Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2553
 123
45678910
11121314151617
18192021222324
25262728293031
 
6 กรกฏาคม 2553
 
All Blogs
 

13 วิธี เข้าให้ถึงโลกวัยรุ่น



" ตอน 10 ขวบ,11 ขวบ ก็ยังไม่เท่าไร
พอเริ่มเป็นวัยรุ่นเท่านั้นแหละ ไหงเจ้าตัวดีเปลี่ยนไป จนแทบจะเป็นคนละคน "
เป็นเสียงบ่นระคนอัศจรรย์ใจจากแม่คนหนึ่ง

" เด็กน่ารักและว่าง่ายที่ฉันเคยรู้จักหายไปไหนน้อ…" นี่ก็เจอปัญหาเดียวกัน

ไม่แปลกเลยที่พ่อแม่ของวัยรุ่น จะเจออาการประเภทกระแทกประตูห้องนอนดังปัง!
ถามคำตอบคำ แววตาว่างเปล่าและถอนหายใจหนักๆ ตลอดเวลาที่พ่อแม่คุยด้วย
นี่หมายความว่า คุณได้กลายเป็นบุคคลที่สุดแสนจะน่ารำคาญในสายตาลูกไปแล้ว
และลูกไม่ต้องการคุณอีกต่อไปแล้ว…งั้นหรือ ?

มิได้ครับ เพราะนักจิตวิทยาต่างยืนยันเป็นเสียงเดียวกันว่า วัยรุ่นยังคงต้องการพ่อแม่อยู่
แต่เป็นในรูปแบบของเขาเอง ซึ่งจะไม่มากเท่าตอนที่เขาเป็นเด็ก
พ้องกับการสำรวจความเห็นของวัยรุ่นที่ส่วนใหญ่ยังคงเห็นว่า พ่อแม่คือเพื่อนที่ดีที่สุด (ดีใจได้)

เพียงแต่…คุณต้องปรับเปลี่ยนท่าทีเสียใหม่ เพื่อเข้าให้ถึงโลกที่พวกเขาอยู่
อะไรที่เคยใช้ได้ผล อาจถึงเวลาเก็บใส่กรุได้แล้ว


1. จงฟัง…ฟัง…และฟัง
เป็นเคล็ดลับสำคัญข้อแรกที่พ่อแม่ต้องท่องให้ขึ้นใจ การฟังจะทำให้คุณเข้าใจโลกของวัยรุ่น
เข้าใจ ความคิด ความฝัน ความรู้สึก ตลอดจน ความหวาดกลัวของพวกเขา

รู้ไหมครับว่าวัยรุ่นปรารถนาพ่อแม่ซึ่งเป็นผู้ฟังที่ดีอย่างที่สุด
และสิ่งที่เขาเกลียดที่สุดก็คือ การถูกค่อนขอด สั่งสอน ตัดสิน ซักไซ้ไล่เรียง และวิพากษ์วิจารณ์ในทางลบ
โดยที่พ่อแม่ส่วนใหญ่ ก็มักเป็นอย่างนี้แหละ (อย่าปฏิเสธน่า…)

ในวันหนึ่งๆ คุณควรมีเวลาพูดคุยกับลูก (ขอย้ำว่าคุณเป็นฝ่ายฟัง) แม้ว่าจะเพียงไม่กี่นาทีก็ตาม
และอย่างน้อยในหนึ่งอาทิตย์ควรมีเวลาได้รับฟังลูกยาวๆ สักครั้ง โดยที่ไม่มีเสียงทีวีและโทรศัพท์รบกวน
นี่เป็นโอกาสที่ดีคุณจะได้รู้จักลูก ซึ่งกำลังก้าวสู่บันไดอีกขั้นของชีวิต


2. เลี่ยงคำว่า ไม่
เมื่อลูกมาขออนุญาตทำในสิ่งที่พ่อแม่ไม่มั่นใจนัก เช่น ไปต่างจังหวัด ควรใช้คำพูดว่า
" แม่ (พ่อ) ขอเวลาคิดก่อนนะ " หรือ " แม่ (พ่อ) ต้องหาข้อมูลก่อนตัดสินใจมากกว่านี้อีกสักหน่อย "
และระหว่างนั้นจงใช้เวลาคิดใคร่ครวญหรือหาข้อมูล ดีไม่ดีลูกอาจหมดความสนใจ กับกิจกรรมนั้นไปแล้วก็ได้
คุณจะพบว่าตัวเองพูดคำว่า "ไม่" น้อยลงเป็นอย่างมาก
และที่สุดแล้ว ถ้าหัวเด็ดตีนขาด คุณจะไม่ยอมให้ลูกทำในสิ่งที่ขอลองอธิบายด้วยคำพูดแบบนี้ดู
" ไม่ใช่ว่าพ่อแม่ไม่เชื่อมั่นในตัวลูกนะจ๊ะ แต่ไม่เชื่อมั่นในสถานการณ์ที่ลูกจะไปเจอต่างหาก "


