ำว้าห่าม 10 ลูก
กล้วย - กล้วยน้ำว้าที่ใช้ประจำคือพันธุ์ "มะลิอ่อง" มีสีสันสวยงาม ไส้เหลืองและรสไม่ฝาด กล้วยพันธุ์นี้เหมาะที่จะนำมาทำขนมต่าง ๆ ที่มีส่วนผสมของกล้วย โดยเฉพาะกล้วยเชื่อมจะให้สีสันและเส้นใยที่สวยงามมาก


ในส่วนน้ำกะทิ/น้ำเชื่อมราดกล้วย ถ้าเสริชหาจากกูเกิ้ลจะพบมากมายหลายสูตร ใครชอบสูตรแบบใดก็ว่ากันไป แต่เราและน้องสาวไม่ชอบน้ำเชื่อมที่มีกลิ่นควันเทียน ตรงนี้คงได้มาจากหม่อมแม่(แม่เล็ก) แม่เราไม่ชอบทานขนมที่มีกลิ่นควันเทียน ลูก ๆ ทั้งสามคนพลอยไม่ชอบกลิ่นควันเทียนไปด้วย ถือเป็นมรดกการกินที่ตกทอด
✿ น้ำชื่อม/น้ำกะทิราดกล้วย ✿ ส่วนประกอบ
- กะทิอัมพวา 1/2 ถ้วย - น้ำตาลปีบ(มะพร้าว) 200 กรัม - น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ - เกลือป่น หยิบมือ - แป้งข้าวโพด (เตรียมไว้ก่อน เผื่อน้ำตาลไม่เหนียวก็ใส่ลงไป) - เนยสด(เค็ม) 1 ช้อนโต๊ะ (ไม่มีเนยไม่ต้องใส่ไป)
เกลือ - เกลือที่ใช้ทำอาหารและขนม(ไทย)ส่วนใหญ่เราจะใช้เกลือสมุทร ถามว่าเกลือสมุทรเป็แบบใด เกลือซองละ 2 บาท ที่มักมีคนหาบมาขายนั่นเอง
แป้งข้าวโพด - ใส่เพิ่มในกรณีน้ำตาลไม่เหนียว หรือไม่อยากเสียเวลาในการเคี่ยว แต่เราไม่เคยใส่ไปสักครั้ง เพราะเคี่ยวน้ำตาลเมื่อใด เหนียวข้นสมใจ เพราะมีวิธีการ


เช่นเคยนะคะ แม่ครัวบี๊จะใช้ "กะทิอัมพวา" กะทิชั้นดีจากวัตถุดิบชั้นเยี่ยมใส่น้ำยาปูในครั้งนี้ "กะทิอัมพวา" หัวกะทิ 100% จากมะพร้าวชั้นดี คัดพิเศษจากแหล่งที่ดีที่สุดของเมืองไทย
และแน่นอนที่สุด การเลือกใช้กะทิคุณภาพดี มีส่วนอย่างมากในการปรุงอาหารชนิดต่าง ๆ เราจึงต้องเลือกซื้อกะทิที่เป็นธรรมชาติ ไม่มีการแต่งกลิ่น แต่งรส ใส่สีและใส่แป้งให้ความข้น กะทิบางยี่ห้อมีการแต่งกลิ่น แต่งรสชาด เมื่อใส่ในของกินจะให้กลิ่นไม่เป็นธรรมชาติที่ผิดเพี้ยน

มาเริ่มที่ตัวน้ำเชื่อมราดกล้วยกันก่อน เพราะทำแล้วต้องพักให้เย็นเพื่อความเข้มข้น(เหนียว)นั่นเอง วิธีการทำส่วนใหญ่คือจะนำส่วนผสมทั้งหมดใส่ในหม้อ แล้วเคี่ยวไปเรื่อยจนกว่าจะข้นและมีความเหนียว แต่วันนี้จะทำให้ชมในแบบของเรา เราติดการทำน้ำตาลคาราเมล คือเคี่ยวน้ำตาลให้เดือดและข้นก่อน จากนั้นใส่ส่วนผสมอื่น ๆ ลงไป หลายคนบอกวิธีนี้ยุ่งยาก จับใส่รวมกันในหม้อเลยทีเดียว ง่ายกว่า วิธีการทำในสไตล์ของใคร ชอบแบบใดก็ว่ากันไป ไม่ผิดกฏกติกาใด ๆ ถือเป็นความชอบส่วนตัวนะคะ