3. ใช้เวลาในรถอย่างมีค่า
ผู้เชี่ยวชาญส่วนใหญ่เห็นพ้องกันว่า ในรถเป็นสถานที่ที่เยี่ยมยอดสำหรับพูดคุยกับวัยรุ่น
เพราะไม่ต้องสบตากันมาก ระหว่างทางไปโรงเรียน กลับบ้าน หรือไปทำกิจกรรมใดๆ
(ยิ่งในระหว่างที่รถติดตอนช่วงระหว่างไปส่งลูกด้วยแล้ว ยิ่งเป็นโอกาสเหมาะทีเดียว)
ลองเปิดประเด็นคุยกับลูกถึงเรื่องต่างๆ (อย่างเป็นธรรมชาติ)


4. สร้างความตื่นเต้นให้กับชีวิต
วัยรุ่นมีพลังงานอย่างล้นเหลือที่จะทำสิ่งต่างๆ และชอบเสี่ยง
ถ้าอยากต่อกับลูกให้ติด คุณก็ต้องสร้างความตื่นเต้นบ้างเป็นบางครั้ง
เช่น ไปเดินป่า ไปเที่ยวชายทะเล หรือสวนสนุกที่วัยรุ่นชอบไปกัน
วิธีแบบนี้จะทำให้พวกเขาอยากใกล้ชิดกับคุณมากขึ้น และทำให้คุณได้ดูแลเขาได้อีกทางหนึ่ง


5. วิธีแบบละมุนละไม
อาจมีบางครั้งที่ลูกกลับบ้านผิดเวลา หรือดึกจนทำให้คุณเป็นห่วง
อย่าใช้คำพูดว่า "ไปไหนมา" หรือ "ลูกกลับช้าไป 5 นาที" หรือบ่นกระปอดกระแปด
เพราะผลที่ตามมาก็คือ เขาจะหนีไปในห้องนอน ทางที่ดี คุณควรแสดงออกถึงความห่วงใยอย่างละมุนละไม
อาจหานมอุ่นๆ ให้เขาสักแก้วและเดินไปส่งที่ห้องนอน


6. ชวนลูกดูหนัง
เลือกหนังครอบครัวดีๆ สักเรื่อง และไปดูด้วยกัน เมื่อดูจบชวนเขาพูดคุยและวิพากวิจารณ์เรื่องราวในนั้น
อาจเป็นประเด็นเกี่ยวกับความสัมพันธ์ การหย่าร้าง ความสูญเสีย จะทำให้คุณรู้จักมุมมองของลูกดียิ่งขึ้น




7. ใช้ดนตรีเป็นสื่อ
วัยรุ่นส่วนใหญ่รักเสียงเพลง ลองนั่งฟังและดูรายการเพลงกับลูก
อาจได้พบว่าคุณและลูกต่างชื่นชอบเพลงเพลงเดียวกัน
ลูกอาจชอบบางเพลงของสุนทราภรณ์ และคุณอาจชอบบางเพลงของนักร้องเพลงวัยรุ่นในยุคปัจจุบันก็เป็นได้
ดนตรีจะเป็นสื่อที่เชื่อมคุณกับลูกได้ดีทางหนึ่ง


8. เข้าไปในโลกของวัยรุ่น
ลองไปเดินช้อปปิ้งกับลูก คุณจะได้เห็นว่าโลกของวัยรุ่นไปถึงไหนกันแล้ว
อ้อ…อย่าสับสนล่ะ พ่อแม่ไปช้อปปิ้งกับลูก กับลูกไปช้อปปิ้งกับพ่อแม่นี่ต่างกันลิบลับเลย
ไม่ก็ลองไปดูคอนเสิร์ตกับเขาบ้าง หรือถามถึงอะไรที่กำลังฮอตฮิตในหมู่วัยรุ่น
เช่น เทคนิคการเล่นสเกตบอร์ด หรือสูตรเกมที่ลูกชอบเล่น แต่คุณต้องทำอย่างจริงใจ และเปิดใจอย่างแท้จริง


9. เตรียมตัวและเตรียมใจไว้ให้พร้อม
วัยรุ่นอาจมีเรื่องให้คุณช็อกได้ตลอดเวลา
นั่งทำงานอยู่ดีๆ อาจมีโทรศัพท์ด่วนมาถึงคุณ นั่นแปลว่าถึงเวลาแล้วที่คุณต้องเป็นที่พึ่งให้กับเขา


10. ทำกิจกรรมด้วยกันเสมอๆ
ไม่ว่าจะเป็นเล็กๆ น้อยๆ อย่างจ๊อกกิ๊ง ปั่นจักรยาน จัดชั้นหนังสือ ทำอาหาร ก็มีค่าทั้งนั้น
จำไว้ว่า บางครั้งเวลาที่ดีที่สุดก็เกิดขึ้นโดยใช้เวลาเพียงเล็กน้อย และไม่ได้ตั้งใจ


11. ทำให้เขารู้สึกว่า เขาคือส่วนหนึ่งในชีวิตคุณ
คุยกับเขาถึงงาน แผนการใช้ชีวิต และเรื่องของคุณให้เขาฟังบ้าง
แทนที่จะเอาแต่เรื่องของเขามาเป็นประเด็นอย่างเดียว เป็นการเปิดโอกาสให้เขารู้จักคุณในมุมที่หลากหลาย
ที่สำคัญอย่าลืมบอกเขาด้วยว่าถ้าต้องการคุณ เขาจะตามตัวคุณได้ยังไง


12. แสดงออกซึ่งความรัก
อาจจะโอบกอดขณะที่อยู่กันสองต่อสอง (อย่าทำต่อหน้าคนเยอะๆ เชียว)
บอกรักเขาในโอกาสพิเศษ หรือเอาผลงานของเขามาติดโชว์ไว้ในบ้าน
และเป็นเรื่องธรรมดาที่คุณกับลูก จะมีเรื่องไม่ลงรอยกันและมีปากเสียงกัน
ถ้าคุณรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิด ไม่แปลกหรอกที่จะเอ่ยปากขอโทษลูกก่อน
หรือไม่ก็เขียนโน้ตน่ารักๆ สักแผ่นวางไว้บนเตียงเขา


13. รู้จักถอย
ควรรู้ว่าเมื่อไรลูกต้องการคุณ และเมื่อไรที่ไม่ กับบางเรื่องของวัยรุ่น คุณควรถอยห่างออกมาสักก้าวสองก้าว
ไม่ควรเข้าไปเจ้ากี้เจ้าการกับเรื่องส่วนตัวของเขามากเกินไปนัก
ที่สำคัญคือ คุณต้องเข้าใจว่าเด็กแต่ละคนนั้นแตกต่างกัน และคุณนั่นแหละที่ต้องเป็นคนหา
และเลือกใช้วิธีการให้เหมาะสม เพื่อให้ลูกยอมแง้มบานประตูรับคุณเข้าสู่โลกของเขา


โดย ไทยกก
ข้อมูลจาก : life & family ปีที่ 5 ฉบับที่ 55
ที่มา : //www.elib-online.com


สารบัญแม่และเด็ก




 

Create Date : 06 กรกฎาคม 2553
1 comments
Last Update : 6 กรกฎาคม 2553 20:34:01 น.
Counter : 1062 Pageviews.

 

เป็นบทความที่เปรียบเสมือน"ดาบสองคม"
ถ้าครอบครัวหนึ่ง ลูกเข้ามาอ่าน แต่พ่อแม่ไม่ได้อ่าน อะไรจะเกิดขึ้นทางความคิดของเด็กวัยรุ่น ทำไมพ่อแมู่เป็นอย่างนี้ ทำไมเหมือนพ่อแมู่เลยวะ ทำไมพ่อแม่ไม่เข้าใจ ูเลยวะ
มันจะเกิดการบานปลายทางและต่อยอดทางความคิดความคิดไปในทางเข้าข้างตัวเองมากขึ้น มากขึ้น จนอาจเกิดตวามแตกแยก เกิดช่องว่างมากขึ้น โดยที่พ่อแม่ไม่รู้สาเหตุที่แท้จริงไม่รู้ว่าลูกดูห่างเหิน ดูแปลกแยกออกไปทุกทีๆ เพียงเพราะไม่ได้อ่านบทความของคุณ"ไทยกก" เหมือนที่ลูกอ่าน
ถ้าในบทความสอดแทรกความคิด ศีลธรรม ความมีน้ำใจต่อคนรอบข้างในสังคมสอนแนวทางการอยู่ร่วมกับครอบครัวอย่างอบอุ่นมีความสุขให้กับวัยรุ่นบ้าง "ย้ำว่าสอดแทรกนะ" เหตุผลคือวัยรุ่นเข้ามาอ่านมากกว่าพ่อแม่แน่นอน
เป็นแค่หนึ่งความคิดนะครับไม่ได้ต่อว่าต่อขานอะไร

 

โดย: ณัฐพล IP: 171.6.18.215 13 กันยายน 2556 10:07:59 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 200 คน [?]




Friends' blogs
[Add ทุกคนไม่ได้รู้ทุกสิ่ง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.