✿ วิธีทำน้ำเชื่อม ✿
นำน้ำตาลปีบใส่หม้อ ใส่เกลือแล้วยกขึ้นตั้งไฟกลาง ๆ รอให้เดือดแล้วหรี่ไฟลงอ่อน ๆ เคี้ยวจนข้น


ขณะที่น้ำตาลกำลังเดือดจัด ๆ และมีความข้นได้ที่แล้ว ดับไฟเตาแล้วใส่น้ำเปล่า เทน้ำกะทิอัมพวาที่เตรียมไว้ลงไป !! ขั้นตอนนี้ต้องระวังอย่างมาก น้ำตาลกำลังเดือด ๆ แล้วใส่น้ำ นม หรือครีมลงไป จะกระเด็นขึ้นมาลวกมือได้ ฉะนั้นต้องค่อย ๆ ใส่ลงไปที่ละน้อย อย่าเททีเดียว


วิธีการเคี่ยวน้ำเชื่อมให้ข้นโดยเร็วและไม่เปลืองแก๊ส คือให้เร่งไฟแรงเพื่อให้น้ำตาลเดือดขึ้นมา แล้วหรี่ไฟลงอ่อนๆ ให้น้ำตาลยุบตัวลง ทำสลับไปมาแบบนี้เรื่อย ๆ ไม่นานน้ำตาลก็จะข้นและไม่เปลืองแก๊สด้วย

ใช้ช้อนหรือทัพพีตักน้ำเชื่อมขึ้นมาดู เมื่อเห็นว่าเหนียว/ข้นได้ที่ตามชอบแล้ว ใส่เนยสด(เค็ม)ลงไป แล้วคนผสมเร็ว ๆ ให้เข้ากันดี พักส่วนนี้ไว้ให้เย็นตัว

แบ่งใส่ถ้วย จัดเตรียมความพร้อม(กิน)

จากนี้เราก็จะมาต่อกันในส่วนของกล้วย(ปิ้ง)
ตัดส่วนหัวท้ายออกเล็กน้อยแล้วหั่นกล้วยเป็นแว่น หนาประมาณ 1.5 ซม.

นำชิ้นกล้วยวางบนตะแกรงปิ้ง/ย่าง

ใครมีเตาปิ้งแบบใดก็ว่ากันไป เรามีตัวช่วยอำนวยความสะดวกก็นำมาใช้งาน เรียงชิ้นกล้วยบนตะแกรงในเตาอบไร้น้ำมัน แล้วต้ังอุณหภูมิการอบไว้ที่ 160 องศาเซลเซียส ตั้งเวลาในการอบไว้ประมาณ 25 นาที (สำหรับกล้วยห่าม ๆ) แต่ถ้ากล้วยสุกมากกว่านี้ ก็ต้องตั้งเวลาในการอบให้สั้นลง ประมาณ 15-20 นาที ส่วนนี้ขึ้นอยู่กับเตาที่ใช้งานนะคะ

ต้ังอุณหภูมิการอบไว้ที่ 160 องศาเซลเซียส



กล้วยสุกแล้วนำออกจากเตาอบ แล้วแซะชิ้นกล้วยออกจากตะแกรงแบบเบามือ เพราะผิวกล้วยที่มียางจะติดบนตะแกรง ถ้าดึงแรง ๆ ผิวจะถลอกหลุดลอกได้

มาถึงขั้นตอนที่เร้าใจ 555 งานนี้มีลุ้นๆๆๆๆๆ เรามีอุปกรณ์ตัวช่วย นั่นคือ "ไม้ทับกล้วย" นั่นเอง น้องสาวเรามีโรงงานทำเฟอนิเจอร์และโรงงานสเตนเลส เราก็ไหว้วานให้ช่วยทำไม้ทับกล้วยให้ด้วย โดยเสริชหาตัวอย่างไม้ทับกล้วยจาก Google เมื่อเจอภาพแล้วก็พิมพ์แล้วให้น้องสาวนำไปให้ช่าง ป๊าดดดดด วันรุ่งขึ้นช่าง (นายเขียว) โทรมาแจ้งว่า ไม้ทับกล้วยที่ขุ่นพรี่สั่งทำ ได้แล้วนะขอรับ แว๊กกกก อะไรจะรวดเร็วปานนั้น ผมทำให้สองแบบเลยหล่ะ รูปร่างแบบดั้งเดิมและแบบที่ผมชอบ ก๊ากกกก มีแบบที่นายเขียวชอบและเห็นดีเห็นงามว่ามันดูดีมีสกุล (คุณนายบี๊)ดันถูกใจ ชอบมาก

นำกล้วยที่สุกแล้ววางบนไม้ทับกล้วยที่รองด้วยใบตองเพื่อเพิ่มความหนา เนื่องด้วยไม้ทับมีความหนาไม่เท่ากัน ส่วนบนที่มีบานพับทำให้เกิดช่องว่าง ตอนแรกลืมเพิ่มความหนา วางกล้วยไปแล้ว เมื่อกดไม้แล้วกล้วยไม่แบน ใช้สมอง(ฝ่อๆ) คิดอยู่แปบนุง เริ่มเก๊ตเห็นทางสว่างปลายอุโมงทันใด หยิบใบตองมาพับให้มีความหนาแล้ววาง ทีนี้เริ่มใหม่ โอ้ววว มันใช่เลย
555 666 ต้องทำรูปทรงฮิตติดอันดับไปตามยุคสมัย ทับแล้วต้องเสียบไม้ด้วย แม่ค้าเขาเสียบไม้ก่อนแล้วค่อยนำไปปิ้ง แต่เราใช้เตาปิ้งสมัยใหม่แบบนี้ ก็ต้องปิ้งกล้วยก่อนแล้วค่อยเอามาทับให้แบน ๆ แล้วจึงเสียบไม้ได้แบบนี้เจ้าคะ


ถึงเวลาชิมสีมือตัวเองแล้วคะ มีไม้เสียบก็จัดไป ตักน้ำเชื่อมใส่ในถ้วย เรียงกล้วยปิ้ง(ทับ)ลงในจาน

ตอนทำเสร็จแลัวเอาวางไว้บนโต๊ะอาหาร พ่อหลานชาย(แน๊ต) มาเห็น มันว่านึกว่าป้าจัดขนมในไลน์บัฟเฟ่อย่างในโรงแรม อิอิ ปากดีน๊ะแก!!

ภาพทั้งหมดไม่มีการตกแต่งสี(เหลือง) เป็นสีธรรมชาติของกล้วยพันธุ์"มะลิอ่อง" บางภาพสีสันไม่เหลืองจัด ๆ เป็นเพราะแสงแดด เนื่องจากบางมุมค่อนข้างมืดทึบน้ำตาลปีบ(มะพร้าว)ก็มีส่วน ถ้าน้ำตาลไม่ฟอกสี ได้สีเหลืองสวยแน่นอนคะ

ขนมบราวนี่จะต้องมีภาพทรงนิยม คือวางซ้อน ๆ แล้วเก็บภาพ งั้นเราขอนำพิมนิยมของบราวนี่มาลองใช้กับกล้วยทับแบน ๆ โดยเรียงซ้อนๆๆ แล้วปักด้วยไม้ไผ่เหลาที่กำลังได้รับความนิยม



มะพร้าว ที่บ้านเราก็ไม่เคยขาดมะพร้าวในตู้เย็น น้องสาวและน้องเขยต้องทานน้ำมะพร้าวกันทุกวัน เขาว่ากินน้ำมะพร้าววันละลูกเพื่อสุขภาพ แต่ห้ามเกินกว่านี้เพราะมีข้อดีก็มีข้อเสียด้วยเช่นกัน ปวดเข่า ทานน้ำแต่ไม่ทานเนื้อ เนื้อมะพร้าวมีทุกวัน จำต้องทิ้งไปแบบสุดเสียดาย เดี๋ยวนี้มะพร้าวก็แพงนะ เราก็ต้องหาเมนูต่าง ๆ ทำเพื่อได้ใช้เนื้อมะพร้าวอ่อนนำมาประกอบในเมนูต่าง ๆ ใส่ในต้มยำ / ต้มข่า แล้วก็ซอยเป็นเส้น ๆ แบบนี้ โรยใส่ในกล้วยปิ้ง(ทับ) ราดน้ำเชื่อมหวานหอม โอย ฟินอย่าบอกใคร

สีสันของน้ำเชื่อมราดกล้วย ขึ้นอยู่กับชนิดของน้ำตาลปีบที่ใช้นะคะ เราใช้น้ำตาลมะพร้าวของบ้านแพร้ว/ดำเนินสะดวก ที่ออกสีเหลืองเข้ม เคี่ยวออกมาแล้วให้สีไปทางเหลืองโดยไม่ต้องใส่สีผสมอาหารลงไป

น้ำเชิ่มถ้าเคี่ยวในอุณหภูมิสูง เคี่ยวจนเดือดสุด ๆ ก็เก็บไว้ได้นานนับเดือน โดยใส่ในตู้เย็น ถ้าจะให้ดีก็ต้องเก็บไว้ใต้ช่องแช่แข็งเพื่อรักษาคุณภาพ

กล้วยปิ้ง(ทับ)มะพร้าวอ่อน อ๊อน อ่อนนนน

ของว่างไทย ๆ ที่ไม่เคยตกยุคสมัยอย่างกล้วยปิ้ง ยังจัดว่าเป็นของหากินง่าย ตราบใดที่คนไทยยังรับประทานกล้วยน้ำว้า เพราะเชื่อมั่นว่ากินแล้วมีประโยชน์ กล้วยปิ้ง(กล้วยทับราดน้ำเชื่อม/น้ำกะทิ) แบบนี้รับรองว่าไม่มีทางสูญหายไป ทำกินเองก็ง่ายมาก ๆ เลือกชนิดของกล้วยและสภาพของกล้วยได้ถูกใจเราด้วย ลองทำรับประทานกันนะคะ ทำเองแล้วกินขณะที่ยังร้อน ๆ ฟินมาก ได้อรรถรส

เพื่อน ๆ สนใจผลิตภัณฑ์กะทิอัมพวา กะทิคุณภาพดีจากแหล่งที่ดีที่สุดในเมืองไทย รวมถึงสาระน่ารู้และเมนูต่าง ๆ คลิกชมได้ที่แฟนเพจอัมพวาตามลิงค์ด้านล่างนี้นะคะ
อัมพวา - Ampawa
คิดถึงกันก็แวะเยี่ยมชมแฟนเพจแม่ครัวบี๊(บ่งบ๊ง) ช้อยชวนชิมได้ที่นี่นะคะ
BeebihSociety
|
Create Date : 14 พฤศจิกายน 2558 |
Last Update : 14 พฤศจิกายน 2558 19:47:44 น. |
|
7 comments
|
Counter : 61036 Pageviews. |
 |
|
|
โดย: นีโม่ตัวแสบ IP: 1.47.197.193 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2558 เวลา:21:15:09 น. |
|
|
|
โดย: นีโม่ตัวแสบ IP: 1.47.197.193 วันที่: 14 พฤศจิกายน 2558 เวลา:21:15:29 น. |
|
|
|
โดย: Japanese Maple IP: 192.99.14.36 วันที่: 16 พฤศจิกายน 2558 เวลา:5:05:18 น. |
|
|
|
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 16 พฤศจิกายน 2558 เวลา:18:15:06 น. |
|
|
|
โดย: Secreate IP: 58.10.233.247 วันที่: 27 พฤศจิกายน 2558 เวลา:9:39:25 น. |
|
|
|
โดย: nuch9981 วันที่: 5 พฤษภาคม 2559 เวลา:18:49:49 น. |
|
|
|
|
|
|
|